คนอเมริกันโดยเฉพาะชาวเดโมแครตกำลังรู้สึกอึดอัดกับสภาวะปัจจุบัน เมื่อคู่ชิงประธานาธิบดีของพรรคคือผู้เฒ่าชราโจ ไบเดนต้องแข่งกับโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดี ในสภาพที่เป็นรองอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ชมการดีเบตรอบแรกระหว่างสองผู้เฒ่าเห็นได้ชัดว่าโจ ไบเดนอยู่ในสภาพของผู้ชราคิดอ่านได้ช้าไม่สามารถตอบโต้คู่แข่งได้ทันควันแม้จะเห็นได้ชัดว่าทรัมป์เสนอข้อมูลเท็จพูดโกหก แต่โจ ไบเดน ก็ไม่ใช้โอกาสนี้ตอบโต้ได้
ในวัย 81 ปี ถ้าโจ ไบเดนเป็นผู้นำสหรัฐฯ ต่อไปอีก 4 ปีก็จะมีอายุ 86 ปีเป็นผู้นำประเทศที่อายุมากที่สุดในโลกในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ อายุมากเป็นเรื่องสำคัญถ้าขีดความสามารถในการรับรู้มีปัญหาคิดอ่านได้ช้า
ที่ผ่านมา โจ ไบเดนแสดงให้เห็นว่าการควบคุมร่างกายและการรับรู้มีปัญหา การเดินก็เกิดอาการล้มลุกคลุกคลานหลงลืมกับทิศทางที่จะไป พูดจาไม่ปะติดปะต่อไม่เหลือความเฉียบคมในการตอบโต้ อยู่ในอาการง่วงซึม
ชาวเดโมแครตคงเห็นแล้วว่าถ้าส่งโจ ไบเดนเป็นคู่ชิงคงเป็นความหายนะและพ่ายแพ้ยับเยิน พวกผู้สนับสนุนทางการเงินจึงปรึกษาว่าจะหาใครมาลงแทนโจ ไบเดนหรือไม่ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายต้องหาคนดังและมีโอกาสชนะซึ่งตัวเลือกที่โดดเด่นก็ไม่มี
โจ ไบเดน ก็ประกาศว่าตัวเองยอมรับว่าอยู่ในวัยชราคิดอ่านเชื่องช้าไม่คล่องแคล่วเหมือนวัยหนุ่ม แต่ก็ยังมีความพร้อมทำหน้าที่ประธานาธิบดีต่อไปอีก 4 ปี
นี่แหละเป็นปัญหาคนทั่วไปได้เห็นอาการของโจ ไบเดนแล้วไม่มีใครเชื่อว่าจะไปต่อไหว คนที่แอบดีใจและไม่อยากให้โจ ไบเดนถอนตัวก็คือ นางกมลา แฮร์ริส ซึ่งเป็นรองประธานาธิบดีขณะนี้
ถ้าโจ ไบเดนเป็นอะไรไปในกรณีที่ชนะการเลือกตั้งและไม่สามารถทำหน้าที่ต่อไปได้ เธอก็จะเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ และเป็นชาวผิวสีมีเชื้อสายอินเดียอีกด้วย
ที่ผ่านมา ขณะที่ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี เธอไม่มีผลงานโดดเด่นเป็นที่น่าประทับใจ การแสดงความคิดเห็นต่างๆไม่ได้แสดงความเฉลียวฉลาด และหลายครั้งได้สร้างความอึดอัดน่าขายหน้าเพราะไม่รู้ข้อมูลแท้จริง
คนสนับสนุนด้านการเงินให้โจ ไบเดน จึงคิดหนักว่าจะทำอย่างไร จะชักชวนผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียวัย 57 ปี นายเกวิน นิวซัม นางเกรทเชน วิทเมอร์ ผู้ว่าการรัฐมิชิแกนหรือคนอื่น ก็ไม่แน่ใจว่าจะเอาชนะทรัมป์ได้แม้จะมีสติปัญญาความสามารถในการรับรู้ไม่เอ๋อเหมือนโจ ไบเดนก็ตาม
มีความเห็นตรงกันว่าผู้ที่จะขอให้โจ ไบเดนถอนตัวจากการเป็นคู่ชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีได้ก็คือนางจิล ไบเดน ผู้เป็นภรรยาของโจเพราะเธอสามารถพูดโน้มน้าวให้โจถอนตัวได้ และเธอเองก็รู้สภาพร่างกายของโจดี
ขณะนี้โจและจิล พร้อมลูกสองคนไปพักผ่อนที่แคมป์เดวิดและอาจจะเป็นจังหวะที่เหมาะสำหรับสมาชิกครอบครัวจะได้พูดจาโน้มน้าวกล่อมให้โจ ไบเดนถอนตัวจากการชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีอีกหนึ่งสมัย
การสำรวจความเห็นของประชาชนอเมริกันกว่า 70 เปอร์เซ็นต์มองว่า ไบเดนควรถอนตัวได้แล้ว คนพรรคเดโมแครต 67 เปอร์เซ็นต์ก็เห็นพ้องเช่นกัน
การถอนตัวออกจากการเข้าชิง อาจจะเป็นความอัปยศทางการเมืองเท่ากับการยอมรับสภาวะสุขภาพของตัวเอง ดีกว่าดันทุรังลงแล้วก็พ่ายแพ้ แต่ถ้าให้คนอื่นลงแทนแล้วพ่ายแพ้โจ ไบเดนก็ยังอ้างได้ว่าตัวเองไม่ได้ทำให้พรรคเสียหาย
แน่นอน โจ ไบเดน ต้องรู้สึกขมขื่นถ้าต้องถอนตัวและไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นประธานาธิบดีเพียงหนึ่งสมัย แต่จะให้ทำอย่างไรในเมื่อสังขารไม่ให้ และอาการเอ๋อ ป้ำๆ เป๋อๆ ในหลายโอกาส ที่ผ่านมาชาวเดโมแครตแทบตากหน้ารับไม่ไหว
ความชราภาพเป็นปัญหาและทำให้ต่างชาติไม่เชื่อถือเสี่ยงต่อการตัดสินใจผิดพลาด และถูกควบคุมโดยคนใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศกลาโหม ที่ปรึกษาด้านความมั่นคง และหน่วยสืบราชการข่าวกรองต่างๆ
คนเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของ deep state มีอำนาจเหนือการตัดสินใจของประธานาธิบดีและแต่ละฝ่ายก็มุ่งเน้นผลประโยชน์ขององค์กรที่ตัวเองควบคุม และสามารถสร้างหายนะทำให้เกิดสงครามได้
ทรัมป์ก็มีปัญหากับคดีอาญา 34 กระทงที่รอศาลตัดสินโทษจำคุกในคดีสารพัด สะท้อนให้เห็นความเป็นคนไม่ซื่อสัตย์และมีปัญหากับกฎหมายทางด้านส่วนตัว และการดำเนินธุรกิจทั้งการเลี่ยงภาษี การแต่งตัวเลขบัญชี ฯลฯ
เป็นสภาวะที่คนอเมริกันต้องเลือกระหว่างผีเน่ากับโรงผุไม่มีทางเลือกอื่นเพราะประเทศมี 2 พรรคใหญ่มาโดยตลอดโดยผู้สมัครอิสระไม่มีโอกาสได้ลุ้นแม้จะดูดีกว่าตัวแทนทั้งสองพรรคการเมืองก็ตาม
พรรคเดโมแครต จะจัดประชุมใหญ่เพื่อตัดสินใจเดือนสิงหาคมว่าจะยังส่งโจ ไบเดนหรือมีตัวเลือก และอาจหวังว่าทรัมป์มีโอกาสต้องโทษแต่ก็ยังสามารถอุทธรณ์คำตัดสินของคณะลูกขุนและโทษกำหนดโดยตุลาการได้
นี่เป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นว่าการเมืองอเมริกันไม่ได้สมบูรณ์และไม่สามารถเป็นต้นแบบได้ ถึงแม้จะมีพรรคอื่นเป็นพรรคย่อยเข้าแข่งขันหรือผู้ชิงไม่สังกัดก็ตาม
ฉะนั้นอนาคตของสหรัฐฯ และอนาคตของโลกว่าจะสงบสุขหรือวุ่นวาย ก็ขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ต้นเดือนพฤศจิกายน
จะเป็นใครก็ตามที่จะมาเป็นผู้นำสหรัฐฯ ก็ยังจะหาเรื่องประเทศอื่นๆ เพื่อรักษาความเป็นชาติมหาอำนาจอันดับ 1
ตราบใดที่สหรัฐฯ อยากเป็นเจ้าโลก โลกไม่มีโอกาสได้สงบแน่นอน