xs
xsm
sm
md
lg

ศึกล้างตา 2 ผู้เฒ่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์



ศึกชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปีนี้แตกต่างจากสภาวการณ์ทั่วไป มีการหาเสียงอย่างเต็มที่ ระดมทุนจากผู้สนับสนุน ทุ่มงบประมาณไม่อั้น ถือว่าเดิมพันสูง

นั่นคือการได้ตำแหน่งผู้นำชาติมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกเป็นระยะเวลา 4 ปีตามวาระที่กำหนดไว้โดยรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ

แต่ปีนี้มีความแปลกประหลาด ไม่ใช่เรื่องนโยบายที่แข่งขันกันเอาใจประชาชนระหว่างตัวแทนพรรคเดโมแครต ซึ่งมีโจ ไบเดนประธานาธิบดีคนปัจจุบันวัย 81 ปี เป็นคู่ชิง

อีกฝ่ายเป็นอดีตประธานาธิบดีเช่นกัน นายโดนัลด์ ทรัมป์ วัย 78 ปี ทั้งคู่ต้องการเป็นผู้นำทำเนียบขาวสมัยที่สอง ดังนั้น จึงเป็นศึกล้างตา ผู้ชนะจะส่งผลกระทบต่อการเมืองและเศรษฐกิจของโลกมหาศาล

รวมถึงความเป็นไปได้ที่ว่าโลกจะเข้าสู่สภาวะสงครามระดับภูมิภาคหรืออาจจะลามเป็นสงครามโลกก็เป็นได้
สิ่งที่ชาวโลก ชาวอเมริกันและชาติยุโรปซึ่งเป็นสมาชิกองค์กรสนธิสัญญานาโตเฝ้าดูไม่ใช่เรื่องวาระของคู่ชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี แต่ประเด็นหลักครั้งนี้คือสุขภาพของ โจ ไบเดน ซึ่งคนสงสัยว่าจะพาสังขารผ่านการเลือกตั้งได้หรือไม่

ประเด็นที่แทบไม่สงสัยก็คือความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งของ โจ ไบเดน หลังจากผลของการดีเบตรอบแรกกับทรัมป์ และแสดงผลให้ชาวโลกผู้ติดตามรายการได้สรุปว่าโจ ไบเดนพ่ายแพ้แทบหมดรูป

ไม่มีใคร แม้กระทั่งคนสมาชิกพรรคเดโมแครตเชื่อว่าโจ ไบเดน ทำได้ดีในการปะทะคารมรอบแรก ส่วนใหญ่ส่ายหัว หมดหวังเพราะผลงานของ โจ ไบเดนไม่มีอะไรน่าประทับใจ

โจ ไบเดนพูดจาเชื่องช้า เสียงเบา แววตาไร้ประกาย ความชราภาพปรากฏชัด การพูดจาไม่ปะติดปะต่อและไม่ใช้โอกาสเล่นงานคู่แข่งทั้งที่มีโอกาส

ด้วยเหตุนี้จึงมีเสียงเรียกร้องให้โจ ไบเดนถอนตัวจากคู่ชิงเพราะดูแล้วไม่มีหนทางชนะ แต่โจ ไบเดนเป็นผู้เฒ่าดื้อรั้น เชื่อมั่นในตัวเองอยู่บนพื้นฐานที่กลวง

และมีแต่ข่าวร้ายตลอดเช่นมีผู้เชี่ยวชาญด้านโรคพาร์กินสัน ไปตรวจสภาพร่างกายของโจ ไบเดนหลายครั้งตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา แสดงว่าอาจจะมีอาการเบื้องต้น

โจ ไบเดนไม่ยอมทดสอบขีดความสามารถในการรับรู้ หรือ cognitive ability ซึ่งประเมินว่ายังรับรู้เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งตรงกันข้ามกับสภาพที่โจ ไบเดน อยู่ในอาการหลงลืม เหยียบพลาดล้มลุกคลุกคลาน

องค์การสนธิสัญญานาโตจะประชุมวันพฤหัสฯนี้ แต่ผู้นำรัฐบาลสมาชิกนาโตจะมองว่าอาการของโจ ไบเดนเป็นอย่างไรและนี่เป็นจุดสนใจ เป็นประเด็นหลักยิ่งกว่าข้อสนทนาในการประชุมสุดยอดของนาโต

ทุกคนจะเฝ้ามองว่าโจ ไบเดน อยู่ในสภาพอย่างไรพร้อมจะเป็นผู้นำขององค์กรที่ต้องรับมือกับรัสเซียที่กำลังจะชนะสงครามกับยูเครนและนาโตอยู่ในสภาวะน่าห่วง

กลุ่มประเทศสมาชิกนาโตยังมีเรื่องห่วง ถ้าโจ ไบเดนไม่สามารถเป็นผู้นำได้ และโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดีองค์กรนาโตก็จะมีปัญหา

ในยุคก่อนหน้านี้ทรัมป์ ได้ขู่ว่าจะถอนตัวออกจากนาโตถ้าสมาชิกไม่ลงทุนด้านงบประมาณป้องกันประเทศถึง 2% ของจีดีพีแต่ละประเทศ ทำให้ไม่มีอาวุธส่งให้ยูเครน

สมาชิกนาโตในยุโรปกำลังลำบากเพราะขาดแคลนพลังงาน เศรษฐกิจซบเซา การว่างงานสูง รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อเพราะผลกระทบจากการคว่ำบาตรเศรษฐกิจรัสเซีย และยังหวาดหวั่นว่ารัสเซียจะไม่หยุดอยู่เพียงยูเครน

ดังนั้น การประชุมนาโตซัมมิตครั้งนี้ประเด็นหลักคือสังขารของ โจ ไบเดนที่ทุกคนต้องเฝ้ามองและหลังจากประชุมแล้วโจ ไบเดนจะต้องเป็นผู้แถลงนโยบายและทิศทางของนาโต

นี่คือจุดที่น่าหวาดเสียวว่าโจ ไบเดน จะพูดจารู้เรื่องมีสาระและยังคงสภาพความเป็นผู้นำขององค์กรอยู่หรือไม่ ขณะที่มีแรงกดดันจากพวกเดียวกันให้ถอนตัวถึงขั้นยอมให้โจ ไบเดนเป็นประธานาธิบดี จนถึงวันสุดท้าย แต่มีตัวแทนลงชิงแข่งกับพรรครีพับลิกัน

แม้ โจ ไบเดนก็ไม่ยอมอ้างว่าต้องให้พระเจ้าลงมาให้เห็นแบบตัวเป็นๆ มาขอให้ตัวเองเลิกลงแข่งชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี

ยังจะมีดีเบตรอบสองและพรรคเดโมแครต จะประชุมใหญ่เดือนสิงหาคมเพื่อตัดสิน ว่าจะส่งใครลง ดังนั้นสภาวะของโจ ไบเดนช่วงประชุมนาโตซัมมิตและการดีเบตรอบสอง กับทรัมป์ จะเป็นตัวตัดสิน

ถึงอย่างไรโลกก็ไม่สงบ ถ้าโจ ไบเดนยังได้เป็นประธานาธิบดีเพราะทรัมป์ ติดคุกในคดีอาญาก็ยังจะมีวิกฤตสงครามยูเครนและระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์

ถ้าทรัมป์ชนะสงครามยูเครนอาจจะหยุดแต่จะมีวิกฤตระหว่างไต้หวันกับจีนเพราะสหรัฐฯ ต้องการจะเปิดแนวรบใหม่ โดยมีประเทศอื่นเข้าร่วมด้วยในฐานะเป็นพันธมิตรและลูกไล่

ดังนั้น ผู้นำสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นใคร จะยังคงเป็นตัวปัญหาของโลกอีกต่อไปจนกว่าจะสิ้นสภาพความเป็นผู้นำเพราะวิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศ


กำลังโหลดความคิดเห็น