xs
xsm
sm
md
lg

แนวรบยุโรปตะวันออก...เมื่อรัสเซียพร้อมที่จะเล่นเกมยาวว์ว์ว์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


Andrei Belousov รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซีย
ปิดท้ายสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตแวะไปดู “แนวรบยุโรปตะวันออก” อีกสักรอบ เพราะช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมาได้ปรากฏความเคลื่อนไหวที่อาจพอสะท้อนให้เห็นถึง “ความเปลี่ยนแปลง” บางสิ่ง บางอย่าง ที่น่าคิด น่าสะกิดใจ มิใช่น้อย โดยเฉพาะการตัดสินใจโยกย้าย-แต่งตั้ง “รัฐมนตรีกลาโหม” คนใหม่ ในคณะรัฐบาลใหม่ของผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน” ที่เพิ่งผ่านพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งผู้นำรัสเซียต่อไปอีก 6 ปีข้างหน้า เมื่อเร็วๆ นี้...

คืออันนี้...อาจเป็นอะไรที่ “เซอร์ไพรส์” แม้ว่าออกจะเป็น “คนละเรื่อง-คนละม้วน” กับการตั้งพลเรือนผู้เชี่ยวชาญด้านบั้งไฟ อย่างคุณ “สุทิน คลังแสง” ขึ้นเป็นรัฐมนตรีกลาโหมของบ้านเราอย่างชนิดฟ้ากับเหว เพราะพลเรือนที่เคยมีตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย อย่าง “นายAndrei Belousov” ที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ ทั้งที่ไม่ได้เคยเป็นทหารชาญศึกใดๆ มาก่อนเลย แถมประเทศรัสเซียยังคงต้องสู้รบ-ปรบมือกับ “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างยูเครน หรือเลยไปถึง “โลกตะวันตกทั้งแผง” อันมีคุณพ่ออเมริกาเป็นผู้นำ อันนี้...ต้องถือเป็นเรื่องแปลก!!! หรือเป็นเรื่องที่คงต้องนำมาใคร่ครวญ พินิจ พิจารณา อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้เลย...

โดยถ้าว่ากันตามคำแถลง คำชี้แจง ของฝ่ายรัสเซียเอง...ดูเหมือนว่า “ความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ” ของ “นายAndrei Belousov” นั่นแหละ ไม่ว่าความรู้ที่ร่ำเรียนมาทางด้านวิชาเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมอสโกเมื่อปี ค.ศ. 1981 ประสบการณ์ในระหว่างเป็นผู้อำนวยการกรมเศรษฐกิจการคลังปี ค.ศ. 2008 เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจประธานาธิบดีรัสเซียตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 2013 และเป็นรองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่งของรัสเซียเมื่อปี ค.ศ. 2020 ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง...ที่ทำให้การผงาดขึ้นเป็น “รัฐมนตรีกลาโหม” คนใหม่ของ “นายAndrei Belousov” อาจมีความสอดคล้อง เหมาะสมกับฉากสถานการณ์ความเป็นไปในอนาคตเบื้องหน้าของรัสเซีย มากกว่าการปล่อยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารล้วนๆ อย่างรัฐมนตรีกลาโหมรายเดิม “พลเอกSergei Shoigu” ผู้ซึ่งถูกโยกย้ายไปเป็น “เลขาธิการสภาความมั่นคง” คนใหม่ ว่ากันไปโดยลำพัง...

โดยเฉพาะเมื่องบฯ ใช้จ่ายด้านการทหารโดยปกติของรัสเซียซึ่งอยู่ที่ประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีได้พุ่งพรวดๆ พราดๆ ขึ้นเป็นประมาณ 6.7 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีนับแต่หมีขาวตัวนี้ได้เริ่มเปิด “ปฏิบัติการทางทหาร” ต่อยูเครนเมื่อช่วง 2 ปีที่แล้วอีกทั้งในช่วงระหว่างที่ต้องสู้กับยูเครนและสู้กับโลกตะวันตกทั้งแผง แต่ด้วย “ประสิทธิภาพ” ของ “อุตสาหกรรมอาวุธรัสเซีย” ที่สามารถผลิตยุทโธปกรณ์อันมีความจำเป็นต่อการทำศึก ทำสงคราม ได้สูงกว่าโลกตะวันตกทั้งมวลถึง 7 เท่า อันนี้...ย่อมหนีไม่พ้นต้องอาศัยความรู้ ความเชี่ยวชาญ ในด้าน “เศรษฐกิจ” อย่างเป็นพิเศษ แต่ที่น่าจะสำคัญยิ่งไปกว่านั้น...ก็น่าจะเป็นเพราะด้วยแนวโน้มความเป็นไปของฉากสถานการณ์สงคราม ที่มันคงไม่ใช่แค่เฉพาะการต้องวิ่งไล่ฟัด ไล่ทุบ ไล่บี้ กับพวก “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างยูเครนแต่เพียงล้วนๆ แต่ยิ่งนับวัน...ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่าความเป็นไปใน “แนวรบยุโรปตะวันออก” นั้นก็คือการสู้กันระหว่างหมีขาวรัสเซียกับ “โลกตะวันตกทั้งแผง” นั่นเอง!!!

การตัดสินใจนำเอามือด้านเศรษฐกิจ...อย่าง “นายAndrei Belousov” ขึ้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ จึงเป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญด้านรัสเซียในประเทศจีนโดยส่วนใหญ่ ไม่ว่า “นายChi Heng” นักวิชาการแห่งสถาบัน “China National Institute for SCO International Exchange” หรือ “นายYang Jin” ผู้ช่วยวิจัยแห่งสถาบัน “Institute of Russia, Eastern European and Central Asia Studies” ฯลฯ เขาเลยมองไปในมุมเดียวกัน หรือมองไปในแนวดังที่ข้อเขียน บทความในสื่อทางการของจีน “Global Times” สรุปไว้เมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา (13 พ.ค.)นั่นแหละว่า... “Russia ready to play long game in Ukraine as proposes economist as new defense chief” หรือรัสเซียพร้อมแล้ว...ที่จะเล่น “เกมยาวว์ว์ว์!!!” พร้อมที่จะรับมือกับโลกตะวันตกทั้งแผง ไม่ว่าคิดจะอาศัย “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างยูเครนเป็นตัวบั่นทอนศักยภาพของรัสเซียไปถึงขั้นไหนต่อขั้นไหน หรือถึงขั้นที่ไม่คิดจะเหลือ “ชาวยูเครนคนสุดท้าย” เอาไว้เลยก็ตามที...

ไม่เพียงแต่ความเกลียด ความกลัว ที่เรียกๆ กันว่า “Russophobia” จะถูกปลุก ถูกกระตุ้น อย่างเป็นระบบและกิจการในโลกตะวันตก การคิดจะส่งทหารของชาติ “NATO” เข้าไปรบกับรัสเซียในสมรภูมิยูเครน หรือกระทั่งคิดจะให้อเมริกามาติดตั้งขีปนาวุธนิวเคลียร์ไว้ในประเทศตัวเอง ไม่ว่าในโปแลนด์ ฟินแลนด์ หรือสวีเดน ฯลฯ เลยก็เถอะ แต่การออกมาให้คำตอบ คำอธิบายของอดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศฝ่ายกิจการเมืองอเมริกา เจ้าของฉายา “คุณป้ามหาภัย” อย่าง “นางVictoria Nuland” ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแปรสภาพยูเครนให้ต้องกลายเป็นศัตรู-คู่กัดตัวสำคัญกับรัสเซียในทุกวันนี้ หรือตั้งแต่การสนับสนุนให้เกิดการ “ปฏิวัติสี” ขึ้นมาในประเทศยูเครน จนต้องกลายมาเป็น “ตัวตลก-ตัวแทน” ของโลกตะวันตกอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ ที่ได้สรุปไว้แบบสั้นๆ-ง่ายๆ แต่ “เปรี้ยวสุดเปรี้ยว” ประมาณว่า...เหตุที่คุณพ่ออเมริกาไม่คิดสนับสนุนยูเครนให้ยอมนั่งโต๊ะเจรจากับรัสเซียหรือไม่คิดสนับสนุนแนวทางการทูตในการยุติความขัดแย้งดังกล่าว ก็เนื่องมาจากยูเครนยังไม่ได้อยู่ในฐานะ “ได้เปรียบ” หรือยังไม่ได้ก่อให้เกิด “ประโยชน์” ใดๆ กับอเมริกาและพันธมิตร ในอันที่จะบีบบังคับรัสเซียให้ต้องเป็นไปตามความปรารถนาและต้องการของโลกตะวันตกนั่นเอง...

อันนี้นี่แหละ...ที่อาจทำให้รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย “นายSergey Lavrov” ซึ่งยังอยู่ตำแหน่งเดิมในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เลยต้องออกมาให้ข้อสรุปแบบตรงไป-ตรงมาเมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา (13 พ.ค.) เอาไว้ประมาณว่า... “ถ้าตะวันตกต้องการที่จะแก้ไขปัญหาวิกฤตยูเครนในสนามรบ...รัสเซียก็พร้อมที่จะตอบสนอง” หรือทำให้โอกาสที่อาจต้องรบกันชนิดฉิบหายวายวอดกันไปข้าง ระหว่างโลกตะวันตกกับรัสเซีย ไม่เหลือ “สะพานถอยหลัง” ใดๆ ไว้เลยแม้แต่น้อย ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ หรือยิ่งมีความพยายามยั่วแหย่ ยุแหย่ หมีขาวตัวนี้ จนถึงขั้นต้องหันไป “ทดสอบขีปนาวุธนิวเคลียร์” เอาไว้ก่อนล่วงหน้าความเป็นไปใน “แนวรบยุโรปตะวันออก” นับจากนี้ มันเลยทำท่าว่าอาจเป็นไปดัง “คำเตือน” ของนักประวัติศาสตร์เยอรมนี “นายTarik Cyril” ผู้ที่เคยศึกษาเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามเย็นมาแล้วอย่างลึกซึ้ง ถึงแก่น ที่ได้สรุปไว้ในข้อเขียน บทความ ชื่อว่า...“Poke the bear and find out: Here’s why the West should finally listen to Russia’s warnings” หรือถ้าหากยังอยากจะ “แหย่..หมีหลับ” อีกต่อไป โอกาสที่ทุกสิ่งทุกอย่างอาจเตลิดเปิดเปิงไปถึงขั้น “สงครามนิวเคลียร์” ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย!!!

ยิ่งถ้าหาก “การเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา” ปลายปีนี้...ไม่เกิดกระแสลมหวนกลับ ไม่กลับมาเป็น “ทรัมป์บ้า” ผงาดขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำอเมริกากันแทนที่ โอกาสที่สงครามยูเครนจะถูก “ลากยาวว์ว์ว์” ไปจนกลายเป็นส่วนหนึ่งและส่วนสำคัญของ “สงครามโลกครั้งที่ 3” อันอาจกลายสภาพไปเป็น “อภิมหาสงครามนิวเคลียร์” ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ จึงมีความเป็นไปได้สูงยิ่งเข้าไปทุกที และแน่นอนว่า...การตระเตรียมรับมือกับแนวโน้มดังกล่าวของผู้นำรัสเซียประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน” ผู้ซึ่งจะอยู่ยาวว์ว์ว์นับจากนี้ไปอีกถึง 6 ปีข้างหน้า จึงคงไม่ใช่แค่การปรับเปลี่ยนตัว “รัฐมนตรีกลาโหม” ในรัฐบาลชุดใหม่แต่เพียงเท่านั้น แต่ยังน่าจะหมายรวมไปถึงกำหนดการเดินทางไปเยือนประเทศ “พันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่ไร้ขีดจำกัด” และชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์อีกรายหนึ่ง อย่างจีนเป็นรายแรก ในวันที่ 16-17 พ.ค.นี้...

โดยที่ความสัมพันธ์ของประเทศทั้งสองจะสามารถนำไปสู่ “ปรากฏการณ์ความเปลี่ยนแปลง” บางอย่าง ดังที่ผู้นำจีน ประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ได้เคยกล่าวไว้เมื่อช่วงครบรอบ 95 ปีแห่งการก่อตั้งพรรคคอมนิวนิสต์จีน หรือเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ปี ค.ศ. 2016 หรือไม่? อย่างไร? นั่นคงต้องคอยจับตาอย่างมิอาจกะพริบตาได้โดยเด็ดขาด โดยเฉพาะในคำกล่าวที่ว่า “ในช่วงอีกประมาณ 10 ปีนับจากนี้...เรา (ชาวพรรคคอมมิวนิสต์จีน) จะมีโอกาสได้เห็นระเบียบโลกอีกแบบหนึ่งซึ่งไม่เหมือนกับที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้ โดยมีกุญแจสำคัญที่จะทำให้สิ่งเหล่านี้เป็นจริงขึ้นมา นั่นก็คือ...ความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระหว่างจีนกับรัสเซีย” นั่นเอง....


กำลังโหลดความคิดเห็น