xs
xsm
sm
md
lg

ทางเอก : หัวใจกรรมฐาน (ต่อ)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

๓. วิปัสสนากรรมฐาน
วิปัสสนากรรมฐานเป็นกรรมฐานเพื่อให้เกิดปัญญารู้รูปนามตรงตามความเป็นจริง ว่ารูปนามหรือกายใจนี้ (๑) ไม่เที่ยง คือเกิดขึ้นแล้วดับไป หรือ (๒) เป็นทุกข์ คือทนอยู่ไม่ได้ หรือ (๓) เป็นอนัตตา คือบังคับไม่ได้ ไม่อยู่ในอำนาจบังคับ และไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา
ปัญญาที่รู้ความเป็นจริงของรูปนามเรียกว่าวิปัสสนาปัญญา
เมื่อวิปัสสนาปัญญาเกิดขึ้นแล้ว ในเบื้องต้นจะส่งผลให้จิตละความเห็นผิดว่ารูปนามเป็นตัวเราลงได้ด้วยโสดาปัตติมรรค และในเบื้องปลายจิตจะละความถือมั่นในรูปนามลงได้ด้วยอรหัตตมรรค ซึ่งจิตจะไม่มีความถือมั่นแม้กระทั่งตัวจิตเอง

๔. หลักการเจริญวิปัสสนากรรมฐานที่ถูกต้อง
หลักการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน มีดังนี้คือ
๔.๑ ต้องรู้อารมณ์ที่ถูกต้อง
การเจริญวิปัสสนามีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ปฏิบัติเกิดปัญญารู้เห็นรูปนามหรือกายใจของตนได้ตรงตามความเป็นจริงว่า “ตัวเราไม่มี มีแต่รูปธรรมกับนามธรรมซึ่งมีลักษณะเป็นไตรลักษณ์” ทั้งนี้เพื่อละความเห็นผิดว่า รูปนามเป็นตัวเราของเราได้ในเบื้องต้น และเพื่อถอดถอนความยึดมั่นในรูปนามเสียได้ในเบื้องปลาย ดังนั้นอารมณ์ ของวิปัสสนากรรมฐานหรือสิ่งที่จะต้องตามรู้เพื่อให้เกิดปัญญาดังกล่าว จึงได้แก่รูปนามหรือกายใจของตนเองนั่นเอง ผู้ปฏิบัติจะเจริญวิปัสสนา โดยไปตามรู้อารมณ์อื่นนอกเหนือจากรูปนามไม่ได้
อารมณ์อื่นที่นอกเหนือจากรูปนามได้แก่ (๑) นิพพาน ซึ่งแม้จะเป็นปรมัตถธรรมอีกอย่างหนึ่ง แต่นิพพานก็ไม่ใช่ทุกข์ จึงไม่ใช่สิ่งที่ผู้ปฏิบัติจะต้องตามรู้ตามหลักธรรมเรื่องกิจในอริยสัจจ์อันเป็นแม่บทของการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน และ (๒) บัญญัติได้แก่สิ่งที่เราคิดนึกปรุงแต่งหรือฝันลมๆ แล้งๆ ขึ้นเอง ไม่ใช่สิ่งจริงแท้ที่จะต้องตามรู้เพื่อให้เกิดวิปัสสนาปัญญาว่า “ตัวเราไม่มี” แต่อย่างใด (อ่านสาระสำคัญเพิ่มเติมได้ในข้อ ๕)
๔.๒ ต้องรู้วิธีการรู้อารมณ์รูปนามอย่างถูกต้อง
การรู้รูปนามเพื่อให้เกิดปัญญานั้นต้องรู้รูปนามให้ตรงตามความเป็นจริง ซึ่งต้องอาศัยวิธีการรู้ที่ถูกต้อง เช่นการรู้รูปต้องรู้ลงในปัจจุบัน ส่วนการรู้นามต้องตามรู้ เป็นต้น ถ้ารู้ผิดวิธี เช่นไปคิดเรื่องรูปนามหรือไปเพ่งรูปนาม ก็จะไม่เกิดปัญญา ผู้ปฏิบัติจึงจำเป็นต้อง ศึกษาทำความเข้าใจวิธีการรู้รูปนามอย่างถูกต้องด้วย (อ่านสาระสำคัญเพิ่ม เติมได้ในข้อ ๖)
๔.๓ ต้องรู้อารมณ์รูปนามเนืองๆ
เมื่อรู้จักอารมณ์รูปนามและ สามารถรู้รูปนามได้ถูกวิธีแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของผู้ปฏิบัติที่จะต้องตามรู้รูปนามเนืองๆ ยิ่งบ่อยยิ่งดี ทั้งนี้เพื่อให้จิตเข้าใจความเป็นจริงของรูปนามได้โดยเร็วที่สุด(อ่านสาระสำคัญเพิ่มเติมได้ในข้อ ๗)
การที่จะปฏิบัติตามหลักทั้ง ๓ ประการนี้ได้ถูกต้อง จำเป็นต้องอาศัยการศึกษาพระปริยัติธรรม หรือการมีครูบาอาจารย์ผู้เป็นบัณฑิตชี้แนะให้ พวกเราไม่สามารถรู้วิธีการเหล่านี้ได้ด้วยตนเอง เพราะมีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นจึงจะทรงค้นพบวิธีการเหล่านี้ได้ด้วยพระองค์เอง
ขอบอกกล่าวให้เพื่อนนักปฏิบัติทราบว่า หลักการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจริงๆก็มีอยู่เพียงเท่านี้ หากเข้าใจแล้วก็ลงมือปฏิบัติได้เลย แต่หากต้องการทราบรายละเอียดยิ่งขึ้นก็เชิญอ่านบทความนี้ต่อไป และสำหรับบางท่านที่รู้สึกว่าบทความนี้จะเข้าใจได้ยากอยู่สักหน่อย ก็ให้ลงมือปฏิบัติไปด้วย และค่อยๆอ่าน ค่อยๆ ทำความเข้าใจบทความนี้ไปด้วย โดยเทียบเคียงเนื้อหาของบทความนี้กับสภาวธรรมที่พบเห็นจากการปฏิบัติไปวันละเล็กวันละน้อย ไม่นานก็จะเข้าใจได้แจ่มแจ้งเอง

(อ่านต่อฉบับหน้า)

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 106 กันยายน 2552 โดยพระปราโมทย์ ปาโมชฺโช)
กำลังโหลดความคิดเห็น