เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตหันไป “เหล่” คุณพ่ออเมริกา ประธานสมาคมเสือกกิตติมศักดิ์แห่งโลกเอาไว้มั่งแล้วเพราะโดยอากัปกิริยา โดยลักษณะท่าที ของรัฐบาลคุณปู่ “โจ ซึมเซา” หรือ “โจ วิตถาร” ช่วงระหว่างนี้ ชักดูๆ เปลี่ยนไปมิใช่น้อย แม้ไม่ถึงกับ “พลิกหน้ามือ-เป็นหลังตีน” หรือ “หน้าตีน-เป็นหลังมือ” อย่างเห็นได้ถนัดชัดเจนมากมายสักเท่าไหร่นัก หรือแม้ยังใช้คำเรียกผู้นำจีน อย่างประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ว่า “เผด็จการ” แบบเดิมๆ ก็เถอะ แต่ก็ใช่จะถือเป็นคำหมิ่นประมาท สบประมาทแต่อย่างใด เพราะโดยระบบ-ระบอบการปกครองภายใต้พรรคคอมมิวนิสต์จีน “คำพูด” ดังกล่าวย่อมต้องถือเป็นการ “พูดอีก-ก็ถูกอีก” ไม่ถึงกับต้องหยิบเอามาเป็นสาระ เป็นอุปสรรคกีดขวางการพบปะ-เจรจาระหว่าง 2 ผู้นำ ระหว่างการประชุม “APEC” (Asia-Pacific Economic Cooperation) ณ นครซานฟรานซิสโก เมื่อช่วงวันพุธที่ผ่านมา (15 พ.ย.) แต่อย่างใด...
แต่โดยการ “กระทำ” หรือโดยกิริยา ท่าที ต่างหาก ที่ควรหยิบมาใคร่ครวญ พิจารณา ถึงลักษณะอาการว่าจะ “เปลี๊ยนไป๋” หรือไม่? อย่างไร? เพราะก่อนที่การพบปะ-เจรจาระหว่างผู้นำทั้งสองจะเริ่มขึ้นแค่ไม่กี่วัน ที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาวอย่าง “นายJake Sullivan” ก็ได้ออกมารับประกัน การันตี ออกมายืนยัน นั่งยัน ด้วยตัวเอง ว่าสหรัฐฯ ค่อนข้างมั่นใจเอามากๆ ว่าจีนไม่ได้ “สนับสนุนอาวุธ” ให้กับพันธมิตรที่ไร้ขีดจำกัดอย่างรัสเซีย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้น...หรือช่วงประมาณเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติอเมริกา เพิ่งออกเอกสารรายงานถึงเรื่องการสนับสนุนของจีนต่อรัสเซียในระหว่างสงครามยูเครน ด้วยการขาย “เซมิคอนดักเตอร์” ที่ใช้เป็นอุปกรณ์นำร่องให้กับกองทัพรัสเซีย รวมทั้งเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้เอง รัฐบาลอเมริกันถึงกับประกาศ “แซงชั่น” บริษัทจีน 42 บริษัท ด้วยข้อกล่าวหาว่ามีส่วนสนับสนุนกระบวนการผลิตอาวุธของกองทัพรัสเซีย แม้ว่าทางการจีนจะออกมาปฏิเสธเพียงใดก็ตาม...
อันนี้นี่แหละ...ที่น่าจะหยิบมาใคร่ครวญพิจารณาเอาไว้มั่ง เพราะโดยลักษณะอาการของคุณพ่ออเมริกาในช่วงหลังๆ นี้ คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยว่า ออกจะ “ใกล้เจ๊ง” เต็มที!!! เฉพาะแค่ดูจากปริมาณ “หนี้” ก็น่าจะขนหัวลุก ขนคอตั้งกันไปพอสมควรแล้ว คือระดับ 33.7 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ 1,200 ล้านล้านบาท ชนิดต่อให้เกิดชาติหน้า หรือเกิดมาเป็นสุธีอีกสักกี่ชาติต่อกี่ชาติ บรรดาอเมริกันชนที่แบกหนี้กันรายละ 3.55 ล้านบาทถ้วนทั่วทุกตัวคน ก็ยากส์ส์ส์จะใช้หนี้ได้หมด อีกทั้งการก่อหนี้ด้วยการออก “พันธบัตร” ระยะสั้น-ระยะยาว ก็ยิ่งส่อแวว ส่ออาการ แห่งการใกล้เจ๊งอย่างเห็นได้ชัด คือถึงขั้นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรในระยะ 10 ปีขึ้นไปถึง 5 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น จนบรรดาบริษัทจัดอันดับเครดิตในแต่ละแห่ง ต่างหนีไม่พ้นต้อง “ปรับลดเครดิต” เศรษฐกิจอเมริกากันกราวรูด และอาจด้วยเหตุนี้นี่เองที่ทำให้การหันไปญาติดีกับมหาอำนาจคู่แข่งอย่างจีน ผู้ถือเป็น “เจ้าหนี้” อันดับต้นๆ ของอเมริกา หรือการหันไปเจ๊าะแจ๊ะเจรจาระหว่างผู้นำจีน-ผู้นำอเมริกา ในการประชุม “APEC” เที่ยวนี้ อาจพอช่วยให้ท่านประธานสมาคมเสือกกิตติมศักดิ์ พอหายใจทางปากแทนที่จะหายใจทางเหงือก ต่อไปได้มั่ง...
เพราะการที่ต้อง “กู้หนี้” เพื่อเอามาใช้หนี้ หรือเอามาจ่ายค่าดอกเบี้ยนั้น...นักวิเคราะห์ด้านเศรษฐศาสตร์ระดับมือวาง อย่าง “ศาสตราจารย์Nouriel Roubini” หรือ “Dr.Doom” ท่านเคยออกมาเตือนๆ เอาไว้ตั้งแต่กว่า 10 ปีที่แล้วประมาณว่า “เมื่อไหร่ก็ตาม...ที่รัฐบาลสหรัฐฯ เดินไปถึงจุดที่ต้องกู้ยืมเงินเพื่อจ่ายดอกเบี้ยให้กับหนี้สินที่ตัวเองก่อขึ้นมา เมื่อนั้น...รัฐบาลอเมริกันไม่ว่าจะเป็นพรรคใดก็ตาม ย่อมต้องถูกผลักดันให้ก้าวเข้าสู่วงจรแบบเดียวกับบรรดา...แชร์ลูกโซ่ทั้งหลาย อันจะนำมาซึ่งความล้มละลายของประเทศทั้งประเทศ” การหันมาญาติดีกับเจ้าหนี้ที่แม้จะเป็นมหาอำนาจคู่แข่งอย่างจีน จึงอาจถือเป็นทางออก-ทางไป หรือ “ทางรอด” อันมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ และนั่นเอง...ที่อาจส่งผลให้รัฐบาลอเมริกันอาจต้องลดราวาศอกในการ “ยั่วยวนกวนส้นตีน” คุณพี่จีนใน “แนวรบทะเลจีนใต้” ในอีกไม่นาน-ไม่ช้านับจากนี้ก็เป็นได้!!!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ถ้าหากการรวมไต้หวันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง-ส่วนเดียวกับจีน อาจไม่จำเป็นถึงกับต้องใช้ “กำลังทหาร” แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ข่าวคราวการร่วมไม้-ร่วมมือ การรวมตัวระหว่างพรรคฝ่ายค้านไต้หวัน อย่างพรรค “KMT” (Kuomintang) กับพรรค “TPP” (Taiwan People’s Party) ที่มีนโยบายประนีประนอมกับจีน ในการส่งผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวันเดือนมกราคมปีหน้าเพียงรายเดียว เพื่อสู้กับคู่แข่งพรรครัฐบาลอย่าง “นายLai Ching-te” แห่งพรรค “DPP” (Democratic Progressive Party) ที่หวังแยกประเทศ แยกไต้หวันเป็นเอกราช ภายใต้การยุยงส่งเสริมของคุณพ่ออเมริกา อาจทำให้การรวมไต้หวันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง-ส่วนเดียวกับจีน เป็นไปในแบบ “ผ้าไหมการบินไทย” หรือ “Smooth as Silk” เอาเลยก็เป็นได้ เพราะแม้คะแนนนิยมของพรรค “DPP” จะนำโด่งอยู่ที่ 33 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้ารวมคะแนนนิยมของพรรค “KMT” (24 เปอร์เซ็นต์) และพรรค “TPP” (22 เปอร์เซ็นต์) ตามโพลสำรวจความคิดเห็นเข้าด้วยกันแล้ว โอกาสที่ฝ่าย “โปรจีน” จะมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ลดบรรยากาศความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวัน โดยคุณพ่ออเมริกาไม่อาจยื่นบัตรสมาชิก “สมาคมเสือก” ต่อไปได้อีกเลย มีแต่ต้องหันไป “ถีบทิ้ง” พรรครัฐบาล “DPP” อย่างมิอาจปฏิเสธได้!!!
ส่วนใน “แนวรบยุโรปตะวันออก” กับหมีขาวรัสเซียนั้น...คงต้องยอมรับว่าข่าวคราวว่าด้วยการ “ถีบทิ้ง” ตัวตลก-ตัวแทน อย่างประธานาธิบดี “Volodymyr Zelensky” ช่วงหลังๆ นี้ มันออกจะหนาหูเสียเหลือเกิน ไม่ว่าจะโดย “สื่ออเมริกัน” เอง อย่างไทม์ แมกกาซีน-นิวยอร์ก ไทม์-วอชิงตัน โพสต์ ฯลฯ ต่างค่อยๆ ทยอยพลิกหน้ามือ-เป็นหลังตีนกันไปเป็นแถวๆ โดยจะถีบกันในช่วงเลือกตั้งครั้งใหม่เดือนมีนาคมปีหน้า (ถ้ามี) หรือจะถีบกันโดยการปฏิวัติ-รัฐประหารแบบ “ปฏิวัติสี” ที่ปลัดกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เคยกระทำการมาก่อน ก็แล้วแต่จะ “ชั่งน้ำหนัก” กันไปตามความคิด-ความเห็นของบรรดาผู้สังเกตการณ์ในแต่ละคน-แต่ละราย ด้วยการ “ฟังหู-ไว้หู” เอาเองก็แล้วกัน...
สำหรับ “แนวรบตะวันออกกลาง” แม้ว่า “พันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์” อย่างอิสราเอล...จะได้รับการสนับสนุน ส่งเสริมจากอเมริกาแบบตลอดชั่วนิรันดร์กาลก็เถอะ แต่โอกาสที่ผู้นำประเทศ อย่าง “นายBenjamin Netanyahu” อาจต้องถูก “ถีบทิ้ง” หลังสงครามยุติ แล้วหันไปสนับสนุนอดีตรัฐมนตรีกลาโหม หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน “Blue and White” ที่มีแนวกลางๆ อย่าง “นายBenny Gantz” ขึ้นมาแทนที่ ก็ชักถูกร่ำลือแรงขึ้น ดังขึ้น ยิ่งเข้าไปทุกที โดยเฉพาะเมื่อโลกทั้งโลกหันไปกดดันอเมริกาชนิดที่รัฐมนตรีต่างประเทศผู้พร้อมป่าวประกาศถึง “ความเป็นยิว” ขณะถ่อไปแสดงความสนับสนุนอิสราเอลกันถึงที่ อย่าง “นายAntony Blinken” ยังอดไม่ได้ที่จะต้องสารภาพว่าการสังหาร พล่าผลาญ เด็กๆ และพลเรือนผู้บริสุทธิ์ชาวปาเลสไตน์โดยกองทัพอิสราเอลชักจะมากมายเกินไปแล้ว การเรียกร้องให้ “หยุดยิงชั่วคราว” แม้แต่ 2-3 ชั่วโมงก็ยังดี โดยรัฐบาลอเมริกันต่อรัฐบาลอิสราเอลในช่วงนี้ ก็ยิ่งทำให้คำร่ำลือดังกล่าว มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นๆ...
สรุปง่ายๆ ว่า...แนวโน้มที่รัฐบาลอเมริกันภายใต้การนำของคุณปู่ “โจ ซึมเซา-โจ วิตถาร” เริ่มออกอาการแบบเดียวกับ “อาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต” ของบ้านเรา คือพร้อมที่จะ “ถีบใครต่อใคร” หรือจะเรียกว่า “ถีบเพื่อสุขภาพ” ก็แล้วแต่จะว่ากันไป ชักจะมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ ในทุกๆ แนวรบเอาเลยก็ว่าได้ อีกทั้งโดยอุปนิสัย วาสนา หรือสันดานของรัฐบาลอเมริกาในแต่ละยุค แต่ละสมัย ก็ดูจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ยืนยัน เป็นตัวอย่าง แบบอย่าง ให้เห็นมาโดยตลอด ว่าถ้าหากไม่เหลือทางออก-ทางไป มีแต่ทางรอด-ไม่รอดลูกเดียวเท่านั้น การถีบทิ้งเวียดนามใต้ ถีบทิ้งอิรัก ไปจนถึงถีบทิ้งอัฟกานิสถาน ฯลฯ รายล่าสุด ก็เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของใครต่อใครอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยแม้แต่น้อย อันทำให้เกิดวาทะ คำนิยม ค่านิยม ที่รู้เช่น-เห็นชาติกันไปทั่วทั้งโลก ประมาณว่า...ใครที่เป็น “ศัตรู” กับอเมริกาอาจจะลำบาก แต่ใครที่ดันคิดเป็น “มิตร” กับอเมริกา อาจถึงขั้นปางตายเอาง่ายๆ!!!