ยิ่งแก่ยิ่งดื้อ คงเหมาะสำหรับการอธิบายถึงสภาพของประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโจ ไบเดน ซึ่งยังคงดันทุรังจะขอเป็นคู่ชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีกับโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากที่ถูกมองว่าพ่ายแพ้ยับเยินในศึกดีเบตครั้งแรก
มีเสียงเรียกร้องให้ปู่โจถอนตัว โดยกลุ่มนายทุนพรรคเดโมแครต และสมาชิกรวมถึงประชาชนทั่วไปเพราะเห็นสภาพว่าไม่มีทางสู้ได้ทุกด้าน การดีเบตครั้งที่สอง ยิ่งจะหน้าสยองขวัญถ้าปู่โจแย่กว่าเดิม
ความเฉียบคมและการตอบโต้ การใช้จังหวะเพื่อหาทางได้เปรียบ การจับข้อมูลเท็จ คำโกหกของคู่ต่อสู้ทำให้เห็นว่าปู่โจไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้อีกแล้ว
เสียงเรียกร้องของนายทุนพรรค ไม่มีความหมายสำหรับปู่โจและก็ข้ออ้างพิเศษว่าตัวเองเป็นผู้เดียวที่เหมาะสมในการชิงเก้าอี้ผู้นำทำเนียบขาวครั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบขีดความสามารถในการรับรู้ด้วย
ปู่โจอ้างว่่า รู้จักคู่ต่อสู้ของตัวเองดีกว่าใคร และยังอ้างว่าถ้าพระเจ้าลงมาให้เห็นตัวเป็นๆ ขอร้องให้ตัวเองถอนตัวจากการชิงเก้าอี้ครั้งนี้ ก็จะยอม
ปู่โจอ้างว่าตัวเองเชื่อมั่นในพระเจ้า ถ้าพระเจ้าไม่ลงมาสั่งให้เลิก ก็จะไม่เลิก เพราะตัวเองเชื่อมั่นว่าจะต้องชนะ
เจอคำโต้เถียงแบบนี้ผู้สนับสนุนด้านการเงินต่างส่ายหัว เมื่อเห็นความดื้อของปู่โจ และยังได้รับการสนับสนุนจากคุณนายจิล ภรรยาและลูกชาย นายฮันเตอร์ ก็ยิ่งไม่ยอมถอย
อันนี้เข้าใจได้ว่าครอบครัวปู่โจไม่ต้องการถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นประธานาธิบดีเพียงแค่สมัยเดียว เพราะจะถูกมองว่าไม่มีความสามารถ ไม่ได้รับความนิยมจากประชาชน
ที่สำคัญจะถูกมองว่าการบริหารหนึ่งสมัยนั้นล้มเหลวจะถูกจารึกว่าเป็นบุคคลที่มือไม่ถึง ยิ่งเคยเป็นรองประธานาธิบดีนานถึง8 ปีภายใต้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ก็ยิ่งทำให้ช้ำใจ
อันที่จริงการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ชัยชนะของปู่โจเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันว่าการนับคะแนนถูกต้องหรือไม่เพราะเสียงค้านดังที่สุดก็มาจากผู้แพ้คือทรัมป์ นับคะแนนในรัฐจอร์เจียหลายครั้ง
พรรคเดโมแครตมีกำหนดประชุมใหญ่เพื่อตัดสินใจคู่ชิงประธานาธิบดีในเดือนสิงหาคม โจ ไบเดน จะเป็นทางเลือกหนึ่งขณะที่คณะกรรมการของพรรคจะหาทางเลือกเช่นกัน
นี่ทำให้โจ ไบเดน ชอบใจเพราะยังเชื่อว่าตัวเองยังสามารถเอาชนะได้ทั้งที่หลายโพลมองว่าคะแนนของปู่โจตามหลังหลายจุด แต่ปู่โจก็อ้างว่า ตัวเองไม่เชื่อถือตัวเลขโพล
เล่นเถียงแบบดื้อๆ อย่างนี้ ผู้สนับสนุนคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากดันทุรังสนับสนุนปู่โจต่อไป และเผชิญกับผลที่จะตามมาก็คือความพ่ายแพ้อย่างยับเยิน
อีกทางคือเลิกให้ความสนใจไม่จ่ายเงินให้และไม่สนใจในการรณรงค์คือ เทปู่โจ แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรถ้าหากว่าปู่โจไม่ถอนตัว จึงไม่มีทางเลือกอื่น
ถ้าปู่โจแพ้ก็หมายถึงคะแนนเสียงของพรรคในสภาฯ ด้วยเพราะความนิยมผูกพันกัน ทั้งเรื่องของการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐ และตำแหน่งอื่นๆ ที่ครบกำหนด
เมื่อสถานการณ์เป็นอย่างนี้ก็ใช่ว่าทรัมป์ จะยิ้มหวานรอชัยชนะ เพราะตัวเองยังมีคดี 34 กระทงรวมเป็นคดีอาญาเกี่ยวโยงกับหลายเรื่องสะท้อนให้เห็นความไม่สุจริต
แต่ศาลสูง ยังมองว่าทรัมป์ยังมีเอกสิทธิ์บางประการจึงอยู่ในสภาพที่เป็นคู่ชิงของปู่โจได้ ทำให้เกิดการถกเถียงมากมายว่าถ้าทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งคดีจะต้องถูกยกเลิกหรือได้รับอภัยโทษตามสิทธิหรือไม่
ประเด็นนี้ถกเถียงกันถึงขั้นว่าเป็นกฎหมายให้ผู้ชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีมีสิทธิเหมือนเทวดาหรืออย่างไร และรัฐธรรมนูญมีความหมายหรือไม่
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรทั้งคู่ต่างมีแผล โจ ไบเดนและลูกชายฮันเตอร์ก็มีคดีอาญา ปู่โจอยู่ในขั้นตอนการถอดถอนออกจากตำแหน่ง ทั้งที่ผลงานในสมัยแรกไม่มีอะไรที่เป็นความน่าประทับใจ
จุดอ่อนของโจ ไบเดนคือการนำนาโตเข้าสู่สงครามหนุนยูเครนสู้กับรัสเซีย และผลที่ตามมาคือความหายนะ ผลของการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียไม่เข้าเป้า ทหารยูเครนเสียชีวิตไปกว่าครึ่งล้าน ยูเครนอยู่ในสภาพสิ้นหวัง
ความหายนะของโจ ไบเดน คือการสนับสนุนอิสราเอลให้ทำสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาทำลายบ้านเมืองไปมากกว่า 70% สังหารชาวปาเลสไตน์มากกว่า 38,000 รายและบาดเจ็บพิการกว่า 80,000 ราย
เศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ย่ำแย่ถูกชาวโลกถอนตัวออกจากสกุลเงินดอลลาร์ หลายประเทศทิ้งสหรัฐฯ และยุโรปไปเข้ากับกลุ่มใหม่ที่รัสเซียและจีนเป็นโต้โผ ความเสื่อมของค่าเงินดอลลาร์และความเป็นผู้นำสหรัฐฯ เห็นชัดเจน
ชะตากรรมของสหรัฐฯ ขึ้นอยู่กับการเลือกตั้งครั้งนี้เพราะทางโจ ไบเดน และทรัมป์ เหมือนผีเน่ากับโลงผุ ไม่ว่าใครจะมาโลกก็จะไม่สงบเพราะผู้นำรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องหาเรื่องป่วนโลก สร้างศัตรูเพื่อครองความเป็นเจ้าโลก
ถ้าปู่โจมาก็ต้องหาเรื่องกับรัสเซียและอิหร่านด้วยการหนุนอิสราเอล ถ้าทรัมป์มาก็จะหาเรื่องกับจีนทุกด้านทางการค้าและความมั่นคง
ครั้งนี้คงไม่ง่ายทั้งจีนและรัสเซียมีพวกใหม่อีกเยอะ และไม่ชอบขี้หน้าสหรัฐฯ ด้วยโอกาสที่จะเกิดสงครามลามจากยูเครนและฉนวนกาซาก็มีความเป็นไปได้
ความหายนะด้วยฝีมือของผู้นำสหรัฐฯ ต่อชาวโลกจึงมีความเป็นไปได้เพราะการค้าสงครามคือความอยู่รอดของเศรษฐกิจสหรัฐฯ