xs
xsm
sm
md
lg

อสีติมหาสาวก : กลุ่มพระต่างแค้วน (ตอนที่ ๙๕)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กลุ่มพระต่างแคว้น คือ กลุ่มพระที่ออกบวชต่างแคว้นละ ๑ รูป (เฉพาะที่เป็นพระอสีติมหาสาวก) มี ๖ รูป คือ พระพาหิยะ พระปุณณะ พระทัพพะ พระรัฐบาล พระโสณโกฬิวิสะ พระมหากัปปินะ แต่ละรูปมีประวัติที่น่าศึกษาดังนี้

งานสำคัญ

พระปุณณะ หลังจากได้บรรลุอรหัตผลแล้ว ก็ทรงแสดงธรรมแก่พวกชาวแคว้นอปรันตชนบท พร้อมทั้งได้แสดงอิทธิปาฏิหาริย์ให้ปรากฏด้วย จนทำให้ชาวแคว้นอปรันตชนบทเลื่อมใส ท่านแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ก่อนบรรลุอรหัตผลแล้ว ดังจะเห็นได้จากเมื่อคราวที่ท่านไปอยู่บำเพ็ญเพียรที่ภูเขาอัมพหัฎฐะ ซึ่งติดทะเล ถูกเสียงคลื่นรบกวน ท่านได้ออกมาเดินบนแผ่นหินใหญ่ที่ถูกคลื่นกระทบเกิดเสียงดัง พร้อมทั้งตั้งจิตอธิษฐานขอให้คลื่นสงบ ทันใดนั้นคลื่นก็สงบ พระทั้งหลายที่ร่วมบำเพ็ญธรรมด้วยกันอยู่ที่นั่นก็ได้รับความสงบ

ต่อมาเมื่อได้บรรลุอรหัตผลแล้ว ท่านก็ได้แสดงอิทธิปาฏิหาริย์ช่วยเหลือน้องชายของท่านพร้อมด้วยบริวาร ให้รอดพ้นจากการจมน้ำตายในทะเล

เรื่องมีอยู่ว่า คราวหนึ่งจูฬปุณณะน้องชายท่านพาบริวารนำเรือบรรทุกสินค้าไปขายต่างถิ่น แต่ก่อนจะแล่นเรือออกทะเล เขาและบริวารได้ถวายอาหารแก่ท่าน แล้วขอสมาทานศีล ๕ พร้อมทั้งกล่าวอ้อนวอนขอให้ท่านช่วยคุ้มครองให้เดินทางโดยปลอดภัย

เรือสินค้าแล่นผ่านเกาะเล็กแห่งหนึ่ง เขาสั่งให้เรือแวะที่เกาะเล็กแห่งนั้น แล้วชวนบริวารขึ้นไปหาเสบียงอาหาร แต่บนเกาะแห่งนั้นไม่มีของที่จะใช้เป็นเสบียงได้เลย แต่กลับมีไม้จันทน์แดงซึ่งมีค่ามาก ขึ้นอยู่ดาษดื่น

จูฬปุณณะและบริวารเห็นว่า ถ้านำไม้จันทน์แดงไปด้วยจะไม่เป็นการเสียเที่ยว เพราะเป็นสินค้าที่ได้ราคาดี จึงต่างช่วยกันตัดแล้วขนมาบรรทุกไว้ในเรือ โดยทิ้งสินค้าอื่นที่มีอยู่ก่อนทั้งหมด ครั้นบรรทุกได้เต็มลำเรือแล้วก็ออกเรือต่อไป โดยหาเฉลียวใจไม่ว่าจะมีภัยอันตรายเกิดขึ้นข้างหน้า

ขณะที่จูฬปุณณะพร้อมด้วยบริวารแล่นเรือห่างเกาะไปได้ไม่ไกล ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน คือ มีภาพอันน่าเกลียดน่ากลัวมาปรากฏให้เห็นในอากาศ พวกบริวารต่างพากันหวาดกลัว พากันอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเคารพนับถือ ส่วนจูฬปุณณะระลึกถึงพระปุณณะพี่ชาย พลางคิดอ้อนวอนให้ท่านมาช่วย

ขณะนั้นเอง พระปุณณะก็พลันหวนคิดถึงน้องชาย และเห็นด้วยทิพยจักษุว่ากำลังเผชิญเหตุร้ายอยู่กลางทะเล จึงเข้าจตุตถฌานอธิษฐานจิตให้ตัวเบาเหาะไปหาน้องชาย ยืนปรากฏตัวให้เห็นอยู่กลางอากาศ พวกอมนุษย์เจ้าของเกาะเล็กซึ่งแสดงภาพน่าเกลียดน่ากลัวเหล่านั้น เห็นพระเถระเข้าก็หนีกลับที่อยู่ของตน

เหตุที่พวกอมนุษย์มาแสดงภาพหลอกหลอนเช่นนั้น ก็เพราะโกรธที่จูฬปุณณะและบริวารตัดไม้จันทน์แดง ซึ่งเป็นที่สถิตของพวกตน จึงหมายจะตามล่าเอาชีวิตกลางทะเล แต่เป็นด้วยอำนาจฤทธิ์ของพระปุณณะ จึงทำให้พวกอมนุษย์หวาดกลัว และกลับไปเกาะเล็กตามเดิม

ฝ่ายพระปุณณะ เมื่อช่วยน้องชายและบริวารให้ปลอดภัยจากพวกอมนุษย์แล้ว ก็ใช้ฤทธิ์บันดาลให้เรือแล่นกลับไปส่งทุกคนที่บ้าน ครั้นกลับถึงบ้านแล้วจูฬปุณณะและบริวาร ก็เล่าเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ของพระปุณณะ ให้บุตร ภรรยา และคนใกล้ชิดฟัง เป็นเหตุให้คนเหล่านั้นเลื่อมใส จึงต่างชักชวนกันมาไหว้พระปุณณะ

พระปุณณะก็แสดงธรรมให้ฟัง ครั้นฟังธรรมแล้วคนเหล่านั้นก็เลื่อมใสมากขึ้น ถึงขั้นประกาศตนเป็นอุบาสกอุบาสิกา นับถือพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต

จูฬปุณณะและบริวารได้แบ่งไม้จันทน์แดง ถวายพระปุณณะเพื่อเป็นการบูชาคุณ ท่านไม่รับ แต่แนะนำให้ไปสร้างเป็นศาลา ครั้นคนเหล่านั้นทำตามที่ท่านแนะนำแล้ว ท่านก็เดินทางกลับมาเฝ้าพระพุทธเจ้าที่เมืองสาวัตถีอีกครั้งหนึ่ง เพื่อทูลนิมนต์ให้เสด็จไปโปรดชาวแคว้นอปรันตชนบท พระพุทธเจ้าทรงรับนิมนต์ ต่อมาเมื่อได้เวลาอันสมควร พระองค์ก็ทรงพาพระสาวก ๔๙๙ รูป ออกเดินทางไปแคว้นอปรันตชนบท

ที่อปรันตชนบท พระพุทธเจ้าทรงพาพระสาวกเดินทางผ่านไปทางภูเขาสัจจพันธะ เพื่อโปรดฤาษีสัจจพันธะผู้ตั้งสำนักสอนอยู่ที่ภูเขาสัจจพันธะนั้น ฤาษีสัจจพันธะเป็นมิจฉาทิฏฐิมีความเห็นผิด แต่พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาเห็นว่า ท่านมีอุปนิสัยสามารถบรรลุอรหัตผลได้ จึงเสด็จมาสอน และครั้นยอมฟังพระพุทธเจ้าตรัสสอนแล้ว ฤาษีสัจจพันธะก็ละความเห็นผิดได้หมด ท่านบรรลุอรหัตผลในวันนั้นเอง และทูลขอบวช

พระพุทธเจ้าทรงบวชให้ด้วยวิธีบวชแบบเอหิภิกขุอุปสัมปทา จากนั้นทรงพาพระสาวก ๕๐๐ รูป (เดิมมี ๔๙๙ รูป ต่อมารวมพระสัจจพันธะอีก ๑ รูป) เดินทางต่อไปยังหมู่บ้านของน้องชายพระปุณณะ ตามที่พระปุณณะทูลนิมนต์ไว้ จูฬปุณณะและบริวารได้ร่วมกันถวายทานแด่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ ๕๐๐ รูป รวมทั้งพระปุณณะอีก ๑ รูป ครั้นแล้วได้นำเสด็จพระพุทธเจ้าและพระสาวกไปยังมกุฬการาม แล้วได้น้อมถวายศาลาไม้จันทน์แดงให้เป็นที่ประทับ

พระพุทธเจ้าประทับอยู่โปรดชาวแคว้นอปรันตชนบท ๓ วัน ก่อนเสด็จกลับทรงมอบหมายให้พระปุณณะอยู่จำพรรษาในแคว้นนี้ต่อไป เพื่อทำหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา ต่อจากนั้นทรงพาพระสาวกไปยังริมฝั่งแม่น้ำนัมมทา เพื่อโปรดพญานาคนัมมทา ทรงเหยียบรอยพระบาทไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำ ตามคำกราบทูลของพญานาคนัมมทา แล้วเสด็จกลับไปทางภูเขาสัจจพันธะอีกครั้งหนึ่ง ทรงมอบหมายให้พระสัจจพันธะจำพรรษาอยู่ที่นี่

“สัจจพันธะ” พระองค์ตรัสมอบหมาย “เธอสอนคนให้พ้นจากอบายมามากแล้ว ต่อไปนี้ขอให้ช่วยสอนเขาให้ดำเนินไปในทางนิพพานให้ได้”

ก่อนเสด็จจากภูเขาสัจจพันธะสู่เส้นทางไปเมืองสาวัตถี พระพุทธเจ้าทรงประทับรอยพระพุทธบาทไว้บนแผ่นศิลาที่ภูเขาแห่งนั้น

พระปุณณะทำงานไว้ที่บ้านเกิดหลายประการ ที่สำคัญคือ สามารถประกาศพระพุทธศาสนาให้ตั้งมั่นลงได้อย่างมั่นคงดังกล่าวมา

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 143 พฤศจิกายน 2555 โดย ผศ.ร.ท.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ)
กำลังโหลดความคิดเห็น