xs
xsm
sm
md
lg

บทความพิเศษ : สวดคาถาชินบัญชร อย่างไรให้ได้ผล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คาถาชินบัญชร เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เพราะมีพุทธบริษัทเป็นจำนวนมากสนใจเรื่องนี้อยู่ เราควรจะทำความเข้าใจกันเกี่ยวกับคาถาชินบัญชร เราควรจะทำความเข้าใจกันอย่างไร เพราะเป็นเรื่องที่คนสนใจกันมาก สวดกันมาก ในประเทศไทยเรา มีคนศรัทธาเลื่อมใสกันเยอะแยะเหลือเกิน ขอกล่าวถึงประวัติความเป็นมาของคาถาชินบัญชรก่อน นะครับ
คาถาชินบัญชรนี้เป็นพุทธมนต์ที่ใช้สวดอธิษฐาน ขอให้คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ องค์อรหันต์ ผู้ปรากฏเกียรติคุณทั้งหลาย มาเป็นเครื่องคุ้มครองป้องกัน มาประดับในสรีระร่างกายของตนเพื่อความ เป็นสิริมงคลปลอดภัยในที่ทั้งปวง เป็นคาถาที่ท่อง ง่าย สวดง่าย คนก็นิยมสวดกัน
ชินบัญชร แปลตามตัวว่า กรงของพระพุทธเจ้า เครื่องป้องกันของพระพุทธเจ้า มีความเป็นมาว่าได้เกิดขึ้นที่เชียงใหม่ พระที่เชียงใหม่เป็นผู้แต่งขึ้นเพราะเวลานั้นมีคนทางเชียงใหม่นิยมสวดนพเคราะห์ สวดสะเดาะเคราะห์ พระที่เชียงใหม่เห็นว่า คนนิยมสวดสะเดาะเคราะห์ก็เป็นไปในเชิงไสยศาสตร์ เลย แต่งให้สวดเอาพระพุทธเจ้า พระอรหันต์มาเป็นที่พึ่งเป็นทำนองนั้น ก็แต่งดีครับ
จากเชียงใหม่ก็ไปพม่า จากพม่าก็ไปลังกา จากลังกาก็มาประเทศไทย ที่ว่าเป็นสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) ก็คือท่านได้มาเผยแพร่ ได้มาดัดแปลงแก้ไข เคย ทราบว่าได้ไปสวดคาถานี้หน้าพระที่นั่งของรัชกาลที่ ๔ และรัชกาลที่ ๔ รับสั่งว่าเพราะดี ทรงซักถามว่า ขรัวโตได้มาจากไหน แต่งเองหรือเปล่า ท่านถวายพระพรว่าเป็นสำนวนเก่า นำมาตัดตอนแก้ไขดัด แปลงใหม่ ตัดตอนให้สั้นเข้า ของลังกายาวกว่านี้ (ฉบับของลังกามีอยู่ในหอสมุดแห่งชาติ)
ทีนี้ผมได้เรียนไว้แล้วว่า คาถาชินบัญชรนี่แต่งดี พระที่เชียงใหม่ในสมัยนั้น คือพระสิริมังคลาจารย์ ผู้แต่งมังคลัตถทีปนี แต่งดีมาก ไพเราะด้วยมีความรู้ทางภาษาบาลีดีมาก ทีนี้ท่านที่ท่องก็ท่องด้วยความศรัทธา เลื่อมใส ก็ไม่ว่ากัน และแปลได้ด้วย
แต่ที่จะวินิจฉัยในที่นี้ คือความเป็นไปได้มีได้แค่ไหน เป็นไปได้ไหมที่เราได้ขอให้ท่านเหล่านั้นมาอยู่ตรงนั้นตรงนี้ของเรา
ยกตัวอย่างเช่นในคาถาที่ ๔ ที่ว่า ขอให้พระอนุรุทธ มาอยู่ที่หทัยของเรา พระสารีบุตรอยู่เบื้องขวา ให้พระโกณฑัญญะอยู่เบื้องหลัง พระโมคคัลลานะอยู่เบื้องซ้าย นอกจากนั้น ก็มีพระอื่นอยู่ที่นั่นที่นี่ทั่ว ตัวของเรา อันนี้ผมตั้งปัญหาขึ้นมาว่า ที่ขอให้ท่านเหล่านั้นมาอยู่ที่ตัวเรา ถ้าจะตอบกันตรงๆ ก็คือเป็น ไปไม่ได้ ทางเดียวที่จะให้ท่านอยู่ในตัวเราได้ก็คือ เราศึกษาคุณธรรมคุณสมบัติของพระอนุรุทธว่าท่าน มีอะไร พระอนุรุทธเลิศทางทิพจักษุ ถ้าต้องการให้พระอนุรุทธอยู่ในตัวเรา เราต้องขยันอบรมสิ่งที่เรียก ว่าทิพจักษุให้เกิดขึ้นในตัวเรา นั่นแหละจึงจะเรียกว่า มีพระอนุรุทธอยู่ในตัว หรือได้พระอนุรุทธมาอยู่ใน ตัว มีทิพจักษุเกิดขึ้นในตัวเรา ถ้าสวดในความหมาย นี้ผมว่าดี
หรือพระสารีบุตรอยู่เบื้องขวาของเราอย่างนี้ ถ้า เอาตามความเป็นจริงแล้วเป็นไปไม่ได้ พระสารีบุตร ท่านนิพพานไปนานแล้ว ท่านจะมาเป็นบริวารอยู่ทาง เบื้องขวาของเราย่อมจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าเบื้องขวา ของท่านเป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ของ เรา ทีนี้ถ้าต้องการอย่างนั้น ก็ต้องศึกษาคุณธรรมคุณสมบัติของพระสารีบุตร ว่าพระสารีบุตรมีคุณสมบัติอะไร คือท่านเลิศด้วยปัญญา เราก็ทำปัญญา ให้เกิดขึ้น พยายามอบรมปัญญา พยายามฝึกฝนปัญญาให้เป็นดังเช่นพระสารีบุตรหรือใกล้เคียง พระสารีบุตร เดินตามทางพระสารีบุตร เจริญปัญญา อบรมปัญญา นึกถึงพระสารีบุตรในฐานะเป็นผู้มีปัญญา ทำไฉนเราจะเป็นเช่นท่านได้ และพยายามปฏิบัติในการอบรมปัญญา ท่านอื่นๆ ก็เหมือนกัน
ท่านที่มีคุณสมบัติเฉพาะของท่านจนถึงพระ โมคคัลลานะซึ่งเป็นผู้เลิศในทางฤทธิ์ ก็ต้องฝึกเรื่องฤทธิ์เหมือนกันถึงจะได้ฤทธิ์ ต้องไปเจริญฌาน ทำอภิญญา อิทธิฤทธิ์ต่างๆ ก็จะได้เป็นเช่นเดียวกับพระมหาโมคคัลลานะ คุณสมบัติเหล่านี้เป็นคุณ-สมบัติที่ไม่มีการผูกขาด ใครปฏิบัติก็จะได้ตามที่ปฏิบัตินั้น ถ้าจะสวดก็ต้องสวดไปในทำนองนี้ ไปในความหมายนี้ ไปในความรู้สึกอย่างนี้ เราระลึกถึง ท่าน เพื่อจะมีคุณสมบัติอย่างท่าน ไม่ใช่ให้ท่านมาเป็นบริวารของเรา มาอยู่ที่นั่นที่นี่ของเรา ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้
มาถึงข้อ ๑๐ พูดถึงพระสูตรต่างๆ ขอให้รัตนสูตร มาอยู่ข้างหน้า เมตตาสูตรอยู่ข้างขวา ธชัคคสูตรอยู่ข้างหลัง อังคุลิมาลสูตรอยู่ข้างซ้าย ก็ทำนองเดียวกัน เราก็ต้องศึกษาพระสูตรนั้นว่า
รัตนสูตร แปลว่าสูตรที่เป็นรัตนะ รัตนะแปลว่า แก้ว คือให้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ ให้สำเร็จความประสงค์ ที่ต้องการ รัตนสูตรมีธรรมะดีๆ เยอะครับ ลองศึกษา ดูโดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณสมบัติของพระโสดาบัน คุณสมบัติของพระพุทธเจ้าไปจนถึงอนันตริยกสมาธิ อย่างนี้เป็นต้น มีของดีๆอยู่ในนั้น ลองศึกษาดูและทำความเข้าใจ และปฏิบัติดำเนินตามข้อความในรัตนสูตร แล้วรัตนสูตรก็จะมาอยู่ข้างหน้าของเรา ได้ เพราะเรามีสิ่งนั้นอยู่ แต่ถ้าเราสวดเฉยๆ มันเป็น ไปไม่ได้ มาอยู่ไม่ได้ นี่เราพูดกันในลักษณะของการศึกษาพุทธศาสนาด้วยปัญญา
หรือเมตตาสูตรอยู่เบื้องขวา เมตตาสูตรก็ดี มีคุณสมบัติของผู้ที่ถึงสันตบท พระอริยะได้ดำเนิน ชีวิตถึงสันตบท ถึงนิพพานด้วยบทที่สงบระงับด้วยวิธีใด ผู้ฉลาดก็ควรดำเนินตาม ดำเนินตามรอยของท่านผู้ฉลาดที่ได้เดินมาแล้วจนถึงทางแห่งความสงบ ได้ และมีคุณสมบัติของผู้ที่จะเดินตามทางนั้น เช่น ว่า สักโก... เป็นผู้กล้าหาญ อุชุ... เป็นผู้ซื่อตรง อัปปคัพโภ... เป็นผู้ไม่คะนองกายวาจาเรื่อยๆไป มีคุณสมบัติที่ดีเยอะแยะในเมตตาสูตร จนถึงสอน ให้เป็นคนมีเมตตา แผ่เมตตาจิตไปไม่มีประมาณ ในสัตว์โลกทั้งปวง... อันนี้เป็นข้อปฏิบัติทั้งนั้น
ธชัคคสูตรอยู่เบื้องหลัง ธชคฺคํ ปชฺชโต อาส ธชัคคะ (ธชะ + อัคคะ) แปลว่า ยอดธง ธชัคคสูตร... เป็นสูตร ที่พระพุทธเจ้าทรงเล่าว่าเวลาเกิดเทวาสุรสงคราม ขึ้น ท้าวสักกะบอกให้ดูยอดธงของท่าน พวกเทวดาก็มีกำลังใจเมื่อเห็นยอดธงของท้าวสักกะอยู่ หัวหน้าแม่ทัพยังมีธงสะบัดอยู่ก็มีกำลังใจ พระสงฆ์ที่อยู่ ป่าหรือชาวพุทธที่อยู่ป่าให้ถือเอาพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณเป็นยอดธง ให้ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าเวลาเกิดความกลัว ความตกใจ ความหวั่น ขนพองสยองเกล้า ก็ให้ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า ถ้ายังสะดุ้งอยู่ก็ให้ระลึกถึงคุณของพระธรรม ถ้ายังกลัวอยู่ก็ให้ระลึกถึงคุณของพระ สงฆ์ ทำนองนี้ นี่เป็นธชัคคสูตรให้ระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย
อังคุลิมาลสูตร เป็นคำอธิษฐานของพระองคุลิมาล พระองคุลิมาลมีประวัติที่โหดร้ายมาก่อน เป็นโจรใจเหี้ยม ฆ่าคนมามากมายถึง ๙๙๙ คน เกือบจะถึง ๑,๐๐๐ คนอยู่แล้ว ก็มาบวช ขณะที่เห็นหญิงมีครรภ์ เดินลำบากก็เกิดความเมตตา เมื่อบวชแล้วจิตเปลี่ยน ไป เกิดความเมตตา มาทูลพระพุทธเจ้าว่าทำอย่างไรอยากช่วยเหลือเขาให้พ้นจากความลำบาก พระพุทธเจ้าตรัสว่า งั้นเอาอย่างนี้องคุลิมาล ไปบอกว่า ...ตั้งแต่ข้าพเจ้าเกิดมายังไม่เคยจงใจฆ่าสัตว์เลย ด้วย สัจจะวาจาอันนี้ ขอให้เธอคลอดโดยปลอดภัย ขอให้ครรภ์ของเธอปลอดภัย
พระองคุลิมาลก็กล่าวว่า จะไม่เป็นการกล่าวเท็จหรือพระเจ้าข้า เพราะว่าข้าพระองค์ฆ่าคนมาตั้งเยอะแยะ พระพุทธเจ้าตรัสว่า อย่างนั้นเพิ่มเข้าไปว่า ...ตั้งแต่เกิดโดยอริยชาติ ได้บวชแล้ว ไม่เคยมีความจงใจที่จะฆ่าสัตว์เลย ด้วยสัจจะวาจาอันนี้ ขอให้ครรภ์ของนางปลอดภัย
ท่านองคุลิมาลก็ไปว่าตามนั้น นางก็คลอดปลอด ภัย อันนี้พระก็เอามาสวดในงานแต่งงานและงานอะไรต่ออะไร ผู้หญิงมีครรภ์มาขอพระก็ทำน้ำมนต์ด้วยสวดคาถาอังคุลิมาลปริตรนี้ อังคุลิมาลสูตรทำนองนี้
การขอให้พระสูตรต่างๆ มาอยู่ทางซ้าย ทางขวา ทางอะไรของเรา ถ้าเล็งในการปฏิบัติก็ต้องศึกษาให้ เข้าใจในสิ่งเหล่านี้ แล้วนำมาปฏิบัติจะได้ผล ถ้าท่อง เฉยๆ สวดเฉยๆ อย่างนี้ก็เป็นแต่เพียงกำลังใจ แต่ประโยชน์ไม่เท่ากับที่เราศึกษาให้เข้าใจ แล้วนำมาใช้ประโยชน์เลย คือปฏิบัติเลย ไม่ได้สวดอย่างเดียว เพราะคุณสมบัติของผู้สวด... ต้องรู้เรื่อง... ต้องเข้าใจ

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 95 ต.ค. 51 โดยวศิน อินทสระ)
กำลังโหลดความคิดเห็น