ติดตามอ่านละครออนไลน์ได้ทาง www.manager.co.th ทุกวัน
รอยมาร ตอนที่ 17
เมื่ออยู่ในห้องนอน สไบนางถูนิ้วหัวแม่โป้ง ที่เปื้อนหมึกกับผ้าเช็ดมืออย่างหัวเสีย
“คอยดูนะฉันจะหนีบ้าง”
หยาดฝนมองเพื่อนอย่างกลัวใจ
“บีจะหนีจริงๆ เหรอ”
“คนอย่างฉัน พูดจริงทำจริง...”สไบนางน้ำตาคลอๆ “เมื่อทุกคนทำกับฉันได้ฉันก็ทำได้เหมือนกัน”
“เธอจะหนีไปได้ยังไง แขกเหรื่อเต็มบ้าน เดี๋ยวก็ได้ฤกษ์ส่งตัวแล้ว”
“โอ๊ย...ฉันจะบ้าตายอยู่แล้วเนี่ย นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ใครต่อใครมาบ่งการให้ฉันทำโน่นทำนี่ได้ตามใจชอบ”
ขณะเดียวกันนั้นเสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะขึ้น สไบนางตะโกนออกไป
“บีไม่อยู่ ตายไปแล้ว”
“น้าฉัตรเองจ้ะหนูบี”เสียงกมลฉัตรดังมาจากนอกห้อง
สไบนางหน้าจ๋อยรีบเดินไปเปิดประตูห้อง ยกมือไหว้
“บีขอโทษค่ะ”
กมลฉัตรยิ้มแย้ม ถือถาดอาหารในมือ
“ไม่เป็นไรจ้ะ น้ายกอาหารขึ้นมาให้”กมลฉัตรยกถาดข้ามาในห้องนอนสไบนาง “ทานอะไรรองท้องซะหน่อยนะ”
“บีทานอะไรไม่ลงหรอกค่ะน้าฉัตร”
“วันนี้หนูทำฤทธิ์เดชมาก รู้ตัวมั้ย”
“น้อยไปด้วยซ้ำค่ะ บีไม่ชอบให้ใครมาบังคับบี พี่เมหายตัวไป มันเกี่ยวอะไรกับบีด้วย ทำไมบีต้องรับผิดชอบคะน้าฉัตร”
กมลฉัตรจูงมือสไบนางมานั่งลงที่เตียง...หยาดฝนยืนฟังอยู่ห่างๆ กมลฉัตรยิ้มแย้ม พูดอธิบายอย่างใจเย็น
“เพราะสังคมกลุ่มของเรา มีเกียรติยศชื่อเสียงที่ต้องรักษาน่ะสิจ๊ะบี เหตุการณ์วันนี้ใหญ่หลวงมาก ไม่มีใครที่จะทำหน้าที่รักษาชื่อเสียง หน้าตา ของตระกูลได้ดีเท่าบีอีกแล้ว”
สไบนางส่ายหน้าไม่เห็นด้วย
“น้าฉัตรรู้ดีว่าหนูไม่ใช่เด็กดื้อรั้นอะไร หนูเป็นคนยอมรับในเหตุผล แต่หนูพยายามแข็งขืนต่อต้านตามแรงก็เท่านั้นเอง”กมลฉัตรจับมือหลานสาว “แต่ตอนนี้ทุกอย่างก็ผ่านมาถึงขั้นนี้แล้ว หนูไม่มีทางเลือกอื่นแล้วล่ะ นอกจากให้ความร่วมมือ”
“ตกลงพวกเขาส่งน้าฉัตร มาเป็นทูตเจรจากับบีใช่มั้ยคะ”
กมลฉัตรถอนใจ
“ก็ไม่เชิงซะทีเดียวหรอกจ้ะ”
สไบนางน้ำตารื้นขึ้นมา
“แล้วอนาคตของบีล่ะคะ ใครเคยเห็นบ้าง เคยห่วงบีมั้ย ทุกคนคิดเอาแต่ได้ บีตั้งใจเรียนแทบตายไปติวกับน้าฉัตรแทบทุกวัน”สไบนางน้ำตาท่วม “แต่งชุดนักศึกษาได้แค่ไม่กี่วันเอง”
หยาดฝนน้ำตาคลอๆขึ้นมา เข้าใจจิตใจเพื่อน สไบนางพูดทั้งน้ำตาท่วมด้วยความอัดอั้น
“อนาคตของบีต้องจบลงเพื่อใคร ใครมองลึกถึงความเสียหายของบีมั่ง ค่าอนาคต ค่าความฝันของบี ใครหน้าไหนจะมาชดใช้ให้บีคะ”สไบนางน้ำตาร่วง
กมลฉัตรอึ้งๆไป น้ำตารื้นๆตามบีบมือสไบนางให้กำลังใจ
“น้าเข้าใจจ้ะ น้าก็พูดอะไรไม่ออก นอกจากบอกว่าน้าเสียใจด้วยจริงๆ”
“เสียใจ...ให้ความเสียใจของทุกคนรวมกัน ก็ไม่ได้เท่ากับครึ่งหนึ่งของบีหรอกค่ะ ความหวังความฝันของบี บีสร้างมาเองคนเดียว...”สไบนางน้ำตาไหลพราก “แต่วันนี้หลายคนช่วยกันทำลายมันจนหมดสิ้น...ทำไมคะ ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้กับบีด้วย”
สไบนางร้องไห้น้ำตาอาบหน้า ลุกหนี หยาดฝนน้ำตานองหน้าเข้ามาสวมกอดเพื่อนเอาไว้ สไบนางปล่อยโฮ อย่างหมดความอดทนกอดหยาดฝนไว้แน่น ต่างร้องไห้สะอึกสะอื้นปลอบประโลมกันไป กมลฉัตรได้แต่นั่งมองด้วยสายตาเห็นใจ พูดอะไรต่อไม่ออก
+ + + + + + + + + + + +
อุปมา บารมี และคุณหญิงรุจา นั่งปรึกษาหารือกันอยู่ในห้องรับแขกเล็ก
“เพราะผมคิดถึงผลเสีย ที่จะเกิดกับแกแล้วซิครับคุณหญิง ผมถึงได้จับแกพิมพ์นิ้วมือ”
คุณหญิงรุจาถอนใจ
“เหลือพิธีส่งตัวอีกอย่างก็จบซะที ทำไมวันนี้มันช่างยาวนานซะเหลือเกินนะ”
อุปมาหน้าเซ็งๆ
“ยังไม่จบแค่นี้หรอกครับคุณย่า งานเลี้ยงที่โรงแรมคืนนี้อีก”
“ย่าขอตัวได้มั้ย”
“แข็งใจอีกนิดเถอะครับคุณน้า”
อาทิตย์รีบร้อนเข้ามาในห้อง ทุกคนหันมอง
“คุณย่าครับ ผมได้ข่าวเมแล้ว”
ทุกคนตื่นเต้นดีใจ อุปมาลุกพรวดขึ้น
“เมอยู่ไหน”
อาทิตย์หน้าเครียดขรึมลงทันที ก่อนจะเล่าให้ทุกคนฟังว่า ชันษาเป็นคนพาเมธาวีไป โดยเขาได้วางยาสลบนั่งรถไปด้วยกัน ระหว่างทาง เกิดอุบัติเหตุ รถยนต์ชนกับสิบล้อ ชันษาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนเมธาวีบาดเจ็บ และถูกส่งตัวเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลแล้ว
ทุกคนช็อกกับเรื่องราวที่ได้ยิน คุณหญิงรุจาตกใจแทบตั้งตัวไม่ทัน
“ใช่ชันษาจริงๆ เหรออาทิตย์”
“ครับคุณย่า ผมไปดูศพที่สระบุรีแล้ว”
อุปมาร้อนใจ
“แล้วผู้หญิงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสใช่เมแน่รึเปล่า”
อาทิตย์หน้าเครียด
“แน่ครับ”
อุปมาผงะไป บารมีวางมือบนไหล่อุปมา บีบให้กำลังใจ
“คุณเมถูกวางยาสลบแล้วลักพาตัวไป หมอพิสูจน์ได้แล้วว่าขณะเกิดอุบัติเหตุเมไม่รู้สึกตัว”
อุปมาหลับตาไป พูดไม่ออก คุณหญิงรุจาน้ำตาคลอ
“โธ่ เมของย่า”คุณหญิงรุจาส่ายหน้า เวทนาในชะตากรรม
บารมีถอนใจ หน้าเครียด
“เวรกรรมจริงๆ”
คุณหญิงรุจาพยายามตั้งสติ
“ให้คนไปบอกพ่อแม่ชันษารึยัง ย่าเพิ่งเห็นกลับบ้านไป”
วิจิตราวิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้อง
“ได้ข่าวเมรึยังอาทิตย์”
ทุกคนอึ้งๆกันไป คุณหญิงรุจาเบือนหน้าไปซับน้ำตา อุปมาเดินฉับๆ ออกไปจากห้อง
“มาร์ค...” บารมีเรียก
วิจิตราร้อนใจ สังหรณ์ไม่ดี
“เกิดอะไรขึ้นกับเมเหรอ”
วิจิตรานั้น เมื่อรู้เรื่องราว ก็กรีดร้องด้วยความตกใจและเสียใจ
+ + + + + + + + + + + +
วิจิตรานอนร้องไห้ฟูมฟายที่เตียง ประมุขหน้าตาเคร่งเครียด เดินไปเดินมาอย่างกลุ้มใจ...
“คุณจะร้องไห้ฟูมฟายให้ได้อะไรขึ้นมา”
วิจิตราหันมาตวาด
“คุณไม่รักไม่ห่วงลูกเลยรึไง ใช่ซิ คงจะปลื้มอกปลื้มใจมาก ที่หลานสาวสุดที่รักได้แต่งงานแทนลูกตัวเอง”
“ประสาทไปใหญ่แล้ว”
“แล้วนี่จะเอายังไงคะ จะไปเยี่ยมลูก หรือจะอยู่เป็นสักขีพยานส่งตัวมันเข้าหออีก”
“อยู่ดูลาดเลาซักประเดี๋ยวแล้วกัน”
วิจิตราพรวดมาเผชิญหน้า ผลักอก ต่อว่าทั้งน้ำตา
“คุณไม่ห่วงลูกเลยรึไง ลูกบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น ยังจะห่วงเรื่องอื่นมากกว่าอีกเหรอ”
“ลูกอยู่ในมือหมอแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกน่ะ เราไปก็ช่วยอะไรไม่ได้...”
“เหรอ คุณเป็นพ่อประสาอะไรประมุข”วิจิตราต่อว่าทั้งน้ำตา
ประมุขจับไหล่วิจิตรา
“คุณตั้งสติให้ดีนะจิตรา เรื่องเมประสบอุบัติเหตุต้องปิดไว้ความลับ เรายังไม่รู้เลยว่าไอ้ชันษาอยู่กับเมในที่เกิดเหตุได้ยังไง แค่นี้ยังอื้อฉาวไม่พอรึไง เรายังหายหน้าไปไหนจากงานไม่ได้ เข้าใจมั้ยจิตรา”
วิจิตราผลักประมุขออกไป แล้วเดินไปนั่งก้มหน้าร้องไห้ต่อที่เตียง ประมุขถอนใจออกมาแล้วกดโทรศัพท์มือถือโทรออก
หน้าห้องนอนประมุข...สไบนางแอบฟังเรื่องราวทั้งหมดอยู่เธอหน้าเศร้า น้ำตาคลอสงสารในโชคชะตาของชันษา
+ + + + + + + + + + + +
อุปมารีบร้อนเดินออกมาที่หน้าบ้านจะไปขึ้นรถ แขกเหรื่อที่นั่งพักทานอาหารตามซุ้มรับรองหน้าบ้านหันมองตามด้วยความสงสัย บารมีเดินตามลูกชายไปติดๆ
“มาร์ค แกจะไปไหน”
อุปมาชะงักหันมาตอบพ่อ
“ผมอยากไปเยี่ยมอาการเมครับ”
“แล้วบีล่ะ อีกไม่ถึงชั่วโมงจะมีพิธีส่งตัวแล้วนะ”
“ใจผมไม่อยู่ที่นี่แล้วครับ”
“ทุกคนเสียสละ แกก็ไม่มีข้อยกเว้น”บารมีพูดเสียงออกคำสั่ง “กลับเข้าไปเตรียมตัวเข้าพิธีเดี๋ยวนี้”
“แต่พ่อครับ เจ้าสาวของผมคือเม ไม่ใช่บี และไม่มีทางเป็นบีอย่างเด็ดขาด ถ้าพ่ออ้างถึงฤกษ์ยามมันก็เสียตั้งแต่เปลี่ยนตัวเจ้าสาวแล้วล่ะครับ”
บารมีจ้องหน้า สายตาดุ เสียงแข็ง ออกคำสั่ง
“มาร์ค”
อุปมาเกรงๆแต่ยืนกราน
“ผมจะไปเยี่ยมเม”
บารมีโกรธจัด อุปมาหลบสายตาเดินไปขึ้นรถขับออกไป บารมีจ้องตามลูกชาย แววตาโกรธจัด ขบกรามแน่นจนขึ้นสัน
คุณหญิงรุจายืนดูเหตุการณ์ อยู่ที่หน้าระเบียงบ้านกับอาทิตย์และบังอร...
“เวรกรรมอะไรของบีมันก็ไม่รู้ หลานรักของฉัน ทำไมไม่มีใครเห็นค่า”คุณหญิงรุจาเสียงเข้มขึ้นมา เจ็บช้ำที่สุด “ใครควรรับผิดชอบกับเรื่องนี้”คุณหญิงรุจาหน้ามืดหมดสติทั้งยืน กดดันจนรับไม่ไหวแล้ว
อาทิตย์ตกใจรีบประคองเอาไว้
“คุณย่า”
บังอรหน้าตื่นตกใจมาก
“คุณท่านคะ”
อาทิตย์ร้อนใจและเป็นห่วงสไบนาง
“ฝากคุณย่าด้วยนะครับคุณบังอร”
บังอรประคองคุณหญิงรุจาเอาไว้ อาทิตย์รีบวิ่งลงไปจากบ้านทันที
เมธาวีนอนหลับไม่ได้สติอยู่ในห้องไอซียู โชคดีที่ใบหน้าไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอะไร แค่รอยฟกช้ำเล็กน้อย...อุปมาใส่เสื้อคลุมป้องกันเชื้อโรค อุปมาเดินเข้ามาจับกุมมือ น้ำตาคลอๆสงสารเมธาวีจับใจ อาทิตย์เดินเข้ามาด้านหลัง
“คุณเมพ้นขีดอันตรายแล้วล่ะครับ”
อุปมาหันมองอาทิตย์
“ตอนนี้คนที่น่าเป็นห่วงกว่าคือบี แม้จะไม่ได้รับอันตรายทางร่างกาย แต่จิตใจเธอย่ำแย่ ชีวิตเธอมีตำหนิก็เพราะคุณ”
“นายไม่รู้อะไรอย่าพูดมากดีกว่า”
“ใช่ ผมไม่รู้อะไรมาก แต่ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะไม่ทิ้งเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ให้เผชิญเรื่องร้ายๆ อยู่คนเดียวเด็ดขาด”
“ห่วงกันมากเหลือเกินนะ”
“ใครจะคิดห่วงแต่ตัวเองเหมือนคุณล่ะ...”อาทิตย์หน้านิ่ง “ยังพอมีเวลาไปเล่นละครฉากนี้ต่อให้จบ บีจะได้ไม่ต้องอับอายไปมากกว่านี้”อาทิตย์เดินออกไป
อุปมาเงียบไปอย่างคิดตาม ก่อนจะหันมองไปทางเมธาวีที่ยังคงนอนหลับไม่ได้สติ อุปมาได้แต่ถอนใจยาวออกมา
+ + + + + + + + + + +
สไบนางนั่งหน้าหงิกงออยู่ข้างๆ หม่อมเกศและกมลฉัตร บังอรนั่งหน้าร้อนใจอยู่กับหยาดฝน
“นี่มันจะได้ฤกษ์ส่งตัวแล้วนะ คุณมาร์คหายไปไหน”
“ฝนเห็นขับรถออกไปข้างนอกซักพักแล้วนะคะ”หยาดฝนบอก
“จะกลับมาทันมั้ยเนี่ย”บังอรรุ่มร้อนใจ
แขกเหรื่อซุบซิบกันไปมา หัสดินเดินเข้ามาที่โถง เดินไปหาทางหม่อมเกศ
“ยังติดต่อมาร์คไม่ได้เลยครับ”
สไบนางหูผึ่งแอบดีใจ
“ไปไหนของเขาก็ไม่รู้”กมลฉัตรบ่น
“เดี๋ยวคงมาแหละ ใจเย็นๆ ยังพอมีเวลาเหลือ”หม่อมเกศบอก
บารมีเดินมายืนหน้านิ่งขรึมกลางโถง
“ขอโทษที่ทำให้แขกผู้มีเกียรติทุกท่านเสียเวลานะครับ” บารมีกวาดตามองทุกคน “ผมขอแจ้งให้ทุกคนทราบว่า...เราขอยกเลิกพิธีส่งตัวและงานเลี้ยงฉลองสมรสคืนนี้”
ทุกคนทั้งงานต่างตกใจ วิพากษ์วิจารณ์กัน สไบนางดีใจจนออกนอกหน้าแทบจะตบมือ...กมลฉัตรต้องแอบหยิกสไบนางเล็กน้อย สไบนางเลยสงบท่าทีลง
“ผมในฐานะตัวแทนผู้จัดงาน ขอกราบขอโทษแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน สำหรับความไม่เรียบร้อยทั้งหมดของงานในวันนี้”บารมียกมือไหว้ไปรอบทิศแล้วเดินหน้าเครียดกลับออกไป
เสียงวิจารณ์ดังขรม สไบนางวิ่งดีใจไปกอดบังอรเอาไว้น้ำตาคลอ
“ฝันร้ายของบีจบแล้วค่ะคุณบังอร”
สไบนางยื่นมือไปจับมือหยาดฝนบีบเอาไว้ด้วยความดีใจ หยาดฝนจับมือเพื่อนไว้แน่นน้ำตาคลอๆ สไบนางยิ้มดีใจกอดบังอรทั้งน้ำตาไหลซึมออกมา
บารมีไหว้ลาส่งแขกอยู่หน้าบ้านอัคราช บารมีฝืนยื้มๆ
“ขอโทษจริงๆนะครับ”
แขกเหรื่อทยอยกลับกันออกไป หม่อมเกศและกมลฉัตรเป็นแขกสองคนสุดท้าย หม่อมเกศยิ้มให้บารมี
“เริ่มต้นขลุกขลักไปหน่อยนะ”
“ครับหม่อม”
“แต่ก็ไม่ถึงกับเลวร้ายอะไรหรอก”
“เป็นความผิดของผู้ใหญ่แท้ๆ ลูกหลานต้องพลอยมาเดือดร้อน ไปด้วย”
หม่อมเกศตบต้นแขนบารมี
“เสียเวลาคิดมากน่าคุณมี เรื่องมันเกิดไปแล้ว มองไปข้างหน้าดีกว่า”
บารมียิ้มรับ เห็นด้วย
“งั้นพวกเราลากลับเลยนะคะ”
ทั้งสามคนไหว้ลากัน หญิงฉัตรและหม่อมเกศเดินไปขึ้นรถ...บารมีช่วยเปิดประตูให้หม่อมเกศ แล้วอยู่รอส่งจนรถวิ่งออกไปจากบ้าน
บารมีกวาดตามองบ้านอัคราชที่ไร้แขกเหรื่ออยู่อีกแล้ว ได้แต่ถอนใจมีหน้าเคร่งเครียด ขบกรามแน่น ทันใดนั้นอุปมาขับรถปาดเข้ามาจอดหน้าบ้าน บารมีหันขวับไปจ้อง ตาแข็งกร้าว โกรธจัด อุปมาลงมาจากรถหน้าตาจ๋อยๆ
“แกกลับมาทำไมตอนนี้”บารมีเสียงดังเกรี้ยวกราด
“แขกกลับไปหมดแล้วเหรอครับ”
“ยังมีหน้ามาถามอีก ใครจะอยู่รอแก”
อุปมาจ๋อยสนิท รู้สึกผิดยกมือไหว้
“ผมขอโทษครับพ่อ ผมมาให้พ่อลงโทษ”
อุปมาเดินเข้ามาใกล้บารมี ก้มหน้าสำนึกผิด บารมีจะทุบตี ตบหน้าลูกชายก็ทำไม่ลง ตาแดงก่ำ กำมือแน่น
“โทษแกหนักมากมาร์ค ตลอดชีวิตพ่อเพิ่งได้รู้ว่า แกมันก็ไอ้คนหน้ามืด ใช้อารมณ์เข้าทำลายความดีงามและความถูกต้อง”
อุปมาเหลือบตามองพ่อ บารมีน้ำตารื้นๆเคลือบตา
“แกทำให้พ่อผิดหวังมาก ทำลายน้ำใจบีอย่างไม่น่าให้อภัย”บารมีเสียงเจ็บช้ำ สั่นเครือแต่แข็งกร้าว “แกจะกลับมาให้ฉันเห็นหน้าทำไมอีก”
อุปมาน้ำตาคลอๆตาม
“พ่อครับ ผมสงสารเม”
บารมีแค่นขำ
“งั้นเหรอ...วิมาดา แกลืมขาไม่ได้ หนูเมแกสงสาร ดูเหมือนแกจะชอบสะสมผู้หญิงเก่าๆ ไว้ซะเหลือเกินนะ”
อุปมาจ๋อยไป บารมีจ้องหน้าลูกชาย
“แกล้มพิธีแต่งงานได้แล้วนี่...พ่ออนุญาตแกเต็มที่ แกจะไปหาใคร อยากทำตัวเสเพล ไม่รับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ก็ตามใจแก...แต่พ่อจะยึดอิสรภาพทางกฎหมายของแกเอาไว้”
อุปมามองพ่องงๆ
“พ่อจะไม่ยอมให้แกหย่ากับบีเด็ดขาด”
อุปมาตกใจมาก
“พ่อครับ”
“แกจะไปไหนก็ไป ฉันยังไม่อยากเห็นหน้าแก”
บารมีเดินกลับขึ้นไปบนบ้านอัคราช หน้าเคร่งเครียด อุปมาเครียดไปเลยเสยผมเดินไปตบหลังคารถโครมใหญ่
+ + + + + + + + + + + +
สไบนางจับมือคุณหญิงรุจา ซบหน้ากับอกคุณหญิงรุจา ที่ยังนอนหลับไม่ได้สติ ทั้งเครียดและเหนื่อยมาทั้งวัน คุณหญิงรุจารู้สึกตัวเหลือบตามอง
“บีเหรอลูก”
สไบนางดีใจ
“คุณย่าฟื้นแล้ว”
คุณหญิงรุจามองอย่างเป็นห่วง
“แขกเหรื่อกลับไปกันหมดแล้วเหรอ”
บารมีเดินเข้ามา
“ผมล้มพิธีทั้งหมดแล้วครับคุณน้า”
คุณหญิงรุจาเหลือบตามองบารมี
“ซาร่าเมียเราล่ะ”
“ผมให้หัสดินกลับไปส่งที่บ้านแล้วครับ”
“เขาไม่งงกับเหตุการณ์วันนี้เหรอ”
“โชคดีเขาเข้าใจภาษาไทยไม่มาก แต่ภาษาท่าทางและอารมณ์ของทุกคน เขาก็สัมผัสได้ว่ามีอะไรแปลกๆ เรื่องนี้คุณน้าไม่ต้องห่วง ผมจะอธิบายให้เขาเข้าใจเอง”
คุณหญิงรุจาพยักหน้ารับอย่างเหนื่อยๆ แล้วขยับตัวขึ้นนั่ง สไบนางช่วยประคองย่าขึ้นนั่งก่อนถามบารมี
“แล้วบีควรทำอย่างไรต่อไปคะคุณลุง”
“ทำใจให้สบายก่อนเถอะ แล้วเตรียมตัวไปอยู่บ้านลุง”บารมีน้ำเสียงอ่อนโยน
สไบนางอึ้งๆ
“แต่คุณลุงคะ...”
“บีไว้ใจลุงมั้ย”
สไบนางพยักหน้ารับ บารมีวางมือบนหัวสไบนาง
“ลุงสัญญา ความเสียหายของบีทั้งหมดในวันนี้ ลุงจะรับใช้ให้หนูเอง”
สไบนางน้ำตาคลอๆ สวมกอดบารมีเอาไว้ บารมีลูบหัวสไบนางอย่างเอ็นดู คุณหญิงรุจายิ้มบางๆออกมาอย่างสบายใจขึ้น
“ลุงขอรักษาสถานภาพการแต่งงานแบบนี้ไว้ซักระยะ”
สไบนางผละออกจากกอดงงปนสงสัย
“เพื่ออะไรล่ะพ่อมี”คุณหญิงรุจาถามเรียบๆ
“รักษาหน้าให้บี ว่าไม่ใช่เจ้าสาวแก้ขัดหรือตัวสำรองของใคร”บารมีไม่พอใจ “และผมอยากจะลงโทษลูกชายของผมด้วย ที่ไม่มีความรับผิดชอบมากพอ”
“แล้วเรื่องเรียนของบีล่ะคะคุณลุง”สไบนางถามเสียงเครียด
“สละสิทธิ์ซะ เรื่องวันนี้ต้องเป็นข่าวใหญ่โตแน่นอน ลุงไม่อยากให้บีตกเป็นขี้ปากใครมากไปกว่านี้”
สไบนางใจหายแต่ก็เข้าใจในเหตุผล
“แล้วลุงจะส่งบีไปเรียนต่อเมืองนอก ไปชุบตัวเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกไม่นานคนก็ลืม”
คุณหญิงรุจาคิดตาม เห็นด้วย
“ก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด”
สไบนางเงียบไปอย่างคิดตาม เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะ...ทุกคนหันมอง บังอรเปิดประตูห้องเข้ามา
“พ่อแม่ของชันรับศพชันไปตั้งสวดที่วัดแล้วค่ะ เขาอยากมากราบขอโทษคุณหญิงแต่บังอรบอกว่าคุณหญิงพักผ่อนอยู่ก็เลยกลับไป”
“ดีแล้วล่ะบังอร ฉันยังวางหน้าไม่ถูก”คุณหญิงรุจาถอนใจส่ายหน้า “ไม่น่าเลยชัน”
สไบนางเศร้าสลดลงสงสารชันษา
“บีทราบมานานแล้วว่าชันแอบรักพี่เม แต่พี่เมไม่เคยสนใจชันเลย”สไบนางน้ำตาคลอ “บีเสียใจที่ต้องเสียเพื่อนดีๆ ไป”
“หักห้ามใจซะเถอะ เรื่องของเราก็ยุ่งพออยู่แล้ว คนตายก็ตายไปคนอยู่ก็สู้กรรมกันต่อ”บารมีเตือนสติ
“คืนนี้บีจะไปงานสวดศพชันนะคะ”
คุณหญิงรุจาพยักหน้าเห็นด้วย
“ก็ดีลูก ไปเป็นตัวแทนย่า วันนี้ย่าเหนื่อยเหลือเกิน”
“ลุงจะไปงานสวดศพเป็นเพื่อนบีก็แล้วกัน...6 โมงเย็น ลุงจะมารับ”
“ค่ะคุณลุง”
บารมีหันมองบังอร
“คุณบังอรครับ”
“คะ”
“ถ้าคุณบังอรว่างก็คุมเด็กๆ เตรียมจัดเก็บอะไรไว้ให้พร้อมก็ดี”
ทุกคนหันมองหน้าบารมีงงๆ
“ดิฉันไม่เข้าใจค่ะ คุณบารมีหมายถึงอะไรคะ”บังอร ถามอย่งไม่เข้าใจ
“ทุกอย่างแหละครับ”บารมีเหลือบตามองคุณหญิงรุจา “คุณหญิงท่านทราบอะไรดีแล้ว ผมให้เวลาทุกคนในบ้านอีก 3 วัน เตรียมหาที่อยู่ใหม่”บารมีหน้านิ่งขรึมเอาจริง “ผมจะปิดบ้านอัคราช”
ทุกคนหน้าตาตกใจกับคำพูดนิ่งๆ แต่เด็ดขาดของบารมี
ค่ำนั้น สไบนางไปงานสวดศพชันษากับบารมี...
แม่ชันษาหน้าเศร้าๆ เดินพาบารมีและสไบนางในชุดไว้ทุกข์ ไปนั่งข้างในศาลาพร้อมพูดคุยไปด้วย
“ดิฉันตั้งใจสวดซัก 3 คืนค่ะ เก็บไว้ร้อยวันแล้วค่อยเผา...เชิญนั่งค่ะคุณ”
“บารมีและสไบนางนั่งลงที่เก้าอี้โซฟาสำหรับแขกผู้ใหญ่ แม่ชันษานั่งลงข้างๆสไบนาง
“ขอบคุณคุณบารมีกับหนูบีมากนะคะ ที่อุตส่าห์มา” แม่ชันษาน้ำตาคลอๆขึ้นมารู้สึกเสียใจมากกับการกระทำของลูกชาย “เจ้าชันก่อเรื่องแท้ๆพลอยทำให้ อับอายขายหน้ากันไปหมด”แม่ชันษาซับน้ำตาออก
สไบนางบีบมือแม่ชันษาให้กำลังใจ
“หนูบีต้องลำบาก ท่านถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ ตั้งใจไว้เหมือนกันว่าจะไปเยี่ยมหนูเม แต่ยังไม่ทราบจะทำหน้ายังไงถูก”แม่ชันษายกมือไหว้บารมี “ดิฉันกราบขอโทษจริงๆ ค่ะคุณบารมี ลูกดิฉันสร้างปัญหาให้วุ่นวายแท้ๆ เลย ขออโหสิแทนเจ้าชันด้วยนะคะ”
บารมีรีบรับไหว้
“ช่างเถอะครับ เรื่องมันผ่านพ้นไปแล้ว เราทุกคนต่างก็เสียใจไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน คุณพี่สูญเสียมากกว่าทุกคน ผมกับหลานเสียใจด้วยจริงๆ ที่มาที่นี่ก็เพื่ออโหสิให้กับผู้ตายเท่านั้น”
แม่ชันษาร้องไห้ออกมา
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”
บารมีบีบแขนแม่ชันษาเบาๆ ให้กำลังใจ
“ผมขอไปไหว้ศพก่อนนะ”
แม่ชันษารีบซับน้ำตา
“เชิญค่ะ”
แม่ชันษารีบเดินตามประกบบารมีไป สไบนางลุกตามไปแต่ได้ยินเสียงเรียกซะก่อน
“บู้บี้...”
สไบนางหันไปเห็น อาทิตย์กวักมือเรียกให้ออกไปหาที่หน้าศาลา สไบนางหันมองไปทางบารมีเล็กน้อยก่อนรีบเดินออกไปหาอาทิตย์
+ + + + + + + + + + + +
สไบนางเดินคุยกับอาทิตย์มาตามทางเดินในวัด
“ทำไมต้องทำลับๆล่อๆด้วยล่ะ”
“เดี๋ยวนี้บีไม่ใช่บู้บี้คนเดิมแล้วนี่ เป็นลูกสะใภ้บ้านบุญอนันต์”
สไบนางโกรธ
“พูดยังงี้กลับไปเลยซันนี่ พี่ก็รู้ว่ามันคือการเล่นละคร”
“คนอื่นเขาไม่รู้ด้วยนี่ พี่ไม่อยากให้บีถูกใครนินทาลับหลัง”
สไบนางมองหน้าอาทิตย์อย่างซึ้งใจ ก่อนจะถอนใจออกมา เดินนำไป อาทิตย์เดินตาม
“จะไปเยี่ยมคุณเมมั้ย”
“ซันนี่ว่าบีควรไปมั้ยล่ะ ฉกเจ้าบ่าวเขามาหน้าตาเฉย”
สไบนางกอดอกหน้าเครียด อาทิตย์มองอย่างสงสารเห็นใจ
“คุณเมบอบช้ำมาก มันเป็นเรื่องความเห็นแก่ตัวของคนๆเดียวเท่านั้น เหตุการณ์ร้ายๆแบบนี้ถึงเกิดขึ้น”
สไบนางหน้าเศร้า
“ชันเป็นคนดี ถ้าเขาจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว สำหรับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้ บีก็ยังนับถือเขาอยู่”
“เพราะขารักคุณเมงั้นเหรอ”
“ใช่ รักมากด้วย ชันเหมือนคนไร้ค่า น่าทุเรศสำหรับพี่เมแต่บีชื่นชมชัน แต่บีก็ไม่คิดว่าชันจะบ้ารักพี่เมมากถึงขนาดนี้...”สไบนางมองหน้าอาทิตย์ “บีสงสัยจังเลยซันนี่ พี่เมนอนอยู่บนห้องแท้ๆ ถูกชันวางยาพาตัวไปได้ยังไง”
“เมเท่านั้นที่ตอบเราได้...ความเป็นไปได้มี 2 ทาง เมอาจลงมาทำธุระ หรือไม่ก็...”อาทิตย์เงียบไปอย่างใช้ความคิด
“อะไรเหรอซันนี่”
“ชันษาหลบอยู่ในห้องคุณเมตลอดเวลา ก่อนพาตัวเมไป”
สไบนางคิดตาม
“จะเป็นไปได้ยังไง”
+ + + + + + + + + + + +
ก่อนหน้าวันแต่งงานหนึ่งวัน...
บังอรนั่งพับเพียบบรรจงแต่งพานพุ่ม มีคุณหญิงรุจานั่งร้อยพวงมาลัยอยู่บนตั่ง
“คุณเมแต่งออกไปก็เหลือแต่คุณบี”ยายจันทร์พูดขึ้น
คุณหญิงรุจาขำๆ
“รายนั้นอย่างน้อยก็อีก 4 ปีแหละ”
ในช่วงเวลานั้น ชันษาทำเป็นยกลังใส่ของบังหน้า ขึ้นมาจากบันไดหลังบ้าน ชำเลืองมองไปที่โถง ที่ทุกคนนั่งคุยกันอยู่
“คุณอาทิตย์มีลุ้นที่สุดนะคะ”บังอรขำๆ“เห็นทนกันได้”
คุณหญิงรุจายิ้มๆ
“ถ้ายังรอไหวนะ”
เมธาวีและอุปมาเดินกลับขึ้นบ้านมา...อุปมาช่วยถือถุงใส่เสื้อผ้างานเช้าของเมธาวีมาให้ ชันษาตกใจเล็กน้อยแล้วแอบรีบขึ้นบันไดไปชั้นบนโดยที่ไม่มีใครเห็น
อาทิตย์นิ่งคิดถึงเหตุการณ์ที่ควรจะเป็น...
“2-3 วันมานี่ทุกคนยุ่งเรื่องเตรียมงานกันอยู่ ชันษาคงหาจังหวะแอบขึ้นไปซ่อนตัวในห้องคุณเม...เรื่องถึงเงียบ ไม่มีเสียงร้องโวยวายขอความช่วยเหลือจากเม”
สไบนางตื่นเต้นปนกลัว
“ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ซันนี่คาดการณ์เอาเองใช่มั้ย”
อาทิตย์เงียบไป หน้าเคร่งเครียด นิ่งคิดถึงสิ่งที่เขาได้รับรู้เรื่องราวมาก่อนหน้านี้
อาทิตย์รีบวิ่งขึ้นสถานีตำรวจ ที่เพื่อนประจำอยู่ด้วยความร้อนใจ เพื่อนนายตำรวจของอาทิตย์รออยู่ รีบเข้าไปกอดคอเพื่อนพาไปคุยให้ห้องทำงานสีหน้าร้อนใจไม่แพ้กัน
“ฉันได้คุยกับหมอที่ชันสูตรศพชันษา กับรักษาแฟนเก่าแกแล้วนะ...นั่งก่อน”
อาทิตย์นั่งลง ร้อนใจ
“หมอว่ายังไงวะ”
เพื่อนตำรวจยืนพิงกึ่งนั่งโต๊ะทำงานหน้าซีเรียส
“เขาบอกว่าทั้งสองคน ผ่านการร่วมเพศมาไม่กี่ชั่วโมงก่อน”
อาทิตย์ตกใจมาก ก้มหน้านิ่ง เพื่อนยื่นมือไปตบหลัง อาทิตย์ตั้งสติได้เงยหน้ามองเพื่อน
“แกกำลังจะบอกว่าคุณเม ถูกชันษาขืนใจก่อนลักพาตัวไปเหรอ”
เพื่อนพยักหน้ารับ อาทิตย์โมโหสุดๆลุกพรวด
“บ้าฉิบ”
เพื่อนอาทิตย์ยืดตัวตรง ซีเรียส
“เรื่องนี้ยังเป็นความลับอยู่ แกจะเอายังไง”
อาทิตย์หันกลับมามองหน้าเพื่อน
“เป็นไปได้มั้ยที่มันจะเป็นความลับตลอดไป ไม่ให้รู้แม้แต่พ่อแม่คุณเม”
อาทิตย์หน้าตาซีเรียสมาก
หลังจากนั้น อาทิตย์ได้กลับมาที่บ้านอัคราช แอบแอบย่องขึ้นบันไดไปชั้นสอง ดูหลักฐานในห้องนอนเมธาวี เพื่อให้มั่นใจคำวินิจฉัยของหมอ
อาทิตย์มองซ้ายขวาว่า ไม่มีใครสังเกตแล้วแอบย่องขึ้นไปชั้นบน ซึ่งเป็นช่วงที่ทุกคนอยู่ห้องรับแขกเล็ก เพราะอุปมา กับสไบนางกำลังจดทะเบียนกันอยู่
อาทิตย์แอบเข้ามาในห้องนอนเมธาวี แล้วปิดประตูห้องงับเอาไว้โดยที่ไม่ล็อก เขารีบหยิบถุงมือขึ้นมาสวม แล้วมาสำรวจเตียงนอนเมธาวี เพื่อหาหลักฐาน อาทิตย์ขยับผ้าห่มออก ก็เจอคราบไม่ต้องประสงค์เปื้อนผ้าปูอยู่เขาหลับตารีบเบือนหน้าหนี ลุกขึ้นโกรธสุดๆ หันหลังให้เตียง
“ไอ้เลวเอ๊ย”อาทิตย์สบถโกรธจัด
+ + + + + + + + + + +
สไบนางเห็นอาทิตย์นิ่งไปก็ถามย้ำ...
“บีถามว่าซันนี่คิดเอาเองใช่มั้ย”
อาทิตย์สะดุ้งได้สติหลุดจากความคิดคำนึง สไบนางจ้องหน้ารอคำตอบอยู่ อาทิตย์พยักหน้ารับหน้าเครียดๆ สไบนาง ไม่ค่อยสบายใจ
“ไหนๆ ชันษาเขาก็ตายไปแล้ว เราอย่าพูดถึงเรื่องนี้กันอีกเลยดีกว่านะ เรามาเพื่ออโหสิให้เขา”อาทิตย์ฝืนยิ้มให้
“งั้นเรากลับเข้าไปข้างในเถอะ ออกมานานแล้ว”
สไบนางจะเดินกลับไป อาทิตย์เรียกไว้
“เดี๋ยวบี...”
สไบนางหันมอง
“ได้ยินว่าบีจะย้ายไปอยู่บ้านลุงมีเหรอ”
สไบนางนิ่งไปอย่างใช้ความคิด
“ก็ไม่เชิงหรอก...บีต้องอยู่ในที่ที่บีสมควรอยู่ ไหนๆ วันนี้บีก็เสียชื่อป่นปี้ไปหมดแล้ว มันอย่าหวังจะได้อยู่เป็นสุขเลย”
สไบนางเคียดแค้น ด้วยความตั้งใจว่าจะเอาคืนอุปมาให้ได้
ที่โรงพยาบาล เมธาวีหลับไม่ได้สติ มีสายออกซิเจน น้ำเกลือและอื่นๆ ระโยงรยางค์ วิจิตราร้องไห้โฮออกมาหันไปสวมกอดประมุขที่มองลูกสาวน้ำตาคลอๆ สงสารลูกสาวมาก
“ทำไมเมต้องโชคร้ายแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้”
ประมุขกอดภรรยาเอาไว้ ไม่รู้จะพูดยังไง หน้าเคร่งเครียด วิจิตราผละตัวออก โกรธแค้น
“ไอ้ชัน ไอ้คนเนรคุณเมตตามาแต่เล็กแต่น้อย ไม่น่าทำกันได้เลย”
“เด็กมันตายชดใช้ความผิดไปแล้วน่ะจิตรา”
วิจิตราฟูมฟาย อาฆาต
“ความตายยังน้อยเกินไป มันทำลายชื่อเสียงเรา ทำลายงานแต่งงานเม ยัยเมเกือบตายฟื้นขึ้นมาก็ไม่รู้จะเหมือนเดิมรึเปล่า...ฉันขอสาปแช่งให้มันตกนรกหมกไหม้ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด”วิจิตราน้ำตาไหลอาบหน้า
ประมุขเครียดมาก ตวาด เสียงดัง
“เมื่อไหร่คุณจะเงียบซะที”
ประมุขปวดหัวแปล๊บขึ้นมาแทบยืนไม่อยู่ เซไปกระแทกเตียงเมธาวี รูดตัวกับเตียงไปนั่งกับพื้น วิจิตราตกใจสติแตก กรีดร้องลั่นห้อง นางพยาบาลรีบวิ่งเข้าห้องมาหน้าตาตกใจ
+ + + + + + + + + + +
บารมีเดินกลับเข้าโถงบ้านหลังเล็ก เห็นหัสดินนั่งดูแข่งบอลทางทีวีอยู่...
“อ้าว หัส”
“คุณลุงกลับช้าจังเลย”
“ไปดริ๊งคลายเครียดนิดหน่อย”
บารมีเดินมานั่งพักเหนื่อย หัสดินยิ้มๆ
“วันนี้ช่างยาวนานเหลือเกินนะครับ”
บารมีพิงพนัก อ่อนล้า
“เหมือนเดือนหนึ่งเลยล่ะ”
“คุณซาร่าขึ้นนอนไปแล้วนะครับ”
บารมีพยักหน้ารับทราบ
“มาร์คเพิ่งจะกลับบ้าน”หัสดินยิ้มๆ“ทันทีที่ได้ยินเสียงรถลุง”
บารมีส่ายหน้า...
“ดีแล้ว ขี้เกียจทะเลาะกับมันอีก...เอ้อ บีล่ะ ขึ้นนอนแล้วเหรอ”
หัสดินงงๆ
“อ้าว...บีมาค้างนี่เหรอครับ”
“อืม ลุงให้เด็กจัดห้องไว้ให้แล้ว อาทิตย์มาส่งซักชั่วโมงหนึ่งได้แล้วนี่”
หัสดินงงๆ
“ไม่เห็นนี่ครับ”
บารมีตกใจ
“อย่าบอกนะว่าถูกอาทิตย์ลักพาตัวไปอีกคน”บารมีสงสัยปนไม่สบายใจ ลุกเดินไปเรียกถามเอาจากสาวใช้ “แรม...แรม...”
“โอ๊ย วันนี้ยังไม่จบอีกเหรอเนี่ย” หัสดินยกมือขึ้นตบหน้าผากหงายทิ้งตัวไปกับโซฟา
+ + + + + + + + + + + +
อุปมาหน้าตาเครียดๆ เดินขึ้นบันไดบ้านมา ก่อนจะชะงักมองไปที่ประตูห้องนอน ที่เมธาวีตกแต่งไว้อย่างดีเพื่อเป็นห้องหอส่งตัวสำหรับคืนนี้ อุปมาหน้าเศร้าเดินไปหยุดหน้าห้อง สูดหายใจลึก ก่อนจะเปิดประตูเข้าห้องไป ทันทีที่เข้าไปก็เห็นสไบนางในชุดรดน้ำอย่างสวย ยืนเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้อยู่ หันกลับมาฉีกยิ้มหวานกรีดมือทักทาย
“ไฮ...ดาร์ลิ้ง”
อุปมาตกใจเหมือนเห็นผีหลอก ออกไปจากห้องปิดประตูอย่างรวดเร็ว สไบนางหัวเราะออกมาอย่างสะใจ
อุปมาออกมาตั้งสติอยู่หน้าห้อง สูดหายใจลึก แล้วเปิดประตูกลับเข้าไปในห้อง สไบนางยิ้มๆไม่แคร์ ปิดตู้เสื้อผ้า เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวสีชมพูหวาน เตรียมจะไปเข้าห้องน้ำ
“เธอจะทำอะไรของเธอ”
“อาบน้ำซิคะที่รัก”สไบนางขยิบตาให้
“อย่ามากวนประสาทฉันนะ ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้เลย”
สไบนางทำหน้าตากวนประสาท
“น้าแรมบอกว่านี่ห้องหอไม่ใช่เหรอ”
“ใช่แต่เป็นของฉันกับคุณเม แล้วคุณเมก็เป็นคนตกแต่งห้องนี้เองทั้งหมด”
สไบนางกวาดตามองรอบๆ
“ไม่น่าล่ะ เข้ามาแล้วถึงรู้สึกเลี่ยนๆ”
“กลับบ้านเธอไปเลยไป”
สไบนางจ้องหน้า
“ฉันไม่กลับ วันนี้ฉันเสียชื่อป่นปี้ ชีวิตฉันเละเทะไปหมดแล้ว ฉันไม่ยอมโดนใครเอาเปรียบฟรีๆ หรอกย่ะ ถึงเวลาที่ฉันต้องเอาคืนมั่ง”
“ก็ไปเอาคืนกับลุงประมุขของเธอโน่น”
“ฉันจะเอาคืนกับนายก่อนมีอะไรมั้ย”
“ได้...แต่ฉันขอล่ะ ห้องนี้เป็นความทรงจำที่ดีของฉันกับเม เธอย้ายไปอยู่ห้องอื่น เดี๋ยวฉันให้แรมจัดให้”
สไบนางมองหน้ากวน ประสาท
“ไม่...อะไรที่เป็นของพี่เมฉันชอบแย่งมาเป็นของฉันอยู่แล้ว”
“ทำไมเธอมันร้ายกาจขนาดนี้นะ”
สไบนางยิ้มกวนๆ
“ฉันจะอยู่ห้องนี้ในฐานะเจ้าสาวของนาย ตามทะเบียนสมรส”สไบนางแกล้งโพสท์ท่าเซ็กซี่แต่แอบดูตลกๆ “ทำไมเหรอ กลัวทนความเซ็กซี่ของฉันไม่ไหวรึไง”
สไบนางทำยักคิ้วหลิ่วตาให้อีก อุปมาเจ็บใจมาก จ้องหน้าสไบนางแล้วผุนผันออกไปจากห้อง ปิดประตูกระแทกโครม สไบนางขำๆ
“นึกว่าจะแน่”
สไบนางเหยียดปากหมั่นไส้เดินไปเข้าห้องน้ำ
+ + + + + + + + + + + +
หยาดฝนกำลังคุยโทรศัพท์มือถือกับสไบนาง อยู่ในห้องนอนอย่างไม่สบายใจนัก เป็นห่วงความปลอดภัยของเพื่อน
“หาเรื่องใส่ตัวรึเปล่าบี”
สไบนางอยู่ในชุดนอนทะมัดทะแมง ส่องกระจกอยู่ในห้องน้ำคุยโทรศัพท์ไปพลาง
“ฉันสู้ตายอยู่แล้วฝน มันดูถูกฉันเกินไป ฉันยอมลดตัวไปแต่งงานกับมัน แต่มันทิ้งให้ฉันหน้าแหกเป็นเสี่ยงๆ ต้องเป็นแม่สายบัวแต่งชุดเจ้าสาวรอเก้อ ฉันอายมากนะฝน ฉันจะเอาคืนให้แสบเลย”
“เขาเสือผู้หญิงนะบี”
“จะเสือ จะสิงห์ จะแมว จะหมาฉันก็ไม่กลัว ฉันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว คอยดูนะฝน ฉันจะตีสาวๆ ที่มันเลี้ยงเอาไว้ให้กระเจิงเลย เล่นกับใครไม่เล่น อยากได้ฉันเป็นเมียเองช่วยไม่ได้”
“เดี๋ยวก็หย่ากันแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ลุงมียังไม่ยอม จะดัดสันดานลูกชาย แล้วเกี่ยวอะไรกับฉันด้วยล่ะ ไม่รู้ซวยอะไรนักหนา ถึงว่าเกลียดขี้หน้าไอ้หนวดนี่ ตั้งแต่เจอหน้าครั้งแรกแล้ว”
ขณะเดียวกันนั้นมีเสียงค้อนตอกโป้กๆ ดังแทรกเข้ามา สไบนางสงสัยเล็กน้อย
“เธอตอกอะไรฝน”
“เปล่า ไม่ได้ตอกอะไร นั่งคุยกับเธอบนเตียง”
“เหรอ”สไบนางสงสัย เงี่ยหูฟัง “ดังมาจากห้องนอนฉันเองงั้นแค่นี้ก่อนนะแก...”
สไบนางกดตัดสายโทรศัพท์วางมือถือไว้ในห้องน้ำแล้วเปิดประตูห้องน้ำออกไป
อุปมายืนกอดอกคุมคนงาน ติดตั้งสายยูไว้ล็อคกุญแจที่ประตูห้องนอนด้านใน สไบนางเดินออกมาจากห้องน้ำตกใจมาก
“ทำอะไรน่ะ”
“เรียบร้อยแล้วครับ”คนงานบอก
“ขอบใจมาก ไปพักผ่อนได้แล้ว”
คนงานเก็บกล่องเครื่องมือเดินออกไปจากห้อง สไบนางเดินอ้อมๆ มาชะเง้อมองห่างๆ ว่าอุปมาทำอะไร อุปมายิ้มกวนๆ แล้วหยิบแม่กุญแจมาคล้องสายยูแล้วล็อคประตูห้องนอนจากด้านใน สไบนางตกใจ
“ล็อกทำไม”
อุปมาดึงลูกกุญแจมาใส่กระเป๋าเสื้อ ยิ้มกวนๆ
“ก็เธออยากอยู่ห้องนี้นักไม่ใช่เหรอ”
อุปมาเดินเข้าหา สไบนางถอยห่างอย่างใช้ความคิด ระวังตัว อุปมาเดินต้อนทำสายตากรุ้มกริ่ม
“ข้าวใหม่ปลามัน ไม่ต้องเห็นเดือนเห็นตะวันกันหรอก”
อุปมาบีบมือหักนิ้วไปมา สไบนาง ชักใจเสีย ถอยหนี
“แกจะทำอะไรของแก เราเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ฉันเป็นน้องสาวของนายนะ”
อุปมาขำๆ
“ที่พ่ออัพเดทล่าสุด ไม่ใช่ซะหน่อย แค่ลำดับญาติเฉยๆ แต่โดยสายเลือดแล้วเราไม่เกี่ยวพันกันเลย มีลูกรับรองว่าไม่ต๊องแน่นอน”
อุปมาแกล้งพุ่งไปหา สไบนางกรี๊ดด้วยความตกใจโดดหลบได้ทัน อุปมายิ้มมุมปาก แกล้งทำหน้าตาหื่นๆ
“เธอเคยว่าอะไรฉันนะ ตัณหาจัด คลำไม่เจอหางเป็นฟาดดะใช่มั้ย คืนนี้ฉันจะช่วยยืนยันคำพูดของเธอเอง”อุปมาแกล้งตามไปจับตัว สไบนางวิ่งหนีรอบห้องไปยืนบนเตียง
“นายอย่าทำอะไรบ้าๆนะ”
อุปมายิ้มกวนๆ
“กลิ่นตัวเด็กสาววัยขบเผาะนี่มันหอมชื่นใจน่าฟัดจริงๆ”
อุปมาทำสูดหายใจลึก สไบนางกลัวจัด อุปมาแกล้งตะคอกเสียงดัง พร้อมกระทืบเท้า
“จะไปไหน”
สไบนางกรีดร้องลั่น ด้วยความตกใจวิ่งเข้าห้องน้ำไป ปิดประตูโครม อุปมาสะแหยะยิ้ม
“เธอรู้จักฉันน้อยไปแล้ว เบบี๋เอ๊ย”
สไบนางเข้ามาในห้องน้ำอย่างตื่นกลัว รีบกดโทรศัพท์มือถือโทรหาสายฝนอย่างรนราน
“ฉันเตือนเธอแล้วเห็นมั้ยบี”
“มันจะปล้ำฉันมั้ยฝน แกมาหาฉันหน่อยสิ”
“แกจะบ้าเหรอ ดึกดื่นป่านนี้แล้ว”
สไบนางร้อนใจ
“ทำไงดีวะเนี่ย หน้าตามันยิ่งหื่นๆอยู่ด้วย”
ขณะเดียวกันนั้น เสียงทุบประตูห้องน้ำก็โครมๆ...สไบนางผวาถอยไปสุดห้องน้ำ
“เปิดประตู”เสียงอุปมาตะโกนเข้ามา
“ไม่เปิด”สไบนางตะโกนตอบ
“ฉันสั่งให้เปิดประตูเดี๋ยวนี้”
“ไม่”
“จะให้ฉันพังเข้าไปใช่มั้ย”
หยาดฝนรีบบอกเพื่อน
“แกพูดกับเขาเพราะๆ หน่อยซิบี เผื่อเขาจะใจอ่อน”
สไบนางหันมาคุยโทรศัพท์ต่อ
“แกอย่าเพิ่งวางสายนะ อยู่เป็นพยานให้ฉันก่อน ถ้ามันปล้ำฉันจะแจ้งความจับมันเลย”
อุปมาทุบประตูโครมๆ สไบนางผวาไปเล็กน้อย เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าเสื้อนอน
“ฉันบอกให้เปิดประตู ไม่ได้ยินรึไง”
สไบนางสูดหายใจลึก
“แก...เอ๊ย พี่มาร์คจะเข้ามาทำอะไรเหรอคะ”
“อาบน้ำ ร้อนจะตายอยู่แล้ว”
สไบนางขยับมาใกล้ประตู พูดเสียงอ่อนหวาน
“พี่จะอาบน้ำอย่างเดียวใช่มั้ยคะ”
อุปมาชักหงุดหงิด
“เออ...เปิดประตูเร็วๆ เข้า”
สไบนางหันซ้ายหันขวา ไปดึงไดร์เป่าผมมาเป็นอาวุธ จับไดร์กับสายไฟคนละมือ ดึงสายไฟจนตึงอารมณ์ทำอะไรฉันรัดคอแกแน่
“เร็วซิ”
สไบนางพยายามอ่อนหวาน
“เปิดเดี๋ยวนี้แหละค่ะคุณพี่มาร์คขา”
สไบนางเปิดประตูแล้วดีดตัวมา ตั้งท่าขึงสายไฟเตรียมพร้อม อุปมาที่มีผ้าขนหนูพาดบ่าเดินเข้าห้องน้ำมา จ้องหน้า สไบนางสู้ตา อารมณ์เตรียมพร้อม
“ออกไปซิ จะดูฉันแก้ผ้ารึไง”
สไบนางวิ่งปู๊ดออกไปจากห้องน้ำทันที อุปมาถอนใจส่ายหน้าปิดประตูห้องน้ำโครม
สไบนางตรงไปดูที่ประตูห้อง อุปมาล็อกกุญแจสายยูจากด้านในแน่นหนา สไบนางเจ็บใจมาก
“ไอ้บ้ามาร์ค...”สไบนางล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาคุย “ฝน...ฝน”สไบนางเห็นเงียบไปเอาโทรศัพท์มาดู “แบตหมดอีก ซวยจริงๆ”
อุปมาบีบยาสีฟันอยู่ในห้องน้ำ
“อย่าคิดหนีซะให้ยากเลยไม่มีทางหรอก ฉันซ่อนกุญแจไว้แล้ว”
สไบนางเจ็บใจเดินมาเท้าสะเอวพูดใส่ประตูห้องน้ำ
“ทำไมฉันต้องหนี ฉันไม่กลัวนายหรอก”
อุปมาแกล้งตบประตูห้องน้ำโครม สไบนางตกใจมาก วิ่งหางจุกตูดโดดตัวลอยขึ้นเตียงไป
“ไอ้บ้า...ตกใจหมดเลย”สไบนางพึมพำ
อุปมายิ้มขี้เล่นขึ้นมา แกล้งพูดออกไปดังๆ
“วันนี้ต้องอาบน้ำให้สะอาดเป็นพิเศษ คืนเข้าหอ เจ้าสาวจะได้หอมชื่นใจ”
สไบนางตาเบิกโพลง...สั่งตัวเอง
“อย่าสติแตกสไบนาง เธอไม่เคยแพ้ใครง่ายๆ”
สไบนางหลับตาตั้งสติ สูดหายใจลึก ก่อนจะลืมตาโพลงขึ้นมาอมยิ้มเหล่มองไปทางประตูห้องน้ำ พูดพึมพำ
“ฉันไม่หมูอย่างที่แกคิดหรอกไอ้หน้าหนวด...”
สไบนางลงจากเตียงไปเปิดกระเป๋าเสื้อผ้า ก้มมองของในกระเป๋าอย่างพอใจ
“คนอย่างฉัน ไม่เคยไม่เตรียมพร้อม”
สไบนางยิ้มอย่างพอใจ กับการเตรียมพร้อมของตัวเอง...
(อ่านต่อหน้า 2 )
รอยมาร (ต่อ)
ที่นอนสำรองถูกปูอยู่มุมห้องไกลๆ มีหมอน ผ้าห่ม เตรียมไว้ให้พร้อม สไบนางนอนนิ่งอยู่บนเตียงห่มผ้ามิดชิด โผล่มาแค่ช่วงหน้า กรอกตามองไปมาอย่างระแวงระวัง ทันใดนั้นเสียงประตูห้องน้ำเปิดกระแทกดังให้ได้ยินเหมือนจงใจข่มขวัญ สไบนางรีบหลับตาปี๋
“หลับแล้วเหรอจ๊ะที่รัก”
สไบนางหลับตารีบดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปง ทันใดนั้นผ้าห่มของเธอก็ถูกกระชากออกหมด สไบนางเด้งตัวขึ้นนั่ง อุปมานุ่งกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวยืนอยู่ปลายเตียง สไบนางลุกพรวดยืนบนเตียงเลย
“นายจะทำอะไร”
“ก็นอนน่ะสิ”
สไบนางยกมือข้างนึงขึ้นปิดตา อีกมือชี้
“แต่งตัวอะไรของนาย”
“วันนี้ถือว่าให้เกียรติเจ้าสาวแล้วนะ ปกติล่อนจ้อน”
“อุบาทว์...เป็นพวกชีเปลือยรึไง”
อุปมาจะขึ้นเตียง สไบนางรีบห้าม
“เฮ้ย จะขึ้นมาทำไม ที่นอนนายอยู่โน่น”สไบนางชี้ไปที่เบาะ
“เรื่องอะไรจะนอนกับพื้น อยากนอนก็ไปนอนเอง”
อุปมาขึ้นเตียงนอนฝั่งตน ดึงผ้าห่มคลุมตัวเรียบร้อย หลับตาทันที สไบนางร้อนรน เก้ๆกังๆ เอาไงกะชีวิตดี อุปมาลืมตามอง
“ไม่นอนเหรอ”
“ใครจะนอนลง แขยง”
“นอนไม่ลงก็ลงไปนอนมุมห้องโน่นเลย”
“สุภาพบุรุษมากเลยนะให้ผู้หญิงนอนกับพื้น”
อุปมาขยับตัวเอียงข้าง ยกมือเท้าท้ายทอยแล้วชวนคุย กวนๆ
“ถ้าฉันละเมอปล้ำเธอขึ้นมา ช่วยไม่ได้นะ”
สไบนางเจ็บใจ
“ก็ลองสิ”
สไบนางย่อตัวลง ดึงหมอนตนออก มองกรรไกรตัดหญ้าด้ามใหญ่ ที่เหน็บซ่อนอยู่ในช่องระหว่างฟูกกับหัวเตียง สไบนางดึงกรรไกรตัดหญ้าออกมา อุปมาตกใจรีบลงไปข้างเตียง
“จะทำอะไรของเธอ”
สไบนางทำท่าตัดหญ้าฉับๆ ข่มขวัญ อุปมารีบดึงผ้าห่มมากอดห่อตัวเอาไว้
“ออกไปนอนที่อื่นเลย ถ้าไม่อยากแปลงเพศ”
“เล่นบ้าๆ”
“ยังอีก”สไบนางขู่ขยับกรรไกรตัดหญ้า ฉับๆ
อุปมารีบเดินไปเอาลูกกุญแจที่ซ่อนไว้มุมหนึ่งมาไขกุญแจเปิดประตูห้อง
“คืนนี้ฉันยอมแพ้เธอก็ได้”
สไบนางอมยิ้มสะใจ อุปมาไขกุญแจได้ เปิดประตูออก หันมาจ้องหน้าสไบนางกวนๆ
“นี่เธอรู้ได้ไง ว่ากรรไกรธรรมดาตัดไม่ขาด ต้องใช้กรรไกรตัดหญ้า ขอบคุณนะที่ให้เกียรติบิ๊กมาร์ค”
อุปมายกมือขึ้นตบกลางอก ยืดๆ 2ที สไบนางขยะแขยง
“ไอ้ทะลึ่ง”
สไบนางตั้งท่าเขวี้ยงกรรไกรตัดหญ้าใส่เขา อุปมารีบปิดประตูหนีไปนอกห้องอย่างเร็ว
อุปมาห่อผ้าห่มอยู่หน้าประตูห้อง พร้อมเสียงของกระแทกประตูห้องโครมใหญ่ อุปมาขำๆ ส่ายหน้า ก่อนจะนิ่งๆลง มองไปที่ประตูห้อง หน้าขรึมๆพึมพำออกมา
“ขอบใจนะที่ช่วยคลายเครียดเรื่องคุณเมให้”
อุปมาถอนใจยาวออกมา แล้วเดินห่มผ้าห่มไปนอนห้องนอนเล็กแทน
ทางด้านสไบนาง เอาเชือกผูกรองเท้า มาผูกที่คล้องสายยูของประตูห้อง พร้อมบ่นไป
“จิตใจ คิดแต่เรื่องสกปรก เข้ามาแกตาย”
สไบนางก้มเก็บกรรไกรตัดหญ้าแล้วเดินไปขึ้นเตียง วางกรรไกรไว้ข้างๆล้มตัวลงนอน
“จบซะที วันที่แสนยาวนาน”สไบนางถอนใจยาวออกมา “กู๊ดไนท์บู้บี้”
สไบนางข่มตาให้หลับไป
+ + + + + + + + + + + +
เช้าวันเสาร์...
คุณหญิงรุจา ประมุขและวิจิตรานั่งทานอาหารเช้าคุยกันไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ประมุขไม่พอใจมาก
“มันจะบ้าเหรอ ให้เวลาเราแค่ 3 วัน”
ประมุขลุกขึ้นเดินไปมารอบโต๊ะ เคร่งเครียด ทานไม่ลง วิจิตราโกรธ
“นี่มันอะไรกันคะคุณแม่ ลูกเราเจ็บเกือบเอาชีวิตไม่รอด ไม่เห็นใจกันบ้างเลยรึไง”วิจิตราหันมองสามี “นี่เรากำลังจะไม่มีที่ซุกหัวนอนแล้วนะคุณมุข โอ๊ย ฉันอยากจะบ้าตาย”
คุณหญิงรุจาได้แต่ถอนใจออกมา รวบช้อนอิ่ม
“คุณแม่จะทำยังไงครับ มันไม่เห็นแก่คุณแม่มั่งเลยเหรอครับ”ประมุข โวยวาย
“เขาเห็นแก่แม่ เราถึงโดนแค่นี้...แม่เตรียมตัวเตรียมใจไว้นานแล้ว ไม่ได้คิดอะไรง่ายๆ ชุ่ยๆ เหมือนแก แม่เคยเตือนแกแล้วใช่มั้ยมุข แกไม่เชื่อแม่เอง”คุณหญิงรุจามองหน้าประมุข “แม่จะย้ายไปอยู่บ้านสวนของบี”
ประมุขและวิจิตราผงะไปเล็กน้อยหันมองหน้ากัน
“หมายความว่ายังไงครับ บ้านสวนของบี”
คุณหญิงรุจามองหน้าประมุข หน้านิ่ง
“แม่โอนบ้านสวนให้บีเรียบร้อยแล้ว เป็นมรดกชิ้นสุดท้ายที่ควรตกแก่สายเลือดของประจักษ์ แกคงไม่ขัดข้องอะไรใช่มั้ย”
“ผมจะขัดข้องอะไรได้ล่ะครับ”ประมุขน้ำเสียงแดกดันเล็กน้อย
วิจิตราลุกขึ้นโวยวาย
“สรุปว่าแม่บีสบายกว่าใครเพื่อน ได้ไปหมดทุกอย่างจริงๆ”วิจิตราเค่นขำ มองประมุข พูดแดกดัน “คุณต้องไปกราบกราน อาศัยบารมีหลานรักแล้วล่ะค่ะคุณลุงประมุข”
ประมุขหมดแรง เดินกลับมาทิ้งตัวลงนั่ง
“ทำใจซะมุข อย่าคิดอย่าเครียดให้มากนัก เดี๋ยวจะปวดประสาท ล้มพับแบบเมื่อคืนอีก”คุณหญิงรุจาเตือนสติลูกชาย
วิจิตราโกรธจัด
“เพราะไอ้ชันษาคนเดียว ทำลายเราจนย่อยยับ มันเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเราแต่ชาติปางไหนเนี่ย”วิจิตราแววตาชิงชัง
“แม่จิตรา...ระงับอกระงับใจซะมั่งเถอะ ไหนๆคนก็ตายไปแล้ว...เราก้มหน้ารับกรรมกับสิ่งที่เหลืออยู่เถอะ”คุณหญิงรุจาบอกอย่างปลงๆ
วิจิตราเจ็บแค้นใจ
“สิ่งที่เหลือ ดิฉันเหลืออะไรมั่งคะคุณแม่ นอกจากความล่มจม ฉันทนไม่ได้หรอกนะคะ”วิจิตราน้ำตารื้นขึ้นมา
คุณหญิงรุจาหน้านิ่งขรึม
“แต่เธอต้องทนให้ได้ ขยับขยายหาที่อยู่ซะ แม่ตั้งใจว่าวันมะรืนจะขนย้าย”คุณหญิงรุจาลุกขึ้นยืน
ประมุขและวิจิตราตกใจปนใจหาย
“บังอรคงไปด้วย ลุงแก้วก็ทิ้งไม่ได้ นอกนั้นแม่จะให้ทุนไปตามมีตามเกิด ไปหางานใหม่กันเอาเอง ทุกคนต้องดิ้นรนกันทั้งนั้น”คุณหญิงรุจาเหลือบตามองวิจิตรา “จะมาร้องแรกแหกกระเชอว่าทนไม่ได้ นั่นไม่ใช่การสู้กับชีวิต”คุณหญิงรุจาเดินกลับออกไป
วิจิตราถอนใจออกมา
“คุณมุขคะ...”
ประมุขยกมือห้าม ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว
“คุณไปแต่งตัวเถอะ เดี๋ยวไม่ทันเครื่อง”
วิจิตราสะบัดหน้าพรืดเดินปึงปังออกไป ประมุขถอนใจยาวออกมา พิงศีรษะไปกับพนักเก้าอี้ยกมือขึ้นนวดคลึงขมับอยู่ไปมา
+ + + + + + + + + + + +
อุปมาเดินมาที่หน้าห้องหอ ลองเปิดประตูห้องหอดู ปรากฏว่าเปิดได้ อุปมาเปิดเข้าไปดู ไม่เห็นสไบนางอยู่ในห้องแล้วเตียงนอนเก็บพับเรียบร้อยดี อุปมาเอะใจ รีบเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าดู เสื้อผ้าสไบนางยังอยู่ครบอุปมายิ้มๆ
“แน่เหมือนกันโว้ย นึกว่าเผ่นกลับบ้านไปแล้ว”
อุปมายิ้มๆ ส่ายหน้าเดินออกไปจากห้องหอ
ที่ห้องอาหาร...แรมกำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่ อุปมาเดินลงมาไม่เห็นสไบนาง
“บีล่ะ”
“ไปทานอาหารเช้ากับคุณท่านค่ะ”
อุปมาพยักหน้ารับ จะนั่งลงทานอาหาร แต่เปลี่ยนใจ เดินออกไปจากบ้าน ตรงไปหาบารมีที่บ้านหลังเล็ก เห็นสไบนางนั่งสุมหัวคุยกับบารมี อุปมาเดินเข้าไปเงียบๆ
“วางแผนเล่นงานผมกันอยู่เหรอครับ”
สไบนางและบารมีผละออกจากกัน ต่างมีท่าทีมึนตึงใส่อุปมา
“แม่ล่ะครับ”
“อาบน้ำอยู่...”บารมีตอบนิ่งๆแล้วหันไปหาสไบนาง “เอ้อ บี...ลุงจะไม่อยู่บ้านนะต้องไปส่งคุณป้าซาร่า”
สไบนางตกใจมาก เหล่ๆมอง อุปมายิ้มมุมปาก กวนๆ
“ไปนานรึเปล่าคะ”
“ไม่หรอก น่าจะ 2-3 วัน ลุงไปส่งป้าที่ญี่ปุ่นแค่นี้เอง เขานัดเพื่อนเอาไว้...”บารมียกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ อารมณ์ดี “ยังไงลุงก็ต้องรีบกลับอยู่แล้วล่ะ เพราะลุงมีนัดสำคัญ”บารมีแววตามีเลศนัยเล็กน้อย
สไบนางไม่ติดใจอะไร
“งั้นบีจะไปนอนที่บ้านสวนนะคะ”
อุปมากอดอกมองสไบนางกวนๆ
“กลัวอะไรเหรอ”
“กลัวจะฆ่าคนตายน่ะซิ”
อุปมาเบ้หน้าไม่แคร์
“ผมจะไปเยี่ยมเมนะครับพ่อ พ่อจะไปด้วยมั้ย”
“ไม่ดีกว่า...บีไปกับพี่เขาสิ”
อุปมาและสไบนางหันมองหน้ากัน ก่อนจะหันมาทางบารมีตั้งท่าจะอ้าปากพูด แต่บารมีพูดขัดออกมาก่อน
“ถ้าหนูเมฟื้นขึ้นมา สภาพจิตใจพร้อม จะได้อธิบายเรื่องทั้งหมดให้เข้าใจซะเลย ดีกว่าให้ได้ยินจากปากคนอื่นที่มีอคติกับเรา”
ทั้งสองคนจนด้วยเหตุผล ทำหน้าเซ็งใส่กัน
ที่โรงพยาบาล...อุปมาเดินนำสไบนางมาตามทางเดินในโรงพยาบาล ตรงไปที่เคาน์เตอร์ หน้าวอร์ดผู้ป่วย สไบนางเดินรั้งท้ายช้ามากๆ อุปมาหันไปแขวะ
“จะช้าไปไหน”
“จะเร็วไปตามควายรึไง”สไบนางย้อน
อุปมาส่ายหน้าอารมณ์เสีย เดินนำไปหาพยาบาล
“ผมมาเยี่ยมคุณเมธาวีครับ”
“คุณเมธาวี อัคราช ใช่มั้ยคะ”
“ครับ”
“ญาติขอย้ายคนไข้ไปรักษาต่อที่อื่นแล้วค่ะ”
สไบนางเดินมาถึงได้ยินตกใจ
“ย้ายไปไหนครับ”
“ไม่ทราบค่ะ”
“แล้วพี่เมหายดีแล้วเหรอคะ”สไบนางถามอย่างเป็นห่วง
“พ้นขีดอันตรายแล้วค่ะ”
สไบนางโล่งอก
“ขอบคุณมากนะครับ”อุปมาหันมามองหน้าสไบนาง “เธอจะไปไหนต่อ”
“เรื่องของฉัน”
“งั้นไม่ส่งนะ”
“ไม่ได้ขอ”
ทันใดนั้นเสียงอาทิตย์ก็ดังขึ้น
“บู้บี้”
สองคนหันมองไป
“ซันนี่” สไบนางดีใจรีบวิ่งไปเกาะแขน “ไปกันเถอะ”
“นัดคนขับรถส่วนตัวไว้นี่เอง”อุปมาแขวะ
อาทิตย์มองไปทางอุปมา ยิ้มให้ อุปมาไม่ยิ้มตอบ
“ดูแลน้องสาวผมดีๆ ด้วยล่ะ หวังว่าคงไม่ลักพาตัวหายไปอีกคน”
“อย่าไปฟังพวกบ้าน้ำลายเลยซันนี่ เสียเวลา”
สไบนางลากแขนอาทิตย์พาวิ่งไปทางลิฟท์ อุปมามองตามหมั่นไส้ แกล้งพูดพึมพำล้อเลียน
“ซันนี่บู้บี้...อีเดียด”
อุปมาส่ายหน้าเบื่อหน่าย
+ + + + + + + + + + + +
ประมุขและวิจิตรา เดินคุยกันมาขึ้นรถที่หน้าบ้านอัคราช วิจิตรายังคงเครียดไม่สบายใจ
“คุณไม่เปลี่ยนใจแน่นะ ส่งลูกไปรักษาตัวซะไกลเชียว”
“ก็คุณหมอบอกว่าลูกปลอดภัยแล้ว จะรักษากรุงเทพฯให้แพงทำไม เรายังไม่รู้เลยว่าเมต้องพักรักษาตัวอีกนานแค่ไหน การเงินเราตอนนี้คุณก็รู้อยู่”
“แต่อยู่เชียงใหม่ก็ดีเหมือนกัน ไม่มีคนรู้จักเรา ลูกเมจะได้ไม่ต้องรับรู้เรื่องกระทบกระเทือนจิตใจอีก”
“คิดถึงลูกก็บินขึ้นไปหา”ประมุขประชดตัวเอง “ผมคงมีปัญญาจ่ายค่าตั๋วโลว์คอสต์ให้คุณได้หรอก”
วิจิตราค้อนใส่สามีเล็กน้อย
“ตกลงจะไม่ขึ้นไปเยี่ยมลูกพร้อมกันจริงๆเหรอ”
“ผมมีเรื่องจำเป็นเร่งด่วนต้องคุยกับบี”
ประมุขถอนใจออกมาอย่างเคร่งเครียดเดินนำไปขึ้นรถ วิจิตราสงสัยเล็กน้อยก่อนจะเดินตามขึ้นไปนั่งในรถ
+ + + + + + + + + + + +
สไบนางนั่งทานไอศกรีมอย่างอร่อยต่อหน้าอาทิตย์ เล่าเรื่องราวต่างๆของเธอให้ฟัง อาทิตย์พยักหน้าอย่างรู้สึกพอใจกับแผนการที่บารมีเตรียมไว้ให้สไบนาง
“ได้โอกาสดี มีคนสนับสนุนการเรียนแล้ว ก็เรียนให้ถึงปริญญาเอกไปเลย กลับมาจะได้เป็น ด็อกเตอร์บู้บี้”
“เรียนนานขนาดนั้น แก่งั่ก ไม่มีใครเอาพอดี”
“เรียนแค่ไหนก็ไม่มี”อาทิตย์แหย่
สไบนางเสียงแหลมขึ้นมาเลย
“ซันนี่”
สไบนางตักไอศกรีมมาละเลงใส่แขนอาทิตย์
“เฮ้ย เปื้อน”
อาทิตย์ดึงทิชชู่มาเช็ด สไบนางจ้องหน้า
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนไม่เปื้อนแค่นี้หรอก”
“กลัวแล้วจ้า พี่รู้ฤทธิ์เดชเราดี”
สไบนางค้อนใส่แล้วแทงช้อนใส่ไอศกรีมเลื่อนถ้วยไปอิ่มแล้ว
“ไหนว่ามีเรื่องอยากปรึกษาพี่ไง”
สไบนางหน้าตาขึงขังขึ้นมา
“มีอยู่ 2 เรื่อง”
“ว่ามา”
อาทิตย์กอดอกฟังอย่างสนใจ
“เรื่องแรก มีคำถามข้องใจ...ถ้าสามีปล้ำขืนใจภรรยาตัวเองจะผิดกฎหมายมั้ย”
อาทิตย์ตกใจ
“เมื่อคืนนายมาร์คจะปล้ำบีเหรอ”
“ยัง...ลองซิ ป่านนี้เข้าโรงพยาบาลไปนอนข้างพี่เมแล้ว”
อาทิตย์ยิ้มขำๆ
“ซันนี่ก็รู้ว่าบีจดทะเบียนสมรสกับมัน ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง ยังงี้บีก็เสียเปรียบมันน่ะสิ นึกจะทำอะไรกับบีก็ได้ตามใจชอบเลยเหรอ”
สไบนางถามด้วยความอยากรู้เป็นอย่างยิ่ง
+ + + + + + + + + + + +
อุปมาเดินถึงโถงบ้านเห็นคุณหญิงรุจากำลังยืนดู บังอรคุมสาวใช้เก็บข้าวของต่างๆ ที่โถงบ้าน
“สวัสดีครับคุณย่า”
คุณหญิงรุจารับไหว้ บังอรมองด้วยหางตาค้อนๆ แขวะ
“มาตรวจงานเหรอคะ กำลังเร่งมือเก็บของกันอยู่ค่ะ”
อุปมาหน้าแหยไปเล็กน้อย
“เปล่าหรอกครับ”
“มีธุระอะไรล่ะ”คุณหญิงรุจาถามหน้านิ่ง ไม่ยินดียินร้าย
อุปมารู้สึกได้ว่าทุกคนไม่ยินดีต้อนรับตนเท่าไหร่ ก็เข้าเรื่องเลย
“คือผมไปเยี่ยมคุณเมมา ทางโรงพยาบาลบอกว่าย้ายไปแล้ว ผมอยากทราบว่า คุณเมย้ายไปรักษาตัวที่ไหนเหรอครับ”
คุณหญิงรุจาเดินนำไปนั่งพร้อมตอบ
“เชียงใหม่”
อุปมาเดินตามไป
“ผมอยากตามไปเยี่ยมได้มั้ยครับ”
คุณหญิงรุจานั่งลง
“อย่าเลย พ่อแม่เขาอยากให้เมได้พักรักษาตัวเต็มที่ ฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจให้พร้อมแล้วค่อยกลับมา ไม่อยากให้ใครไปรบกวน”
อุปมาหน้าจ๋อยไป
“ได้ครับ...คุณหมอบอกรึเปล่าครับว่านานแค่ไหน”
“เรื่องของจิตใจ คงไม่มีใครกำหนดเวลาได้แน่นอนหรอก”
“ก็จริงครับ...”อุปมากวาดตามองหา “แล้วบีล่ะครับ คุณอาทิตย์มาส่งรึยัง เห็นบอกว่าจะมาค้างกับคุณย่า”
คุณหญิงรุจาสงสัย
“ไปกับอาทิตย์ได้ยังไง”
“เขาโทรนัดกันเองครับ”
คุณหญิงรุจาหนักใจขึ้นมา
“คุณก็อย่าตามใจบีนัก คนนอกไม่รู้ว่างานแต่งของคุณกับบีคือการเล่นละครตบตา ปล่อยให้ไปไหนต่อไหนกับอาทิตย์ตามลำพังบ่อยๆ มันดูน่าเกลียด”
“ต่อไปผมจะระวังให้มากขึ้นกว่านี้ครับ”
อุปมาอมยิ้มพอใจได้ช่องทางเล่นงานสไบนาง
+ + + + + + + + + + + +
อาทิตย์ขับรถมาส่งสไบนางที่หน้าบ้านเย็นมากแล้ว...
“ไม่ลงมาก่อนเหรอ”
“ไม่ดีกว่า”อาทิตย์แซวๆ “กลัวเจอสามีบู้บี้อีก”
สไบนางตาเขียวใส่ทันที
“เดี๋ยวจะโดนนะซันนี่ มันจะมาทำไม ป่านนี้ไปขลุกกับน้องหอยปูปลาที่ไหนก็ไม่รู้”
อาทิตย์ขำๆ
“ไปล่ะ”
“พรุ่งนี้เรามีนัดกันนะซันนี่”
“โอเค เจอกัน”
อาทิตย์ถอยรถออกไป สไบนางยืนมองส่งเล็กน้อย ก่อนเดินกลับไปทางตัวบ้าน ทันใดนั้นเสียง ประมุขดังขึ้น
“บี...”
สไบนางหันมองไปทางสนาม ประมุขหน้านิ่งขรึม ดักรออยู่สไบนางยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะคุณลุง”
ประมุขเดินเข้ามาหา ยิ้มแย้มชวนคุย
“ไปเที่ยวไหนมา”
“ไปเยี่ยมพี่เมมาค่ะ แต่ไม่เจอ”
“ลุงกับป้าย้ายพี่เมไปพักรักษาตัวที่เชียงใหม่แล้วลูก จะได้ไม่มีคนไปรบกวน”
สไบนางสลดลงเป็นห่วง
“แล้วพี่เมเป็นยังไงมั่งคะ”
“ได้สติแล้วล่ะแต่ยังงงๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ นี่คุณป้าก็ตามขึ้นไปอยู่เป็นเพื่อนแล้ว”
“น่าสงสารพี่เมนะคะ”
ประมุขเปลี่ยนเรื่อง จับแขนสไบนาง
“บีรู้แล้วใช่มั้ยว่าบารมีไล่พวกเราออกจากบ้าน”
สไบนางหน้านิ่งขรึมลง
“มันก็ถูกต้องแล้วนี่คะ คุณลุงเสียพนัน ไม่ว่าจะเสียให้ใครเขาก็ยึดได้ทั้งนั้น บีไม่ตำหนิลุงมีหรอกค่ะ”
ประมุขจ๋อยไปเล็กน้อย แต่ก็แก้ตัวไป
“ลุงรู้ว่าผิดที่ทุ่มกับมันเกินไป แต่เราก็มีส่วนรับผิดชอบร่วมกันไม่ใช่เหรอ”
สไบนางหน้าบึ้งตึงขึ้นมา
“บีเบื่อจะฟังแล้วล่ะค่ะ คุณลุงจะว่าบีอกตัญญู หนีเอาตัวรอดไม่ได้ เพราะบีชดใช้ให้แล้ว บีช่วยเหลือใครไม่ได้อีกทั้งนั้น”สไบนางน้ำเสียงจริงจัง
“ใครว่าล่ะ บีช่วยได้ แค่บีช่วยพูดกับบารมี”
“ไม่ค่ะ คุณลุงคะ ขอร้องอย่ายุ่งกับบีอีกเลย บีไม่ขอรับทราบเรื่องของใครทั้งนั้น”
ประมุขตัดสินใจพูด
“แม้แต่เรื่องของตัวเองงั้นเหรอ”
สไบนางอึ้งไปเล็กน้อย ประมุขจ้องหน้า
“บีเป็นลูกของลุง”
สไบนางน้ำตารื้นขึ้นมา ส่ายหน้า
“ไม่จริงค่ะ”
“ฟังพ่อนะบี”
“บีไม่ฟัง”
สไบนางยกมืออุดหู น้ำตาไหล ประมุขกระชากไหล่ทั้งสองข้างของสไบนาง เขย่าแรงๆ
“แต่แกต้องฟัง แกต้องฟังฉัน”
คุณหญิงรุจารีบเดินเข้ามาหาโกรธจัด หน้าแดงตัวเกร็ง
“ปล่อยบีเดี๋ยวนี้นะประมุข”
ประมุขตกใจ
“คุณแม่”
สไบนางรีบหนีไปหลบหลังคุณหญิงรุจา น้ำตาไหลพราก
“แม่คิดแล้วไม่ผิดว่าแกต้องใช้ไม้นี้”
ประมุขถอนใจหงุดหงิด คุณหญิงรุจาจ้องหน้าลูกชาย
“ที่แกบอกว่าแกรักบี อยากเปิดเผยตัว นั่นไม่ใช่ความรักหรอก แต่เป็นความเห็นแก่ตัวของแก เป็นความจนตรอกของแก”
ประมุขแววตาโกรธจัด น้ำตารื้น
“จะเพราะอะไรก็ช่าง ยังไงบีก็คือลูกสาวของผม”
สไบนางส่ายหน้าปฏิเสธ ร้องไห้ซบหน้ากับแผ่นหลังคุณหญิงรุจา ราวกับอยากจะหลบหนีความจริงข้อนี้
คุณหญิงรุจาหน้านิ่งขรึม มองหน้าประมุข แล้วตัดสินใจพูด...
“มีบางเรื่องที่แม่เก็บไว้เป็นความลับ มันเป็นตราบาปในใจของแม่ แต่แม่จงใจทำเพื่อความถูกต้อง”
ประมุขงง
“คุณแม่กำลังพูดถึงอะไรครับ”
“ความจริงที่แกยังไม่รู้”คุณหญิงรุจายิ้มเยือกเย็น “ความจริงที่แกไม่ยอมเชื่อแม่มาตลอด ว่าบีคือลูกของประจักษ์...”
สไบนางผละตัวออก แต่ยังแอบอยู่ด้านหลังคุณหญิงรุจาอย่างสนใจฟัง
“ประจักษ์มันเป็นหมัน”ประมุขเถียง
คุณหญิงรุจาตวาดสวนเสียงดัง
“ไม่จริง ประจักษ์อ่อนแอแต่ไม่ได้เป็นหมัน”
ประมุขยังไม่ยอมจนง่ายๆเถียงเสียงดัง
“แต่ไพท้องกับผม”
คุณหญิงรุจาสวนทันที
“ใช่...แม่ไม่เถียงว่าไพท้องกับแก”
สไบนางตกใจมาก คุณหญิงรุจาน้ำตาท่วม พูดเสียงดังจากความเจ็บช้ำ ตาแดงก่ำ ตัวสั่นสะท้าน
“แต่แม่เป็นคนทำให้ไพแท้ง แม่ทำบาปด้วยมือของแม่เอง”คุณหญิงรุจาสายตาเจ็บช้ำ
ประมุขตะลึงตกใจมาก สไบนางตกใจ ไม่อยากเชื่อ
“คุณย่า”
คุณหญิงรุจาน้ำตาไหลรินออกมา ตัดสินใจเล่าเรื่องในอดีต ให้ทั้งสองฟัง...
ค่ำคืนนั้น...ศรีอำไพวิ่งร้องไห้ออกมาที่หน้าบ้าน ประมุขรีบตามออกมาง้องอน
“ไพ พี่ขอโทษ”
ศรีอำไพเอาแต่ร้องไห้ เบือนหน้าหนี ประมุขจับไหล่ทั้งสองข้างของศรีอำไพมาเผชิญหน้า
“ฟังพี่นะไพ พี่รักไพมากนะ”
ศรีอำไพ ช้อนตามองประมุข น้ำตาไหลเป็นทาง
“ไพเป็นของพี่แล้ว ถึงพี่จะมีจิตราอยู่ พี่ก็ต้องรับผิดชอบไพ”
ศรีอำไพ ตบหน้าประมุขเต็มแรง จนประมุขหน้าหันไป
“ฉันเกลียดแกไอ้ประมุข ไอ้คนมักง่าย ฉันเกลียดแก”
ศรีอำไพผลักอกประมุขแล้ววิ่งหนีไปทางสวน ประมุขเสียใจ
“ไพ ฟังพี่ก่อน”ประมุขรีบตามไป
คุณหญิงรุจายืนดูเหตุการณ์อยู่บนบ้านอย่างเคร่งเครียด
+ + + + + + + + + + + +
สายวันหนึ่ง ศรีอำไพวิ่งไปชานหลังบ้าน โก่งคอจะอาเจียนเพราะรู้สึกผะอืดผะอม คุณหญิงรุจาเดินตามมาติดๆ เลื่อนมือมาช่วยลูบหลัง ศรีอำไพสะดุ้งสุดตัวหันมามองช็อค
“คุณท่าน”
คุณหญิงรุจาจ้องหน้า
“เธอเป็นอะไร”
ศรีอำไพ พูดไม่ออก น้ำตาเอ่อท่วมขึ้นมา
“เธอแพ้ท้องใช่มั้ย”
ศรีอำไพจะร้องไห้ด้วยความกดดัน แต่พยายามกลั้นเอาไว้ เลยได้แต่สะอื้นฮั่กๆ
“ใครเป็นพ่อของเด็ก”
ศรีอำไพไม่ตอบ ได้แต่ก้มหน้านิ่ง
“ฉันถามว่าใครเป็นพ่อของเด็ก”คุณหญิงรุจาถามเสียงแข็งขึ้น
ศรีอำไพเอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น คุณหญิงรุจาจับตัวศรีอำไพเขย่าแรงๆ
“บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ”คุณหญิงรุจาน้ำตารื้นๆ “ถ้าเธอยังรักและเคารพยำเกรงฉันอยู่ ยอมรับความจริงกับฉันมา”
ศรีอำไพ ช้อนตามองคุณหญิงรุจา ตาแดงก่ำ น้ำตาอาบหน้า คุณหญิงรุจาจ้องตา สายตาดุ น้ำตาเคลือบตา
“เด็กในท้องเป็นลูกของประมุขใช่มั้ย”
ศรีอำไพ ตอบทั้งสะอื้น
“ค่ะคุณท่าน”
คุณหญิงรุจายืนนิ่งเหมือนช็อก ศรีอำไพปล่อยโฮ สวมกอดคุณหญิงรุจาเอาไว้ ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“หนูเสียใจ หนูไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย หนูขอโทษ”
คุณหญิงรุจายืนนิ่งไม่พูดจาอะไร ปล่อยให้ศรีอำไพกอดซบตน ร้องไห้ฟูมฟาย คุณหญิงรุจาน้ำตาไหลซึมออกมา สงสารประจักษ์จับใจ
+ + + + + + + + + + + +
เย็นวันหนึ่ง... ศรีอำไพที่เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต เดินมายืนอยู่กลางสะพานข้ามคลอง เธอก้มมองลงไปที่คลองเบื้องล่าง ตั้งท่าจะปีนสะพาน ประจักษ์ตามมาทันพอดีตกใจมาก
“ไพ จะทำอะไร”
ศรีอำไพหันมองประจักษ์ รู้สึกอับอายไม่กล้าสู้หน้า รีบปีนสะพานหนีทันที ประจักษ์วิ่งสุดแรงเกิดมาคว้าตัวศรีอำไพมากอดเอาไว้ ล้มไปที่กลางสะพานทั้งคู่ ศรีอำไพร้องไห้ฟูมฟาย
“พี่จักษ์ปล่อยฉัน ให้ฉันตายเถอะ ฉันมันสกปรกไม่คู่ควรกับคนดีๆอย่างพี่ ปล่อยฉัน...”
ประจักษ์กอดศรีอำไพเอาไว้แน่น
“พี่รักไพ พี่ยอมให้ไพตายไม่ได้ มันเกิดอะไรขึ้น เล่าให้พี่ฟังได้มั้ย พี่สัญญา พี่จะไม่โกรธ ไม่โทษไพ เราจะหาทางแก้ไขปัญหาทุกอย่างด้วยกัน”
ศรีอำไพสะอึกสะอื้นกอดประจักษ์แน่น ร้องไห้จนตัวสั่นสะท้าน ทั้งสองกอดกันแน่นอยู่กลางสะพาน
+ + + + + + + + + + + +
สไบนางฟังที่คุณหญิงรุจาเล่า ตาแดงก่ำ น้ำตาท่วมตา สงสารแม่ที่สุด คุณหญิงรุจาหันมองสไบนาง น้ำตาท่วมตาเช่นกัน
“แม่ของบีเป็นคนดี แต่หนีคนชั่วไม่พ้น”
คุณหญิงรุจาเหลือบตามองไปทางประมุขที่ยืนขบกรามแน่น คุณหญิงรุจาหันกลับมามองสไบนาง
“แม่เราใจเด็ด คิดฆ่าตัวตาย แต่ประจักษ์มาห้ามไว้ทัน ความก็เลยแตก ประจักษ์ใจอ่อนแต่ไพไม่ยอม เพราะอะไรรู้มั้ยเจ้ามุข”
คุณหญิงรุจาหันจ้องหน้าประมุขสายตาดุ แข็งกร้าว ประมุขดูแหยๆ ไม่กล้าสู้ตาแม่เท่าไหร่
“เพราะไพเกลียดแก เกลียดไอ้มารร้ายอย่างแก”คุณหญิงรุจาเสียงเกรี้ยวกราดน้ำตาร่วงผลอย
คุณหญิงรุจา เล่าเรื่องในอดีตที่แสนปวดร้าวต่อไป..
ค่ำคืนนั้น...ศรีอำไพคลานมานั่งพับเพียบต่อหน้า คุณหญิงรุจาหน้านิ่งขรึม เยือกเย็น ส่งถ้วยชาให้
“ดื่มซะ”
ศรีอำไพ แปลกใจ
“อะไรคะ”
“ฉันให้ดื่มก็ดื่มเถอะ”คุณหญิงรุจาพูดเสียงราบเรียบ
ศรีอำไพ รับถ้วยชา มาก้มมอง
“ฉันกำลังจะช่วยหยุดปัญหาทั้งหมดระหว่างพวกเธอ...ดื่มซะ ฉันจะเตรียมให้เธอดื่มทุกคืน ไม่เกิน 3-4 วัน ทุกอย่างคงจบ”
“ค่ะคุณท่าน”
ศรีอำไพดื่มชาในถ้วยจนเกลี้ยงอย่างไม่ลังเล คุณหญิงรุจาทนดูไม่ได้ต้องเบือนหน้ามองไปทางอื่น ตาแดงก่ำรู้สึกเลวร้ายกับตัวเองที่สุดแต่ต้องทำ
+ + + + + + + + + + + +
สายวันหนึ่ง ศรีอำไพนอนตัวงอปวดท้อง ตกเลือดอยู่กลางกลางครัว ประจักษ์ตกใจรีบวิ่งเข้ามาประคองศรีอำไพอย่างเป็นห่วงมาก
“ไพเป็นอะไร ไพ”
ศรีอำไพเจ็บจนร้องไม่ออก หลับตานิ่ง น้ำตาไหลออกมา คุณหญิงรุจาเดินหน้าเยือกเย็นตามเข้ามาในครัว
“แม่ช่วยกำจัดเลือดเลวๆ ออกไปแล้ว”
ศรีอำไพเหลือบตามองคุณหญิงรุจา ยิ้มขอบคุณทั้งน้ำตาไหลซึม ประจักษ์อึ้งหันมองคุณหญิงรุจา
“คุณแม่”
ศรีอำไพหมดสติคอพับไปกับอกประจักษ์
“ไพ...ไพ”ประจักษ์ตกใจมาก
“เมียแกไม่เป็นไรหรอก รีบพาไปหาหมอซะ”
ประจักษ์อุ้มศรีอำไพออกไปจากครัวอย่างร้อนใจเป็นห่วง คุณหญิงรุจาเชิ่ดหน้านิ่งหันมองตามไป แววตาเจ็บช้ำแต่ต้องฝืนใจทำ...
เมื่อฟังเรื่องราวจากแม่ ประมุขหน้าซีดเผือด ส่ายหน้าไปมา ไม่เชื่อ คุณหญิงรุจาสืบเท้าเข้าหาประมุข
“แกลองคิดดูให้ดี บีมีส่วนไหนที่เหมือนแกมั่ง นิสัยก็เหมือนประจักษ์ อย่าคิดเข้าข้างตัวเองอีกต่อไปเลย”
ประมุขมองไปทางสไบนางๆ หันขวับไปอีกทางด้วยอารมณ์ไม่พอใจ คุณหญิงรุจาแววตาเจ็บช้ำ
“แม่เคยเสียใจ เคยทนทุกข์กับรอยบาปที่แม่ทำลายก้อนเนื้อในท้องของศรีอำไพ แต่ตอนนี้แม่ไม่เสียใจแล้ว เพราะรอยบาปวันนั้นได้ช่วยชุบชีวิตใหม่ให้บีในวันนี้ได้”
ประมุขตั้งสติได้ก็สวนกลับทันที
“ผมไม่เชื่อ คุณแม่ปั้นเรื่องขึ้นมาทั้งนั้น คุณแม่เป็นคนดี คุณแม่ทำเรื่องแบบนั้นไม่ได้หรอก ผมไม่เชื่อ”
คุณหญิงรุจาสวนกลับไปเสียงแข็ง
“ใช่ แกไม่เชื่อ เพราะตลอดเวลาแกหลอกตัวเองว่าแกรักไพ แต่เขาเกลียดแก แกพยายามสร้างภาพลวงตาตัวเองให้มันเป็นจริง”
“ถึงยังไงผมก็ไม่เชื่อ คุณแม่พยายามสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อหันเหความจริงให้เป็นเท็จ ประจักษ์มีลูกไม่ได้ ผมรู้ดีว่าน้องมีลูกไม่ได้” ประมุข มองสไบนาง น้ำตารื้น “บี นี่ไงพ่อของบี พ่อบังเกิดเกล้าของลูก”ประมุขน้ำตาไหลซึมออกมา
สไบนางจ้องหน้าประมุข ตาแข็ง
“บีไม่เชื่อลุงอีกต่อไปแล้ว บีเชื่อคุณย่า”
ประมุขผงะไป น้ำตาท่วมตา เจ็บช้ำ สไบนางหันมองทางคุณหญิงรุจา น้ำตารื้นๆ
“บีเพิ่งรู้ว่าทำไมคุณย่าถึงรักบีมาก เพราะการเกิดของบีคือความถูกต้องทุกอย่าง”
คุณหญิงรุจามองหน้าสไบนาง น้ำตาคลอๆตาม
“คุณย่าไม่เคยฆ่าหลานคนไหน คุณย่าเพียงย้ายให้เขามาเป็นบีในท้องของคุณแม่ ลุงมีพูดถูก พ่อจักษ์คือพ่อของบี ถูกต้องทั้งทางสังคม ศีลธรรม และกฎหมาย”สไบนางน้ำตาเอ่อ ท่วมขึ้นมา “ทุ่มเทความรักให้บีจนวาระสุดท้าย พ่อจักษ์คือพ่อของบี”สไบนางเสียงแข็ง กร้าว “คุณลุงก็คือลุง นี่คือความจริงที่บีเชื่อ ไม่มีใครหรืออะไรมา เปลี่ยนแปลงมันได้ทั้งนั้น”สไบนางน้ำตาไหลพรากวิ่งกลับไปขึ้นบ้าน
ประมุขน้ำตาท่วมตา เจ็บช้ำ
“บี...”
คุณหญิงรุจาขวางจ้องเขม็ง
“หยุดความคิดเลวๆ ของแกทั้งหมดซะทีประมุขอย่าดิ้นรนอะไรอีกเลย ยอมรับกรรมที่แกก่อเอาไว้เถอะ แกหนีมันไม่พ้นแล้วล่ะ”
คุณหญิงรุจามองลูกด้วยสายตาเวทนา ถอนใจส่ายหน้าแล้วเดินตาม สไบนางไป ประมุขเงียบกริบ เดินไปทรุดตัวลงนั่ง ยกมือขึ้นกุมหัวด้วยความเครียด อับจบหนทางไปหมด
ค่ำคืนนั้น...อุปมานั่งคุยกับหัสดินอยู่ที่มุมหนึ่งของผับ หัสดินเล่าให้ฟังถึงเรื่องที่ได้คุยกับซาร่าให้อุปมาฟัง
“ป้าซาร่าท่าทางจะชอบน้องบีเหมือนกันนะ”
อุปมาเหยียดปากเซ็งๆ
“แม่หลงกล เด็กมันเล่นละครเก่ง”
หัสดินยิ้มๆ
“แล้วแกจะทำยังไงต่อไปวะมาร์ค”
“เรื่องไหน”
“คุณเม”
อุปมาถอนใจออกมา
“เหตุการณ์วันนั้นเมไม่มีความผิดอะไรเลย ยิ่งรู้ว่าถูกมอมยาลักพาตัวไป ฉันยิ่งเห็นใจ”
“คงยังไม่รู้มั้งว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ใครจะกล้าบอก นี่ขนาดพาไปรักษากบดานถึงเชียงใหม่”
“ดีแล้วล่ะ จะได้หายเร็วขึ้น โดยเฉพาะสภาพจิตใจ ท่าทางคุณเมรักแกมากนะ ถ้ารู้เรื่อง คงเสียใจมาก”หัสดินฉุกคิด “ที่จริงน่าจะเจ็บใจมากกว่า ที่โดนน้องสาวแย่งแกไป”
“แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของบีเขา”
“อ๊ะ แต่งงานแค่ข้ามคืน เข้าข้างเมียแล้วเหรอ”หัสดินแหย่
“เดี๋ยวมึงจะโดนไอ้หัส...กูพูดไปตามความจริง อะไรถูกก็ว่าถูก อะไรผิดก็ว่าผิด”
หัสดินยิ้มๆ
“แล้วจะแก้ปัญหาต่อยังไง”
“ถ้าพ่อยอมให้หย่าจากบีเมื่อไหร่ ฉันก็จะแต่งงานกับคุณเมอีกครั้ง”
“ฉันว่าพอเหอะ อย่าจัดงานเลย จดทะเบียนกันเงียบๆก็พอ แกสองคนแฮปปี้ แต่สงสารน้องบี”
อุปมาคิดตาม ยักไหล่
“ก็คงงั้น พ่อก็คงไม่ยอมหรอก”อุปมาประชดๆ “ทั้งรักทั้งหลงมันจะตาย เด็กบ้านี่มีดีอะไรไม่รู้”อุปมาถอนใจเซ็งๆ
หัสดินนึกแล้วยิ้มๆ
“เว้นซะแต่แกจะพลาดปล้ำเด็กทำเมียซะก่อน รับรองเกมเปลี่ยน”
“ปากเสียอีกแล้ว อย่างยัยต๊องนั่นใครจะมีอารมณ์ได้ เด็กเวรอะไรก็ไม่รู้ น่ารำคาญชะมัด เจอหน้าเป็นหาเรื่อง พูดจาอะไรไม่เคยเข้าหูไม่เจียมตัว มีศักดิ์เป็นน้องยังมาทำอวดดี”
“คุณบีก็ฤทธิ์เดชกับทุกคนยังงี้แหละ”
อุปมาเซ็ง
“พูดแล้วเสียอารมณ์ กลับดีกว่า”อุปมาลุกขึ้น “จ่ายเงินด้วย”
หัสดินหน้าเหวอ
“เฮ้ย ทิ้งกันดื้อๆ ยังงี้เหรอไอ้มาร์ค”
“พรุ่งนี้มีนัดลูกค้าเช้าต้องรีบกลับไปนอน”
“รึว่าคิดถึงเจ้าสาวกันแน่วะ”หัสดินแหย่
“ไอ้หัส”
อุปมาตวัดเท้าเตะป้าบเข้าให้ที่น่อง
“โอ๊ย เตะจริงเหรอวะ เจ็บนะโว้ย”
“เออซิ ปากเสียทำไม...ไปแล้ว”
อุปมาเดินหน้าบึ้งกลับออกไป
+ + + + + + + + + + + +
อุปมาเปิดประตูห้องหอเข้ามา พร้อมเปิดไฟ ห้องโล่งโปร่งสบายไม่มีใครอยู่ เตียงถูกปูไว้อย่างดีเหมือนตอนเช้า อุปมายิ้มพอใจ ยกสองมือกำเหนือหัว
“ขอบคุณสวรรค์”
อุปมาโดดตัวลอยลงเตียง แล้วก็ร้องลั่นเด้งขึ้นนั่ง เขารีบถกผ้าคลุมเตียงออก ก็พบว่ากรรไกรตัดหญ้ายังวางอยู่ฝั่งนอนของตน แต่โชคดีที่วางไว้แบบคว่ำหน้า
“นี่มันกะฆาตกรรมกันรึไงวะเนี่ย...”อุปมาหยิบกรรไกรตัดหญ้าขึ้นมา บ่นพึมพำ “กลับมาเมื่อไหร่ จะจับปล้ำซะให้หายเฮี้ยนเลย”
อุปมาลุกถือกรรไกรตัดหญ้า ออกไปจากห้องนอนอย่างหัวเสีย
+ + + + + + + + + + + +
สไบนางนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ เสิร์ชหาข้อมูลในกูเกิ้ล หน้าเคร่งเครียด เธอพิมพ์คำว่า ประมวลกฎหมายอาญา แล้วกดเอ็นเทอร์ สไบนางอ่านไล่ไป
“อันนี้แหละ...ลักษณะ 9 ความผิดเกี่ยวกับเพศ”สไบนางดับเบิ้ลคลิกเข้าไปหาข้อมูล“เล่นกับใครไม่เล่นไอ้ต่อมลูกหมาก”
สไบนางไล่อ่านไป ยิ้มพอใจ หยิบสมุดโน้ตเล็กๆ ที่เตรียมไว้มาจด
“งานนี้แกเสร็จแน่ๆ...มาตรา 276 ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลัง
ประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือ ทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น...จำคุก 4 ถึง 20ปี และปรับ 8 พันถึง 4 หมื่น”สไบนางหัวเราะชอบใจ “ติดคุกจนหนวดหงอกแน่แก”
สไบนางเอาสมุดโน้ตมาจดไป แล้วโทรหาหยาดฝนปรึกษาเรื่องข้อกฎหมาย หยาดฝนคุยมือถืออย่างเป็นห่วงเพื่อน
“แต่บีเป็นเมียเขาถูกต้องตามกฎหมายนะ จดทะเบียนสมรสถูกต้องด้วย”
“ฟังให้จบก่อนซิแก วรรคสุดท้ายเขาเพิ่มเติมแล้ว ให้รวมถึงคู่สมรสด้วย เพราะฉะนั้นผัวจะมาปล้ำขืนใจเมียตามใจชอบไม่ได้ ถือว่าผิด กฎหมายข้อนี้เหมือนกัน”
“เอางี้นะ ถ้าเขาปล้ำแกขึ้นมาจริงๆ ตอนไปแจ้งความ แกไม่อายเหรอ”
“อายให้มันลอยนวลเหรอ ฉันจะใส่ชุดนักบินอวกาศไปแจ้งความเลย ใครก็จำหน้าฉันไม่ได้หรอก”
“บีคิดมากไปรึเปล่า เขาคงไม่กล้าหรอก อย่างหนักสุดก็แค่ทำร้ายร่างกาย”
“ฉันน่าจะทำร้ายร่างกายเขามากกว่าย่ะ”
หยาดฝนฟังแล้วกังวล
“ขออย่าให้เรื่องบานปลายไปถึงขั้นนั้นเลย”
“เรื่องนี้แกไม่ต้องห่วง ฉันเตรียมการกับซันนี่ไว้พร้อมแล้ว รับรองมันไม่กล้าหรอก”สไบนางยิ้มเจ้าเล่ห์ “เออแก แค่นี้ก่อนนะ แกลองไปเข้าอากู๋ดูเสิร์ชกฎหมายอาญา ความผิดเกี่ยวกับเพศ หาความรู้ใส่ตัวเอาไว้...แต่วรรค 2 ปิดตาอ่านข้างนึงนะแก อ่านแล้วมันจั๊กกะดึ๋ย”สไบนางทำท่าขนลุกขนพองเล็กน้อย “กู๊ดไนท์นะฝน”
สไบนางกดตัดสาย แล้วนั่งลอกกฎหมายใส่สมุดโน้ตต่อไปอย่างตั้งอกตั้งใจ
+ + + + + + + + + + + +
เมธาวีนอนกระสับกระส่ายไปมา อยู่บนเตียงหันหน้าซ้ายทีขวาที ร้อนรนกระวนกระวาย เหงื่อแตกเรียงเม็ดเต็มหน้า ภาพในอดีตผุดเข้ามาในความฝัน...
เมธาวีเดินไปที่ตั่งรดน้ำสังข์ กวาดตามองดู แล้วนึกสนุกเดินไปนั่งเก้าอี้รดน้ำเจ้าสาว ซ้อมทำท่าพนมมือรอรดน้ำสังข์ พร้อมกราบงามๆ เหมือนมีคนมารดน้ำ เธอยิ้มแย้มปลาบปลื้มใจ กับวันสำคัญวันหนึ่งในชีวิตที่จะเกิดขึ้นพรุ่งนี้
สักครู่เธอก็ลุกเดินจากตั่งรดน้ำไปปิดไฟ แต่รู้สึกเหมือนมีคนมอง เธอหันขวับไปทางบันได...ชันษาผลุบตัวหลบตรงบันได แล้วรีบย่องกลับขึ้นไปชั้นบน เมธาวี ไม่ติดใจสงสัยอะไร เดินไปปิดสวิตช์ไฟโถงบ้าน
เมธาวีเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องนอน ปิดล็อคประตูห้องอย่างดีแล้วเดินไปทางโต๊ะเครื่องแป้ง ชันษาที่แอบอยู่ในห้องน้ำค่อยๆ ย่องออกมา เมธาวีนั่งลงที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเห็นเงาสะท้อนจากกระจกคือชันษายืนหน้านิ่งอยู่ด้านหลัง
ชันษาเหมือนคนขาดสติ แววตาแข็งๆ หน้าตาแต่งตัวโทรมๆ เมธาวีตกใจสุดชีวิต ลุกพรวด
“ชัน เข้ามา...”
ไม่ทันที่เมธาวีจะพูดอะไรออกมา ชันษาก็เอาผ้าชุบยาสลบโปะเข้าที่จมูกของเธอ เมธาวีพยายามดิ้นขัดขืน ชันษาออกแรงล็อคเมธาวี ปิดปากไว้แน่น
ชันษาอุ้มเมธาวีมานอนลงกลางเตียง เมธาวีมึนๆ พยายามขัดขืนแต่ไม่มีเรี่ยวแรง ชันษาปลดกระดุมเสื้อตัวเอง สายตาแข็งๆ เหมือนคนขาดสติ จ้องมองเธออย่างไม่ละสายตา เมธาวีจ้องชันษาแววตาหวาดกลัวที่สุดในชีวิต น้ำตาเอ่อท่วมตา แต่ไม่มีแรงลุกหนี
เมธาวีกรีดร้องสนั่นลั่นห้อง พยายามลุกขึ้นนั่ง แล้วก็กรีดร้องอีก พยาบาลรีบเข้ามาให้ห้อง
“เป็นอะไรคะคุณเม”
เมธาวีน้ำตานอง
“แม่อยู่ไหน เมอยากหาแม่”
พยาบาลเข้ามาจับตัว
“คุณเมฝันร้ายอีกแล้วใช่มั้ยคะ”
เมธาวีพยักหน้ารับ พร้อมร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา
“ฝันซ้ำเดิมอีกแล้วเหรอคะ”
เมธาวีพยักหน้ารับ
“ค่ะ เมอยากเจอคุณแม่”
“คุณแม่เพิ่งกลับไปพักผ่อนเมื่อครู่นี่เองค่ะ ดิฉันรับช่วงต่ออยู่เป็นเพื่อนคุณเมแทนค่ะ”
เมธาวีนิ่งคิดสงสัย
“เมเข้าพิธีแต่งงานรึยังคะ”
พยาบาลงงๆ
“คุณเมว่าอะไรนะคะ”
เมธาวียกมือขึ้นกดขมับ
“เมปวดหัวจังเลย”
“คุณเมอย่าเพิ่งคิดอะไรมากซิคะ คุณเพิ่งฟื้นได้ไม่เท่าไหร่ พักผ่อนให้หายดีก่อนนะคะ”
พยาบาลจับตัวเมธาวีนอนลง เมธาวีนอนลงอย่างว่าง่าย ยังมึนๆเบลอๆจากกระทบกระเทือนและฤทธิ์ยาที่หมอจัดให้
“ทานยาคลายเครียดซะหน่อยดีกว่านะคะ จะได้หลับสบาย”
เมธาวีพยักหน้ารับ พยาบาลไปจัดยาและน้ำดื่มเตรียมให้ เมธาวีใช้ความคิดย้อนไปมายังเบลอๆ งงๆ จับต้นชนปลายไม่ถูก
+ + + + + + + + + + + +
เช้าวันใหม่...
สไบนางรอรับอาทิตย์อยู่หน้าบ้านไทย อาทิตย์นำช่าง 2 คนมา ช่างถือกล่องใส่เครื่องมือติดมาด้วย สไบนางยิ้มแย้ม
“ทางสะดวก ตามบีมาเลย”
แรมรีบออกมาขวางหน้า
“คุณบีพาช่างมาทำอะไรคะ”
“ซ่อมแอร์จ้ะ แอร์เสีย”สไบนางโกหก
แรมแปลกใจ
“แอร์เสียเหรอคะ”
“ร้อนจะตายอยู่แล้ว”สไบนางตัดบทหันไปเรียกช่าง “ตามมาทางนี้เลยค่ะ”
สไบนางขยิบตาให้ อาทิตย์ยิ้มๆ ส่ายหน้าพาช่าง 2 คนเดินตามสไบนางเข้าบ้านไป แรมมองตามอย่างสงสัย
+ + + + + + + + + + + +
อุปมาขับรถกลับมาจอดที่หน้าบ้านไทย ลงจากรถแปลกใจเมื่อเห็นรถอาทิตย์ จอดอยู่ก่อนแล้วที่หน้าบ้าน แล้ว ก็ต้องชะงักอึ้ง เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะผสมกันครืนใหญ่ ของสไบนางกับอาทิตย์ และแรม ดังนำออกมาถึงหน้าบ้าน อุปมายิ่งหัวเสียปนหมั่นไส้ เดินฉับๆ เข้าบ้านไป
สไบนางกำลังเล่าต่ออย่างสนุกปาก
“บีกลัวถูกจับได้ไงน้าแรม บีเลยปีนหนีออกไปทางหน้าต่าง”
“ผมอยากให้น้าแรมเห็นหน้าบี ตอนล่วงลงไปจากบ้านจริงๆ เลย”อาทิตย์ขำๆ
สไบนางปาดมือมาหยิกแขนอาทิตย์อายๆ
“คงจะพอๆ กับตอนเรือคว่ำที่หน้าบ้านนี่ล่ะค่ะ”แรม กระเซ้าหัวเราะนำ แล้วก็หยุดค้างแบบติดเบรก เมื่อเห็นอุปมาเดินเข้ามา “น้าเข้าครัวก่อนนะคะ”แรมรีบเดินก้มหน้าเข้าครัวไปเลย
“สนุกสนานกันน่าดูนะ”
อาทิตย์และสไบนางหันมองไปทางอุปมา
“ทำไมเหรอ บ้านนี้ห้ามคุยห้ามหัวเราะ ต้องทำหน้าเหี้ยมโกรธใครมาทั้งวัน เหมือนคุณด้วยเหรอ”สไบนางย้อน
“บี...”อาทิตย์ปราม
“ซันนี่เป็นแขกของบี เฉยๆเหอะ”
อุปมามองไม่พอใจ
“ลืมแล้วเหรอ ว่าเธออยู่ในฐานะภรรยาของฉัน การไปไหนมาไหนหรือให้ความสนิทสนมกับผู้ชายอื่นจนเกินไป มันน่าเกลียด”
สไบนางเบ้หน้า
“เหรอ คุณกลัวเสียเชิงชายมากนักก็หย่าเลยสิ ไม่ได้ง้อซะหน่อย”
“ฉันอยากหย่าใจจะขาด เธอก็รู้ว่าฉันทำไม่ได้”
สไบนางเหยียดปากเซ็งๆ
“ช่วยไม่ได้ อยากเป็นลูกแหง่กลัวพ่อเอง”
อุปมาถอนใจ
“ที่จริงฉันก็ไม่อยากจะยุ่ง เรื่องส่วนตัวอะไรของเธอนักหรอก แต่คุณย่าเธอขอเอาไว้ ว่าให้ฉันเข้มงวดเรื่องการวางตัวกับเธอ มากกว่านี้ คนอื่นไม่เข้าใจจะเสียชื่อตัวเธอเอง”
สไบนางลุกพรวดฉุนจัด
“ไม่ต้องเอาคุณย่ามาอ้างหรอกนะ”
อาทิตย์ลุกตาม
“บี คุณมาร์คพูดถูกนะ ใครเอาไปพูด บีมีแต่เสีย”
สไบนางหงุดหงิด
“พี่กลับก่อนดีกว่า...ผมกลับนะครับคุณมาร์ค”
อุปมาพยักหน้าให้
“บีไปส่ง”
สไบนางจงใจแกล้งไปคล้องแขนอาทิตย์พาเดินออกไป อาทิตย์ตกใจ
“บี...”
“ไม่มีใครเห็นซะหน่อย จะกลัวทำไม”
สไบนางควงแขนอาทิตย์พาเดินออกไปจากบ้าน อุปมาเหล่มองตาม สายตาหมั่นไส้เล็กน้อย
“ทำท่ายังกะตัวสวยตายแล้ว”
อุปมาถอนใจส่ายหน้า เดินกลับขึ้นชั้นบนไปอย่างหัวเสีย
(อ่านต่อพรุ่งนี้)