xs
xsm
sm
md
lg

ในรอยรัก ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ในรอยรัก
ตอนที่ 6
กุเทพเร่งเท้าตามมธุรินที่ก้าวฉับๆ ไปที่รถด้วยความโกรธ
“คุณเดียร์! ฟังผมก่อนได้มั้ย! คุณไปบ้านเค้าตอนนี้ก็ไม่ได้เรื่องอะไร มัสเค้าไม่กลับเข้าบ้านหรอก”
มธุรินหันขวับมาหากุเทพด้วยสีหน้าแววตาเกรี้ยวกราด
“แล้วไงคะ คุณกุเทพก็เห็นอยู่ว่าเดียร์ถูกตบ จะให้เดียร์อยู่เฉยงั้นเหรอ”
“ก็ไม่ใช่อย่างนั้น เอาอย่างนี้นะฮะ ใจเย็นๆ กันก่อน แล้วผมจะคุยกับมัสลินให้เค้ามาขอโทษคุณ”
“คนอย่างมัสลินน่ะเหรอคะจะขอโทษเดียร์ ไม่มีทางหรอกค่ะ เดียร์นี่แหละจะจัดการมัสลินเอง”
“แต่ผมไม่ปล่อยให้คุณทำอะไรแบบนั้น”
มธุรินไม่สน ก้าวฉับๆ ไปที่รถตัวเอง กุเทพก้าวตามแล้วดึงแขนมธุรินไว้ ระหว่างนั้นมีรถแล่นผ่านไปมา มีคันหนึ่งเข้าจอดในซองที่ว่างอยู่ซึ่งก็คือรถของพินสุดา มธุรินพยายามสะบัดแขนออกจากมือกุเทพ
“อย่ายุ่งกับเดียร์เลยค่ะ”
มธุรินสะบัดหลุดจนได้ กุเทพเข้ารวบตัวมธุรินไว้
“คุณตั้งสติหน่อยได้มั้ย”

พิณสุดาเปิดประตูออกจากรถ แล้วก้มหยิบถุงของฝากที่เบาะท้าย
“ฮิๆ แกจะต้องชอบของฝากจากฉันยัยเดียร์”
พิณสุดาล็อกรถ จะเดินไปแล้วหันไปเห็นกุเทพกับมธุริน ภาพที่เห็นคือกุเทพกับมธุรินกำลังยื้อยุดกัน
พิณสุดามีสีหน้างงงัน ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง มธุรินยิ่งดิ้น กุเทพก็ยิ่งรัดแน่น
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณจะเป็นอย่างนี้ไปได้นะครับคุณเดียร์ ผมต้องบังคับคุณแล้วละ”
กุเทพใช้แรงพามธุรินขึ้นรถฝั่งคนนั่งด้านหน้า พิณสุดามองด้วยความโกรธแค้น ปากคอสั่น เขวี้ยงถุงของลงกับพื้น แล้วก้าวฉับๆ ไปที่กุเทพ แต่ทันใดนั้นเอง กุเทพก็ออกรถไปกับมธุรินอย่างรวดเร็ว ไม่เห็นเธอ พินสุดาตะโกนลั่น
“หยุดนะกุ! กุ! ฉันบอกให้หยุด!”

ทางด้านมัสลินเมื่อออกจากร้านเครื่องประดับของกุเทพ ก็กดโทรศัพท์หาคิมและนัดเจอที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
คิมกระหืดกระหอบเข้ามาในร้าน มองหามัสลิน มัสลินนั่งหน้าเครียดอยู่ตามลำพัง คิมเดินตรงเข้ามาหา มัสลินเงยหน้ามองคิม ยิ้มเซียว
“มัสทำร้ายมธุริน มัสเป็นคนไม่ดีอีกแล้วใช่มั้ย”
มัสลินถามคิมหลังจากเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง
“ถามผมไม่ได้หรอก เพราะยังไงผมก็เข้าข้างคุณ แล้วถ้าใครมาทำแม่ผมอย่างนั้น ใครหน้าไหนผมก็ไม่เว้นทั้งนั้นละ” มัสลินหน้าเครียดหนัก เมื่อนึกถึงจิรดา
“อย่าเครียด คุณไปทำงานให้สบายใจเถอะ ทางนี้ผมดูแลเอง ให้เบอร์ผมกับที่บ้านคุณไว้ ถ้ามีอะไรโทรตามผมได้ทันที”
“ขอบคุณที่คอยอยู่ใกล้ๆ มัสเสมอนะคะคิม”
“ไม่เป็นไร ...อันที่จริงที่มานี่ก็มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับคุณ”
มัสลินรอฟังอย่างสนใจ

เวลาต่อมาคิมเลี้ยวรถเข้ามาจอดหน้าร้านเสื้อเกวลิน และลงมาพร้อมมัสลิน
“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ”
“อย่าลืมเรื่องที่คุยกัน” คิมย้ำ มัสลินมีสีหน้ากังวลขึ้นมา พยักหน้าอย่างหนักใจ
“ไม่รู้พี่เก๋จะเชื่อมัสรึเปล่านะคะ”
“เชื่อไม่เชื่อไม่รู้ แต่ต้องให้คุณเก๋อยู่ห่างนายศิธามากที่สุด นายโก้เป็นคนน่ากลัวอย่างที่เราๆ คิดไม่ถึง”
“อะไรจะขนาดนั้นคะ ได้ยินอย่างนี้แล้วมัสใจไม่ดีเลย เฮ้อ...พี่เก๋นะพี่เก๋จะมีแฟนกับเค้าทั้งทีก็ดันไปได้เกย์”
ลูกน้องเกวลินออกมาทักทายมัสลิน “มาแล้วเหรอคะคุณมัส”
“มัสสายเหรอคะ”
“เปล่าค่ะไม่สาย แต่ว่าคุณเก๋ออกไปแล้วน่ะค่ะ”
“ออกไปแล้ว?”
“คืองี้ค่ะ พอดีที่หัวหินมีปัญหานิดหน่อยน่ะค่ะ คุณเก๋เลยรีบออกไป พยายามโทรหาคุณมัสแล้วก็ติดต่อไม่ได้เลย คุณเก๋เธอเลยให้ตุ้มจัดรถให้คุณมัสตามไปน่ะค่ะ”
มัสลินงงพูดไม่ออก คิมจึงพูดแทรกขึ้น
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวคุณมัสลินไปกับผมก็ได้”
มัสลินมองหน้าคิม งงยิ่งขึ้นไปอีก

ส่วนกุเทพหลังจากขับรถออกมาโดยมีมธุรินนั่งคู่มาด้วย ทั้งสองคนยังคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
“คุณกุเทพพูดอย่างนี้หมายความว่าคุณพ่อคุณแม่เดียร์อาจจะไปทำร้ายแม่ของมัสลินอย่างนั้นเหรอคะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมก็แค่พยายามปะติดปะต่อเรื่องราว”
“คุณแม่เดียร์ท่านไม่ใช่คนอย่างนั้น อีกอย่างคุณแม่ก็ทราบเรื่องคุณพ่อกับแม่ของมัสลินมาตั้งนานแล้ว คงไม่เพิ่งจะลุกขึ้นมาทำร้ายเค้าหรอก” กุเทพเหลือบตามองมธุรินแล้วถามขึ้นมา
“แล้วคุณพ่อคุณล่ะ” มธุรินนิ่งไป กุเทพทอดถอนใจ “มัสคงเจอเรื่องหนักมาก ผมคบเค้ามานาน เค้าไม่ใช่คนอันธพาล” มธุรินเผลอค้อนกุเทพ
“ส่งเดียร์ข้างหน้านี้แหละค่ะ”
มธุรินบอกเมื่อรถแล่นมาถึงคอนโดหรูที่อยู่ติดริมถนน กุเทพมองคอนโดนั้นอย่างคุ้นเคย
“ไปหากิ๊บตอนนี้ เดี๋ยวก็ได้ยุส่งให้ทำอะไรแย่ๆ”
“หรือจะให้เดียร์ไปหามัสลินล่ะคะ...คุณกุเทพเอารถเดียร์ไปได้เลยค่ะ เดี๋ยวเดียร์ให้คนรถมารับได้”
กุเทพเงียบ แบบไม่เห็นด้วยอยู่ดี “เดียร์จะไม่คุยอะไรให้ยัยกิ๊บฟัง โอเคมั้ยคะ เดียร์แค่อยากพัก ก็แค่นั้น จริง ๆค่ะ”
กุเทพทอดถอนใจ มองมธุรินอย่างเป็นห่วงแต่ก็ยอมจอดรถส่งเธอที่คอนโด

ที่โรงแรมใหญ่ ริมทะเลหัวหิน กานนดูเอกสารแล้วส่งให้ลูกน้องซึ่งนั่งอยู่ด้วยกัน
“คุณส่งต่อให้ทางกรุงเทพฯได้เลย แล้วให้เค้าคอมเมนท์กลับมาก่อนประชุม” ลูกน้องรับและจดตาม “ได้คำตอบแล้วเอาไปให้ผมดูอีกที” ลูกน้องค้อมหัวรับ
กานนลุกไปสวนเข้ากับเกวลินที่เดินเม้งลูกน้องที่หอบหิ้วเสื้อผ้าเดินตามหลังมา
“ทำงานอย่างนี้มันใช้ได้ที่ไหน ดีนะที่เป็นหัวหินไม่ใช่เชียงใหม่รึภูเก็ต พี่ตามแก้ปัญหาให้พวกเราแบบนี้ไม่ได้ทุกครั้งหรอกนะ”
ลูกน้องหน้าจ๋อยสนิท ไม่แก้ตัวใดๆ...กานนเดินสวนเกวลินไป มองหน้าเกวลินอย่างจำได้ดี แต่เกวลินไม่ได้สนใจกานน
“คุณเกวลินใช่มั้ยครับ” เกวลินเหลียวกลับมา พอเห็นว่าเป็นกานนก็ยิ้มประหลาดใจ
“อ้าว...”
“ผมกานนครับ เราเคยเจอกันตอน...”
“จำได้ค่ะจำได้ ขอโทษทีที่มองไม่เห็นค่ะ พอดีเก๋กำลังวุ่นๆ กับลูกน้องน่ะค่ะ”
ลูกน้องค้อมหัวให้กานน แล้วเดินเลี่ยงไปทางหนึ่ง กานนมองลูกน้องแล้วแว่บนึกถึงมัสลินโดยอัตโนมัติ
“คุณเก๋มาทำงานเหรอครับ”
เกวลินอมยิ้มกับคำถามมีนัยของกานน “ค่ะ คืนนี้มีงานแฟชั่นโชว์ที่นี่”
กานนพยักหน้ารับฟังอย่างสนใจ “งั้นเหรอฮะ”
“คุณกานนมาทำงานเหมือนกันใช่มั้ยคะ แต่งตัวอย่างนี้ดูท่าทางคงจะไม่ได้มาเที่ยว”
เกวลินถามยิ้มๆ
“ครับ ผมมีประชุมที่นี่ แต่อีกเดี๋ยวก็จะย้ายไปที่ไซด์งาน”
“ว้าน่าเสียดายจัง นี่มัสลินก็มาเดินแบบงานนี้ด้วยนะคะ”
แววตาของกานนเป็นประกายขึ้นมาทันที แต่ก็เกลื่อนไว้ “อ้อ...เหรอฮะ”
เกวลินอมยิ้ม รู้ดีว่ากานนแอบสนใจมัสลิน

ระหว่างนั้นมัสลินกำลังเดินทางมาหัวหินกับคิม
“คิดซะว่ามาเที่ยวก็แล้วกันนะคะ ไม่รู้จะพูดยังไงดี เกรงใจคุณจังเลย”
มัสลินบอกกับคิมอย่างเกรงใจ
“ไม่รู้จะพูดอะไรก็เงียบซะสิครับ”
“เอ๊ะ...คุณนี่”
“อ้าว ก็คุณอยากพูดว่าไม่รู้จะพูดยังไงดี ฮ่ะๆๆ”
“เค้าเรียกว่าออกตัวค่ะ ออกตัวน่ะเข้าใจมั้ย”
“กับผมน่ะไม่ต้องหรอกครับ ตรงไปตรงมา ว่ากันง่ายๆ จะว่าไปการที่ผมได้ขับรถมาส่งคุณนี่ก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้ช่วยคุณดูแลคุณเก๋อีกทางนึงไง”
“ทำไมคุณถึงมั่นใจนักว่านายโก้จะตามมาเอาเรื่องพี่เก๋”
“ก็เพราะคบกับนายศิธามานาน แล้วก็เห็นฤทธิ์เดชของนายคุณโก้คนนี้มาก่อนน่ะสิครับ”
“เฮ้อยิ่งฟังยิ่งรู้สึกแย่ ตลอดเวลามัสมีแต่เอาเรื่องตัวเองไปปรึกษาพี่เก๋ ไม่เคยรู้เลยว่าพี่เก๋กำลังเจอเรื่องแบบนี้” มัสลินบ่นตัวเองด้วยสีหน้าว้าวุ่นใจ

ส่วนศิธาเมื่อเดินทางมาถึงหัวหิน ศิธาก้าวเข้ามาในโรงแรมแล้วกวาดสายตามองหาเกวลินที่ล็อบบี้ก่อนจะกดโทรศัพท์มือถืออย่างเซ็งๆ
“ไหนบอกว่าคอยผมอยู่ที่ล็อบบี้ไง เนี่ยอยู่ล็อบบี้ ไม่เห็นมีใครเลย”
เกวลินคุยโทรศัพท์มือถือเข้ามาทางข้างหลังศิธา เอานิ้วจิ้มหลังศิธา ศิธาสะดุ้งเฮือก หันเจอเกวลินที่หัวเราะขำ “จ๊ะเอ๋”
“เล่นอะไรของคุณ”
“ล้อเล่นแค่นี้ทำไมต้องหงุดหงิดด้วย โอ๋ๆ ขวัญเอ๊ยขวัญมานะ” เกวลินจุ๊บแก้มศิธา ศิธาเลิ่กลั่ก รีบเอามือยั้งๆ ร่างเกวลินออกห่างอย่างไม่ให้เกวลินรู้ตัว “ทำท่ายังกับกลัวใครมาเห็นเหรอคะ”
“เปล่านี่ พูดอะไรไร้สาระน่า ผมขับรถมาเหนื่อยๆ ขอไปนอนพักก่อนได้มั้ย”
ที่มุมหนึ่งพีระพลจ้องเขม็งที่เกวลินกับศิธาอยู่กับลูกน้อง ลูกน้องมองหน้าพีระพลเป็นเชิงรอคำสั่ง พีระพลสั่นหัว “เฉยไว้ก่อน”
เกวลินส่งคีย์การ์ดวางใส่มือศิธา
“แต่ต้องขึ้นไปคนเดียวก่อนนะ เก๋กำลังยุ่งเลย” ศิธายิ้มนิดๆ ให้เกวลิน แล้วทำท่าจะเดินไป แต่เกวลินรั้งตัวไว้ เอียงแก้มให้หอม “ลืมอะไรรึเปล่าคะ”
ศิธามีท่าทีอึกอักเล็กน้อย ก่อนจะเลี่ยงไปจับมือเกวลินมาจูบแหวนเพชรที่เกวลินสวมอยู่
“รักษาให้ดีนะครับ” เกวลินยิ้มหวาน ยกแหวนมาจูบบ้าง
“คืนนี้เราฉลองกันนะคะ”

ศิธาแยกไป เกวลินหมุนตัวเดินไปอีกทาง พีระพลก้าวออกมายืนจังก้า ดักรอเกวลินที่เดินตรงมา
เกวลินกดโทรศัพท์มือถือไปพลางเดินไปด้วย เมื่อเอาแนบหู รอปลายทางรับสายก็สะดุดเท้ากึก เพราะพีระพลยืนขวางอยู่ข้างหน้า เกวลินเงยหน้าขึ้นมองทะลุแว่นดำที่พีระพลสวมอยู่ งงๆ
“เรารู้จักกันรึเปล่าคะ”
พีระพลยังไม่ทันได้ตอบอะไร เกวลินค้อมหัว ยิ้มสุภาพให้พีระพล แล้วรีบเดินไปพลางยกโทรศัพท์มือถือที่กดค้างอยู่ขึ้นพูด
“เอ้อ...พี่เก๋เองจ้ะ พี่จะโทรมาเตือนเรื่องธีมงานนิดนึง มีเปลี่ยนนะ...”
พีระพลเหลียวมองตามเกวลินไป เม้มปากข่มอารมณ์เต็มที่

ที่กรุงเทพฯ มธุรินมาหาพิณสุดาที่คอนโด แต่เธอก็ต้องประหลาดใจกับท่าทีนิ่งๆ ของพิณสุดา
“นี่แกเฉยๆ งั้นเหรอ”
“ฮื่อ มัสลินเป็นลูกของแฟนเก่าแม่แก แล้วมันน่าสนใจตรงไหนล่ะ นอกซะจากว่าแม่ของยัยนั่น ก็คือแม่แก!”
มธุรินหัวเราะ “จะบ้าเหรอ แล้วยัยจิรดาล่ะ”
พิณสุดามองมธุรินหน่ายๆ “ก็ดี ...แกคิดได้แค่นั้นก็ดีแล้วละ”
“อะไรของแก นี่กิ๊บทำไมกลับมาเที่ยวนี้แกดูแปลกๆ หืม”
“เสียพนันเยอะมั้ง ฉันก็ขึ้นๆ ลงๆ ของฉันอย่างนี้แหละ แกยังไม่ชินอีกเหรอ” มธุรินพยักหน้าเออออ หยิบนิตยสารมาเปิดไปเรื่อยเปื่อย พิณสุดายังไม่ละสายตาจากมธุริน
“แล้ววันนี้แกไม่เข้าร้านเหรอ” มธุรินชะงักมือที่กรีดหนังสืออยู่อย่างมีพิรุธ นึกถึงที่รับปากกุเทพไว้ “มีอะไรเหรอ ฉันแค่ถามว่าวันนี้เข้าร้านรึเปล่า ทำไมทำหน้าอย่างนั้น” พิณสุดาทวงคำตอบ
“อ๋อ ฉันคิดเรื่องอื่นอยู่น่ะ วันนี้ฉันไม่ได้เข้าร้านหรอก”
พิณสุดาสูดหายใจลึก สะกดอารมณ์
เวลาผ่านไป...พิณสุดาออกมาส่งมธุรินที่หน้าห้อง
“วันนี้แกดูแปลกๆ ไป จริงๆ นะ”
“โดนรัศมีสาวเปรี้ยวของแกข่มมั้ง ชั้นชอบนะ ลุคแบบนี้ดูเหมาะกับแกดี”
“แกเคยบอกไม่ใช่เหรอว่าถ้าจะชนะใจกานน ฉันควรลุกมาเปลี่ยนตัวเองบ้าง”
“ก็ขอให้เชื่อฉันให้ตลอดนะ”
“โฮ้ยไม่เอาแล้ว เหมือนคุยกับผีดิบ พรุ่งนี้ขอให้หายนะยะ ไปละ” พิณสุดายิ้มให้มธุริน
มธุรินกลับไปแล้ว พิณสุดาปิดประตูแล้วหันหลังพิงประตู ด้วยสีหน้าเคียดแค้น
“นังเพื่อนทรยศ คนหน้าด้านอย่างแกมันต้องลงนรกไปพร้อมกับนังมัสลิน”

เมื่อเดินทางมาถึงหัวหินคิมกับมัสลินตรงมาที่ทางเข้าล็อบบี้ด้วยกัน ทันใดนั้นเอง ประตูล็อบบี้ถูกเปิดออก พีระพลกับลูกน้อง 2 คน ก้าวออกมา
“พวกแกจะไปทำอะไรก็ไป กลับมาให้ตรงเวลา”
ลูกน้องค้อมหัวรับ คิมสวนเข้ามาทักพีระพล “อ้าว...คุณโก้”
มัสลินซุ่มหลบอยู่มุมหนึ่ง หลังจากที่ตกลงกับคิมว่าต้องแยกกัน มัสลินลอบมองพีระพล สีหน้าหวาดๆ “หน้าตาเอาเรื่องชะมัด”
“คุณคิมมาทำอะไรที่นี่เหรอฮะ บังเอิญจริง ๆ เลย”
พีระพลทักคิมด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
“มาธุระนิดหน่อยฮะ คุณโก้ล่ะ มาเที่ยวละซี ...ไหนล่ะศิธา?”
“โก้ไม่ได้มากับเค้าหรอกฮะ”
“อ้าว แล้ว...”
“ขอตัวนะฮะ พอดีโก้รีบ”
พีระผลรีบผละไป คิมมองตามอย่างไม่วางใจ มัสลินมองตามพีระพล แล้วรีบกลับไปหาคิม แต่ไม่เจอ
“อ้าว หายไปไหนแล้วล่ะอีตาคิม ตกลงว่าไงเลยไม่รู้เรื่องกัน”

ขณะนั้นเกวลินกำลังประชุมอยู่กับทีมงาน ที่ล็อบบี้ของโรงแรม
“เมคชัวร์ว่าไม่มีอะไรพลาดอีกนะ คราวนี้ต่อให้เทวดาก็เนรมิตของจากกรุงเทพฯให้พวกเธอไม่ได้แล้วนะ”
มัสลินเดินตรงเข้ามาเกวลิน เกวลินลุกขึ้นไปทักอย่างร้อนใจ
“มาแล้วเหรอมัส พี่ขอโทษจริงๆ นะ พอดีมันฉุกเฉินมากๆ พี่เลยต้องออกมาก่อน”
มัสลินจ้องหน้ามัสอย่างสังเกต จนเกวลินต้องเหลือบพิจารณาตัวเอง
“พี่เก๋โอเคใช่มั้ยคะ”
“ก็ต้องโอเคสิจ๊ะ มัสนั่นละ เป็นอะไร หน้าซีดเชียว”
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร พี่เก๋โอเคก็ดีแล้ว”
เกวลินยิ้มครึ้มเมื่อนึกถึงศิธา “ยิ่งกว่าโอเคเลยละจ้ะ”
ว่าพลางเกวลินชูแหวนเพชรที่นิ้วนางข้างซ้ายให้มัสลินดู “เค้าหมั้นพี่”
“ใครคะ นายศิ.. เอ้อคนที่พี่เก๋เคยบอกว่ามีปัญหากันน่ะเหรอคะ” เกวลินพยักหน้า
“มันก็ตามประสาคนอยู่ด้วยกันน่ะแหละ แต่ตอนนี้เค้ารักพี่มากจ้ะ คืนนี้พี่กับเค้าจะฉลองกันที่นี่”
“หมายความว่านายศิธาอยู่ที่นี่งั้นเหรอคะ”
“ฮื่อใช่... มัสนี่ความจำดีนะ พี่คิดว่าเราจะลืมชื่อศิธาไปซะแล้ว”
นักข่าว 2 คนเข้ามาหามัสลิน
“ขออนุญาตถ่ายรูปนิดนึงนะครับ”
มัสลินแทบจะไม่สนนักข่าว ยังคงหน้าอึ้งๆ เรื่องเกวลิน เกวลินสะกิดเรียกมัสลิน
“ถ่ายรูปก่อนเถอะ”
มัสลินยิ้มให้กล้อง แต่แววตาว้าวุ่น เป็นห่วงเกวลิน

มัสลินแยกจากเกวลินออกมาชายหาดและพยายามโทรศัพท์หาคิม
“หายไปไหนน้า คุณคิม นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วนะ รับซี่”
ผ้าพันคอของมัสลินปลิวไสวตามแรงลม มัสลินพยายามจับไว้ แต่แล้วก็หลุดปลิวไปทางหนึ่ง หญิงสาวหันตามผ้า แต่แล้วต้องอึ้งเมื่อเห็นกานนที่นั่งดื่มกาแฟอยู่ที่โต๊ะหนึ่ง มัสลินรีบหมุนตัวกลับ ทำหน้าอยากตาย
“คุณพระช่วย นี่ฉันฝันร้ายใช่มั้ยเนี่ย โธ่...ผืนนี้พ่อซื้อให้ซะด้วย ทำไงดีเนี่ย”
กานนยังคงนั่งนิ่ง ไม่เห็นผ้าพันคอที่ปลิวเรี่ยพื้นอยู่ใกล้ๆ มัสลินตัดใจ รีบเดินออกไป
“มัสขอโทษนะคะพ่อ”
กานนถอดแว่นดำ มองไปที่มัสลิน
มัสลินก้มหน้าก้มตาจ้ำเท้าผ่านพีระพลที่นั่งอยู่โต๊ะหนึ่งไปโดยไม่สังเกตเห็นพีระพล พีระพลเหลียวมองมัสลิน แล้วกดโทรศัพท์มือถือหาพิณสุดาในทันที
พิณสุดาคว้าโทรศัพท์มือถือมากดรับขณะนอนดูทีวีอย่างสุดเซ็ง
“โทรมาทำไมไอ้น้องบ้า บ้านช่องไม่รู้จักกลับมาบ้างเลยนะ ...นังมัสลินมันไปโผล่อะไรที่นั่น”
พิณสุดาลุกขึ้นนั่งทันทีทันใด
“ไปกับคุณกานนเนี่ยนะ”


มัสลินรอจนกานนลุกออกไปแล้ว จึงก้าวช้าๆ เข้ามาแล้วสอดส่ายสายตาไปทั่ว เมื่อแน่ใจว่ากานนไม่อยู่บริเวณนั้นแล้วก็รีบก้าวฉับไปตรงที่นั่งของกานน แล้วยิ้มดีใจเมื่อเห็นผ้าพันคอถูกวางทับไว้ด้วยก้อนหิน มัสลินตรงเข้าไปจะหยิบผ้านั้น แต่พลันมีมือหนึ่งมาคว้าผ้าไป มัสลินเงยหน้ามองตาม แล้วหน้าเสีย
“คุณ!” กานนถือผ้าพันคอไว้ ยิ้มให้มัสลิน
“ตกใจอะไรขนาดนั้น คุณรู้อยู่แล้วนี่ว่าผมนั่งอยู่ตรงนี้”
มัสลินตีหน้าเฉย “ขอผ้าพันคอฉันคืนค่ะ”
“ผมว่าจะเดินเล่นสักหน่อย ไปด้วยกันมั้ย”
มัสลินขมวดคิ้วมุ่น “ฉันบอกว่าขอผ้าฉันคืนไง”
กานนเดินลงทะเลไปหน้าตาเฉย “อยากได้ก็ตามมา”
มัสลินมองตามอย่างเดือดดาล “คุณทำอย่างนี้ไม่ได้นะ คุณกานน!”
กานนหันมายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ไม่อยากได้ก็ไม่เป็นไรนะ ผมเก็บไว้ใช้เองก็ได้”
กานนเก็บผ้าพันคอใส่กระเป๋ากางเกง เดินหนีหน้าตาเฉย มัสลินหน้าเหวอ
“นี่คุณจะบ้าเหรอ นั่นมันของๆ ฉันนะ” มัสลินว่าพลางก้าวตามฉุนๆ
คล้อยหลังมัสลินกับกานน พีระพลก้าวช้าๆ มาหยุดยืนดูมัสลินกับกานน ก่อนจะพยักหน้าเรียกนักข่าว 2 คนที่ตามมา

หลังจากส่งมธุรินที่คอนโดของพิณสุดา กุเทพก็กลับมาที่ร้านและนั่งเซ็นเอกสารให้ลูกน้องด้วยสีหน้าเซ็งๆ
“นี่คุณเดียร์ยังไม่ติดต่อเข้ามาอีกเหรอ ตกลงจะต้องเลื่อนงานเปิดใช่มั้ยเนี่ย เฮ้อ”
กุเทพบ่น ขณะนั้นพิณสุดาเดินเข้ามาในร้านด้วยสีหน้ากระหยิ่มเมื่อรู้จากพีระพลว่ามัสลินอยู่ที่หัวหินกับกานน กุเทพหันเจอพิณสุดา หน้าขรึมใส่ทันที
“คุณเดียร์ไม่อยู่หรอก คุณกลับไปซะ”
พิณสุดาตีหน้าเรียบนิ่ง ยิ้มน้อยๆ อย่างเป็นมิตร
“กิ๊บแค่อยากมาดูว่าเตรียมงานเปิดร้านไปถึงไหนกันแล้วน่ะค่ะ กุคงไม่ว่าอะไรนะคะ ...ไงพวกเรา เหนื่อยกันมั้ย”
พิณสุดาเดินเลยกุเทพไปทักทายลูกน้องอย่างคุ้นเคย กุเทพมองตามอย่างไม่ไว้ใจ
พิณสุดาตรวจดูเอกสารในแฟ้มแล้วส่งคืนให้กุเทพ
“ยัยเดียร์ฝากให้กิ๊บดูแทนน่ะค่ะ กุคงไม่ว่ากิ๊บละลาบละล้วงนะคะ เฮ้อ..พูดถึงยัยเดียร์แล้วกิ๊บก็ไม่สบายใจเลย วันนี้ยัยเดียร์ไปหากิ๊บที่คอนโดค่ะ”
“แล้วไง คุณยุให้คุณเดียร์เค้าทำอะไรประหลาดๆ อีกล่ะ เห็นสภาพเค้าตอนนี้มั้ย เปลี่ยนไปยังกับคนละคน”
“กุคะ กิ๊บเพิ่งกลับจากถือศีลนะคะ กิ๊บก็เห็นเท่าๆ ที่กุเห็นนั่นละค่ะ เจอหน้ายัยเดียร์กิ๊บยังงง กลายเป็นสาวเปรี้ยวซะอย่างนั้น”
“เดี๋ยวนะเดี๋ยวๆ คุณเนี่ยนะหายไปถือศีลมา ไม่ใช่ไปคาสิโนมาหรอกเหรอ”
“กิ๊บก็ไม่หวังจะให้ใครเชื่อหรอกนะคะ พักนี้คุณกับยัยเดียร์คงได้เจอกันบ่อย ยังไงก็ฝากดูแลเพื่อนกิ๊บด้วยนะคะ ...กิ๊บเป็นห่วงเค้าเรื่องอาปลิวน่ะค่ะ”
“อาปลิวทำไม”
“ถามยัยเดียร์เอาเองดีกว่าค่ะ กิ๊บไม่พูดดีกว่า”
พิณสุดายิ้มน้อยๆ เป็นเชิงลา แล้วเดินออกไป กุเทพมองตามอย่างไม่ไว้ใจ

ที่หัวหินขณะนั้นมัสลินเดินตามกานนต้อยๆ สายตาคอยจับจ้องที่ผ้าพันคอซึ่งแล่บออกจากกระเป๋ากางเกงกานน
“ทำไมต้องหลบหน้าผม”
“ฉันไม่เห็นคุณ”
“แน่ใจนะครับว่าไม่เห็น อืม..ถ้าโกหกก็ไม่ต้องได้ผ้าคืนละกัน”
“โอเคค่ะโอเค เห็นก็ได้ แต่ฉันแค่ไม่อยากเจอหน้าคุณ”
“ผมทำอะไรให้คุณ เราเป็นศัตรูกันตั้งแต่เมื่อไหร่ คุณถึงไม่อยากเจอหน้าผม”
“ฉันไม่มีหน้าที่ต้องตอบคำถามคุณ ขอของฉันคืนด้วย...”
มัสลินแบมือ กานนคว้ามือมัสลินดื้อๆ มัสลินหน้าเหวอ
“ทะเลที่นี่สวยดีนะ”
กานนจูงมือมัสลินโดยไม่รู้ว่ากำลังถูกนักข่าวแอบถ่ายรูป นักข่าวถ่ายรูปเสร็จก็รีบเดินหนีไป ...มัสลินสะบัดมือหลุดจากกานน
“คุณเอาเปรียบผู้หญิงอย่างนี้เสมอเหรอ”
“เอาเปรียบ? เอาเปรียบตรงไหน คุณเองก็เคยจับมือผม” มัสลินขมวดคิ้วมุ่น
“ก็ตอนที่เราลงเรือชมสวนที่ฉะเชิงเทราไง”
“คุณกานน ฉันไม่มีเวลาล้อเล่นกับคุณนะ ฉันมีงานต้องทำ แล้วผ้าพันคอนั่นก็สำคัญกับฉันมาก”
“แล้วคุณคิดว่าผมมีเวลาล้อเล่นกับคุณงั้นเหรอ มัสลิน... ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมไม่อยากรู้จักคุณเลย ถ้าผมรู้ว่าผมจะคิดถึงคุณตลอดเวลา” มัสลินนิ่งงัน
“ทุกครั้งที่ผมรู้ว่าจะได้เจอคุณตามลำพัง ผมถึงอยากยื้อเวลาให้มันยาวที่สุด” กานนหยิบผ้าพันคอจากกระเป๋ากางเกง มาบรรจงผูกคอให้มัสลิน “ผมไม่รู้ว่าจะมีโอกาสเจอคุณแบบนี้อีกเมื่อไหร่”
มัสลินสบตากานนเนิ่นนาน ครุ่นคิดถึงเรื่องวุ่นวายรอบตัว ตั้งแต่เรื่องมธุริน ไปจนถึงเรื่องกุเทพ
“คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วละค่ะ” กานนพยักหน้าเศร้าๆ “ขอบคุณที่คืนผ้าให้ฉันนะคะ”
มัสลินเดินจากกานนไป คิมยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดสีหน้าเจ็บปวด ก่อนจะรีบหมุนตัวเดินหนีไป มัสลินเห็นคิมจากข้างหลัง แต่ไม่มั่นใจนักว่าใช่หรือไม่
“คุณคิม?...”

มัสลินก้าวฉับตามหลังคิมซึ่งเดินนำหน้าอยู่ห่างออกไป “คุณคิม!”
คิมสะดุ้งเล็กน้อย รีบปรับสีหน้าเป็นปรกติ หันไปหามัสลิน
“อ้าว แม่คุณ หายไปไหนมาคร้าบ”
มัสลินกลายเป็นฝ่ายอึกอัก “เอ่อ...ก็..เดินอยู่แถวนี้ละค่ะ ..หาคุณนั่นแหละ!”
“แหม อะไรจะใจตรงกัน ผมก็กำลังตามหาคุณ”
“ตกลงเรื่องนายโก้เป็นยังไงคะ เค้าแค่มาเที่ยว ไม่ได้มาหาเรื่องพี่เก๋ใช่มั้ย”
“ท่าทางมันจะไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิครับ ผมเองก็ซักอะไรไม่ได้มาก เหมือนเค้าจะรู้ตัว”
“จะหาทางบอกพี่เก๋ยังไงดีล่ะคะ”
“แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน เสร็จงานแล้วคุณรีบพาคุณเก๋กลับกรุงเทพฯเลย”
“ใช่... ขืนบอกอะไรไปตอนนี้ พี่เก๋เองนั่นละค่ะ ที่จะเป็นฝ่ายไม่ยอมกลับกรุงเทพฯ คงอยู่เอาเรื่องนายศิธาจนเละไปข้าง”
คิมพยักหน้าเห็นด้วย สีหน้าหนักใจไม่แพ้มัสลิน

พิณสุดาขับรถมาออกจากร้านเครื่องประดับของกุเทพลางคุยโทรศัพท์มือถือกับพีระพลไปด้วย
“โอมายก้อด นังมัสลินนังแพศยามันกะจะเทครัวจริงๆ นะเนี่ย หึ...งานนี้ฉันไม่ต้องเปลืองแรงแล้วละ นังเดียร์เห็นรูปเข้าคงกระอัก แกรีบส่งมาเลยโก้น้องรัก”
พิณสุดากดวางสายจากพีระพล สีหน้ากระหยิ่มสะใจ
สักพักต่อมา ที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือของพิณสุดาบนเบาะรถ เห็นเป็นแสงวาบ มีสัญญาณข้อความส่งเข้า
ส่วนมธุรินเมื่อกลับมาบ้านเธอคุยโทรศัพท์กับกุเทพด้วยหน้าตาที่สดใสขึ้น
“เดียร์ถึงบ้านนานแล้วละค่ะ คุณกุเทพไม่เห็นต้องรีบเอารถมาคืนเดียร์เลย”
กุเทพขับรถด้วยสีหน้าสงสัยขณะคุยโทรศัพท์มือถือกับมธุริน
“โอเค... คุณเดียร์เสียงดีขึ้นแล้วผมก็สบายใจ แต่ยังไงผมก็ต้องเอารถไปคืนคุณ อีกเดี๋ยวผมคงถึงบ้านคุณแล้วละ”
กุเทพกดวางสายจากเดียร์แล้วยังนึกสงสัยถึงคำพูดของพิณสุดา ก่อนจะบ่นงึมงำกับตัวเอง
“ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่หว่า...”
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงสัญญาณข้อความเข้าดังจากโทรศัพท์มือถือของกุเทพ กุเทพหยิบขึ้นกดดู
“ใครส่งรูปอะไรมา”
กุเทพนิ่งงัน เมื่อเห็นภาพในมือถือ

ภาพเดียวกันนั้นถูกส่งไปที่มือถือของมธุรินด้วย มธุรินมองภาพที่ถูกส่งเข้ามาด้วยมือที่สั่นระริก
เพราะเป็นภาพมัสลินจูงมือกับกานนอยู่ริมทะเล...มธุรินหน้าซีดเผือด มองดูภาพในมือถือราวกับถูกมนตร์สะกด สาวใช้ยกแก้วน้ำแตงโมปั่น ประดับด้วยซีกแตงโมน่ากินเข้ามาให้มธุรินอย่างเอาใจ
“มาแล้วค่า น้ำแตงโมปั่นของคุณเดียร์ ...หนูช้อบชอบนะคะเวลาคุณเดียร์อารมณ์ดี แล้วก็แต่งตัวส้วยสวยแบบเนี้ยะค่ะ”
สาวใช้วางแก้วน้ำแตงโมปั่ลงที่โต๊ะ ทันใดนั้นเองมธุรินปัดแก้วน้ำแตงโมปั่นกระเด็นไปไกล แล้วกระแทกโทรศัพท์มือถือลงกับโต๊ะอย่างแรง
“ทำไมมันไม่จบไม่สิ้นเสียที!”
สาวใช้อ้าปากค้าง ตัวแข็งทื่อ

ส่วนที่หัวหิน มัสลินในชุดลำลอง แต่แต่งหน้าเข้มจัด ทำผมสวยกริบ ก้าวฉับๆ ออกจากห้องน้ำพลางล้วงโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงมากดรับ
“ค่าๆ ออกจากห้องน้ำแล้วค่ะ ไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
มัสลินก้าวฉับๆ ผ่านห้องน้ำชาย บ่นงึมงำ “ก็มันอั้นไม่อยู่จริงๆ นี่นา...”
ทันใดนั้นเองมัสลินรู้สึกได้ว่ามีคนเดินตามหลัง จึงหันไป พอเห็นว่าเป็นใครก็ประหลาดใจมาก ...
กานนเดินตามหลังมัสลิน มัสลินหยุดเท้า พูดกับกานนอย่างหัวเสีย
“นี่คุณว่างนักใช่มั้ยถึงได้คอยเดินตามฉัน”
กานนมองมัสลินนิ่งๆ ขณะนั้นกลุ่มนักธุรกิจต่างชาติออกจากห้องน้ำมาสมทบกับกานน กานนคุยภาษาอังกฤษกับกลุ่มนักธุรกิจโดยไม่สนใจมัสลิน มัสลินหน้าร้อนวูบด้วยความอาย ทีมงานแฟชั่นโชว์วิ่งเข้ามาหามัสลิน มัสลินรีบเผ่นไปพร้อมทีมงาน กานนเหลือบมองมัสลินหน่าย ๆ ปนขำ
กานนเดินคุยกับกลุ่มนักธุรกิจมาที่หน้าลิฟต์ พีระพลกับลูกน้องซึ่งคอยลิฟต์อยู่ก่อน มองกานนอย่างมีเลศนัย กานนมองพีระพลอย่างพิจารณาว่าอาจจะเป็นคนรู้จักพีระพลค้อมหัวให้กานน แล้วเดินเข้าประตูลิฟต์ ซึ่งเปิดออกพอดี กานนละความสนใจจากพีระพล ผายมือให้กลุ่มนักธุรกิจเข้าลิฟต์ไป

ที่กรุงเทพฯ กุเทพขับรถมาหามธุรินที่บ้าน พอมาถึงกุเทพก้าวตามหลังสาวใช้เข้ามาในบ้าน ในมือมีพวกกุญแจรถรูปตุ๊กตาหวานแหวว สาวใช้หันพูดกับกุเทพ สีหน้ายังดูเหวอๆ
“คุณเดียร์ให้เชิญข้างในค่ะ” กุเทพพยักหน้ารับและทำท่าจะนั่งลงที่โซฟา “ไม่ใช่ค่ะ ข้างในหมายถึง ที่ห้องนอนคุณเดียร์ค่ะ”
“หืม?!”
“คือ...ตั้งแต่เกิดเรื่อง...เอ่อ... คุณเดียร์เธอก็เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้องน่ะค่ะ เมื่อกี้หนูขึ้นไปเรียนว่าคุณมาหา เธอก็ไม่ยอมลงมา บอกว่าถ้าคุณอยากพบเธอก็ให้ขึ้นไป หรือไม่ก็เชิญคุณกลับไปก่อนน่ะค่ะ”
กุเทพเหลือบตาขึ้นข้างบน สีหน้าหนักใจ สาวใช้เอ่ยถามกุเทพอย่างเกรงๆ
“ไม่ทราบว่า... เอาไงดีคะ”

กุเทพดันประตูมธุรินเข้ามา มองตรงไปที่มธุรินซึ่งนอนตะแคงข้าง หันหน้าออกนอกหน้าต่าง
“ผมเอารถมาคืนคุณ” มธุรินตาบวมช้ำเพราะร้องไห้ ชันตัวลุกขึ้นนั่ง หันหากุเทพ
“ขอโทษที่ไม่ได้ลงไปเจอคุณข้างล่างนะคะ”
กุเทพตกใจกับสภาพของมธุริน “เพราะรูปมัสลินกับอาปลิวใช่มั้ย”
“ที่คุณดูร้อนรนตอนคุยโทรศัพท์ กลัวว่าเดียร์จะเป็นอะไรไป ก็เพราะเรื่องนี้ใช่มั้ยคะ”
มธุรินถามน้ำตาคลอ
“ผมพูดไปคุณก็อาจจะไม่เชื่อผม ผมเองก็ยังไม่รู้ว่ารูปนี่มันเป็นไงมายังไง เราอย่าเพิ่งสรุปกับสิ่งที่เห็นดีกว่ามั้ยฮะ”
“คุณกุเทพกำลังจะบอกเดียร์ว่าภาพมัสลินเดินจูงมือกับกานนที่ริมทะเลนี่ไม่มีอะไรงั้นสิคะ” กุเทพเถียงไม่ออก
“มัสลินจงใจจะประกาศตัวเป็นศัตรูกับเดียร์ เดียร์อยากรู้จริง ๆเลยว่าเดียร์ ครอบครัวเดียร์ไปทำอะไรให้บ้านเค้านักหนา เค้าถึงตามราวีพวกเดียร์ไม่จบไม่สิ้นแบบนี้ เดียร์เกลียดมัสลิน เกลียดๆๆ”
มธุรินร้องไห้ออกมาด้วยความชิงชัง
“จะให้ผมพูดยังไงคุณถึงจะเชื่อว่ามัสเค้าไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างที่คุณคิด คนที่ส่งรูปมาอาจจะไม่ใช่มัสก็ได้”
มธุรินคว้าโทรศัพท์มือถือมายื่นให้กุเทพ
“คนที่อยากให้เดียร์เจ็บปวดกับรูปทุเรศๆ แบบนี้ ก็มีแค่มัสลินคนเดียว เดียร์จะไม่อยู่เฉยเป็นฝ่ายถูกกระทำอีกต่อไปแล้ว”
มธุรินเขวี้ยงโทรศัพท์อย่างบ้าคลั่ง ร้องไห้โฮ
“ตั้งสติหน่อยสิครับคุณเดียร์”
“ทำไมคะคุณกุเทพ เดียร์ด้อยกว่ามัสลินตรงไหน ทำไมกานนเค้าถึง...”
มธุรินร้องไห้อย่างแสนเจ็บช้ำ กุเทพเข้าไปจับไหล่มธุรินไว้
“คุณเดียร์ครับ คุณใจเย็นๆ นะ” มธุรินซุกหน้าลงกับไหล่กุเทพ กุเทพมองมธุรินอย่างเห็นใจ
“คำพูดของผมมันคงไม่ช่วยให้คุณดีขึ้น งั้นก็ร้องเถอะครับ”
พิณสุดาเปิดประตูเข้ามา อ้าปากค้างกับภาพที่เห็น

กุเทพวางมือบนไหล่มธุรินเบาๆ อ่อนโยน
“ยังไงคุณก็ยังมีผมนะ ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณ”
พิณสุดาหลบอยู่หลังประตู สูดหายใจลึก ตีสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะส่งเสียงกระแอมและพูดขึ้น
“กิ๊บมาขัดจังหวะอะไรรึเปล่าคะ”
มธุรินผละจากกุเทพ หันมองพิณสุดา ปาดน้ำตา สีหน้าไม่มีพิรุธใดๆ
“อ้าวกิ๊บ ...เข้ามาสิ”
กุเทพกระเถิบออกห่างมธุริน มองพิณสุดาแบบไม่ไว้ใจ
“ไม่เป็นไร แกคุยกับกุไปก่อนเถอะ ดูเหมือนว่ายังคุยค้างกันอยู่นี่”
“พอดีตอนที่เดียร์ได้รับรูป กิ๊บเค้าโทรหาเดียร์พอดีน่ะค่ะ”
มธุรินหันไปบอกกุเทพ กุเทพจึงลุกขึ้น
“ไม่เป็นไรครับ ก็ดี... คุณก็ดูแลคุณเดียร์ด้วยละกัน เพื่อนคุณกำลังแย่ หวังว่าคงไม่ทำอะไรให้มันแย่ยิ่งกว่าเดิม...ผมกลับนะครับ”
กุเทพหันไปบอกมธุรินแล้วก้าวผ่านพินสุดา พินสุดาจับแขนกุเทพไว้
“กิ๊บเสียใจกับกุด้วยนะคะ”
“ผมมีอะไรให้คุณต้องเสียใจ”
“ก็เรื่องมัสลินกับอาปลิวไงคะ”
กุเทพแกะมือพิณสุดาออก ลดเสียงลงจนเกือบเป็นกระซิบ
“ไม่ต้องยุ่งเรื่องของผม เอาเวลาไปเสแสร้งทำดีให้คุณเดียร์เชื่อเหอะ”
กุเทพสะบัดมือพิณสุดาทิ้งแล้วก้าวออกไปอย่างหงุดหงิด มธุรินมองกุเทพกับพิณสุดาซื่อๆ
พิณสุดาหันมายิ้มอ่อนโยนให้มธุริน พลางตรงเข้าไปกอด
“เป็นไงมั่งเพื่อน”
กุเทพเหลียวกลับไปมองมธุรินอย่างนึกเป็นห่วง...

ขณะนั้นที่หัวหิน ศิธานอนหลับตา แช่อ่างอยู่ในห้องน้ำ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ศิธาลืมตา และส่งเสียงไป “ใช้การ์ดเปิดเข้ามาเองครับเก๋ ผมอาบน้ำอยู่”
ศิธาว่าแล้วก็หลับตาลง แต่เมื่อทุกอย่างอยู่ในความเงียบ จึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง
“เก๋? ...นั่นคุณรึเปล่า” ศิธาส่งเสียงถามด้วยความสงสัย แต่เงียบไม่มีเสียงตอบ
ศิธานุ่งผ้าเช็ดตัว มองตรงไปที่ประตูอย่างสงสัย เสียงเคาะประตูดังต่อเนื่อง “นั่นใคร”
เสียงพีระพลดังลอดเข้ามา “แล้วคิดว่าใครล่ะ”
ศิธาหน้าเสีย เปิดประตูแล้วตกใจ “โก้...”
พีระพลยืนอยู่กับลูกน้อง พีระพลก้าวเข้ามาในห้อง กวาดตามองไปทั่ว
“นัดเคลียร์เงินค่าหุ้นกันถึงในห้องเลยเหรอ”

ที่หน้าโรงแรมขณะนั้นลูกน้องเกวลินกำลังยืนส่งนางแบบหลังจากทำงานเสร็จแล้ว นางแบบแต่ละคนอยู่ในชุดลำลอง แต่หน้า-ผมยังเข้มอยู่ ทั้งหมดไหว้ลูกน้องเกวลินแล้วทยอยกันขึ้นรถตู้
“ขอบคุณมากนะคะ เดินทางปลอดภัยค่ะ”
มัสลินซึ่งยังแต่งหน้าเข้ม-ผมเซ็ท ก้าวฉับๆ มาหาลูกน้องเกวลินด้วยสีหน้าร้อนใจ
“พี่เก๋ล่ะคะ”
“ว้ายตายแล้วพี่ลืม น้องมัสฝากให้พี่บอกพี่เก๋ว่ามีธุระด่วนจะคุยด้วยใช่มั้ยคะ ลืมค่ะ! ขอโทษ!”
มัสลินร้อนรน ด้วยความเป็นห่วงเกวลิน
“แล้วตอนนี้พี่เก๋อยู่ไหน”
ลูกน้องส่ายหัว “ลองโทรเข้ามือถือดูรึยังคะ”
มัสลินไม่สนใจฟัง รีบผละกลับเข้าในล็อบบี้ทันที
เกวลินสะพายกระเป๋าใบโต ตรงมาทางหนึ่ง มัสลินมีสีหน้าตื่นเมื่อเห็นเกวลิน
“พี่เก๋!” เกวลินงุนงงที่มัสลินเข้ามาจับเนื้อจับตัวเกวลิน
“อะไรยัยมัส อะไรของเธอ”
“พี่เก๋ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยคะ”
“พี่จะเป็นอะไรล่ะ งง อะไรของเธอยัยมัส” เกวลินใช้มืออังหน้าผากมัสลิน
“หรือว่าพี่ใช้งานเธอจนเอ๋อ ฮ่ะๆๆ ดูซิ หน้าตาก็ยังไม่ได้ล้าง”เกวลินส่ายหน้า
“มัสไม่ขำนะคะ”
“โอเคไม่ขำก็ไม่ขำ แล้วนี่เดี๋ยวกลับยังไง ไปกับคุณคิมหน้าละอ่อนของพี่ใช่มั้ย”
“ไม่ใช่ค่ะ มัสจะกลับกับพี่เก๋”
“ฮึ้ยพี่กลับพรุ่งนี้นะ คืนนี้พี่ค้างที่นี่กับศิธาไง ลืมไปแล้วเหรอ”
“แต่มัสมีเรื่องด่วน”
มัสลินบอกพร้อมกับตีหน้าเศร้าเกวลินตกใจ เข้าโอบไหล่มัสลิน
“เป็นอะไรมัส เกิดอะไรขึ้น”
“ถ้าพี่เก๋ไม่กลับกรุงเทพฯกับมัส มัสแย่แน่เลยค่ะ”
“ขนาดนั้นเลย มันเรื่องอะไรกัน ไหนบอกพี่ซิ”
“เดี๋ยวขึ้นรถแล้วมัสเล่าให้ฟังนะคะ”
“ก็ได้ ๆ”
“จริงๆ นะคะ! ไปค่ะ” มัสลินยิ้มอย่างดีใจ มัสลินจูงมือเกวลินออกไป เกวลินขืนตัวไว้
“เดี๊ยว ...พี่ต้องไปบอกศิธาเค้าก่อนสิ”
“โทรบอกสิคะ”
“ทิ้งเค้าไปก็แย่พอแล้ว ใจคอมัสจะไม่ให้พี่ไปเจอหน้าเค้าหน่อยเหรอ”
มัสลินยอมปล่อยมือเกวลิน
“ก็ได้ค่ะ รีบลงมานะคะ”
“บางทีพี่อาจจะกลับมาหาเค้าพรุ่งนี้”
“รับรองค่ะว่าถึงกรุงเทพฯแล้วพี่เก๋จะไม่อยากกลับมาที่นี่อีกเลย”
“พูดอะไรของเธอยัยมัส โฮ้ย...พี่งงไปหมดแล้ว คอยอยู่นี่แหละ เดี๋ยวมาจ้ะ”
เกวลินแยกไป มัสลินมองตามอย่างไปห่วงๆ
(อ่านต่อหน้าที่ 2)





ในรอยรัก
ตอนที่ 6 (ต่อ)
ในห้องพักของศิธาขณะนั้นศิธากำลังพยายามเกลี้ยกล่อมพีระพลเรื่องเกวลิน
“ทำไมต้องทำให้มันเป็นเรื่องด้วย ก็บอกแล้วไงว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ผมจะเจอเค้า”
“ศิธาพูดอย่างนี้กับโก้มากี่ครั้งแล้ว”
“เฮ้อ... คุณทำเค้าแล้วมันได้อะไรขึ้นมา ยิ่งถ้าเรื่องแดงไปถึงป๊า ผมแย่แน่ๆ เงินที่เอามาทำสตูฯมันเงินเก๋เค้าทั้งนั้น”
“ช่วยไม่ได้ ศิธาอยากเอาเงินป๊าไปใช้หมดเอง”
“อ้อ เรื่องเดือดร้อนของผมมันไม่ใช่เรื่องของคุณงั้นสิ”
“นี่ศิธาอย่ามาหาเรื่องทะเลาะกับโก้นะ”
“ไม่ได้ชวนทะเลาะ แต่คุณพูดไม่รู้เรื่องเอง”
“ดีละ ในเมื่อศิธาปกป้องอีแก่นั่นดีนัก โก้จะเล่นงานมันให้มันไม่มีวันลืมโก้เลย”
ศิธาลุกหนีอย่างหงุดหงิด
“อยากทำอะไรก็ทำไปเลย ถ้าเดือดร้อนมาถึงผมละก็น่าดู”

เกวลินแยกจากมัสลินขึ้นไปหาศิธาบนห้อง มัสลินจึงเดินวนไปมารอเกวลินอยู่หน้าลิฟต์
ประตูลิฟต์เปิดออก กานนก้าวออกมา มัสลินและกานนต่างตกใจที่เจอกัน
“คุณคงไม่คิดว่าผมตามคุณอีกนะ” มัสลินแทบจะไม่สนกานน กลับโยกหน้าเข้ามองในลิฟต์ที่ไม่มีใครแล้ว “มัสลิน คุณทำอะไรของคุณ”
“คุณลงมาจากชั้นไหนคะ เห็นพี่เก๋มั้ย”
“เก๋?” กานนนึก
“พี่เก๋ พี่เก๋เพื่อนฉันน่ะค่ะ คุณก็เคยเจอ”
กานนพยักหน้า จำได้ และสังเกตเห็นท่าทีร้อนรนของมัสลิน
“เกิดอะไรขึ้น”
“ฉันกำลังสงสัยว่าเค้าจะถูกทำร้ายน่ะค่ะ”
“คุณว่าไงนะ”
กานนประหลาดใจ เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

ระหว่างนั้นเกวลินอยู่หน้าห้องศิธา เธอเคาะประตูห้องด้วยสีหน้ายิ้มละไมมีความสุข พีระพลหันขวับมาที่ศิธา “ไม่รีบไปเปิดล่ะ”
“ผมจะให้เค้ากลับไป”
“ก็เอาสิ ถ้าศิธาทำอย่างนั้น เราได้มีปัญหากันแน่”
ศิธาส่ายหน้าสุดเซ็งพีระพล ขณะเดินไปที่ประตู พีระพลพยักหน้าให้ลูกน้องสองคนเตรียมพร้อม
เกวลินยิ้มให้ศิธาที่เปิดประตูออกมา
“เข้าห้องน้ำอยู่เหรอคะ ทำไมนานจัง”
ศิธาหลิ่วตาส่งสัญญาณ และทำปากหมุบหมิบว่าให้เกวลินออกไปก่อน เกวลินมองงงๆ
“คะ? เก๋ไม่เข้าใจ...หรือว่าจะเซอร์ไพรส์อะไรเก๋เอ่ย”
เกวลินยิ้มแล้วเดินเลี่ยงเข้าห้องไป ศิธาหลับตาลงอย่างเตรียมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

กานนยังคงอยู่กับมัสลินที่หน้าลิฟท์ “คุณไม่ได้พูดเล่นใช่มั้ย”
“ฉันไม่เอาเรื่องความเป็นความตายมาล้อเล่นค่ะ”
ขณะนั้นคิมเดินรี่เข้ามาหามัสลิน ด้วยสีหน้าวิตก “ไม่เจอ พวกนายโก้ไม่ได้อยู่ข้างล่างนี้แล้ว”
“มัสไม่น่าปล่อยพี่เก๋ขึ้นไปเลย แล้วนี่เราจะทำยังไงกันดีล่ะคะ”
“โก้? ใช่โก้น้องยัยกิ๊บรึเปล่า” กานนถามขึ้น
“ใช่ครับ คุณเจอเค้าเหรอ”
“ผมก็ว่าแล้วทำไมคุ้นๆ ผมเห็นเค้าขึ้นลิฟต์ขึ้นไปข้างบน ชั้น...น่าจะเป็นชั้นแปดนะฮะ”
“โอ... แย่แล้วละ” คิมกดลิฟต์แล้วก้าวเข้าไป พลางส่งเสียงสั่งมัสลิน
“แจ้งรปภ.ด่วนเลย” ประตูลิฟต์ปิดลงทันที
“คิม! คิม! คุณไปคนเดียวไม่ได้นะ!”
มัสลินร้องเรียก กานนจึงกดเรียกลิฟต์อย่างตั้งสติ
“ห้องอะไร” กานนถามมัสลิน “ห้อง...ห้อง...ฉันจำไม่ได้!”
“ชั้นแปดใช่มั้ย”
ประตูลิฟต์เปิดออก กานนปราดเข้าไป “รอฉันด้วย!”
มัสลินตามเข้าลิฟต์ไปอีกคน

ภายในห้องศิธา เกวลินเดินกวาดตามองไปรอบห้อง ที่ไม่มีใคร
“ก็ไม่มีอะไรนี่นา แล้วทำไมศิธาทำท่าแปลกๆ คะ”
เกวลินหันมายิ้มให้ศิธา ศิธาสูดหายใจลึก ไล่เกวลิน “คุณกลับไปซะ”
“คะ?”
“รีบกลับไปสิโว้ย อยากตายรึยังไง!”
ศิธาตะโกนลั่นแล้วจับไหล่เกวลิน ผลักไปทางหนึ่ง ลูกน้องพีระพลเข้าไปรับร่างเกวลิน เกวลินตกใจสุดขีด
“แกเป็นใคร!” พีระพลก้าวออกมาชกเปรี้ยงเข้าที่ใบหน้าเกวลิน
“บอกเค้าไปสิศิธาว่าโก้เป็นใคร”
เกวลินเซซัง เลือดกบปาก ตาเหลือก สติหลุดลอย ขณะที่ลูกน้องพีระพลยังคงรั้งร่างเกวลินไว้
ศิธาตกตะลึง
“มันไม่แรงไปหน่อยเหรอโก้!” พีระพลไม่ยี่หระ
“โก้เตือนศิธาแล้ว ช่วยไม่ได้นะ” พีระพลเข้ากระชากคอเสื้อเกวลิน โยกหน้าเข้าไปใกล้
“ในฐานะที่เธอก็ดูแลศิธามามาก ฉันสั่งสอนเธอแค่เบาะๆ เท่านี้ละ” พีระพลบีบกรามเกวลินอย่างแรง เกวลินตาเบิกโพลง กรีดร้อง “ที่เหลือ... ลูกน้องฉันจะให้ประสบการณ์แบบที่เธอลืมไม่ลง”
พีระพลพยักหน้าให้ลูกน้อง ศิธาขยับจะเข้าไปหาเกวลิน
“โก้ คุณทำกับเค้าแบบนี้ไม่ได้นะ” ลูกน้องพีระพลเข้าขวางไว้ ตั้งท่าจะเล่นงานศิธา
“ไปกับโก้ ศิธา..โก้บอกให้ไปกับโก้ไง”
ขณะนั้นคิมอยู่แถวหน้าห้องพักศิธา คิมหันขวับตามเสียงที่แว่วมา ขณะที่มือก็กระชับปืนข้างเอวหมับ...ประตูห้องศิธาเปิดออก ศิธากับพีระพลออกมาพร้อมกัน พีระพลยิ้มเยาะ
“ไง ยังไม่ชินอีกเหรอ ศิธาก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าใครก็ตามที่มายุ่งกับศิธามันต้องเจอแบบนี้”
พีระพลกับศิธาเดินผ่านคิมซึ่งซ่อนตัวอยู่มุมหนึ่งไป “ไม่ถึงกับตายหรอกน่า”
“รีบๆ ไปจากที่นี่ซะทีเถอะ เดี๋ยวเรื่องก็ได้มาถึงตัวหรอก”
คิมทนฟังพีระพลกับศิธาอยู่ในที่ซ่อนด้วยสีหน้าวิตกกังวล
ศิธากดปุ่มเรียกลิฟต์ซ้ำไปซ้ำมา พีระพลมองเยาะๆ
“มันไม่ได้ช่วยให้ลิฟต์มาเร็วขึ้นหรอก ใจเย็น ๆได้มั้ย”
“ผมไม่รู้ว่าอะไรมันจะตามมานะโก้ แม้กระทั่งเรื่องของเราสองคน”
“เอ๊ะ! ศิธาพูดอย่างนี้ทะเลาะกันเลยดีกว่ามั้ย ที่โก้ทำไปทุกอย่างไม่ใช่เพราะศิธาเป็นคนก่อหรอกเหรอ”
ประตูลิฟต์เปิดออก มัสลินกับกานนก้าวออกมา ทั้งคู่ประจันหน้ากับศิธาและพีระพล ต่างฝ่ายต่างงงงัน จังหวะนั้นเอง ศิธารีบก้าวเข้าลิฟต์ไป ตามด้วยพีระพล มัสลินปราดตามไป
“นี่ หยุดนะ!” ศิธากดปิดลิฟต์ กานนฉวยร่างมัสลินไว้ในอ้อมแขน มัสลินดิ้นพล่าน
“ไอ้คนนี้แหละ นายโก้ คนที่จะทำร้ายพี่เก๋ คุณปล่อยฉัน”
มัสลินกดปุ่มเรียกลิฟต์รัว กานนดึงมัสลินไว้
“ที่เราต้องทำคือตามหาคุณเก๋ให้เร็วที่สุด คุณตั้งสติหน่อยได้มั้ย”
มัสลินน้ำตารื้น ละมือจากปุ่มเรียกลิฟต์อย่างเจ็บใจ

ภายในห้องของศิธา เกวลินถูกมัดปาก มัดมือไพล่หลัง กำลังถดตัวหนีชายสองคนอยู่บนพื้นห้อง ใบหน้าบอบช้ำ มีคราบเลือดเปื้อนตามใบหน้า แววตาหวาดกลัวสุดขีด ชายคนหนึ่งเข้าล็อคตัวเกวลินไว้ อีกคนหนึ่งปลดเข็มขัดกางเกง
“จับมันไว้ ...ถูกหวยแท้ๆ เลยพวกเรา ฮ่าๆๆๆ”
เกวลินตาเบิกโพลง พยายามดิ้นรนทั้งที่ถูกล็อคตัวไว้แน่น ทันใดนั้นเองมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ไอ้สองคนมองหน้ากัน ในจังหวะนั้นเอง เกวลินถีบเท้าเข้าที่หน้าไอ้คนหนึ่ง แล้วดิ้นหลุด วิ่งไปที่ประตู ไอ้คนที่ไม่โดนถีบปราดไปกระชากผมเกวลินไว้ แล้วตบฉาดที่ใบหน้าเกวลินอย่างแรง
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีก พร้อมเสียงผู้ชาย “นี่ฉันเอง เปิดประตูสิ”
ลูกน้องของพีระพลทั้งสองคนมองหน้ากัน “เปิดสิวะ อยากโดนนายกระทืบรึไง”
“มึงรู้ได้ไงว่าใช่นาย ถ้าเป็นตำรวจล่ะ”
“หืม ไอ้โง่ ก็เสียงนายชัดๆ มันจะเป็นใครไปได้ยังไง”
ลูกน้องว่าพลางเปิดประตู แล้วก็ถูกถีบหงายหลัง เป็นกานนนั่นเอง ลูกน้องเข้าตะลุมบอนกานน ลูกน้องอีกคนลุกขึ้น คว้าแจกันจะฟาดใส่กานน คิมเข้ามาพร้อมปืนในมือ ตะโกนลั่น
“เฮ้ยหยุดนะ ไม่งั้นกูยิง!” ลูกน้อง2คนชะงักมือ คิมก้าวเข้ามาช้า ๆ เล็งปืนที่ชายทั้งสอง “หันหน้าเข้าข้างฝา อย่าตุกติกนะ ไม่งั้นพวกมึงไส้ทะลักแน่”
มัสลินปราดเข้าไปหาเกวลิน ตกตะลึงกับสภาพที่เห็น
“พี่เก๋ ...ทำไมเป็นอย่างนี้...” กานนช่วยแก้ผ้าที่มัดมือมัดปากเกวลิน เกวลินสลบไปในอ้อมแขนกานน “พี่เก๋!”
“เรียกรถพยาบาล” มัสลินหันรีหันขวาง ทำอะไรไม่ถูก
“ใช่ เรียกรถพยาบาล รถพยาบาล”
คิมล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์มือถือ โยนให้มัสลิน ทั้งที่ยังเล็งปืนไปที่ไอ้สองคน ทันใดนั้นเอง
ผู้ร้ายคนหนึ่งหันมาเตะมือคิม ปืนกระเด็นไป วายร้ายทั้งสองคนวิ่งหนีออกนอกห้องไป คิมคว้าปืนและจะตามไป แต่กานนส่งเสียงห้ามไว้
“ปล่อยพวกมันไปก่อนเถอะ คุณเก๋น่าเป็นห่วงมาก”
“เราจะทำยังไงดีคะ เราจะทำยังไง”
มัสลินยังคงตั้งสติไม่อยู่ คิมเข้าสวมกอดมัสลิน มัสลินร้องไห้ กานนมองภาพนั้น รู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างบอกไม่ถูก

ที่กรุงเทพ คืนนั้นมธุรินออกมาเที่ยวที่คลับกับพิณสุดา...พิณสุดาแย่งแก้วเครื่องดื่มจากมธุริน ทั้งสองนั่งอยู่ด้วยกันที่โต๊ะหนึ่ง
“พอแล้ว เดี๋ยวก็ได้กลับบ้านไม่ถูกอีกหรอกแก”
“กลัวอะไร วันนี้ฉันมีแกอยู่ด้วย เอาแก้วฉันมา”
“เฮ้อ ก็แปลกดีนะ แต่ก่อนที่ฉันชวนเที่ยวแกก็กลับไม่เที่ยว พอเดี๋ยวนี้ฉันกลับเนื้อกลับตัวเลิกเที่ยว แกก็ดั๊นจะมาอยากเปรี้ยวซ่าเอาตอนนี้”
“มันเรื่องของฉัน แกไม่เจอเรื่องแบบฉันแกจะเข้าใจอะไร จะไม่คืนแก้วให้ฉันใช่มั้ย ไม่เป็นไร”
มธุรินพยักหน้าสั่งเครื่องดื่มกับพนักงานเสิร์ฟที่ยืนดูแล ศิธากับพีระพลก้าวเข้ามาด้วยกัน
“มาถึงกันเร็วดีนี่”
พิณสุดาทักพลางพยักหน้าให้พนักงานเสิร์ฟเครื่องดื่มให้สองหนุ่ม
“ศิธาขับรถยังกับบินได้ หัวใจจะวาย” พีระพลบอก พิณสุดายิ้มขำ
“แล้วเป็นไง สนุกมั้ยหัวหิน” พิณสุดาถามพีระพลอย่างมีนัย
พีระพลพยักเพยิดไปทางศิธา ศิธาคว้าแก้วที่พนักงานเพิ่งวางให้มาดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว
“ดูท่าจะสนุกสินะ ฮ่ะๆๆ อ้อลืมแนะนำไปเลย นี่พี่เดียร์ไง โก้จำได้ใช่มั้ย”
“จำได้สิ”
“สบายดีใช่มั้ยโก้ ไม่เจอกันนานเลย”
“สบายดีมากครับ แต่พี่เดียร์สิ ทำหน้าเหมือนอมทุกข์มาสักร้อยปีอย่างนั้นแหละครับ”
พีระพลพูดพลางปรายตายิ้มกับพิณสุดา
“ก็เรื่องมัสลินนั่นละ ฉันก็บอกว่าให้ทำใจๆ ยัยเดียร์ก็ไม่ปลงท่าเดียว แฟนคนเดียว ปล่อยๆ ให้เค้าไปเห๊อะเดียร์”
“อ๋อ คิดว่าเรื่องอะไร มัสลินสวยเปรี้ยวซะขนาดนั้น ผู้ชายที่ไหนก็ชอบ โก้เห็นด้วยกับพี่กิ๊บนะฮะ ทำใจซะเหอะครับพี่เดียร์ ก็แค่ยอมรับว่าตัวเองแพ้”
“ทำไมฉันต้องแพ้มัสลินด้วย ไม่มีวัน...”
มธุรินยกแก้วดื่มอีก แล้วยกมือขึ้นมากุมขมับ หลับตา
“โถ...อย่างนี้เราจะช่วยพี่เดียร์ยังไงกันดีล่ะพี่กิ๊บ”
“ถ้าเป็นพี่แต่ก่อนตอนที่ยังใจร้อนก็คงอยากเห็นมัสลินย่อยยับไปกับตา”
มธุรินเอื้อมมือสะเปะสะปะมาวางหมับที่แขนพีระพล
“ทำยังไงก็ได้ ให้มัสลินย่อยยับ ...ฉันเกลียดมัสลิน...” พิณสุดากับพีระพลมองหน้ากันอย่างถูกใจ
“เอาอย่างนั้นจริงเหรอแก” มธุรินพยักหน้าหงึกหงักทั้งที่หลับตา เพราะเมามากแล้ว
“จัดการมัสลิน... ฉันเกลียดมัสลิน...”
มธุรินฟุบลงกับท่อนแขน พึมพำไม่ได้ศัพท์ พิณสุดายิ้มสะใจ พยักหน้าให้พีระพล
“ได้เลย จัดให้จ้ะเพื่อนรัก”
“ได้ยินแล้วใช่มั้ยศิธา เราต้องช่วยกันนะ ศิธา!” ศิธาซึ่งกำลังแช็ททางโทรศัพท์มือถือถูกพีระพลตีเพี้ยะเข้าให้ “อย่าบอกนะว่าแช็ทกับนังเกวลินน่ะ”
“เค้าคงยังมีชีวิตลุกขึ้นมาแช็ทหรอก”
ศิธายกแก้วดื่มเซ็ง ๆ

เกวลินถูกส่งตัวกลับมารักษาที่กรุงเทพ เช้าวันรุ่งขึ้นมัสลินกับกานนคุยกับพยาบาลเกี่ยวกับอาการของเกวลิน
“ช่วงบ่ายอาจารย์หมออีกท่านจะมาตรวจเรื่องระบบประสาทเพิ่มเติมนะคะ”
“ค่ะ”
“ขอบคุณนะครับ”
พยาบาลออกไป กานนกับมัสลินเหลียวไปที่เกวลินบนเตียง มัสลินเม้มปากสนิทอย่างข่มความรู้สึกเจ็บปวดกับสภาพเกวลิน...เกวลินใบหน้าเขียวช้ำ ตาบวมปิด ริมฝีปากมีรอยแผล เกวลินยกมือช้า ๆ เรียกมัสลิน
“มัส...” มัสลินรีบเข้าไปหาเกวลิน กลั้นน้ำตา ฝืนยิ้ม กุมมือเกวลินไว้
“ดีขึ้นแล้วนะคะพี่เก๋ เยี่ยมเลยค่ะ” กานนค้อมหัวน้อย ๆให้เกวลิน
“ขอบคุณคุณกานนมากนะคะ ต้องขอโทษ... เก๋จำอะไรแทบไม่ได้เลย”
“มันผ่านไปแล้วละครับ หายไว ๆนะครับ”
“มัส...”
“คะพี่เก๋ อยากได้อะไรเหรอคะ”
“ศิธาล่ะ”
มัสลินหันมองหน้ากานน ทั้งคู่งงงัน
“ทำไมพี่เก๋ถึงถามถึงนายศิธาล่ะคะ”
“พี่จำได้ว่าพี่กำลังขึ้นไปหาศิธาที่ห้อง หลังจากนั้น... พี่ก็... ทำไมพี่จำอะไรไม่ได้เลย”
มัสลินปากคอสั่น กลั้นน้ำตาไม่อยู่ ต้องรีบหันหน้าหนีไปทางอื่น กานนรีบแก้สถานการณ์ไว้
“ผมว่าคุณเก๋พักผ่อนก่อนดีกว่านะฮะ เรื่องศิธาไว้ผมจะติดต่อให้เอง”
เกวลินพยักหน้าอย่างเลื่อนลอย

มัสลินปาดน้ำตาขณะหลบมาคุยกับกานน อีกมุมหนึ่งของห้อง
“เราควรจะบอกพี่เก๋มั้ยคะว่าคนที่ทำร้ายเค้าก็คือนายศิธา”
“ไม่ใช่ตอนนี้แน่ๆ ...ที่น่าเป็นห่วงอีกเรื่องคือเรื่องคดี คุณเก๋เป็นเจ้าทุกข์ แต่กลับจำอะไรไม่ได้” มัสลินจ้องมองกานนอย่างจับผิด กานนไม่รู้ตัว ครุ่นคิดหาทางแก้ปัญหา สีหน้าจริงจัง
“ไม่เป็นไร ผมจะปรึกษาเพื่อนผมที่เป็นตำรวจดู คุณไม่ต้องห่วงนะ”
“ทั้งที่นายโก้เป็นน้องของพิณสุดา แล้วพิณสุดาก็เป็นเพื่อนสนิทของมธุรินนะคะ”
“แล้วไง” กานนนึกได้ก็โกรธ “นี่คุณกำลังคิดว่าผมจะเข้าข้างคนผิดงั้นสิ”
“ก็แล้วมันน่าคิดมั้ยล่ะ ช่วยไม่ได้นะ ภายในหนึ่งอาทิตย์ ผู้หญิงที่ฉันรักถูกไอ้คนชั่วทำร้ายร่างกายถึงสองคน ฉันจะไว้ใจใครได้อีก”
“มัสลิน คุณกำลังดูถูกผมนะ”
“คุณจะคิดยังไงมันก็เรื่องของคุณ ช่วยไม่ได้นะ ยิ่งอยู่ใกล้คุณฉันก็ยิ่งรู้สึกไม่ปลอดภัย”
“คุณกลัวตัวเองน่ะสิ” มัสลินขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจ
“คุณกลัวว่าคุณจะรักผม”
มัสลินหน้าถอดสี

ขณะนั้นคิมเดินคุยโทรศัพท์มือถือหน้ายุ่งอยู่บริเวณหน้าห้องพักเกวลิน หน้าตาผมเผ้าคิมดูอิดโรยเพราะอดนอน มีพยาบาลเดินตามหลังมาด้วยคนหนึ่ง
“ฉันแค่อยากแน่ใจว่ามันเป็นคนของไอ้โก้ หาตัวไม่เจอไม่ใช่ปัญหา เออๆ แค่นี้ก่อนนะ สมองฉันเริ่มไม่ทำงาน ไม่ได้นอนมาทั้งคืน คืบหน้ายังไงค่อยโทรมาอีกทีละกัน ขอบใจว่ะ”
คิมวางหูเมื่อเดินมาถึงหน้าก้องเกวลิน ขณะนั้นภายในห้องมัสลินเสียงกร้าวใส่กานน
“ไม่หลงตัวเองมากไปหน่อยเหรอคะ”
กานนดึงตัวมัสลินเข้ามาใกล้ จนใบหน้าแทบจะชิดกัน
“งั้นก็จ้องตาผมสิ แล้วบอกผมว่าคุณไม่ได้สนใจผม ผมจะไม่ยุ่งกับคุณอีกเลย” มัสลินนิ่งงัน ประสานสายตากับกานน กานนมีสีหน้าอ่อนลง “คุณปฏิเสธหัวใจตัวเองไม่ได้หรอกมัสลิน”
คิมดันประตูเข้ามาแล้วหน้าเจื่อนสนิท กานนกับมัสลินได้ยินเสียงประตู หันขวับไปพร้อมกันจึงพบกับพยาบาลที่ยืนยิ้มหน้าแหย
“ขออนุญาตวัดไข้คนไข้นะคะ”
กานนกับมัสลินพยักหน้ารับพยาบาลเก้อๆ ขณะนั้นคิมหลบอยู่หน้าประตู เหล่สายตาไปในห้องขวางๆ “ต่อให้ก่อนละกัน”
คิมยิ้มปลอบใจตัวเองเซ็ง ๆ ก่อนจะเดินซึมออกไป

คืนนั้นกุเทพอยู่ที่บ้านมัสลิน ชายหนุ่มมีสีหน้ากระอักกระอ่วนขณะยกแก้วชนกับจิรดา
“ผมไม่ดื่มจริง ๆครับคุณแม่”
จิรดาในสภาพเมากรึ่มๆ ยิ้มหัวกับกุเทพ ในมือมีแก้วเหล้า ใบหน้าจิรดายังมีรอยช้ำจางๆ
“ไม่เชื่อหรอก เด็กหนุ่มอย่างเธอเนี่ยนะจะไม่ดื่ม ชิๆๆ อย่ามาสร้างภาพเลย แบบไหนถ้าถูกใจซะอย่างฉันก็รับเป็นลูกเขยได้ ดื่มๆๆ ดื่มสิ!” กุเทพยกแก้วจิบ สายตามองจิรดาอย่างห่วง ๆ
“แค่นั้นมันไม่ระคายลำไส้หรอก หมดเลย หมด ๆ” จิรดาจับแก้วจะป้อนกุเทพ
“โอเคครับโอเคๆ ดื่มแล้วครับ” กุเทพยอมดื่ม จิรดาทำหน้าเศร้า
“ชีวิตแม่มันก็อย่างนี้ละ ไม่มีใครต้องการ นังมัสมันก็ดูแลแม่ไปงั้น ๆแหละ แก่กว่านี้มันก็คงพาแม่ไปปล่อยไว้บ้านคนชรา”
“ไม่จริงหรอกครับ มัสเค้ารักคุณแม่มากนะฮะ”
“รักกับผีน่ะสิ มันออกจากบ้านไม่ทิ้งเงินไว้ให้แม่สักบาท กุญแจรถมันก็เก็บเรียบ... คุณไปส่งแม่หน่อยได้มั้ย ได้มั้ย”
“คุณแม่จะไปไหนเหรอฮะ”
“บ่อน”
“ครับ?”
“ไปหาเพื่อนน่ะ มีธุระต้องคุยกับเค้า นะ ๆ คุณไปส่งแม่หน่อย ขอแม่เปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บเดียว”
จิรดาลุกขึ้น ประจันหน้ากับมัสลิน
“แม่จะไปไหนเหรอคะ”

“จะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน แกหลีกไป”
“ไม่ค่ะ มัสไม่ให้แม่ไปไหนทั้งนั้น แค่นี้แม่ยังเจ็บตัวไม่พอเหรอคะ”
“หืมนังนี่ พูดอย่างนี้แกนั่นละที่จะเจ็บตัว อยากลองดีกับฉันใช่มั้ย”
มัสลินเหลือบมองกุเทพอย่างสุดอาย กุเทพแสนสงสารมัสลิน รีบไกล่เกลี่ย
“เอางี้นะฮะคุณแม่ เดี๋ยวผมขอคุยธุระกับมัสแป๊บนึงก่อนได้มั้ยครับ”
“เออ พูดดีๆ อย่างคุณเค้านี่สิค่อยน่าฟัง อย่าไปเสียเวลากับมันมากนะ เดี๋ยวแม่มาจ้ะ”
จิรดาเดินชนมัสลินจนเซ

พอจิรดาออกจากห้องไปแล้ว มัสลินนั่งกุมหัว กุเทพมองอย่างหนักใจ
“ถ้าลำบากใจพี่กุไม่ต้องพูดอะไรก็ได้ค่ะ มัสเข้าใจ.. ทั้งเรื่องแม่แล้วก็พี่เก๋ มันเกิดขึ้นเพราะคนใกล้ตัวพี่กุทั้งนั้น”
“แล้วมัสจะทำยังไงต่อไป”
“พ่อของมธุริน มัสคงเอาเรื่องด้วยยาก อย่างมากก็คงดูแลคนของเราให้ดี ไม่ให้ไปยุ่งกับเค้าอีก ส่วนเรื่องของพี่เก๋... ก็ขึ้นอยู่กับความจำของพี่เก๋ค่ะ” มัสลินตอบกุเทพด้วยท่าทางเหนื่อยล้า
“มัสพักบ้างนะ มันไม่เกี่ยวหรอกว่านายโก้เป็นน้องของกิ๊บแล้วพี่จะต้องเข้าข้างเค้า พรุ่งนี้พี่จะรีบไปเยี่ยมพี่เก๋ แล้วเราคุยกันว่าจะทำยังไงได้บ้าง” มัสลินพยักหน้าเครียด ๆ
กุเทพทำท่าอึกอัก นึกอยากถามมัสลินเรื่องรูปจูงมือกับกานน “อืม... มัสจ๊ะ”
มัสลินมองท่าทางกุเทพอย่างสังเกตเช่นกัน “พี่กุมีอะไรเหรอคะ”
กุเทพนิ่งไป มองลงที่โทรศัพท์มือถือซึ่งกำลังกดบางปุ่มอยู่อย่างชั่งใจ หน้าจอโทรศัพท์มือถือของกุเทพ เห็นเป็นรูปถ่ายมัสลินจูงมือกับกานน มัสลินมองกุเทพอย่างไม่เข้าใจ กุเทพสบตามัสลิน ในที่สุดก็เพียงยิ้มให้มัสลิน
“ไม่มีอะไรจ้ะ” กุเทพกดปิดภาพนั้นออกจากหน้าจอ แล้วพูดกับมัสลินขรึม ๆ “มัสพักผ่อนเถอะ”

มัสลินเดินผ่านหน้าห้องจิรดาไป สวนกับจิรดาที่เปิดประตูห้องตัวเอง โงนเงนออกมาในเสื้อผ้าชุดใหม่ จิรดาปรายตามองมัสลิน ยิ้มเยาะ
“คิดว่าจะตัดขาตัดแขนฉันไม่ให้ออกไปไหนได้งั้นสิ เฮอะๆ นังโง่”
“แม่กลับเข้าไปนอนเถอะค่ะ”
“สะเออะ ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน เอ๊ะ แกขึ้นมาอย่างนี้ แล้วคุณกุเทพล่ะ”
มัสลินหันตอบเนือย ๆ “พี่กุกลับไปแล้วค่ะ”
“กลับไปแล้วได้ยังไง ก็เค้าอาสาจะไปส่งฉันที่บ่อน”
“แม่พักผ่อนซะเถอะค่ะ นี่มันดึกมากแล้วนะคะ”
มัสลินว่าแล้วเดินตรงไปที่ห้องตัวเอง จิรดาก้าวฉับๆ ไปตบตีมัสลินตามตัว
“นังสารเลว แกคิดจะขังฉันไว้ในบ้านเหมือนหมูเหมือนหมางั้นเหรอ”
มัสลินป้องแขนหลบซ้ายขวา “มัสเจ็บนะคะแม่ แม่คะ!”
“ฉันจะตีแกให้ตายคามือเลย นังมัส นังลูกเนรคุณ”
มัสลินก้าวหนี จิรดาก้าวตามแล้วเซเสียหลักล้มลง
“แม่!” มัสลินรีบเข้ามาช่วย จิรดาปัดมือมัสลินออก
“แกไม่ต้องมายุ่งกับฉัน! นังใจดำ!”
“มัสทำทุกอย่างเพราะมัสรักแม่นะคะ”
“คิดว่าฉันจะเชื่อแกเหรอ แกมันก็โกหกเหมือนพ่อแก หลอกฉัน... ไม่เคยซื่อสัตย์กับฉัน เทิดทูนนังบัวบงกชทั้งที่มีฉัน ฮือ...” จิรดาร้องไห้คร่ำครวญ
“ไม่จริงนะคะแม่ พ่อไม่ได้เป็นอย่างที่แม่พูด พ่อรักแม่นะคะ” มัสลินบอกแล้วยื่นมือจะจับจิรดาขึ้น แต่จิรดาปัดมือมัสลินออก
“พ่อแกน่ะเหรอรักฉัน ฮะๆๆๆ ฉันไม่ยักกะเคยได้ยิน จนกระทั่งวันตาย พ่อแกก็ไม่เคยบอกรักฉันสักครั้ง ...ใช่...เค้าไม่เคยเลย”
มัสลินร้องไห้กอดจิรดาที่เริ่มคร่ำครวญอีกครั้ง “มัสพาแม่ไปนอนนะคะ”
จิรดาไม่สนใจมัสลิน คล้ายหลุดไปอีกมิติ “ไม่เคยเลย คุณไม่เคยบอกรักฉันเลย”
จิรดาร้องไห้คร่ำครวญ มัสลินกอดจิรดาไว้แล้วพึมพำออกมา
“มัสไงคะ มัสรักแม่ แม่รักมัสบ้างสิคะ...”

คืนเดียวกันนั้นกานนกลับเข้าบ้านในสภาพเหนื่อยอ่อน กุเทพยืนดื่มเหล้าอยู่ที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่ม เหลียวมองกานน พร้อมส่งเสียงทัก
“สวัสดีครับอา” กานนมองกุเทพอย่างประหลาดใจ
“นี่แกกินเหล้าเหรอ” กุเทพก้าวมาหากานน
“ดูท่าทางอาคงมีเรื่องอยากเล่าให้ผมฟังเยอะ”
กานนขมวดคิ้ว คิดตามแล้วนึกถึงเรื่องเกวลิน “แกรู้เรื่องแล้วใช่มั้ย”
“เอาเรื่องไหนล่ะครับ เรื่องพี่เก๋ถูกทำร้าย เรื่องมัสกับคุณเดียร์ตบตีกัน หรือว่าเรื่องที่อาปลิวเดินจูงมือกับมัสลินที่ริมทะเล” กานนนิ่งงัน
“แกพูดอะไรของแกไอ้กุ”
“อาปลิวคิดยังไงกับมัสลินครับ”

กานนมองกุเทพนิ่งไปสักพัก ก่อนจะพูดขึ้นมา
“ฉันไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนั้น”
กุเทพเลือดขึ้นหน้า คิดไม่ถึงว่ากานนจะกล้าตอบ
“แบบไหนเหรอครับอา! อาคิดกับมัสลินแบบไหน อาตอบผมมา”
“ไอ้กุ ถ้าขืนแกเสียงดังใส่ฉันแบบนี้ ฉันจะไม่คุยกับแกนะ”
“มัสลินเป็นผู้หญิงที่ผมรัก ผมเลิกกับกิ๊บก็เพราะอยากคบกับมัส ที่ผมทำร้านเพชรก็เพราะอยากตั้งตัว แล้วก็ขอเค้าแต่งงาน ผมรอคอยมัสมาตลอด”
กานนยิ่งฟังยิ่งหน้าชา รู้สึกผิด แต่เกลื่อนไว้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ไอ้กุ แกฟังฉันนะ”
กุเทพพลุ่งพล่าน ตะโกนลั่น
“อาจะบอกใช่มั้ยฮะว่าไม่รู้! นี่น่ะเหรอครับ คนที่เป็นอาเค้าทำอย่างนี้กับหลานแท้ๆ น่ะเหรอครับ!”
“ไอ้กุ! แกหยุดลามปามฉันได้แล้วนะก่อนที่ฉันจะชกหน้าแก”
“ชกสิครับ ชกเลย ผมจะได้รู้ซะทีว่าอาเป็นยังไง ชกซี่!”
กุเทพก้าวประชิดตัวกานน เสียงอุษยาดังจากข้างบน
“เอะอะไรกันหืมข้างล่าง”
กานนเหลือบขึ้นข้างบน ก่อนจะสบตาจริงจังกับกุเทพ
“ฉันดูแลแกจนโตมาขนาดนี้ ไม่มีวันที่ฉันจะจงใจทำให้แกเสียใจ มันเป็นเรื่องที่ฉันเองก็ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้น วันนึงแกจะเข้าใจฉัน”
กานนผละไป กุเทพยิ้มเยาะ แล้วค่อยๆ กลายเป็นเสียงหัวเราะเย้ยหยันตัวเอง กานนเหลียวกลับมาหากุเทพ สีหน้ารู้สึกผิดและเสียใจ

เช้าวันรุ่งขึ้นจิรดาขมวดคิ้วมุ่น ลืมตาตื่นขึ้น เหลียวมองไปรอบตัวอย่างแปลกใจ
“ฉันกลับมานอนในห้องได้ยังไงเนี่ย” จิรดาครุ่นคิด “...นังมัสลิน”
จิรดาชันตัวลุกขึ้นค่อนข้างยากเย็น มือกุมขมับด้วยความมึนหัว “...นังโง่...สาระแนจุ้นจ้านกับชีวิตฉันดีนักนะ” ขณะนั้นมัสลินอยู่ในชุดพร้อมออกนอกบ้าน กำลังจัดสำรับข้าวต้มชุดหนึ่งให้เข้าที่
“เสร็จแล้วนะ แป้น...อย่าลืมขึ้นไปปลุกแม่ลงมาทานนะ”
“ค้า”
มัสลินคว้ากระเป๋าที่วางอยู่ขึ้นสะพายไหล่
“อ้อ ชาบำรุงด้วย อย่าลืมชงให้แม่นะแป้น”
“ค๊าา คุณมัสไปทำงานเถอะค่า”
จิรดาลงบันไดมาอย่างเงียบเชียบ สายตามองที่มัสลิน กับสำรับอาหารบนโต๊ะ โทรศัพท์มือถือของมัสลินดังขั้น มัสลินกดรับพลางเดินไปที่ประตู
“จ้ะคุณคิม มัสเหรอ? ก็กำลังจะออกจากบ้าน ...งานละคร? …นางเอกรึเปล่าคะ! อยากเล่นสิอยากเล่น งานอะไรมัสก็ทำทั้งนั้น มัสอยากใช้หนี้ค่าบ้านให้หมดไวๆ จะได้เหลือเงินพาแม่เที่ยวบ้าง”
สีหน้าจิรดากระตุกวาบ กับสิ่งที่ได้ยิน
มัสลินออกจากบ้านไปแล้ว จิรดานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร มองสิ่งที่มัสลินเตรียมไว้ให้อย่างครุ่นคิด
“แกมันบ้า นังมัสลิน นังเด็กโง่”

ร้านเครี่องประดับของกุเทพเปิดทำการอย่างเต็มตัว มีพนักงานใส่ชุดยูนิฟอร์มดูดี ภายในร้านเริ่มมีลูกค้าเลือกเข้ามาเลือกดูเครื่องประดับ...มธุรินวางถ้วยกาแฟให้กุเทพและตัวเอง
“ยังดีที่เดียร์ได้นายโก้ไปส่งที่บ้าน ไม่งั้นก็คงเหมือนเคย สงสัยคงต้องเลิกดื่มซะที” กุเทพสะดุดกับชื่อโก้
“อืม...เรื่องฤกษ์เปิดร้านใหม่ ตกลงเอาไงดีคะ เดียร์ทำทุกอย่างรวนไปหมดเลย เดียร์ขอโทษนะคะ”
มธุรินบอกหน้าเจื่อน
“ไม่เป็นไรครับ ก็เปิดไปพลางๆ ก่อนอย่างนี้แหละ พร้อมอีกทีเมื่อไรก็ค่อยจัดงานก็ได้ ...เมื่อกี้คุณบอกว่านายโก้น้องกิ๊บเนี่ยเหรอฮะไปส่งคุณที่บ้าน”
“ค่ะ เค้าตามมาเจอพวกเดียร์เมื่อคืน เห็นว่าเพิ่งกลับจากต่างจังหวัด”
“แล้วมันไม่ได้บอกเหรอครับว่าพวกมันทำเรื่องเลวระยำอะไรไว้ที่หัวหิน”
“คุณกุเทพพูดเรื่องอะไรคะเนี่ย”
มธุรินถามอย่างตกใจ พิณสุดาเข้ามาสมทบ
“ว้าวเปิดทำการแล้วสินะคะ อย่างนี้ต้องฉลองกันหน่อยแล้ว”
กุเทพเข้าไปกระชากแขนพิณสุดา
“ไอ้โก้น้องเธอมันอยู่ไหน”
“ว้ายกุ ร้านเรากำลังมีลูกค้านะคะ โวยวายเรื่องอะไรเนี่ย”
“ฉันเพิ่งไปเยี่ยมอาการพี่เก๋มา เธออยากรู้มั้ยว่าสภาพพี่เก๋ที่โดนน้องเลวๆ ของเธอทำน่ะเค้าเป็นไงบ้าง”
“กิ๊บก็พอจะได้ยินมานะคะว่าพี่เก๋เจ็บอยู่โรงพยาบาล แต่ไม่ทราบว่านายโก้ไปเกี่ยวอะไรด้วยล่ะคะ”
“เกี่ยวไม่เกี่ยวไม่รู้ ถึงเวลาที่ตำรวจไปลากคอเข้าคุกก็เอาตัวรอดให้ได้ละกัน”
“สงสัยจะไม่มีวันนั้นมังคะ เพราะเท่าที่รู้ พี่เก๋จำอะไรไม่ได้เลยไม่ใช่เหรอคะ แล้วจะเป็นเจ้าทุกข์แจ้งจับใครได้ยังไง”
พิณสุดาตีหน้าซื่อ กุเทพขบกรามกรอด มธุรินทนฟังอยู่อย่างสงสัยจึงเอ่ยขึ้น
“ใครเป็นอะไรเหรอ ฉันงงไปหมดแล้ว”
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ กุเค้าเข้าใจผิดน่ะ จะว่าไปยังมีเรื่องน่าตกใจกว่าเรื่องพี่เก๋เยอะ ..ที่กิ๊บมาเนี่ย ตั้งใจมาหากุโดยเฉพาะเลยนะคะ เห็นคลิปมัสลินรึยังคะ”
“คลิปอะไร” กุเทพถามอย่างงุนงง
“บอกได้คำเดียวค่ะว่าเสื่อม” พิณสุดาส่ายหน้าแล้วปรายตาไปทางมธุรินอย่างมีนัย
“น่าจะถูกใจแกนะเดียร์”
มธุรินมองสายตานั้น แล้วหน้าซีดเผือด ภาพที่คลับหรูเมื่อคืนผุดขึ้นในความคิดมธุริน..มธุรินหน้าซีดเผือด รำพึงแผ่วเบา “ไม่นะ...” พิณสุดายิ้มร้ายๆ
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ ที่จริงแกน่าจะดีใจนี่ ก็ในเมื่อ...”
มธุรินคว้ามือพิณสุดาออกไปทันที “มากับฉันเดี๋ยวนี้!”
กุเทพมองตามไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล

มธุรินพาพิณสุดามาคุยที่ร้านกาแฟ มธุรินมือสั่นระริกขณะถือโทรศัพท์มือถือที่มีคลิปเปลือยของมัสลินกับชายคนหนึ่ง
“นี่มันอะไรกัน” พิณสุดายิ้มสะใจ
“เมดทูออร์เดอร์ไงจ๊ะ ก็เพื่อนสั่งให้จัดการกับมัสลิน นายโก้ก็เลยจัดให้ ว่อนเน็ตเลยละจ้ะ”
มธุรินหน้าซีดเผือด
“ฉันไม่ได้อยากให้เป็นอย่างนี้ ทำไมแกทำอย่างนี้ล่ะ”
“นี่อย่ามาโบ้ยความผิดให้ฉันนะ แกจำไม่ได้เหรอว่าเมื่อคืนแกบังคับนายโก้ให้ทำคลิปนี้น่ะ”
“ไม่จริง ฉันไม่เคยทำแบบนั้น”
“จะจริงหรือไม่จริงก็ไม่ทันแล้วละจ้ะ นี่ๆ ต้องช็อทนี้ ไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น ป่านนี้นังมัสลินคงย่อยยับสมใจแกแล้วละ”
พิณสุดากดปุ่มเปลี่ยนภาพแล้วส่งให้มธุริน มธุรินตะลึงงัน จ้องคลิปในมือถือช็อก ๆ

มัสลินยังไม่รู้ว่ามีคลิปภาพเปลือยของตัวเองว่อนอยู่ในอินเตอร์เน็ท เพราะขณะนั้นมัสลินเข้ามาคุยเรื่องงานกับ คุณแต้ว ผู้บริหารของสถานีโทรทัศน์ใหญ่...มัสลินยกมือไหว้คุณแต้วอย่างนอบน้อม
“มัสขอบคุณในโอกาสที่คุณแต้วมอบให้มัสนะคะ งานละครถึงแม้จะเป็นงานใหม่สำหรับมัส แต่มัสจะทำให้ดีที่สุดค่ะ”
“ขอบคุณมาก สำคัญก็เรื่องภาพลักษณ์ นักแสดงที่สังกัดกับเรามีอิสระทุกคน แต่อิสระก็ต้องมากับความรับผิดชอบ จะทำอะไรให้นึกถึงงานที่ทำอยู่ให้มาก ว่าเราเป็นคนของประชาชน”
“มัสจะจำไว้ค่ะ”
คุณแต้วยืนส่งมัสลินที่ประตู มัสลินค้อมหัวให้คุณแต้วอีกครั้ง
“ตั้งใจทำงานนะ”
มัสลินยิ้มรับเดินออกประตูไป คุณแต้วตรงกลับไปที่โต๊ะทำงาน แต่แล้วพลันมีลูกน้องคนสนิทเคาะประตูและเปิดเข้ามา หน้าตาตื่น
“นายคะ!” คุณแต้วหันมา เอ่ยอย่างใจเย็น
“อะไรของเธอ”
เวลาผ่านไป...คุณแต้วยืนกอดอก มองที่จอคอมพิวเตอร์ซึ่งลูกน้องนั่งคลิกเล่นคลิปเปลือยของมัสลิน

คิมเพิ่งเห็นคลิปนี้เหมือนกัน เขาถึงกับนิ่งงัน
“ระยำที่สุด... ใครมันทำเรื่องเลวขนาดนี้...” มือถือคิมดังขึ้น คิมหยิบมาดูหมายเลขโทรเข้าแล้วหน้าเสีย รีบกดรับน้ำเสียงร้อนรน “ฮะโหล มัส... คุณอยู่ที่ไหน”
มัสลินเดินคุยโทรศัพท์มือถือไปพลางหอบหิ้วถุงอาหารเข้าบ้าน
“ถามได้ ก็อยู่ที่บ้านน่ะสิคะ เพิ่งกลับมาถึง มัสจะฉลองกับแม่”
จิรดาเดินออกมาเมียงๆ มองๆมัสลิน “ทำไมวันนี้กลับแต่วัน จะรีบมาเฝ้าฉันเรอะ”
มัสลินยิ้มให้จิรดา พลางเอ่ยลากับคิมทางโทรศัพท์
“คุณคิม เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ ว่างแล้วมัสโทรกลับ” มัสลินกดตัดสายจากคิม
“มัสมีงานใหม่ค่ะแม่ มัสได้เป็นนางเอกละครแล้วนะคะ เซ็นสัญญาด้วยละ”
จิรดาเผลอยิ้มออกมา แต่แล้วรีบหุบยิ้ม “ก็เรื่องของแกสิ มาบอกฉันทำไม”
“ต่อไปนี้มัสจะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำแล้ว มัสจะรีบใช้หนี้ให้หมด แล้วพาแม่เที่ยว ดีมั้ยคะ”
จิรดายิ้มละเหี่ย “ดีกับฉันไปก็ไม่ได้อะไรหรอก อย่ามาหวังอะไรกับฉันเลย”
“มัสรักแม่นี่คะ ไม่รู้ละ วันนี้เรามาฉลองงานใหม่มัสกันนะคะ”
มัสลินชูถุงอาหารที้ซื้อมาจิรดายิ้ม พยักหน้ารับ โทรศัพท์มือถือมัสลินดังขึ้นอีกครั้ง มัสลินดูเบอร์แล้วยิ้มดีใจ
“ช่องโทรมาค่ะ” จิรดาแย่งของในมือมัสลินไปช่วยถือไว้ มัสลินกดรับสาย
“ค่า มัสพูดค่ะ เรื่องอะไรนะคะ คลิป?” มัสลินนิ่งฟังแล้วสีหน้าค่อยๆ เจื่อนลง สักพักก็ก้าวออกห่างจากจิรดา
“มัส... มัสไม่รู้เรื่องเลยค่ะ คลิปที่พี่พูดถึง มัสก็ยังไม่เห็น” มัสลินนิ่งฟังปลายสาย แล้วหน้าเจื่อนสนิท
“เลื่อนการเซ็นสัญญาเหรอคะ ...ค่ะ... มัสเข้าใจค่ะ”
มัสลินยืนนิ่งงัน ในมือกำโทรศัพท์มือถือไว้แน่น จิรดากลับออกมาจากเอาของไปเก็บ ส่งเสียงทักมัสลิน “อ้าวจะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานมั้ยนังมัส กับข้าวกับปลาซื้อมาน่ะจะให้ทำยังไงยะ”
มัสลินน้ำตาเอ่อ รีบกรีดน้ำตาแล้วหันยิ้มให้จิรดา
“ไปค่ะ ฉลองกันค่ะแม่”
จิรดาส่ายหน้ารำคาญๆ มัสลิน มัสลินยิ้มให้จิรดาทั้งที่อยากระเบิดร้องไห้เต็มทน

คืนนั้นคิมยังอยู่ที่ออฟฟิศและสั่งการลูกน้องสองคนหน้าเครียด
“ฉันต้องการคำตอบเร็วที่สุดว่าคลิปนี้มาจากไหน ใครทำ”
คิมตบมือลงที่แผ่นซีดีกลางโต๊ะ
“ครับนาย แต่เรื่องไล่ลบคลิปทำได้ไม่มากครับ ที่เหลืออยู่เป็นเว็บที่แฮคเข้าไปไม่ได้” ลูกน้องบอก
“ไม่ได้ก็ลองใหม่สิวะ หาทางทำให้ได้”
“ครับผม” ลูกน้องมองหน้ากันอย่างหนักใจ แล้วรีบออกไป
คิมเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกง คว้าเสื้อสูทแบบเตรียมจะออกไปเช่นกัน แต่แล้วพอก้าวไปก็ต้องตกใจเมื่อเห็นมัสลินยืนนิ่งอยู่ “มัส!”
มัสลินร้องไห้ คิมรีบเข้าไปประคองให้นั่งลง
“คุณเห็นแล้วใช่มั้ย”
“ไอ้คนที่ทำมันเลวมาก ลูกน้องผมจัดการไล่ลบคลิปแล้ว”
มัสลินส่ายหน้า
“ไม่มีประโยชน์หรอก ป่านนี้คงเห็นกันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว พรุ่งนี้นักข่าวคงเล่นข่าวนี้แน่ ๆ”
คิมกอดมัสลินไว้อย่างแสนสงสาร
“แล้วนี่ดึกป่านนี้แล้ว คุณออกมายังไงเนี่ย ที่จริงโทรเรียกผมไปหาก็ได้”
มัสลินเหม่อลอย ไม่ตอบคำถามคิม
“วันนี้มัสเพิ่งได้คุยดีๆ กับแม่เป็นครั้งแรกในรอบกี่ปีก็ไม่รู้ แม่ดีใจกับมัสเรื่องงานละคร ...ถ้าแม่รู้ข่าว.. รู้ว่ามัสถูกเลื่อนเซ็นสัญญาละคร แม่จะเป็นยังไงบ้างนะคะคิม”
คิมกระชับมือที่กอดมัสลิน สีหน้ากลัดกลุ้มใจไปกับมัสลิน
“ผมนี่แหละ จะอธิบายทุกอย่างให้คุณแม่คุณฟังเอง”
มัสลินเหม่อลอย ไม่ยินดียินร้ายกับคำพูดปลอบประโลมของคิม

เช้าวันรุ่งขึ้นจิรดาดูอารมณ์ดี ขณะยืนสั่งโจ๊กกับแม่ค้า
“ใส่หมูเยอะหน่อยนะ จะเอาไปให้ยัยมัส”
“หนูมัสกลับมาจากเมืองนอกแล้วเหรอคะคุณนาย”
“หืมนี่คงเอาแต่ขายของไม่ลืมหูลืมตาดูทีวีกับเค้าใช่มั้ยเนี่ย ยัยมัสเดี๋ยวนี้เค้าเป็นนางเอกละครไปแล้วนะ”
“ว้ายเหรอคะ เออดีใจด้วย ไว้วันหลังจะฝากขอลายเซ็นนะคะ”
จิรดาเหลือบไปที่แผงหนังสือใกล้ ๆ
“นี่เลย เดี๋ยวเปิดหนังสือให้ดู เค้าถ่ายแบบลงหนังสือก็บ่อย” จิรดาโฉบไปที่แผงหนังสือ ไล่สายตามองหาหนังสือที่น่าจะมีรูปมัสลิน แต่แล้วหยุดกึกที่ส่วนที่วางหนังสือพิมพ์ “นี่มัน...”
จิรดาหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาฉบับหนึ่ง หน้าเสีย “นังมัส!”
บนหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ มีภาพคลิปเปลือยของมัสลินกับชายคนหนึ่ง มีแถบปิดส่วนที่โป๊ไว้
แม่ค้าโจ๊กส่งเสียงลั่น “อ้าวคุณนาย ลืมโจ๊กค่าลืมโจ๊ก!”
จิรดาไม่สนใจก้าวฉับๆ หน้าแดงก่ำด้วยความโกรธไปพร้อมหนังสือพิมพ์ในมือ

(จบตอนที่ 6)
ติดตามอ่านตอนที่ 7 วันพรุ่งนี้






กำลังโหลดความคิดเห็น