ติดตามอ่านละครออนไลน์ได้ทาง www.manager.co.th ทุกเช้า เวลา 09.30น.
รอยมาร ตอนที่ 9
อาทิตย์ที่ออกไปยืนรอหน้าบ้าน ยิ้มแย้มดีใจ เดินกลับเข้าโถงบ้านมา...
“คุณอุปมากลับมาแล้วครับ”
“แล้วยัยบุบบี้ของฉันล่ะ”คุณหญิงรุจาถามอย่างเป็นห่วง
“กลับมาด้วยกันครับ”
คุณหญิงรุจายิ้มดีใจหายห่วง เมธาวีและวิจิตราแอบทิ้งสายตาค่อนหมั่นไส้คุณหญิงรุจา ที่ห่วงหลานคนโปรดจนออกนอกหน้า
“โล่งอกไปทีนะคะคุณ”บังอรคลายกังวลใจไปได้
คุณหญิงรุจายิ้มแย้ม พยักหน้ารับ วิจิตรารีบกระตุกเอาไว้
“คุณแม่อย่าไปยอมใจอ่อนพูดดีด้วยง่ายๆนะคะ ทำตัวให้ผู้ใหญ่เป็นห่วงแบบนี้ได้ยังไง เดี๋ยวจะได้ใจไปกันใหญ่ ขัดใจอะไรเป็นหนีออกจากบ้าน”
“เธอไม่ต้องมาสอนฉันหรอกจิตรา หลานฉัน ฉันมีวีธีอบรมของฉันได้”
คุณหญิงรุจาหน้าบึ้งตึงแทน แล้วลุกเดินกลับขึ้นไปชั้นบน บังอรไม่สบายใจรีบเดินตามคุณหญิงรุจาไป วิจิตรามองตามอย่างหมั่นไส้
“หลานสุดรักสุดสวาท แตะต้องไม่ได้เลย คอยดูเถอะเด็กจะถูกสปอยล์จนเสียคน”
วิจิตราสะบัดหน้าพรืดเดินไปด้านใน อาทิตย์หันมาบอกเมธาวี
“ผมลงไปดูน้องบีก่อนนะครับ”
อาทิตย์รีบเดินออกไปดูสไบนางด้วยความเป็นห่วง
“หมั่นไส้...ห่วงอะไรมันนักหนา” เมธาวีค้อนอย่างไม่พอใจ
+ + + + + + + + + + + +
อุปมาวิ่งมาเปิดประตูให้สไบนางลงจากรถ สไบนางจ้องหน้าเขาตาขวาง
“เดินไหวมั้ย”
“ต่อให้ฉันขาขาดก็ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากนาย”
อุปมายักไหล่
“ก็ตามใจ” อุปมายื่นถุงใส่กล่องโทรศัพท์มือถือให้ “ฉันซื้อโทรศัพท์มือถือมาใช้คืนเธอ จะให้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เผอิญมีเรื่องซะก่อน”
สไบนางปัดถุงกระเด็นหลุดมืออุปมาไปตกพื้น ก่อนจะผลักอุปมาออกไปให้พ้นๆแล้วก้าวขาลงจากรถ พอลงน้ำหนักที่เท้า ก็เจ็บทรุดลง อุปมาเข้าไปประคอง สไบนางโกรธจัดผลักไปอย่างแรง อุปมาเลยถอยห่างไม่ช่วยพยุง สไบนางล้มไปกับพื้น อาทิตย์ลงมาพอดีตกใจ รีบเข้ามาประคอง
“เป็นอะไรบู้บี้”
สไบนางเหลือบตาจ้องอุปมาตาขวาง กำชับ
“อย่าพูดมากนะ”
อุปมายิ้มกวนๆให้
“ลูกไม้เดิมๆ” เสียงเมธาวีดังขึ้น
สไบนางหันมอง เมธาวีเดินกอดอกตรงเข้ามาหา
“ไม่รู้จะเรียกร้องความสนใจไปถึงไหน เขารู้ทันเธอกันหมดแล้ว”
สไบนางเจ็บใจ กระซิบบอกอาทิตย์
“อุ้มบีเดี๋ยวนี้”
อุปมาเหล่ๆ มองสไบนาง อย่างอ่านออกว่าคิดยั่วเอาคืนเมธาวี อาทิตย์งงๆ มองหน้าสไบนาง
“ฉันบู้บี้สมชื่อที่พี่ตั้งให้แล้วไม่เห็นรึไง ฉันเดินไม่ไหว”
อาทิตย์ยิ้มๆ
“โอเค โอเค”
อาทิตย์ช้อนตัวสไบนางอุ้มขึ้นมา สไบนางทำหน้าเย้ยๆ ใส่เมธาวี กะยั่วให้โมโหหึงเล่นๆ เมธาวี หน้าตาเฉยเมยพูดแขวะ
“ซ้อมลิเกไว้โชว์วันเกิดคุณย่าเหรอจ๊ะ” เมธาวียิ้มหยัน “อาทิตย์ก็เล่นด้วยเหรอ”
อุปมาหลุดขำออกมาที่แผนการของสไบนางไม่ได้ผล สไบนางเจ็บใจมาก
“พาบีขึ้นบ้านเร็วๆ ซิ”
อาทิตย์อุ้มสไบนางเดินไปขึ้นบ้าน สไบนางโวยวาย
“เร็วๆ”
อาทิตย์อุ้มไปพร้อมบ่น
“ตัวไม่ใช่เบาๆ”
สไบนางดีดตัวลง
“ไม่ทันใจเลย”
สไบนางกระโดดขาเดียวไปทางตัวบ้าน อาทิตย์เดินตามไป
“เดี๋ยวก็ขาเจ็บอีกข้างหรอก”
อาทิตย์ตามไปประคองสไบนางพาเข้าบ้านไป เมธาวีหันมามองอุปมา
“พบตัวที่ไหนคะ ทำฤทธิ์เดชใส่คุณรึเปล่า”
อุปมายิ้มๆ
“ก็เอาเรื่องครับ...คุณเมจะไม่ถามเหรอว่าทำไมน้องสาวคุณถึงขาเจ็บ”
เมธาวียักไหล่
“บีทำอะไรได้หลายอย่างเพื่อเอาแผลมาอวดคุณย่า คุณย่าก็จะหลงกล โอ๋จนลืมความผิด เมรู้ทันน้องสาวคนนี้ดี...จะขึ้นไปพบคุณย่ามั้ยคะ”
“รอซักครู่ก็ได้ครับ ให้โอกาสน้องสาวคุณแก้ตัวก่อน”
“ระวังจะโดนใส่ไฟนะคะ เด็กคนนี้เป็นหัวใจของคุณย่า วันนี้คุณย่าไม่เชื่อวันหน้าก็ไม่แน่”
อุปมาจ้องตาเมธาวี ส่งสายตาเป็นประกาย
“ถ้าขู่ว่าคุณเมจะไล่ผมกลับบ้าน ไม่ต้อนรับผมอีกแล้ว ผมคงจะกลัวมากกว่านี้นะครับ”
เมธาวีและอุปมาสบตากัน สัมผัสได้ว่าสายตามีใจให้กัน
“เมไม่ใช่คนใจร้ายขนาดนั้นหรอกค่ะ”
เมธาวียังสงวนท่าทีเล็กน้อยแล้วเดินนำกลับเข้าบ้านไป อุปมามองตามยิ้มกริ่มพอใจ รู้สึกได้ถึงพัฒนาการที่ก้าวหน้าขึ้นอีกขั้น
+ + + + + + + + + + + +
บังอรรีบเดินเข้ามารายงานคุณหญิงรุจาในห้องนอน
“คุณบีมาแล้วค่ะคุณท่าน”
คุณหญิงรุจาพยักหน้ารับ เหลือบตามองไปทางหน้าห้อง สไบนางขากระเผลกๆแต่พยายามจะลากอาทิตย์เข้ามาในห้องด้วยให้ได้
“ให้พี่รอข้างนอกดีกว่า นี่มันห้องนอนคุณย่านะ”
“ไม่เป็นไร เข้ามาด้วยกันซันนี่”
สไบนางพยายามลากอาทิตย์เข้ามาเป็นเพื่อนให้ได้ คุณหญิงรุจามองๆแล้วเอ่ยเรียก
“เข้ามาเถอะอาทิตย์...ขนาดต่อหน้าคุณอุปมาที่ไม่สนิทกัน ย่ายังเคยดุเด็กดื้อมาแล้ว ใครก็ช่วยกันไม่ได้หรอก”
สไบนางและอาทิตย์ชะงักไป
“เห็นมั้ยล่ะ บอกแล้วว่าไม่เป็นไร”สไบนางทำฟอร์ม
อาทิตย์จะเดินนำเข้าไป สไบนางกระชากแขนเอาไว้ แล้วสำออยทำเกาะกระแผลกเจ็บหนักขึ้นมาทันที อาทิตย์เหล่มอง สไบนางถลึงตาใส่อารมณ์ขัดใจให้ทำอะไรก็ทำไป คุณหญิงรุจามองไปที่สไบนาง...
“โอ๊ย...เดินช้าๆ สิพี่อาทิตย์”สไบนางปั้นหน้าเจ็บปวด ขยับขาลำบาก
คุณหญิงรุจาแอบมองด้วยแววตาเป็นห่วงหลานสาว สไบนางทำปล่อยแขนอาทิตย์ ปั้นหน้าเศร้าจะเดินเข้ามาหาย่า ทำมารยาขาเจ็บร้องโอ๊ยล้มไปกับพื้น คุณหญิงรุจาและบังอรร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ บังอรรีบไปประคองสไบนาง อาทิตย์แอบอมยิ้มในมารยาแพรวพราวของเธอ สไบนางพยายามกระดึ๊บๆ ไปกราบตักคุณหญิงรุจา
“คุณย่าขา บีกราบขอโทษค่ะ”
คุณหญิงรุจานั้นแอบใจอ่อนสงสารเกินครึ่งมาแล้ว แต่พยายามปั้นหน้าโกรธเอาไว้
“เราหายไปไหนมาทั้งวัน”
“บีไปบ้านฝน คุยเล่นกัน ช่วยฝนเลี้ยงหลาน กินข้าวเย็นเสร็จบีก็กลับมาบ้าน”
“แล้วทำไมต้องปิดมือถือด้วย รู้มั้ยทุกคนเค้าเป็นห่วง”
“ก็บีงอนคุณย่านี่คะ”สไบนางทำหน้ากระเง้ากระงอด “ยิ่งรักมากก็ยิ่งงอนมากเข้าใจมั้ยคะคุณย่า”สไบนางสะบัดสะบิ้งทิ้งค้อน
อาทิตย์และบังอรแอบยิ้มให้กัน ในลีลาออดอ้อนย่าของสไบนาง คุณหญิงรุจามองขาสไบนาง
“แล้วนี่ขาเราไปโดนอะไรมา”
สไบนางบีบน้ำตาทันที
“บีกลัวค่ะคุณย่า ต่อไปบีไม่กล้าว่าอะไรเค้าอีกแล้ว”
ทุกคนงงๆ มองหน้ากัน
“บีหมายถึงใคร”
“คุณอุปมาค่ะคุณย่า”
ทุกคนตกใจปนแปลกใจ สไบนางไม่กล้าสู้ตานักเพราะโกหก แต่ก็ยังคงพูดต่อ...
“เขาพยายามลากบีขึ้นรถ จะพาไปไหนก็ไม่ยอมบอก บีขอกลับบ้าน บอกคิดถึงคุณย่าเขาก็ไม่ยอมให้กลับ บีหนีเขา เขาก็ขับรถไล่ตามจนบีหกล้มขาแพลง...บีด่าเขา เขาก็เลยตบหน้าบี” สไบนางแกล้งบีบน้ำตา ร้องไห้โฮ
คุณหญิงรุจาโกรธจัด ของขึ้น
“มากเกินไปแล้ว ถือดียังไงมาทำกับหลานฉันยังงี้...”
สไบนางแอบอมยิ้ม
“แม่อรไปดูสิอุปมากลับไปรึยัง ถ้ายังตามตัวมาพบฉันที่ห้องรับแขก”
“ค่ะคุณท่าน”บังอรรับคำเดินออกไปอย่างไม่สบายใจ
สไบนางแอบกังวลๆ เล็กน้อย คิดหาทางแก้ลำอุปมาต่อในใจ อาทิตย์จับตามองสไบนางอย่างระแวงๆ
“บู้บี้...เรื่องจริงหรือละคร”
“อาทิตย์...ทำไมพูดกับน้องยังงี้...แม่บีถึงจะเจ้าอารมณ์เอาแต่ใจแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยโกหกย่า” คุณหญิงรุจาเสียงแข็ง
อาทิตย์จ๋อยๆไป
“ขอโทษครับคุณย่า ผมทำงานจนเคยชิน ไม่อยากฟังความฝ่ายเดียวน่ะครับ”
สไบนางเหลือบตามาจ้องหน้าอาทิตย์ สายตาดุๆ
“เดี๋ยวก็รู้ ถ้าอุปมาเป็นลูกผู้ชายพอ เค้าต้องพูดความจริง”
สไบนางแววตากังวลๆ อยู่ในที
+ + + + + + + + + + + +
อุปมาเข้ามาพบคุณหญิงรุจาที่ห้องรับแขก เขาเหมือนเป็นจำเลย นั่งอยู่ต่อหน้าคุณหญิงรุจา สไบนาง วิจิตรา และบังอร
อาทิตย์กับเมธาวีนั้น ไม่ปักใจเชื่อคำพูดของสไบนาง อุปมาเหลือบตามอง สไบนางเชิดหน้าไม่แคร์
“เขาฟ้องคุณย่าว่ายังไงนะครับ”อุปมาถามหน้านิ่ง
“บีเขาว่าคุณพยายามจะลากเขาขึ้นรถ บีไม่ยอม คุณก็ขับรถไล่ จนบีหกล้มขาแพลง”
อุปมาเหลือบตามองสไบนางอีกครั้ง สไบนางอมยิ้มเย้ยๆ คุณหญิงรุจาจ้องหน้าอุปมา
“บีเจ็บคุณก็ไม่หยุด จะกระชากบีขึ้นรถให้ได้ บีเลยด่าคุณ คุณก็เลยตบหน้าหลานสาวฉัน”
วิจิตราตกใจ นึกไม่ถึง
“ตายแล้ว...”
อุปมาหันขวับจ้องหน้า สไบนางหลบตาขวับเพราะโกหก ลุ้นๆจะโดนแฉมั้ย แต่ตนก็เตรียมแผนสองเอาไว้แล้วในใจ อาทิตย์จับตาดูปฏิกิริยาของสไบนางอย่างจับสังเกต เมธาวีแอบอมยิ้มชอบใจปนสมน้ำหน้า
“คุณอุปมา คุณจะแก้ตัวว่ายังไง”คุณหญิงรุจาถามเสียงแข็ง
ทุกคนหันมองมามอง อุปมาหน้านิ่ง ดูไม่รู้สึกรู้สาอะไร ก่อนตอบไปอย่างปกติ
“ผมกราบขอโทษครับคุณย่า ที่ใจร้อนทำรุนแรงไปหน่อย”
สไบนางหันขวับจ้องหน้าอุปมา แปลกใจที่เขาไม่แฉ
“แต่ผมมีเหตุผล...หลานสาวคุณย่าโตแล้ว ไม่ใช่เด็กๆ ที่ต้องคอยเอาใจ ให้อภัยในความไร้เดียงสาอยู่ตลอดเวลา”
สไบนางถลึงตาใส่อุปมา ขณะที่เมธาวีอมยิ้มถูกใจ
“การที่บีหนีจากบ้านไปทำให้คุณย่าเป็นห่วงสารพัด ผมคิดว่าเขาสมควรถูกลงโทษเสียบ้าง ผมเสียใจที่ทำรุนแรงเกินไปหน่อย”
สไบนางขบฟันแน่นด้วยความเจ็บใจ คุณหญิงรุจาโกรธแต่พยายามข่ม เพราะรักษามารยาท มือสั่นหน้าสั่น ตาแข็งกร้าว พูดเสียงมีอำนาจ
“ตลอดเวลาสิบกว่าปีที่บีมาอยู่กับฉัน ฉันสาบานได้ครั้งเดียวเท่านั้นที่ฉันเคยลงโทษหลานคนนี้...ฉันขอบอกให้ทุกคนรับรู้ ฉันเสียใจเหลือเกินกับการกระทำของคุณอุปมา”
คุณหญิงรุจาจ้องหน้าอุปมา ตาดุดัน ทุกคนเงียบกริบ สัมผัสได้ถึงความโกรธของคุณหญิงรุจา
“ใครจะว่าฉันเลี้ยงหลานไม่เป็น เลี้ยงหลานตามใจเกินไปก็สุดแล้วแต่จะคิด ใครไม่ตกอยู่ในสภาพอย่างฉัน ไม่มีวันเข้าใจ...”คุณหญิงรุจาเหลือบตามองสไบนาง น้ำตาคลอ “บีคือหัวใจของฉัน ใครทำร้ายบีก็เหมือนทำร้ายฉันด้วย”
สไบนางอดน้ำตาคลอตามขึ้นมาไม่ได้
“คุณอุปมากลับไปก่อนเถอะ”คุณหญิงรุจาบอกเรียบนิ่ง
อุปมาหน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
“ผมต้องขอโทษคุณย่าอีกครั้ง ผมลาครับ”
อุปมาไหว้คุณหญิงรุจาและวิจิตราก่อนเดินหน้านิ่งกลับออกไป สไบนางหางตามองตาม สายตาสมน้ำหน้าชิงชัง ทั้งที่น้ำตาคลอๆ
“เมไปส่งคุณอุปมาก่อนนะคะ”เมธาวีลุกเดินตามอุปมาออกไป
ทุกคนอึ้งๆ โดยเฉพาะอาทิตย์และวิจิตรา
“แม่เม...จะไปส่งเขาทำไม”
เมธาวีเดินออกไปอย่างไม่ฟังเสียงทัดทานของแม่ วิจิตราได้แต่ถอนใจออกมาอย่างหนักใจแล้วลุกเดินกลับออกไปก่อน คุณหญิงรุจา หันไปหาอาทิตย์
“อาทิตย์ เดี๋ยวไปส่งย่าหน่อยนะ ย่าอยากพาบีไปค้างที่บ้านสวน”
“คืนนี้เลยเหรอครับ”อาทิตย์ถามอย่างแปลกใจ
คุณหญิงรุจาพยักหน้ารับ บอกสไบนางและบังอร
“รีบไปเตรียมตัวเถอะ เดี๋ยวคุณอาทิตย์จะเสียเวลา”
คุณหญิงรุจาถอนใจแล้วลุกเดินนำกลับไปหน้าเครียดๆ บังอรรีบลุกเดินตามไปจัดการตามคำสั่ง อาทิตย์เหล่มองสไบนางด้วยสายตาตำหนิ สไบนางหลบสายตาแล้วรีบเดินหนีตามย่าไป อาทิตย์ได้แต่ถอนใจยาวออกมาอย่างไม่ค่อยสบายใจ
อุปมาเดินหน้านิ่งกลับไปที่รถ เมธาวีตามออกมาเรียกไว้
“โกรธคุณย่ารึเปล่าคะ”
อุปมาหันมามองเมธาวียิ้มหวานให้
“ผมทำผิดจริงๆ โดนท่านตำหนิก็ถูกต้องแล้ว ลูกใครหลานใครใครก็รัก”อุปมายักไหล่
“เมต้องขอบคุณคุณมากนะคะ”
อุปมางงเล็กน้อย
“ขอบคุณผม”
“ค่ะ ที่ช่วยอบรมดัดนิสัยยัยบีซะบ้าง ปกติไม่มีใครกล้าทำคุณย่าก็ตามใจจนเหริง”เมธาวีแอบสะใจ
“คุณย่าคงโกรธผมมาก”
“คุณย่าโกรธง่ายหายเร็วค่ะ”
“แต่ผมก็อดใจเสียไม่ได้นะครับ ตอนคุณย่าโกรธน่ากลัวเอาเรื่อง โดยเฉพาะสายตา”อุปมาทำเป็นพูดอ้อนๆ
เมธาวียิ้มๆ
“ขวัญอ่อนจังเลยนะคะ”
“คุณเมไปเป็นเพื่อนทานข้าว ปลอบขวัญผมหน่อยได้มั้ยครับ”อุปมาหน้าตาท่าทางเจ้าชู้ ออดอ้อน
เมธาวีหัวเราะขำๆ กับท่าทีของอุปมา
+ + + + + + + + + + + +
วิจิตราเดินตามเมธาวีเข้าห้องนอนมาติดๆ
“แม่ไม่เห็นด้วยเลยนะ ที่เมทำตัวสนิทชิดเชื้อกับนายอุปมาขนาดนั้น”
เมธาวีเหมือนไม่ฟัง เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้ามองหาชุดสวย ตัดสินใจแหวกเลือกเสื้อผ้าดูไป
“แม่ชอบอาทิตย์มากกว่า ชาติตระกูลเช็คได้ พ่อแม่ก็รู้จักกันหน้าที่การงานก็ดี รวยจริง ส่วนนายอุปมาก็แค่ลูกเพื่อนพ่อเรา เพื่อนคนไหน แม่ก็ไม่เคยรู้จัก ไม่เห็นพ่อเราเคยพูดถึง”
เมธาวีเดินไปเลือกเสื้อผ้าอีกตู้
“พอนายนั่นโดนคุณย่าไล่กลับบ้าน เมก็ตามไปส่งเขา แล้วนี่ยังจะไปกินข้าวกับเขาอีก อาทิตย์จะคิดยังไง”
เมธาวีชักรำคาญ หันมองหน้าแม่
“อาทิตย์จะคิดยังไงก็เรื่องของเขาสิคะ เมยังไม่ได้ปิดตัวเองที่อาทิตย์ เมยังมีโอกาสศึกษาผู้ชายคนไหน ก็ได้และคุณอุปมาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่เมสนใจ”
เมธาวีเดินเข้าห้องน้ำ ปิดประตู
“ศึกษาได้แต่อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจนะลูก รอให้แม่เช็คให้แน่ใจก่อนว่าเขารวยจริงรึเปล่า อย่าใจร้อนนะเม นะ” วิจิตราเดินตามไปพูดหน้าประตู
+ + + + + + + + + + + +
อุปมาเดินคู่กับเมธาวีที่ดูสวยสง่าสมกันเข้ามาในร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง เมธาวีสวยจนเป็นเป้าสายตาของหนุ่มๆ ธนูที่นั่งอยู่โต๊ะมุมหนึ่งจับตามองเมธาวีไม่วางตา จนวิมาดาที่นั่งตรงข้ามผิดสังเกต
“มองอะไรของคุณ”
ธนูรีบดึงสายตากลับ วิมาดาหันไปมองต้องผงะไปด้วยความตกใจ ที่เห็นอุปมากำลังดึงเก้าอี้ให้เมธาวีนั่งลง วิมาดารีบดึงสายตากลับทันที
“เก็บเงินเถอะ วิง่วงแล้วอยากกลับบ้าน”
“ไหนวิว่ามีเรื่องอยากคุยกับผมไง”
“ค่อยคุยทีหลังก็ได้ค่ะ วิไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
วิมาดารีบลุกเดินหลบๆ หลีกๆ ไปทางห้องน้ำ แต่ก็แอบมองไปทางเมธาวีและอุปมาอย่างไม่พอใจนัก
ทางด้านอุปมาและเมธาวี นั่งคุยกันอย่างยิ้มแย้มอยู่ที่โต๊ะ...
“อยากเห็นคุณลุงบารมีเร็วๆ จัง ไม่รู้ว่าจะมีส่วนคล้ายกับคุณอุปมาแค่ไหน”
“เรียกมาร์คเถอะครับ เลิกเรียกอุปมาตามคุณย่าคุณซะทีเถอะ”
เมธาวียิ้มๆ กระเซ้า
“ทำไมคะ ยังผวากลัวโดนดุไม่หายเหรอ”
อุปมายิ้มขำ
“แซวคนอื่นเป็นด้วยเหรอ”อุปมาพูดพร้อมทำท่าเลียนแบบเมธาวีประกอบ “นึกว่าเป็นแต่วางฟอร์มทำหน้าบึ้งๆ ตลอดเวลา”
เมธาวีเขินเล็กน้อย ค้อนอุปมาตาเขียว
“เมถามถึงคุณลุง เรื่องอะไรมาแซวเม จะไม่เล่าต่อแล้วใช่มั้ยคะ”
อุปมายิ้มแย้ม
“เล่าสิครับ...คุณพ่อก็ตัวไล่เลี่ยกับผมนี่แหละ เราใช้เสื้อผ้าของกันได้ พ่อผิวคล้ำกว่าผมหน่อย”
“คุณลุงพบรักกับคุณป้าที่เมืองนอกเหรอคะ”
“ครับ”อุปมานึกแล้วยิ้มๆ
“ตอนแต่งงานใหม่ๆ พ่อไม่รู้ว่าแม่รวย แม่เล่าว่าผู้ชายไทยมีอะไรแปลกๆ ชอบรังเกียจทรัพย์สมบัติของภรรยา”
เมธาวียิ้มๆ
“ผู้ชายไทยรุ่นคุณลุงถือศักดิ์ศรีเป็นใหญ่ไงคะ ผู้ชายต้องหาเลี้ยงครอบครัว นั่นคือหน้าที่ที่เขาภูมิใจ ถ้าผู้หญิงมาแย่งหน้าที่ไปทำ ก็เหมือนถูกลดศักดิ์ศรี”
“พ่อเคยบอกแม่ว่าพ่อไม่ใช่แมงดา เชื่อมั้ยครับ จนเดี๋ยวนี้ พ่อยังเป็นลูกจ้างของแม่ รับแค่เงินเดือนกับสวัสดิการอยู่เลย...”อุปมายิ้มบางๆ นึกย้อนหลัง “กว่าจะตกลงกันได้ ผมก็เกิดพอดี พ่อดีใจมากที่ผมเป็นลูกชาย...ผมโตที่อเมริกา ก่อนจะย้ายไปทำงานกับบริษัทของแม่แถบอาหรับ...เมเบื่อมั้ยครับ”
“ไม่เลยค่ะ เมชอบฟัง เล่าต่อเลยค่ะ”
“เก็บข้อมูลเกี่ยวกับผมอยู่ล่ะสิ”
เมธาวีค้อน
“ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า”
“อยากเล่าสิครับ...พ่อบอกจะเลี้ยงผมให้เหมือนลูกผู้ชายไทย มีความรับผิดชอบตามแบบผู้ชายไทย”
“คุณพูดไทยชัดมาก ไม่บอกไม่รู้เลยนะว่าเกิดและโตที่เมืองนอก”
“พ่อพยายามให้เราทำชีวิตให้เหมือนอยู่เมืองไทย เป็นคนไทยให้มากที่สุด พ่อพูดไทยกับผมตั้งแต่เกิด สถานที่ที่ไปประจำก็คือวัดไทยกับสถานทูต”
“ไม่น่าคุณถึงได้รู้อะไรๆ เกี่ยวกับคนไทยลึกซึ้งดีทีเดียว”
“ยกเว้นผู้หญิงไทย”อุปมาจ้องตา “ผมรู้สึกว่าตามความคิดไม่ค่อยทัน”
เมธาวีหลบสายตาไปเล็กน้อย อุปมาส่งสายตาจริงจัง
“คุณเมแต่งงานกับผมได้มั้ยครับ”
เมธาวีผงะอึ้งไปเลย ตั้งตัวไม่ทันเลยทีเดียว
“ยังไม่ต้องตอบผมตอนนี้หรอกครับ แค่ฝากคำถามทิ้งเอาไว้เฉยๆ”
อุปมายิ้มๆ ยกเมนูขึ้นมาเปิดอ่านไป เมธาวีแอบอมยิ้มอยู่ไปมาก่อนยกเมนูขึ้นเปิดปิดหน้าอ่านแก้เขินไป
+ + + + + + + + + + + +
(อ่านต่อหน้า 2 )
(รอยมาร ต่อ)
ธนูรีบเดินตามวิมาดาออกมาที่ลานจอดรถ
“ไม่สบายรึเปล่าวิ คุณดูซึมๆไปนะ”
วิมาดาหันมามองหน้าเคร่งเครียด
“วิต้องการอิสรภาพ”
ธนูชะงักไปเล็กน้อย
“คุณไปจากชีวิตของวิซะทีได้มั้ยคะ”
“เพราะสายทิพย์ใช่มั้ย ไม่เอาน่าวิ...”
“ไม่เกี่ยวกับคุณทิพย์...”วิมาดาพูดอย่างจริงจัง ใส่อารมณ์ “ไม่ใช่เรื่องภรรยาคุณ ไม่ใช่เรื่องของเราสามคน แต่เป็นเรื่องวิ เป็นอนาคตของวิคนเดียว”
“นี่วิพูดถึงอนาคตคุณคนเดียว โดยที่ไม่มีผมอยู่ด้วยเหรอ”
“ค่ะ”วิมาดาน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง
ธนูเข้าไปจับแขนวิมาดา
“ใจเย็นๆ น่าวิ”
วิมาดาปัดมือธนูออก
“วิใจเย็นมานานเกินไปแล้ว วิต้องการอิสระ วิตอบแทนให้คุณคุ้มแล้วนะคะ”วิมาดาจ้องหน้า “ความจริงวิตอบแทนให้คุณมากและนานเกินไปด้วยซ้ำ”
“ไม่หรอกวิ ผมไม่ถือเป็นบุญคุณ คุณก็รู้ ว่าผมรักคุณ”ธนูเข้าไปกอดวิมาดาเอาไว้ “เราเหมาะสมกันทุกอย่าง ผมไม่รู้ว่ายังมีปัญหาอะไรอีก”
วิมาดาผลักธนูออก
“วิไม่ได้...”วิมาดาหยุดพูดอย่างใช้ความคิด
ธนูน้อยใจ
“อย่าบอกนะว่าคุณไม่ได้รักผม”
ธนูจ้องหน้า วิมาดาครุ่นคิดว่า...อะไรยังไม่แน่นอนเธอต้องเลี้ยงเอาไว้ก่อน เธอจึงพูดด้วยท่าทีที่ดีขึ้น...
“วิไม่ได้อยากเป็นเมียน้อยไปตลอดชีวิต”
“แล้วใครว่าผมจะไม่หย่ากับสายทิพย์ล่ะ ขอเวลาผมอีกหน่อยได้มั้ยวิ”
วิมาดาหน้าเคร่งเครียด จะตัดธนูทิ้งก็เสี่ยงจะไม่เหลือใคร
“วิปวดหัวเราแยกกันตรงนี้เลยนะคะ”
วิมาดาเดินฉับๆไปขึ้นรถตัวเอง ธนูมองตามไปได้แต่ถอนใจยาวออกมา
+ + + + + + + + + + + +
สไบนางจูงมือคุณหญิงรุจาพาเดินเล่นหน้าบ้านสวน หลังจากอาทิตย์กลับไปแล้ว...สไบนางหน้าแช่มชื่น
“บีชอบบ้านสวนมั้ยลูก”คุณหญิงรุจาถามขึ้น
“คุณย่าไม่น่าถาม”
“ย่าจะยกให้บีนะ”
สไบนางงงๆ
“อะไรนะคะ”
คุณหญิงรุจาจูงสไบนางมานั่งคุยกันที่ม้าสนาม
“รอให้เราขาหายเจ็บก่อน แล้วเราไปจัดการโอนให้เรียบร้อย”
“บีรักบ้านสวนมาก แต่ไม่เคยคิดอยากได้เป็นของตัวเอง”
“ย่ารู้ว่าบีคิดอะไร เคยคิดมั้ย ว่าถ้าย่าตายแล้วเราจะอยู่กับใคร”
สไบนางหน้าเสีย
“คุณย่าพูดอะไรไม่เห็นดีเลย คุณย่าก็อย่าตายสิคะอยู่กับบีไปเรื่อยๆ”
คุณหญิงรุจาขำๆ
“พูดอย่างคนไม่เตรียมการ ถ้าย่าตายแล้วบีจะทำยังไง”
“บีก็ร้องไห้ ร้องไห้ ไม่กินข้าว ประท้วงจนกว่าย่าจะฟื้น”
คุณหญิงรุจายิ้มๆ มองหน้าหลานสาวอย่างสงสาร
“ย่าตายแล้ว เราจะประท้วงกับใครฮึ”
สไบนางมองหน้าย่า เศร้าๆ สวมกอดเอาไว้
“เราก็กลัวเหมือนย่ากลัวใช่มั้ย ย่าเหมือนไม้ใกล้ฝั่งเข้าไปทุกทีแล้วนะบี”
สไบนางน้ำตาคลอๆ รีบพูดขัด
“คุณย่าอย่าพูดอีกเลย ต่อไปบีสัญญาจะไม่ดื้อกับคุณย่าอีกแล้ว”
คุณหญิงรุจายิ้มเอ็นดู
“ความดื้อของเราคือความสุขของย่านะบู้บี้ ย่ารู้ว่าท่าทางเราแก่นแก้ว แต่จิตใจเรามันอ่อนไหว รู้ใช่มั้ยว่าย่ารักเรามาก”
“ค่ะคุณย่า”
สไบนางโอบคุณหญิงรุจา กอดซบเอาไว้ คุณหญิงรุจาหันไปมองตัวบ้าน
“บ้านสวนนี้ควรเป็นของบีอย่างเร็วที่สุด ย่ากลัวจะไม่เหลืออะไรไว้ให้เราเหมือนที่พ่อของเราไม่ได้อะไรกับเขาเลย”
สไบนางขยับตัวออก
“คุณย่าตกลงกับคุณลุงก่อนไม่ดีเหรอคะ จับสลากกันก็ได้ หลานย่ายังมีพี่เมกับพี่ทศอีก ยกบ้านสวนให้บีคนเดียวมันไม่ยุติธรรม”
คุณหญิงรุจามองหลานสาวด้วยสายตาจริงจัง
“ฟังนะบี บ้านสวนเป็นของย่า เป็นสมบัติโดยชอบธรรมที่ปู่เรามอบให้ย่า ลุงเราไม่มีสิทธิ์ พ่อมุขได้ไปมากแล้ว มากจนน่าเสียดายแทนลูกเมีย”
สไบนางได้แต่ถอนใจออกมา ด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ คุณหญิงรุจาลูบหัวสไบนาง
“จำไว้บี ถ้าย่าเป็นอะไรไป บียังมีพ่อทศอีกคนที่ย่าไว้ใจ และพอจะฝากฝังเราให้ดูแลแทนย่าได้”
“ค่ะคุณย่า”
สไบนางน้ำตาคลอสวมกอดย่าเอาไว้ คุณหญิงรุจาลูบผมหลานสาวไปมา พร้อมถอนใจยาวออกมาด้วยแววตาเครียดๆ
+ + + + + + + + + + + +
หลังจากที่ทานอาหารกันเรียบร้อนแล้ว อุปมาเดินมาเปิดประตูรถให้เมธาวีขึ้นมานั่ง
“ขอบคุณค่ะ”
อุปมายิ้มแย้มอารมณ์ดีรีบวิ่งมาขึ้นรถขับออกไป พอรถอุปมาขับออกจากลานจอดรถ วิมาดาที่จอดรถซุมดูอยู่ก็ขยับรถขับตามออกมาห่างๆ
อุปมาขับรถมาส่ง เมธาวี ที่หน้าบ้านอัคราช วิมาดาขับรถมาจอดซุ่มอยู่ห่างๆ ปิดไฟรถจนมืดสนิท รอจังหวะอยู่ในรถ อุปมาเปิดประตูให้เมธาวีลงมาจากรถ เมธาวียิ้มแย้มให้เขา
“ขอบคุณค่ะ...”
“ถ้าคุณย่าไม่ยอมให้ผมเข้าบ้านอีก เราจะได้เจอกันอีกมั้ยครับ”อุปมาพูดพร้อมส่งสายตาหวานเยิ้ม
เมธาวียิ้มบางๆ
“คุณก็รู้นี่คะว่าจะตามหาเมได้ที่ไหนบ้าง”
“เบอร์โทรก็ไม่ยอมให้ผม ยังงี้อยากหลบกันแหงๆ”อุปมาอ้อน
เมธาวีกุมโทรศัพท์เอาไว้
“เมมีเบอร์คุณแล้วนี่คะ”
“มีแต่ไม่โทร ก็เหมือนไม่มีแหละครับ”
“อยากคบกับเมอย่าใจร้อนค่ะ กู๊ดไนท์นะคะ”
เมธาวีเดินยิ้มๆ เข้าบ้าน อุปมามองตามยิ้มปลื้มก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถ ทันทีที่นั่งแตะเบาะ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขัดขึ้นทันที อุปมายิ้มพอใจว่าต้องเป็นเมธาวีแหงๆ กดรับเลย
“ว่าไงครับ”
“เสียงสดชื่นจังเลยนะคะ”เสียงวิมาดาดังมาจากปลายสาย
อุปมายิ้มเจื่อนไปเล็กน้อย
“มาร์คจะกลับคอนโดมั้ยคะ”
อุปมาขับรถออกมาจากบ้าน พร้อมคุยโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ
“คงไม่หรอกวิ คืนนี้ผมต้องกลับไปดูบ้านให้พ่อ...”
อุปมาขับรถเลี้ยวออกไปอีกด้าน
“ไม่เป็นไรค่ะ วิจะได้ไม่ต้องรอ กู๊ดไนท์นะคะ”
วิมาดากดตัดสายพร้อมๆ กับเปิดไฟหน้ารถแล้วขับตามรถอุปมาไป ด้วยความอยากรู้จักบ้านพ่ออุปมาว่าอยู่ที่ไหน
อุปมาขับรถเข้ามาจอดที่โรงรถ กำลังจะลง เหลือบตาเห็นนามบัตรหนึ่งตกอยู่ที่พื้นฝั่งคนนั่ง เขาขยับตัวไปหยิบนามบัตรขึ้นมาดู อุปมายิ้มๆอ่านชื่อเจ้าของนามบัตร
“เมธาวี อัคราช...ฟอร์มเธอเหนือชั้นจริงๆ”
อุปมาเดินถือนามบัตรลงจากรถไปเข้าบ้านอย่างอารมณ์ดี วิมาดาขับรถเลยมาจอดเทียบรั้วบ้านกดกระจกหน้าต่างรถลงเพื่อมองบ้านไทยของอุปมาให้ถนัด วิมาดามองเห็นความโอ่อ่าใหญ่โตของบ้านก็ยิ้มปลื้ม
“ว้าว...ลาก่อน ธนู”
วิมาดาอมยิ้มมุมปากพอใจ ฝันไปไกล
ทางด้านเมธาวีในชุดนอนนั่งแปรงผม อยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งอย่างอารมณ์ดี ขณะเดียวกันนั้น เสียงส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือดังเตือนขึ้น เมธาวีหยิบโทรศัพท์มากดดูข้อความ
‘...ผมยังรอคำตอบอยู่นะครับ...กู๊ดไนท์...’
เมธาวียิ้มพอใจ วางโทรศัพท์มือถือลง แล้วแปรงผมต่อไปอย่างยิ้มแย้มอย่างมีความสุข
+ + + + + + + + + + + +
ตอนสายๆของวันใหม่ สไบนางอยู่บนต้นชมพู่โยนชมพู่ลงมาให้ ระเบียบรับใส่ตระกร้า
“เต็มตะกร้าแล้วค่ะคุณบี”
สไบนางปีนลงต้นชมพู่มา ปัดไม้ปัดมือที่เปื้อน
“คุณบีคะ ทำไมผู้หญิงกับผู้ชายถึงจูบกันคะ”
สไบนางเข่าทรุดไปเลยกับคำถามของระเบียบ ภาพที่เธอโดนอุปมาจูบปากแวบเข้ามา สไบนางส่ายหน้า สะบัดความคิดให้หลุดไปจากหัว
“ก็เขาทะลึ่งน่ะสิ”
สไบนางเดินหนี ระเบียบเดินตามมาถามต่อ
“แสดงว่าคุณมาร์คทะลึ่งมากๆ”
สไบนางหยุดกึกหันมามองหน้าระเบียบ
“เธอหมายถึงมาร์คไหน”
“ก็คุณมาลูกชายลุงมีที่บ้านไทยไงคะคุณบี”
“เขาไม่ได้ชื่อมาร์คซะหน่อย เขาชื่อคุณมา”
“มาร์คจริงๆค่ะ เขาโตที่เมืองนอกชื่อจริงว่าอุปมา มีคุณบีคนเดียวแหละที่เรียกว่าคุณมา”
สไบนางชักสงสัย พึมพำออกมา
“อุปมา มาร์ค นายมาลูกลุงมี”สไบนางชักทะแม่งๆ ซักต่อ “ลูกชายลุงมีของเบียบ หน้าตาเป็นยังไง”
“หล่อมากค่ะ ไว้หนวด ไว้เครา เท่มากเลยค่ะคุณบี”
“ไม่ใช่ ลูกลุงมีใส่แว่น หน้าตาสะอาดสะอ้าน”
“ไม่ใช่ค่ะ”
“เอ๊ะ...เบียบ อย่ามาเถียงฉันนะ”
“งั้นไปดูด้วยกันเลย เมื่อเช้าเบียบเจอป้อมกับน้าแรมที่ตลาด บอกว่าวันนี้คุณมาร์คอยู่บ้าน”
“ไปเลย ถ้าไม่ใช่ฉันจะขี่คอเธอกลับบ้าน”
สไบนางดินนำไป ระเบียบเดินตามถาม
“แล้วถ้าใช่ล่ะคะคุณบี”
“เธอให้ฉันขี่คอกลับบ้าน”
ระเบียบเดินตามติดไปพร้อมใช้ความคิด งงๆ
“ต่างกันตรงไหนคะคุณบี”
+ + + + + + + + + + + +
อุปมาเดินกลับเข้ามาที่โถงบ้าน เห็นวิมาดานั่งยิ้มแย้มรออยู่ ก็ชะงักไปเล็กน้อย อุปมาข่มความไม่พอใจเอาไว้
“เด็กไปบอกว่ามีแขก ไม่คิดว่าเป็นคุณ”
วิมาดายิ้มแย้ม
“ตกใจหรือแปลกใจคะ”
“ไม่ทั้งสองอย่าง เพราะคิดว่าวันหนึ่งคุณก็ต้องหาบ้านนี้เจอจนได้”
“ฟังเหมือนไม่อยากให้วิมา”
อุปมาหน้านิ่งๆเดินมานั่ง
“มีธุระอะไรเหรอครับ...หรือแค่อยากมาดูบ้าน”
วิมาดายิ้มแย้ม ไม่แคร์
“วิอยากมาบอกว่าวิลาออกจากงานเรียบร้อยแล้ว...วิตั้งใจมาของานคุณทำ”
อุปมาหน้านิ่ง
“งานคุณก็ดี ตำแหน่งก็สูง ลาออกไม่เสียดายเหรอ”
“มาร์ค...วิเคยบอกคุณแล้วไง วิไม่มีเจตนาทำลายครอบครัวเขา ไม่คิดด้วยว่าเขาจะผูกพันวิไว้กับเขา วิต้องการอิสระค่ะ”วิมาดาจ้องหน้าอุปมา “อิสระที่ไม่จำเป็นว่าบั้นปลายต้องจบลงที่คุณ”
อุปมายักไหล่
“วิรับปากได้รึเปล่าว่า คุณธนูจะไม่มาอาละวาดที่บริษัทผมให้ต้องขายหน้า”
“วิคงห้ามความบ้าของเขาไม่ได้ แต่วิกับเค้าไม่มีความผูกพันกันทางกฎหมาย หนักหนาจริงๆ วิจะเรียกตำรวจ หรือไม่ก็รายงานผู้บังคับบัญชาเขา ที่จริงวิก็ไม่อยากทำรุนแรงหรอกนะคะ แต่เขาเหมือนมารที่ตามผจญ คอยทำลายวิทุกอย่าง ไม่มีใครช่วยวิได้ แม้แต่คุณ...”
วิมาดาจ้องหน้าอุปมา สายตาผิดหวัง อุปมาถอนใจออกมาอย่างหนักใจ ขยับตัวนั่งตรงพร้อมตั้งท่าจะยืน
“ถ้าวิรับปากว่าผมจะไม่เดือดร้อนไปด้วย คุณพร้อมเมื่อไหร่ก็ไปยื่นใบสมัครที่บริษัทได้เลย”
อุปมาลุกขึ้นยืน วิมาดาลุกขึ้นยืนตาม
“ขอบคุณค่ะมาร์ค”
อุปมามองหน้าวิมาดา
“ผมขอร้องว่าอย่ามาที่นี่อีก”
วิมาดาหน้าแหยๆไป
“ที่นี่เป็นบ้านของพ่อผม ท่านไปๆมาๆ แล้วท่านก็ไม่ชอบต้อนรับคนแปลกหน้า”
“ค่ะมาร์ค”
“ผมไม่ส่งนะ ผมคุยงานกับเพื่อนค้างอยู่”
อุปมาเดินกลับออกไปจากบ้าน ไม่พอใจมากที่วิมาดาล้ำเส้นไปหน่อย วิมาดามองตามอุปมาออกไปแล้วยิ้มกว้างออกมาอย่างพอใจ
“คุณเคยห้ามอะไรวิสำเร็จมั่งมาร์ค สุดท้ายคุณก็ใจอ่อนกับวิทุกที”
วิมาดาขำๆ ก่อนจะเดินกรีดกรายไปกลางโถงบ้านกวาดตามองไปรอบๆด้วยสายตาอยากครอบครอง พึมพำออกมา
“อีกไม่นาน”
วิมาดายิ้มมั่นใจในตัวเองว่า อุปมายังรักและหลงเสน่ห์ตนอยู่ไม่คลาย
+ + + + + + + + + + + +
คุณหญิงรุจา นั่งอยู่ที่ท่าน้ำโดยมียายจันทร์นั่งช่วยกันเลือกผลไม้สวยๆ จากในสวนมาจัดกระเช้าผลไม้ไว้ไปแจกญาติๆ พร้อมคุยกันไป
“ยกบ้านให้คุณบีซะก็ดีค่ะ คุณมุขเธอได้มากเกินไปแล้ว”
คุณหญิงรุจาถอนใจ
“เธอพูดให้ฉันได้อายนะแม่จันทร์ ตามุขทำให้ฉันเจ็บจริงๆ ตั้งแต่หนุ่มยันแก่ เวรกรรมอะไรของฉันก็ไม่รู้”
“คุณทศคงยังไม่รู้เรื่องสิคะ”
“เรื่องใหม่นี่ยังไม่มีใครรู้แน่ แม้แต่แม่จิตรากับแม่เม แต่เรื่องเก่าพ่อทศรู้แล้วล่ะ”
ยายจันทร์ตกใจ ยกมือทาบอก
“ตายจริง ที่คุณท่านเล่าให้คุณทศรู้ความจริงแล้วเหรอคะ”
“นานมาแล้ว ตั้งแต่พ่อทศย่างวัยรุ่น”
คุณหญิงรุจาถอนใจออกมา นึกถึงอดีต...
วันนั้น...
วิจิตราแต่งตัวสวยจะออกไปข้างนอก เดินไปหน้าบ้าน เห็นทศวรรษนอนเอกเขนกสบายอยู่ใต้
ร่มไม้ อ่านหนังสือไปกินขนมไป วิจิตราเห็นก็อดของขึ้นไม่ได้ เพราะความเกลียดชังที่มีอยู่เป็นทุน เดินไปเล่นงาน
“สบายจริงนะคุณชาย”
ทศวรรษรีบลุกขึ้นยืน
“วันๆ ดีแต่กินกับนอน คิดจะทำตัวให้เป็นประโยชน์อะไรบ้างมั้ยไอ้ลูกกาฝาก” วิจิตราแดกดัน
ทศวรรษจ๋อยไป
“ผมอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่ครับ”
วิจิตราตวาดสวนทันที
“ฉันก็เห็นอ้างอยู่อย่างเดียว ...ขยันขนาดนี้ ก็ขอให้เก่งๆ ได้งานทำดีๆ จะได้ย้ายออกไปทำมาหากินเองซะทีไม่ต้องมาเกาะเค้ากินอยู่ยังงี้...”วิจิตราจ้องหน้า ด่าซ้ำอีกที “ไอ้ลูกกาฝาก”
วิจิตราสะบัดหน้าพรืดเดินกลับไปด้วยความรู้สึกชิงชัง ทศวรรษยืนจ๋อยสนิท รู้สึกหดหู่เศร้าใจเป็นอย่างมาก...คุณหญิงรุจามองดูเหตุการณ์อยู่ระเบียงชั้นบน ด้วยความรู้สึกสงสารทศวรรษ
เย็นวันนั้น คุณหญิงรุจามาคุยปรับทุกข์กับประมุขในห้องทำงาน
“แม่ไม่สบายใจเลยนะมุข แม่ไม่ชอบให้เมียเราไปจิกด่าตาทศว่า ลูกกาฝากแบบนั้นเลย”
“จิตราขาก็ปากเป็นยังงี้เองแหละคุณแม่ ไม่ได้คิดอะไรหรอกครับ” ประมุขตัดบท
“ผู้ใหญ่ไม่คิดแต่เด็กมันคิด ทศโตเป็นวัยรุ่นแล้วนะ อย่าคิดว่าอยากจะพูดอะไรสะใจได้ตามใจปาก เด็กมันเข้าใจแล้ว”
“ผมจะเตือนจิตราให้ครับแม่”
“เตือนไม่พอ ต้องกำชับไม่ให้พูดแบบนี้อีก กลัวเด็กมันจะไม่รู้รึไงว่ามันเป็นลูกกำพร้า”
หน้าห้อง...ทศวรรษถือถาดใส่ขนมมาให้ประมุขทานรองท้อง ยืนนิ่งสนิทได้ยินทุกคำ
ค่ำคืนนั้น...ทศวรรษมาหาคุณหญิงรุจาที่ห้องแล้วถามเรื่องของเขาอย่างอยากรู้มาก
“ผมอยากรู้ความจริง คุณย่าเล่าให้ผมฟังเถอะครับ”
คุณหญิงรุจาหน้าเคร่งเครียดถอนใจ
“เอาไว้รอให้พ่อทศโตขึ้นกว่านี้อีกหน่อย แล้วย่าจะเล่าให้ฟังนะ”
“ผมรอไม่ไหวแล้วครับคุณย่า”
ทศวรรษเดินไปเปิดประตูห้องคุณหญิงรุจา ยกกระเป๋าเสื้อผ้าของตนที่วางไว้หน้าห้องเข้ามา ยกโชว์
ให้คุณหญิงรุจาเห็น
“ถ้าคุณย่าไม่เล่าความจริงให้ผมฟัง ผมจะไปจากที่นี่”
คุณหญิงรุจาตกใจมาก
“พ่อทศ อย่าทำให้ย่าลำบากใจเลยนะลูก”
“ความอึดอัดใจของผม ก็ไม่น้อยไปกว่าความลำบากใจของคุณย่าหรอกครับ...”
คุณหญิงรุจาว้าวุ่นใจ
“ใจเย็นๆ ก่อนได้มั้ยพ่อทศ”
ทศวรรษวางกระเป๋า
“งั้นผมลาคุณย่าเลยนะครับ”
ทศวรรษยกมือไหว้ลา แล้วยกกระเป๋าเดินไปจากห้อง คุณหญิงรุจาตัดใจต้องพูด
“เดี๋ยวพ่อทศ”
ทศวรรษยอมกลับเข้ามาในห้อง มองหน้าคุณหญิงรุจา รอฟังคำตอบ
“ตกลงพ่อประมุขไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของผมใช่มั้ยครับคุณย่า”
คุณหญิงรุจาหน้าเครียด เริ่มต้นไม่ถูกเลยได้แต่เดินไปทรุดตัวนั่งที่เตียงถอดถอนใจออกมา ก่อนเล่าให้ฟัง...
หลังจากรู้เรื่องทั้งหมด ทศวรรษแอบนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวเงียบๆ ที่มุมสนาม คุณหญิงรุจาเดินตามหามาจนเจอ
“พ่อทศ ไปทานข้าวเถอะลูก”
ทศวรรษหันมองหน้าคุณหญิงรุจาทั้งน้ำตา
“ผมควรทานข้าวกับพวกเด็กรับใช้ถึงจะถูก”
“พ่อทศ ทำไมพูดกับย่าแบบนี้”
ทศวรรษลุกขึ้นยืน ระเบิดอารมณ์
“ผมไม่มีความเกี่ยวดองกับใครซักคน ในบ้านหลังนี้ ผมมันลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่ มันไม่ต่างอะไรกับเด็ก
ข้างถนนถูกเก็บมาเลี้ยงหรอกครับ”
ทศวรรษมองหน้าคุณหญิงรุจา น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมา
ยายจันทร์ฟังเรื่องราวจากคุณหญิงรุจาแล้ว ก็หน้าเศร้าลงทันที
“สงสารคุณทศจริงๆเลย”
คุณหญิงรุจาเศร้าหมอง เมื่อย้อนคิดถึงเรื่องทศวรรษ
“นี่ขนาดฉันไม่ได้เล่าลงรายละเอียด มันก็ไม่นับถือบุพการีมันแล้ว หลังๆนี่ก็ดีขึ้นหน่อย มีความคิดสุขุมเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ดีที่ได้ สมบัติเก่าของแม่ส่งเสียไปเรียนเมืองนอกเมืองนา”
“คนละส่วนกับของคุณท่านหรอกหรือคะ”
“คนละส่วนกัน ฉันเก็บไว้ดิบดีตามคำฝากของแม่เขา...ไม่รู้ว่าฉันจะเป็นคุณหญิงรุจาเฝ้าทรัพย์ของใครต่อใครได้อีกนานแค่ไหน”
“พ่อมีเขากลับมาแล้วนะคะคุณท่าน เจ้าของบ้านไทย-ฝรั่งหลังใหญ่นั่นไงคะ”
“อ๋อ...เจ้าของบ้านหลังนั้นเองหรอกเหรอ”คุณหญิงรุจาถอนใจ “เขาตามมาทวงหนี้ของเค้าแล้ว ฉันจะทำยังไงดีแม่จันทร์”คุณหญิงรุจาหน้าเคร่งเครียดหนักใจ
+ + + + + + + + + + + +
หัสดินกำลังยืนคุยกับคนงานอยู่ที่สนามหน้าบ้านไทย สไบนางและระเบียบยืนเถียงกันอยู่ริมรั้วด้านฝั่งคลอง
“คนนี้ตะหากคุณมาลูกชายลุงมี”
“คนนี้ไม่ใช่ค่ะ นี่คุณหัสดินเป็นวิศวกรเพื่อนคุณมาร์ค”
“เธอจะมารู้ดีไปกว่าฉันได้ยังไง พูดยังกะมาที่นี่บ่อยงั้นแหละ”
“บ่อยสิคะ ยายจันทร์กับน้าแรมเขาซี้กันจะตาย ทำอาหารแลกกันชิมประจำ”
“เดี๋ยวก็รู้ว่าใครถูกใครผิด”
สไบนางมุดรั้วตรงเข้าบ้านไปเลย
“คุณบี...”ระเบียบหวั่นใจ “รอตรงนี้ดีกว่าเรา”ระเบียบชะเง้อมองตามไปห่วงๆ
หัสดินกำลังสั่งงานคนงานอยู่
“คุณลุงคงจะกลับมาเร็วๆ นี้ ท่านคงอยากพักที่บ้านหลังเล็กมากกว่า บอกให้ทุกคนเร่งมือหน่อยแล้วกัน”
“ครับคุณหัส”
คนงานเดินเลี่ยงไปทางบ้านเล็ก พอคนงานพ้นไปได้เล็กน้อย หัสดินก็ถูกผลักไหล่จากด้านหลังจนเซไปหลายก้าว หัสดินหันมอง
“อ้าว คุณไบ ทักทายแรงจัง”
“ไม่ต้องมาพูดดีเลย คุณเป็นใครกันแน่”
“ผมก็เป็นผมน่ะสิ”
“ยังมาทำเล่นลิ้นอีกนะ”
สไบนางตรงเข้าจับแขนหัสดิน จับหมุนแล้วล็อก หัสดินร้องลั่น
“โอ๊ยๆ แขนหักแล้ว”
“ดีหักไปเลย...คุณชื่อนายมาลูกลุงมี หรือว่าหัสดินหัสโคลนอะไรกันแน่”
“คนอะไรจะชื่อหัสโคลน”
สไบนางหักแขนบิดด้วยความหมั่นไส้ หัสดินร้องจ๊ากด้วยความเจ็บ
“โอ๊ย”
“ปล่อยเพื่อนฉันเดี๋ยวนี้นะ”เสียงอุปมาตวาดดังขึ้น
สไบนางหันขวับไปมองทางอุปมาที่เดินตรงจากบ้านไทย
“คิดว่าใครที่แท้ก็จิ๊กกี๋ริมคลองนี่เอง”
สไบนางผลักหัสดินออกไป
“เขามาหาเรื่องอะไรแกวะหัส”
สไบนางจ้องหน้าหัสดิน
“หัส”
หัสดินยิ้มแหยๆ สไบนางเจ็บใจมาก เข้าไปทุบตี
“ว่างมากใช่มั้ย”
หัสดินยอมให้ซ้อมไม่สู้ อุปมาเข้ามาจับแขนสไบนางดึงออกมา สไบนางหันจ้องหน้าเขา...อุปมายิ้มกวนๆ สไบนางชักกลัวเหตุการณ์จะซ้ำรอย รีบกระชากแขนออกแล้ววิ่งหนีกลับไปหาระเบียบ
“โอ๊ย...น่วมไปทั้งตัวเลยว่ะ”
“ไปมีเรื่องอะไรกันวะ”
“ก็ที่เคยเล่าไง ฉันไปหลอกเขาว่าฉันเป็นแก”
“หาเรื่อง...”อุปมานึกอะไรบางอย่างได้ “เด็กแสบนี่มา แสดงว่าคุณย่าก็ต้องมา”อุปมาตาได้โอกาส เดินมากอดคอหัสดิน “ไปเยี่ยมญาติเจ้าสาวเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”
หัสดินได้แต่ถอนใจส่ายหน้า
+ + + + + + + + + + + +
ในครัว...
บังอรและยายจันทร์กำลังช่วยกันทำตัวลอดช่อง เป็นขนมหวานทานกันตอนบ่าย ทำลอดช่องไปคุยกันไป
“ยายก็ไม่อยากจะพูดมากหรอกนะคะ แต่เห็นเป็นคุณบังอรคนกันเอง”
“ถ้ายายลำบากใจก็ไม่ต้องเล่าหรอกค่ะ ฉันแค่สงสัยว่าทำไม คุณท่านถึงดูเกรงอกเกรงใจคุณบารมีคนนี้นัก”
“คุณบังอรเป็นคนใหม่ ไม่รู้อะไรหรอกค่ะ อดีตของบ้านสวน สลับซับซ้อนยังกะนิยาย”
บังอรยิ้มๆกระเซ้า
“สงสัยฉันต้องปูเสื่อนอนฟังซะแล้ว”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ยายสรุปสั้นๆ ให้เข้าใจง่ายๆ ว่าคุณบารมีส่งคุณอุปมาไปที่บ้านอัคราชเพื่อดูตัวเจ้าสาว”
บังอรอึ้งปนงง
“ดูตัวเจ้าสาว”
“ค่ะ...คุณประมุขขอให้คุณท่านต้อนรับขับสู้ว่าที่ลูกเขยอย่างดีที่สุด”
บังอรกังวล
“ว่าที่เจ้าสาวของคุณอุปมานี่ใครคะ อย่าบอกนะยายว่าคือ คุณบี”
“ไม่ใช่ค่ะไม่ใช่ คุณเมค่ะ”
บังอรเอามือทาบอกตัวเองอย่างโล่งใจ
“โล่งอกไปที”
“โล่งอกอะไรกันคะคุณบังอร คุณเมเป็นเจ้าสาวละลายหนี้ให้พ่อ คุณประมุขผลาญสมบัติไม่พอยังชุ่ยคิดขายลูกกิน”
บังอรตกใจมาก
“ตายจริง คุณเมร่ำเรียนมาตั้งสูง จะยอมเหรอยาย”
“คุณท่านบอกว่าถ้าคุณเมไม่ยอม บ้านเราก็ล้มละลาย ขายบ้านอัคราชยังไม่พอใช้หนี้ บ้านจะไม่มีให้ซุกหัวนอนกันแล้วล่ะค่ะ”
บังอรอึ้งสนิทไป
“คุณท่านคงอัดอั้นตันใจมากถึงเล่าให้ยายฟังเมื่อเช้า อย่าพูดไปนะคะคุณบังอร ความลับสุดยอด”
ขณะเดียวกันนั้นเสียงอุปมาก็ดังขึ้น
“ยายครับ”
ยายจันทร์ตกใจมาก อุทานด้วยความผวา
“ตาเถรหก เป็ดบ้านมึงซิออกไข่”
หัสดินที่มากับอุปมาขำๆ ออกมาหัสดินถือกล่องใส่ผ้าปูโต๊ะจากเมืองนอกติดมือมาด้วย
“เดี๋ยวผมต้องกลับไปดูแล้วออกไข่จริงรึเปล่า”
“คุณหัส อย่ามาล้อยายเล่นนะคะมาเงียบๆ คนแก่ได้ตกใจตายพอดี”ยายจันทร์ต่อว่า
“ทำลอดช่องกันอยู่เหรอครับ มีเผื่อแขกไม่ได้นัดรึเปล่าครับเนี่ย”หัสดีแหย่
“เยอะแยะค่ะ ว่าจะแบ่งไปฝากที่บ้านอยู่เหมือนกัน”
หัสดินยิ้มแย้ม
“ขอบคุณครับยาย”
“ลอดช่องชาวสวนนะคะไม่ใช่ชาววัง”
ทุกคนยิ้มแย้ม อุปมายิ้มให้บังอร
“คุณบังอรมาแสดงว่าคุณย่าต้องมาด้วยใช่มั้ยครับ”
“ค่ะ”
“ช่วยเรียนคุณย่าให้ด้วยว่า ผมอยากมากราบขอโทษเรื่องเมื่อวาน”
“ได้ค่ะ รอซักครู่นะคะ”
อุปมาหันมองตามบังอรไป หน้าขรึมจริงจัง เพราะมีความในใจบางอย่าง
(อ่านต่อวันพรุ่งนี้)