ไม่มีใครสอนธรรมะใครได้
อยากรู้ธรรมะก็โอปนยิโกน้อมเข้ามารู้กายรู้ใจตัวเอง
ให้กายให้ใจแสดงไตรลักษณ์ให้ดู
สภาวะที่เกิดดับในจิตในใจของเรานี่แหละ
คือครูที่จะสอนธรรมะให้กับพวกเราแต่ละคน
ครั้งที่ 036
หลุดจากโลกของความคิด
จะเห็นกายเห็นใจ
เบอร์ 51 รู้สึกไหม เมื่อกี้นี้ทำอะไร นึกออกไหมเมื่อกี้นี้... ใช่ จิตหลงไปอยู่ในโลกของความคิด ตอบถูกล่ะ ถ้าคุณเห็นตรงนี้คุณภาวนาเป็นแล้ว เพราะอะไรเพราะคนทั้งโลกหลงอยู่ในโลกของความคิด ทั้งโลกเลยนะทั้งคนทั้งสัตว์ ทั้งเทวดาอินทร์พรหมเหมือนกันหมด ไปอยู่ในโลกของความคิด โลกของความคิดไม่ใช่ความจริง ดูออกใช่ไหม คิดอะไรก็ได้ มันไม่ใช่ความจริง อย่างเราคิดว่าเราเป็นนางงามจักรวาลก็ได้ จริงๆ ไม่ได้เป็น ไม่ได้เป็นเพราะไม่ได้ประกวด ถ้าประกวดก็อาจจะเป็น ไม่แน่หรอกของอย่างนี้ ถ้าเราหลุดออกจากโลกของความคิดเราก็จะเห็นกายเห็นใจได้ ถ้าหลงไปอยู่ในโลกของความคิดเมื่อไรเราจะลืมกายลืมใจเมื่อนั้น ตรงนี้เข้าใจหรือยัง เพราะฉะนั้นหน้าที่ก็คือหลงไปแล้วอย่าหลงนาน หลงแล้วรู้สึกๆ เรื่อยๆ รู้สึกจนตื่นขึ้นมา รู้กายรู้ใจๆ เนืองๆ พอรู้กายรู้ใจเนืองๆ ในที่สุดปัญญาก็เกิดขึ้นมา คือเข้าใจความเป็นจริงของกายของใจ ปัญญาคือตัวความเข้าใจ เข้าใจความเป็นจริงของกายของใจ เข้าใจว่าอย่างไร เข้าใจว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ต้องเข้าใจอย่างนี้ไม่ใช่เข้าใจอย่างอื่น
...เอ้าคุณนี่หนีไปในโลกของความคิดแล้วทราบไหม... อ้าว อย่าบังคับตัวเองนะเข้าไปบังคับแล้ว สิ่งที่ผิดมี 2 อัน หลงไปอยู่ในโลกของความคิด กับบังคับตัวเองไว้ กำหนดไว้ ข่มไว้ บังคับไว้ ควบคุมไว้ ถ้าเราบังคับไปจนแก่ ฝึกทุกวันบังคับทุกวัน พอแก่ๆ เราเก่งนะ เราบังคับเก่ง เรารู้สึกบังคับกายได้บังคับใจได้ เช่น เราเดินได้ 5 ชั่วโมงติดต่อกัน เราก็รู้สึกว่า 'กูเก่ง' นะ หรือว่าโกรธขึ้นมา เรา 'โกรธหนอ' ทีเดียวหายโกรธเลย แล้วรู้สึกว่า 'เราเก่ง' นะ มันรู้สึกว่ากูเก่งๆ นะ แทนที่จะละความรู้สึกว่ามีอัตตาตัวตน กลายเป็นเพิ่มความสำคัญมั่นหมายว่ามีอัตตาตัวตนขึ้นมาเสียอีก แต่ว่าถ้าคอยรู้ความเกิดดับของกายของใจอย่างที่เขาเป็น ไม่เข้าไปแทรกแซงบังคับเขา จะเห็นเลยเขาไม่เที่ยง เขาเป็นทุกข์ เขาไม่ใช่ตัวเรา... เบอร์ 51 ไปคิดอีกแล้วทราบไหม คิดตามที่หลวงพ่อพูด แต่ว่าไม่จำเป็นต้องฟังหลวงพ่อให้รู้เรื่องหรอก
สังเกตไหมที่ฟังหลวงพ่อรู้เรื่องเพราะคิดเอาเอง ฟังแล้วต้องคิดใช่มั้ยถึงรู้เรื่อง ฟังเฉยๆ ไม่รู้เรื่องนะ แต่ว่าเรียนกรรมฐานจากหลวงพ่อ หลวงพ่อไม่ได้เน้นให้ฟังรู้เรื่อง หลวงพ่อเน้นให้หัดรู้สภาวะ เพราะฉะนั้นพอฟังหลวงพ่อพูดแล้วใจไหลไปคิด ก็ให้รู้ทันว่าใจไหลไปในโลกของความคิดแล้ว อย่างนี้เราจะเห็นไตรลักษณ์ ไม่ต้องรู้เรื่องที่หลวงพ่อพูดก็ได้ แต่เห็นสภาวะที่เกิดดับในใจของเรา สภาวะที่เกิดดับในจิตในใจของเรานี่แหละคือครูที่จะสอนธรรมะให้กับพวกเราแต่ละคน ไม่มีใครสอนธรรมะใครได้นะ ธรรมะเป็นเรื่องเฉพาะตัว อยากรู้ธรรมะก็ โอปนยิโก น้อมเข้ามารู้กายรู้ใจ ตัวเองนี้ ให้กายให้ใจแสดงไตรลักษณ์ให้ดู อย่าไปบังคับเขา พวกเรานักปฏิบัติเกือบร้อยละร้อยคือนักบังคับกายนักบังคับใจ นึกออกไหม ที่เราทำกรรมฐานแทบทุกคนไม่เฉพาะสำนักใดสำนักหนึ่งนะ หลวงพ่อแต่ก่อนก็ทำอย่างนั้น หลวงพ่อฝึกหายใจอยู่ 22 ปี ฝึกบังคับตัวเอง ฝึกบังคับกายบังคับใจ พอเข้าใจคำว่าวิปัสสนานะ มันแค่รู้กายรู้ใจไม่ใช่บังคับ รู้ก็คือไม่หลงไปอยู่ในโลกของ ความคิดนั่นเอง แล้วก็ไม่ได้ไปเพ่งกายเพ่งใจ รู้เรื่อยๆ รู้สบายๆ เอ้า อาจารย์นวลสิริ เป็นไงบ้าง"
(อ่านต่อสัปดาห์หน้า/
กายเป็นคูหาให้จิตอาศัย)
อยากรู้ธรรมะก็โอปนยิโกน้อมเข้ามารู้กายรู้ใจตัวเอง
ให้กายให้ใจแสดงไตรลักษณ์ให้ดู
สภาวะที่เกิดดับในจิตในใจของเรานี่แหละ
คือครูที่จะสอนธรรมะให้กับพวกเราแต่ละคน
ครั้งที่ 036
หลุดจากโลกของความคิด
จะเห็นกายเห็นใจ
เบอร์ 51 รู้สึกไหม เมื่อกี้นี้ทำอะไร นึกออกไหมเมื่อกี้นี้... ใช่ จิตหลงไปอยู่ในโลกของความคิด ตอบถูกล่ะ ถ้าคุณเห็นตรงนี้คุณภาวนาเป็นแล้ว เพราะอะไรเพราะคนทั้งโลกหลงอยู่ในโลกของความคิด ทั้งโลกเลยนะทั้งคนทั้งสัตว์ ทั้งเทวดาอินทร์พรหมเหมือนกันหมด ไปอยู่ในโลกของความคิด โลกของความคิดไม่ใช่ความจริง ดูออกใช่ไหม คิดอะไรก็ได้ มันไม่ใช่ความจริง อย่างเราคิดว่าเราเป็นนางงามจักรวาลก็ได้ จริงๆ ไม่ได้เป็น ไม่ได้เป็นเพราะไม่ได้ประกวด ถ้าประกวดก็อาจจะเป็น ไม่แน่หรอกของอย่างนี้ ถ้าเราหลุดออกจากโลกของความคิดเราก็จะเห็นกายเห็นใจได้ ถ้าหลงไปอยู่ในโลกของความคิดเมื่อไรเราจะลืมกายลืมใจเมื่อนั้น ตรงนี้เข้าใจหรือยัง เพราะฉะนั้นหน้าที่ก็คือหลงไปแล้วอย่าหลงนาน หลงแล้วรู้สึกๆ เรื่อยๆ รู้สึกจนตื่นขึ้นมา รู้กายรู้ใจๆ เนืองๆ พอรู้กายรู้ใจเนืองๆ ในที่สุดปัญญาก็เกิดขึ้นมา คือเข้าใจความเป็นจริงของกายของใจ ปัญญาคือตัวความเข้าใจ เข้าใจความเป็นจริงของกายของใจ เข้าใจว่าอย่างไร เข้าใจว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ต้องเข้าใจอย่างนี้ไม่ใช่เข้าใจอย่างอื่น
...เอ้าคุณนี่หนีไปในโลกของความคิดแล้วทราบไหม... อ้าว อย่าบังคับตัวเองนะเข้าไปบังคับแล้ว สิ่งที่ผิดมี 2 อัน หลงไปอยู่ในโลกของความคิด กับบังคับตัวเองไว้ กำหนดไว้ ข่มไว้ บังคับไว้ ควบคุมไว้ ถ้าเราบังคับไปจนแก่ ฝึกทุกวันบังคับทุกวัน พอแก่ๆ เราเก่งนะ เราบังคับเก่ง เรารู้สึกบังคับกายได้บังคับใจได้ เช่น เราเดินได้ 5 ชั่วโมงติดต่อกัน เราก็รู้สึกว่า 'กูเก่ง' นะ หรือว่าโกรธขึ้นมา เรา 'โกรธหนอ' ทีเดียวหายโกรธเลย แล้วรู้สึกว่า 'เราเก่ง' นะ มันรู้สึกว่ากูเก่งๆ นะ แทนที่จะละความรู้สึกว่ามีอัตตาตัวตน กลายเป็นเพิ่มความสำคัญมั่นหมายว่ามีอัตตาตัวตนขึ้นมาเสียอีก แต่ว่าถ้าคอยรู้ความเกิดดับของกายของใจอย่างที่เขาเป็น ไม่เข้าไปแทรกแซงบังคับเขา จะเห็นเลยเขาไม่เที่ยง เขาเป็นทุกข์ เขาไม่ใช่ตัวเรา... เบอร์ 51 ไปคิดอีกแล้วทราบไหม คิดตามที่หลวงพ่อพูด แต่ว่าไม่จำเป็นต้องฟังหลวงพ่อให้รู้เรื่องหรอก
สังเกตไหมที่ฟังหลวงพ่อรู้เรื่องเพราะคิดเอาเอง ฟังแล้วต้องคิดใช่มั้ยถึงรู้เรื่อง ฟังเฉยๆ ไม่รู้เรื่องนะ แต่ว่าเรียนกรรมฐานจากหลวงพ่อ หลวงพ่อไม่ได้เน้นให้ฟังรู้เรื่อง หลวงพ่อเน้นให้หัดรู้สภาวะ เพราะฉะนั้นพอฟังหลวงพ่อพูดแล้วใจไหลไปคิด ก็ให้รู้ทันว่าใจไหลไปในโลกของความคิดแล้ว อย่างนี้เราจะเห็นไตรลักษณ์ ไม่ต้องรู้เรื่องที่หลวงพ่อพูดก็ได้ แต่เห็นสภาวะที่เกิดดับในใจของเรา สภาวะที่เกิดดับในจิตในใจของเรานี่แหละคือครูที่จะสอนธรรมะให้กับพวกเราแต่ละคน ไม่มีใครสอนธรรมะใครได้นะ ธรรมะเป็นเรื่องเฉพาะตัว อยากรู้ธรรมะก็ โอปนยิโก น้อมเข้ามารู้กายรู้ใจ ตัวเองนี้ ให้กายให้ใจแสดงไตรลักษณ์ให้ดู อย่าไปบังคับเขา พวกเรานักปฏิบัติเกือบร้อยละร้อยคือนักบังคับกายนักบังคับใจ นึกออกไหม ที่เราทำกรรมฐานแทบทุกคนไม่เฉพาะสำนักใดสำนักหนึ่งนะ หลวงพ่อแต่ก่อนก็ทำอย่างนั้น หลวงพ่อฝึกหายใจอยู่ 22 ปี ฝึกบังคับตัวเอง ฝึกบังคับกายบังคับใจ พอเข้าใจคำว่าวิปัสสนานะ มันแค่รู้กายรู้ใจไม่ใช่บังคับ รู้ก็คือไม่หลงไปอยู่ในโลกของ ความคิดนั่นเอง แล้วก็ไม่ได้ไปเพ่งกายเพ่งใจ รู้เรื่อยๆ รู้สบายๆ เอ้า อาจารย์นวลสิริ เป็นไงบ้าง"
(อ่านต่อสัปดาห์หน้า/
กายเป็นคูหาให้จิตอาศัย)