เมื่อจิตชนิดใดเกิดขึ้นสติจะเกิดขึ้นระลึกรู้จิตนั้นโดยอัตโนมัติ
หากจิตในขณะนั้นเป็นอกุศลจิต อกุศลจิตจะดับลงทันที
แล้วเกิดมหากุศลจิตขึ้นแทนโดยอัตโนมัติ
จิตดวงใหม่นี้แหละมีสัมมาสติ
มีความตั้งมั่นชั่วขณะหรือขณิกสมาธิ
และพร้อมที่จะเจริญปัญญา
คือรู้รูปนามตามความเป็นจริงได้ต่อไป
ครั้งที่ 10.
ผลของการศึกษาเรื่องจิต
4.8 ผลของการศึกษาเรื่องจิต ที่สำคัญก็คือ (1) ไม่หลงสร้างอกุศลจิตเพราะความอยากและความจงใจที่จะปฏิบัติธรรม (2) ไม่หลงทำสมถกรรมฐานทั้งที่คิดว่ากำลังเจริญวิปัสสนากรรมฐานอยู่ (3) ไม่หลงว่าบรรลุมรรคผลนิพพานทั้งที่เกิดเพียงอาการแปลกๆ ทางกายหรือทางจิต (4) สามารถทำความสงบจิตในเวลาที่สมควรทำได้ง่าย และถูกต้องยิ่งขึ้นกว่าเดิม ในขณะที่ผู้ปฏิบัติสมาธิภาวนาจำนวนมาก มักหลงปรุงแต่งจิตให้เซื่องซึม หรือฟุ้งซ่านเที่ยวรู้เห็นออกไปภายนอก หรือเกิดนิมิตแปลกปลอมต่างๆ ซึ่งไม่มีประโยชน์ทั้งในด้านการพักจิตให้เกิดกำลัง และในด้านการเตรียมความพร้อมของจิตเพื่อการ เจริญวิปัสสนากรรมฐานต่อไป และ (5) สามารถพัฒนาให้เกิดจิตที่มีคุณภาพพร้อมที่จะเจริญปัญญาหรือเจริญวิปัสสนากรรม-ฐานได้ต่อไป ซึ่งจิตชนิดนี้ได้แก่จิตที่เป็นมหากุศลจิต ประกอบด้วยปัญญาและเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องโน้มน้าวชักจูงให้เกิดขึ้น เป็นต้น
สรุปแล้วเมื่อเราทราบลักษณะของจิตที่เป็นอกุศลและกุศล ตลอดจนทราบลักษณะของจิตที่ใช้ทำสมถกรรมฐานและเจริญวิปัสสนากรรมฐานแล้ว เมื่อจิตชนิดใดเกิดขึ้นสติจะเกิดขึ้นระลึกรู้จิตนั้นโดยอัตโนมัติ หากจิตในขณะนั้นเป็นอกุศลจิต อกุศลจิตจะดับลงทันทีแล้วเกิดมหากุศลจิตขึ้นแทนโดยอัตโนมัติ จิตดวงใหม่นี้แหละมีสัมมาสติ และมีความตั้งมั่นชั่วขณะหรือขณิกสมาธิ และพร้อมที่จะเจริญปัญญาคือรู้รูปนามตามความเป็นจริงได้ต่อไป แต่ถ้าพบว่าในระยะนั้นจิตมีความสับสนวุ่นวายไม่สามารถรู้รูปนามได้ ก็ให้น้อมใจเข้าหาความสงบสุขด้วยการทำสมถกรรมฐาน จนจิตเกิดความตั้งมั่นรู้ตื่นและเบิกบานแล้ว จิตจะมีกำลังกลับมาตามรู้รูปนามเพื่อเจริญปัญญาได้ต่อไปใหม่ แต่ถ้าจิตสงบแล้วพึงใจในรสของความสุขสงบจนเกียจคร้านที่จะรู้รูปนามต่อไป ก็ให้รู้ทันว่าจิตติดความสงบเสียแล้ว จิตจะคลายตัวออกจากการยึดติดในความสงบนั้น และเจริญปัญญาต่อไปได้ แต่ถ้ายังไม่คลายตัวจากการติดความสงบ ก็พึงใช้อุบายเปลี่ยนอารมณ์เสีย ให้จิตเคลื่อนจากความสงบออกไปรู้อารมณ์อื่นๆ อาการติดความสงบก็จะหายไป
(อ่านต่อสัปดาห์หน้า/ปัญญาสิกขา)
หากจิตในขณะนั้นเป็นอกุศลจิต อกุศลจิตจะดับลงทันที
แล้วเกิดมหากุศลจิตขึ้นแทนโดยอัตโนมัติ
จิตดวงใหม่นี้แหละมีสัมมาสติ
มีความตั้งมั่นชั่วขณะหรือขณิกสมาธิ
และพร้อมที่จะเจริญปัญญา
คือรู้รูปนามตามความเป็นจริงได้ต่อไป
ครั้งที่ 10.
ผลของการศึกษาเรื่องจิต
4.8 ผลของการศึกษาเรื่องจิต ที่สำคัญก็คือ (1) ไม่หลงสร้างอกุศลจิตเพราะความอยากและความจงใจที่จะปฏิบัติธรรม (2) ไม่หลงทำสมถกรรมฐานทั้งที่คิดว่ากำลังเจริญวิปัสสนากรรมฐานอยู่ (3) ไม่หลงว่าบรรลุมรรคผลนิพพานทั้งที่เกิดเพียงอาการแปลกๆ ทางกายหรือทางจิต (4) สามารถทำความสงบจิตในเวลาที่สมควรทำได้ง่าย และถูกต้องยิ่งขึ้นกว่าเดิม ในขณะที่ผู้ปฏิบัติสมาธิภาวนาจำนวนมาก มักหลงปรุงแต่งจิตให้เซื่องซึม หรือฟุ้งซ่านเที่ยวรู้เห็นออกไปภายนอก หรือเกิดนิมิตแปลกปลอมต่างๆ ซึ่งไม่มีประโยชน์ทั้งในด้านการพักจิตให้เกิดกำลัง และในด้านการเตรียมความพร้อมของจิตเพื่อการ เจริญวิปัสสนากรรมฐานต่อไป และ (5) สามารถพัฒนาให้เกิดจิตที่มีคุณภาพพร้อมที่จะเจริญปัญญาหรือเจริญวิปัสสนากรรม-ฐานได้ต่อไป ซึ่งจิตชนิดนี้ได้แก่จิตที่เป็นมหากุศลจิต ประกอบด้วยปัญญาและเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องโน้มน้าวชักจูงให้เกิดขึ้น เป็นต้น
สรุปแล้วเมื่อเราทราบลักษณะของจิตที่เป็นอกุศลและกุศล ตลอดจนทราบลักษณะของจิตที่ใช้ทำสมถกรรมฐานและเจริญวิปัสสนากรรมฐานแล้ว เมื่อจิตชนิดใดเกิดขึ้นสติจะเกิดขึ้นระลึกรู้จิตนั้นโดยอัตโนมัติ หากจิตในขณะนั้นเป็นอกุศลจิต อกุศลจิตจะดับลงทันทีแล้วเกิดมหากุศลจิตขึ้นแทนโดยอัตโนมัติ จิตดวงใหม่นี้แหละมีสัมมาสติ และมีความตั้งมั่นชั่วขณะหรือขณิกสมาธิ และพร้อมที่จะเจริญปัญญาคือรู้รูปนามตามความเป็นจริงได้ต่อไป แต่ถ้าพบว่าในระยะนั้นจิตมีความสับสนวุ่นวายไม่สามารถรู้รูปนามได้ ก็ให้น้อมใจเข้าหาความสงบสุขด้วยการทำสมถกรรมฐาน จนจิตเกิดความตั้งมั่นรู้ตื่นและเบิกบานแล้ว จิตจะมีกำลังกลับมาตามรู้รูปนามเพื่อเจริญปัญญาได้ต่อไปใหม่ แต่ถ้าจิตสงบแล้วพึงใจในรสของความสุขสงบจนเกียจคร้านที่จะรู้รูปนามต่อไป ก็ให้รู้ทันว่าจิตติดความสงบเสียแล้ว จิตจะคลายตัวออกจากการยึดติดในความสงบนั้น และเจริญปัญญาต่อไปได้ แต่ถ้ายังไม่คลายตัวจากการติดความสงบ ก็พึงใช้อุบายเปลี่ยนอารมณ์เสีย ให้จิตเคลื่อนจากความสงบออกไปรู้อารมณ์อื่นๆ อาการติดความสงบก็จะหายไป
(อ่านต่อสัปดาห์หน้า/ปัญญาสิกขา)