xs
xsm
sm
md
lg

อสีติมหาสาวก : กลุ่มพระต่างแค้วน (ตอนที่ ๙๙)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กลุ่มพระต่างแคว้น คือ กลุ่มพระที่ออกบวชต่างแคว้นละ ๑ รูป (เฉพาะที่เป็นพระอสีติมหาสาวก) มี ๖ รูป คือ พระพาหิยะ พระปุณณะ พระทัพพะ พระรัฐบาล พระโสณโกฬิวิสะ พระมหากัปปินะ แต่ละรูปมีประวัติที่น่าศึกษาดังนี้

วาจานุสรณ์

พระทัพพะ หลังจากบรรลุอรหัตผลแล้ว ถูกพระฉัพพัคคีย์กลุ่มพระเมตติยะ และพระภุมมชกะใส่ร้ายว่าต้องอาบัติปาราชิกข้อเสพเมถุน(ร่วมเพศกับหญิง) ทั้งนี้เพราะพระฉัพพัคคีย์ ๒ รูปนั้นโกรธ หาว่าท่านยุยงให้คหบดีกัลยาณภัตติกะเกลียดตนแล้วถวายอาหารที่ไม่ดี พระพุทธเจ้าทรงสั่งให้ประชุมพิจารณาความตามที่พระฉัพพัคคีย์กล่าวหา เมื่อผลปรากฏว่าท่านบริสุทธิ์ ท่านจึงได้กล่าวข้อความเตือนใจว่า

พระทัพพะที่ใครๆ ฝึกได้ยากเมื่อก่อนนั้น
บัดนี้ พระผู้มีพระภาคทรงฝึกได้แล้ว
ด้วยการฝึกอันประเสริฐ จึงกลายมาเป็นผู้สันโดษ
หมดความสงสัย ชนะได้เด็ดขาด ปราศจากความกลัว
พระทัพพะนั้นมีจิตมั่นคง ดับกิเลสได้สนิทแล้ว


พระรัฐบาล หลังจากบรรลุอรหัตผลแล้ว ทูลขออนุญาตพระพุทธเจ้ากลับไปเยี่ยมโยมบิดามารดาที่ถุลลโกฎฐิตนิคม แคว้นกุรุ แม้จะกลับไปบ้านเกิดแล้ว ท่านก็ดำเนินชีวิตตามแบบนักบวชในพระพุทธศาสนา คือเที่ยวบิณฑบาตตามลำดับหลังคาเรือน จนมาถึงบ้านของท่านเอง หญิงคนใช้นำขนมค้างคืนมาใส่บาตร ขณะเดียวกันนั้นนางก็เริ่มจำท่านได้ จึงรีบไปบอกเศรษฐีบิดาให้ทราบ วันรุ่งขึ้นท่านไปรับบิณฑบาตที่บ้านตามคำนิมนต์ของบิดา พวกภรรยาเก่าต่างหมายจะเล้าโลมให้ท่านสึก จึงถามเป็นเชิงแดกดันว่า นางฟ้าที่เป็นเหตุให้ท่านออกบวชนั้น สวยขนาดไหน ท่านจึงได้โอกาสแสดงธรรมความว่า

เชิญดูร่างกายที่ตกแต่งเสียสวยงาม เป็นที่อยู่ของพวกหมู่แผล อันกระดูก ๓๐๐ ท่อนคุมกันเป็นโครงร่าง เจ็บป่วยอยู่เนืองนิตย์ ไม่ยั่งยืน แต่คนโง่พากันถวิลหา

เชิญดูร่างกายที่ตกแต่งเสียสวยงามด้วยแก้วมณีและต่างหู มีหนังหุ้มกระดูก งดงามด้วยพัสตราภรณ์หลากหลาย เท้าทั้งสองยังย้อมด้วยน้ำครั่งสด ใบหน้าที่ไล้ทาด้วยจุรณ์จันทน์ ทำให้คนโง่ลุ่มหลงได้ แต่ไม่สามารถทำให้ผู้ฉลาดลุ่มหลงได้หรอก

ผมที่ตกแต่งปกหน้าผากเป็นลอน คล้ายกระดานหมากรุก 8 ตา นัยน์ตาทั้ง 2 หยาดเยิ้มด้วยน้ำหยอด ทำให้คนโง่ลุ่มหลงได้ แต่ไม่สามารถทำให้คนฉลาดลุ่มหลงได้หรอก

กล่องยาหยอดตาใหม่ๆ วิจิตรด้วยลวดลายต่างๆ เป็นฉันใด ร่างกายอันเปื่อยเน่า ที่ตกแต่งเสียสวยงาม ก็เป็นฉันนั้น

ทำให้คนโง่ลุ่มหลงได้ แต่ไม่สามารถทำให้คนฉลาดลุ่มหลงได้หรอก

นายพรานดักบ่วง แต่เนื้อไม่ติดบ่วง กินเหยื่อหมดแล้วก็หนีไป ทิ้งให้นายพรานคร่ำครวญอย่างผิดหวัง บ่วงขาดแล้ว เนื้อไม่ติดบ่วง กินเหยื่อหมดแล้วก็หนีไป ทิ้งให้นายพรานเศร้าโศกอยู่


ต่อมาท่านเดินทางไปพักในมิคชินอุทยานของพระเจ้าโกรัพยะ หลังจากแสดงธรรมุเทศถวายพระเจ้าโกรัพยะแล้ว ท่านได้กล่าวเพิ่มเติมว่า

คนรวยในโลกนี้ที่เห็นๆ กันอยู่ ก็คือได้ทรัพย์แล้วไม่ยอมให้ทาน ยิ่งได้ยิ่งสะสม และยิ่งปรารถนากามมากขึ้น
พระราชาช่วงชิงเอาแผ่นดินมาครอบครองได้ ไปจนถึงสุดทะเลตลอดฝั่งนี้ ก็ยังไม่อิ่ม ยังปรารถนาทะเลฝั่งโน้นอีก
พระราชาและผู้คนจำนวนมาก จากโลกนี้ไปทั้งที่ยังมีตัณหา (ความยาก) ทิ้งร่างกายนี้ไปทั้งที่จิตใจยังพร่อง ไม่รู้จักอิ่ม
ในโลกนี้ไม่มีหรอกเรื่องความอิ่มกาม
ทุกครั้งที่มีคนตาย ญาติทั้งหลายต่างก็สยายผม
ร้องให้คร่ำครวญว่า
ทำอย่างไรพวกญาติของเราจึงจะไม่ตาย
แล้วก็เอาผ้าห่อ หามไปเผาที่เชิงตะกอน
ผู้ที่ตายไปนั้น ต้องละทิ้งสมบัติทั้งหมด
มีผ้าเหลือติดตัวอยู่ผืนเดียว
มิหนำซ้ำยังถูกเขาเอาหลาวแทง ขณะที่ไฟกำลังลุกท่วมร่าง
คนตายไม่มีใครช่วยได้หรอก
ไม่ว่าญาติหรือมิตรสหาย
พวกทายาทก็มาขนเอาทรัพย์สมบัติไป
ส่วนคนตาย ก็ไปตามกรรมตามลำพัง
ไม่มีบุตรภรรยาทรัพย์สมบัติ หรือแว่นแคว้นติดตามไปด้วย

อายุยืน ไม่ใช่ว่าจะได้ด้วยทรัพย์
การพ้นจากความแก่ ไม่ใช่ว่าจะได้ด้วยทรัพย์
นักปราชญ์ทั้งหลายต่างยอมรับกันว่า
ชีวิตนี้สั้นนัก ไม่ยั่งยืน มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา
ทั้งคนรวยและคนจน ทั้งคนฉลาดและคนโง่
ต่างได้สัมผัสกับอารมณ์ทั้งที่น่าปรารถนา และไม่น่าปรารถนาเหมือนกัน
ต่างกันแต่ว่าคนโง่ เมื่อสัมผัสกับอารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนา
ย่อมอยู่อย่างเจ็บปวด เพราะความที่เป็นคนโง่นั่นเอง
ส่วนคนฉลาดย่อมไม่หวั่นไหว
ไม่ว่าจะได้สัมผัสกับอารมณ์ที่น่าปรารถนาหรือไม่น่าปรารถนา
เพราะฉะนั้น ปัญญาจึงประเสริฐกว่าทรัพย์
เพราะปัญญาช่วยให้ได้บรรลุนิพพาน
ส่วนคนโง่ เพราะมัวแต่ลุ่มหลง
จึงไม่ปรารถนาจะบรรลุนิพพาน

คนยังทำกรรมชั่วอยู่ในทุกภพทุกชาติที่เกิด
คนทำกรรมชั่วย่อมต้องเวียนว่ายตายเกิด ไม่มีสิ้นสุด
คนมีปัญญาน้อย เมื่อมาหลงเชื่อคนชั่วนั้น
ก็จะพลอยเวียนว่ายตายเกิด ไม่มีสิ้นสุดไปด้วย
โจรบุกเข้าปล้น แต่ถูกจับได้
ย่อมต้องเดือดร้อนเพราะกรรมของตน ฉันใด
หมู่สัตว์ผู้ทำชั่ว ก็ฉันนั้น
ตายไปแล้วย่อมเดือดร้อน เพราะกรรมของตน

ขอถวายพระพร มหาบพิตร
กามคุณทั้งหลาย หลากชนิด ล้วนวิจิตร มีรสอร่อย น่าเริงใจ
ย่ำยีจิตให้หลงใหลด้วยรูปแปลกๆ
แต่อาตมาเห็นโทษเสียแล้ว จึงออกบวช
ทั้งคนหนุ่มและคนแก่ ถึงคราวที่ร่างกายแตกดับ
ก็ร่วงหล่นไป เหมือนผลไม้หล่นจากต้น

ขอถวายพระพร มหาบพิตร
อาตมาเห็นความเป็นจริงนั้นด้วย จึงออกบวช
ช่างประเสริฐแท้ ที่อาตมาได้ความเป็นสมณะอันไม่ผิดพลาด
อาตมาออกบวชด้วยศรัทธา
มั่นคงในศาสนาของพระชินเจ้า
การออกบวชของอาตมาไม่ไร้ผล
อาตมาฉันข้าวชาวบ้านโดยไม่เป็นหนี้

ขอถวายพระพร มหาบพิตร
อาตมาออกบวช เพราะเห็นกามว่าเป็นของร้อน
เห็นทองเป็นศัสตรา เห็นทุกข์มีมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์
เห็นภัยใหญ่ในนรก อาตมาเห็นโทษดังว่ามานั้น จึงสลดใจ
ครั้งก่อนนั้น อาตมาถูกแทงด้วยลูกศรคือกาม
แต่มาครั้งนี้ อาตมาสิ้นอาสวะแล้ว


(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 147 มีนาคม 2556 โดย ผศ.ร.ท.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ)

กำลังโหลดความคิดเห็น