ข้อเสนอบันได 3 ขั้นสู่การหยุดยิงถาวรในกาซา ที่ปธน.ไบเดนนำเสนอต่อโลกเมื่อวันสุดท้ายของเดือนพฤษภาคม; และ 10 วันต่อมา ทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ได้นำเสนอบันได 3 ขั้นนี้สู่คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติในวันจันทร์ที่ 10 มิถุนายนนี้
ข้อมตินี้ผ่านฉลุย โดยมีแต่ทูตรัสเซียที่งดออกเสียง (แทนที่จะวีโต) พร้อมแถลงด้วยว่า รัสเซียเห็นด้วยในหลักการของข้อมตินี้ แต่เพราะไม่มีรายละเอียดหรือกรอบเวลาที่จะทำให้ข้อมตินี้เป็นจริงขึ้นมาได้ เพราะโดยแท้จริงแล้ว รัสเซียต้องการให้มีการหยุดยิงชั่วคราวทันทีแล้วนำไปสู่การหยุดยิงถาวรในที่สุด ซึ่งรัสเซียก็เป็นประเทศแรกที่นำเสนอข้อมติให้หยุดยิง ตั้งแต่อิสราเอลได้บุกเข้ากาซาปราบฮามาสให้สิ้นซาก ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมปีที่แล้ว หลังจากการกราดยิงขีปนาวุธของกองทัพอิสราเอลได้เริ่มสังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์ (รวมทั้งการทำลายบ้านเรือนและโรงพยาบาลในกาซาอย่างเป็นระบบ)
รัสเซียดูจะเคลือบแคลงในข้อเสนอบันได 3 ขั้นของสหรัฐฯ (ของไบเดน) เพราะกังวลในรายละเอียดที่มีน้อยมาก
เป็นที่น่าสังเกตมากว่า ทั้งปธน.ไบเดนเอง รวมทั้งทูตลินดา (ทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น และเป็นผู้นำเสนอข้อมติต่อคณะมนตรีความมั่นคง) ได้กล่าวย้ำว่า ข้อเสนอนี้เป็นข้อเสนอของอิสราเอล ทั้งๆ ที่อิสราเอลเอง ยังมีท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้ และออกแนวไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ของปธน.ไบเดน
ยิ่งโฆษกของสภาความมั่นคงของทำเนียบขาว อดีตพลเรือโทจอห์น เคอร์บี้ ยิ่งอาการหนักกว่าทั้งไบเดนและลินดาคือ จอห์น เคอร์บี้ พูดละล่ำละลักขณะแถลงที่ทำเนียบขาวว่า ข้อเสนอบันได 3 ขั้นของปธน.ไบเดนนี้ เป็นข้อเสนอที่มาจากอิสราเอล
สมทบด้วยการยืนยันจากปากของรมต.ต่างประเทศ บลิงเคน ว่ามันเป็นข้อเสนอของอิสราเอลและปัญหาอยู่ที่ว่า พวกฮามาสจะยอมรับในข้อเสนอนี้หรือไม่ หมายความว่า ถ้าฮามาสไม่ยอมรับข้อเสนอของไบเดน (ที่เริ่มเสนอมาจากอิสราเอล) ฮามาสก็จะเป็นจำเลยของทั้งโลกว่า เป็นผู้ทำลายข้อตกลงหยุดยิงครั้งนี้
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บลิงเคนโพนทะนาตีขลุมให้ทั้งโลกพร้อมจะโยนความผิดให้ฮามาสว่าเป็นฝ่ายผู้ก่อการร้าย และโยนทิ้งข้อตกลงดีที่สุดที่ทางอิสราเอลและไบเดนเสนออย่างใจกว้างที่สุดแล้ว
บลิงเคนเคยพูดมามากกว่า 1 ครั้ง ในช่วงที่มีการประชุมทำร่างข้อเสนอหยุดยิงในช่วงถือศีลอดของชาวมุสลิมในเดือนมีนาคม ซึ่งในครั้งนั้นแม้จะผ่านมติคณะมนตรีความมั่นคง โดยรัสเซียและจีนงดออกเสียง แต่ในการปฏิบัติก็ไม่ได้เกิดการปฏิบัติตามมติ เพราะการลงมตินั้นใช้เวลาพิจารณาแก้ร่างข้อมติยาวมาก จนเรื่องเข้าคณะมนตรีความมั่นคงได้ ก็เป็นในช่วงปลายของการถือศีลอดเสียแล้ว...พอมติออกมา ก็ไม่มีเวลาพอจะหยุดยิง...เป็นอันว่าเสียของไปเลยที่มีมติจะหยุดยิงช่วงรอมฎอน แต่มติออกมาช่วงใกล้หมดเวลาการถือศีลอด!!
สำหรับฮามาสการกลับตาลปัตรเพราะในทันทีที่มติคณะมนตรีความมั่นคง ครั้งนี้ให้หยุดยิงทันที (แล้วแลกเปลี่ยนเชลยพร้อมเปิดทางให้มีการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเหมาะสม...จนนำสู่การหยุดยิงถาวร) ผู้นำฝ่ายการเมืองของฮามาส ออกมาแสดงท่าทีเห็นชอบกับข้อมติทันทีเพื่อให้ชาวโลกได้รับรู้ว่า ฮามาสถูกสหรัฐฯ นำไปอ้างว่า เป็นตัวเจ้าปัญหาที่ขวางการหยุดยิง
โดยฝ่ายสหรัฐฯ ได้บิดเบือนด้วยการยกเครดิตไปให้กับอิสราเอล แล้วยกปัญหาไปให้แก่ฮามาสดื้อๆ
ทั้งๆ ที่สัญญาณตอบรับข้อเสนอ (ของไบเดน) จากอิสราเอล ยังเป็นการแบ่งรับแบ่งสู้...เพราะถ้าเป็นข้อเสนอของอิสราเอลอย่างที่ไบเดน, ลินดา, เคอร์บี้, บลิงเคน ได้ย้ำแล้วย้ำอีก ทำไมอิสราเอลถึงไม่รีบกระวีกระวาดออกมาตอบรับเล่า???
ในอาทิตย์แรกๆ ของการบุกโจมตีกาซาของกองทัพอิสราเอล ได้มีคำแถลงเตือนสติจากไบเดนถึงขนาดยกเอาตัวอย่างอเมริกาเองที่ใช้อารมณ์ (วู่วาม, ว้าวุ่น, โมโหจัด) บุกเข้าอัฟกานิสถานหลังเหตุการณ์ 9-11 แล้วถึงกับถลำตัวบุกตามล่าบิน ลาเดน ไปถึงอิรัก จนทำให้ต้องจมปลักอยู่ในอิรัก เสียทั้งชีวิตทหารอเมริกันและงบประมาณมหาศาลซึ่งไปผิดทางเพราะตามตัวบิน ลาเดน ไม่เจอ
และไบเดนได้พูดกับคนใกล้ชิดจนเป็นข่าวออกมาว่า กรณีของเนทันยาฮู และครม.สงครามของเขานั้น เนื่องจากโกรธจัดที่ถูกลูบคม กรณีการบุกอย่างตั้งตัวไม่ทันเมื่อ 7 ตุลาคม จะเต็มไปด้วยความโกรธแค้น จะหูอื้อไม่ฟังการห้ามปรามและเปรียบเสมือนเด็กดื้อ ที่ถ้าผู้ใหญ่ยิ่งห้ามก็ยิ่งยุ...สหรัฐฯ จึงจำยอมให้อิสราเอลบุกกาซา เพื่อทำลายล้างฮามาส และออกมาประกาศยืนเคียงข้างอิสราเอลในการบุกปราบฮามาส
แต่ขณะเดียวกัน ก็ขีดเส้นแดงไม่ให้กองทัพอิสราเอลบุกปฏิบัติการ (ภาคพื้นดิน) ที่เมืองราฟาห์
ปรากฏว่า แรงกดดันจากทั้งโลกมองเห็นว่า ไบเดนอ่อนแอและเป็นผู้รู้เห็นเป็นใจกับกองทัพอิสราเอลในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ที่กาซา
โดยเฉพาะเสียงสนับสนุนทางการเมืองที่เริ่มตีจากไบเดน จากเหล่าปัญญาชนในสหรัฐฯ รวมทั้งปีกก้าวหน้าในพรรคของเขาเอง
จึงต้องหักมุม...คว้าเอาบันได 3 ขั้นที่ทางฮามาสเป็นฝ่ายเสนอตั้งแต่ต้น มาเป็นข้อเสนอของสหรัฐฯ เข้าสู่ยูเอ็นในครั้งนี้
ข้อเสนอหยุดยิงนี้ น่าจะมีปัญหาในทางปฏิบัติและไม่น่าไปถึงดวงดาว