กองทัพอิสราเอลถล่มกาซาอย่างหนักหน่วงรุนแรงและส่งกำลังล้อมเมืองกาซา ซิตี้ เมินเสียงเรียกร้องหยุดยิงของผู้นำหน่วยงานต่างๆ ของยูเอ็นที่ออกแถลงการณ์ร่วมประณามสงครามที่คร่าชีวิตพลเรือน ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขฮามาสเผยยอดผู้เสียชีวิตในสงครามครั้งนี้เกือบแตะหลัก 10,000 คนแล้ว ด้านอเมริกายังคงคัดค้านการหยุดยิง และสื่อชื่อดังเผยวอชิงตันเตรียมส่งผู้อำนวยการซีไอเอเยือนอิสราเอลเพื่อหารือเกี่ยวกับสงครามและข่าวกรองในวันจันทร์ (6 พ.ย.)
บรรดาผู้นำของหน่วยงานต่างๆ ของสหประชาชาติระบุในแถลงการณ์ร่วมที่ออกมาเมื่อวันจันทร์ (6) ว่า ประชากรทั้งหมดของกาซากำลังถูกปิดล้อมและถูกโจมตี ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าถึงสิ่งจำเป็นต่างๆ สำหรับการมีชีวิตรอด ถูกทิ้งระเบิดใส่บ้านเรือน ที่พักหลบภัย โรงพยาบาล และสถานเคารพบูชาของพวกเขา นี่เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้
“เราจำเป็นต้องมีการหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมในทันที มัน (สงครามคราวนี้) ดำเนินมา 30 วันแล้ว พอกันเสียที เรื่องนี้จะต้องยุติลงเดี๋ยวนี้”
ทั้งนี้ ในจำนวนผู้ร่วมลงชื่อ 18 คนในแถลงการณ์ร่วมฉบับนี้ มีอาทิ ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ โวลเกอร์ เติร์ก ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ทีดรอส อัดฮานอม กีบรีเยซุส และมาร์ติน กริฟฟิธส์ รองเลขาธิการยูเอ็นฝ่ายกิจการมนุษยธรรม
ทว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ประกาศในวันเดียวกันว่า อิสราเอลจะไม่หยุดยิงเด็ดขาด เว้นแต่ฮามาสยอมปล่อยตัวประกัน โดยที่กองทหารอิสราเอลเวลานี้ที่เข้าสู่ตอนเหนือของกาซา ได้เข้าล้อมเมืองกาซาซิตี้ที่ยังคงมีพลเรือนอยู่นับแสน และเวลานี้เท่ากับสามารถตัดแบ่งดินแดนฉนวนกาซาออกเป็นสองส่วนแล้ว
ในวันจันทร์กองทัพอิสราเอลยังเปิดฉากโจมตีกาซาระลอกใหม่ จากก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า โจมตีเป้าหมายไปแล้วกว่า 12,000 จุด
โจนาธาน คอนริคัส โฆษกกองทัพรัฐยิวแถลงว่า อิสราเอลจะตามล่าฮามาสทั้งบนดินและใต้ดิน พร้อมย้ำให้พลเรือนอพยพออกจากเขตสงครามทางเหนือของฉนวนกาซาซึ่งปกครองโดยฮามาส
คอนริคัสยังกล่าวหาฮามาสสร้างอุโมงค์เอาไว้ใต้โรงพยาบาล โรงเรียน และศาสนสถานในกาซาเพื่อซ่อนนักรบ วางแผนโจมตี และจัดเก็บกระสุน ทว่า ฮามาสปฏิเสธข้อกล่าวหานี้
ทางด้านกระทรวงสาธารณสุขในกาซาเผยว่า มีประชาชนเสียชีวิตกว่า 200 คนในการสังหารหมู่คืนวันอาทิตย์ และทำให้ยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมดนับจากที่อิสราเอลเปิดฉากแก้แค้นการบุกโจมตีของฮามาสเมื่อวันที่ 7 เดือนที่แล้ว อยู่ที่กว่า 9,770 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก
สถานการณ์ในกาซายิ่งสิ้นหวัง หลังจากจุดผ่านแดนราฟาห์ ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนแห่งเดียวจากกาซาเข้าสู่อียิปต์ ยังคงปิดเป็นวันที่สองติดต่อกันเมื่อวันอาทิตย์ เนื่องจากฮามาสสั่งระงับการอพยพของผู้ถือหนังสือเดินทางต่างประเทศ หลังจากที่อิสราเอลไม่ยอมให้ชาวปาเลสไตน์ที่ได้รับบาดเจ็บได้อพยพออกจากกาซา
สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมของยูเอ็นยืนยันข่าวดังกล่าว และระบุว่า มีผู้ได้รับอนุญาตให้อพยพกว่า 1,100 คนในช่วง 2 วันก่อนหน้านั้น
ทางฝ่ายอเมริกาที่เป็นพันธมิตรสำคัญของอิสราเอล ได้จัดส่งแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศเยือนตะวันออกกลาง โดยบอกว่าเพื่อหาทางไม่ให้สถานการณ์ยิ่งบานปลายขยายตัว ท่ามกลางเสียงประณามรัฐยิวอย่างรุนแรงในภูมิภาคแห่งนี้ ซึ่งรวมถึงในตุรกีที่บลิงเคนไปเยือนเมื่อวันจันทร์
ก่อนบลิงเคนเดินทางถึงตุรกีที่เป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) รวมทั้งเป็นพันธมิตรกับปาเลสไตน์แต่มีสัมพันธ์ปกติกับอิสราเอลนั้น มีผู้ประท้วงนับร้อยเดินขบวนไปยังฐานทัพอากาศทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศอันเป็นที่ตั้งกองทหารอเมริกัน และตำรวจต้องใช้แก๊สน้ำตาและเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงสลายการชุมนุม
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ของตุรกี เดินทางไปทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งเห็นได้ชัดว่า เป็นการปฏิเสธไม่ต้อนรับการเยือนของบลิงเคนที่ยืนกรานไม่เห็นด้วยกับการหยุดยิง นอกจากนั้น ตุรกียังเรียกเอกอัครราชทูตกลับจากอิสราเอลและตัดการติดต่อกับเนทันยาฮู
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันอาทิตย์ (5) บลิงเคนเดินทางไปเวสต์แบงก์เพื่อพบกับประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส ของปาเลสไตน์ ที่กล่าวประณามการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และการทำลายล้างของอิสราเอลที่สร้างความทุกข์ยากให้ชาวปาเลสไตน์
อย่างไรก็ดี วันเดียวกันนั้น ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ได้หารือกับโยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล โดยเขาย้ำสนับสนุนสิทธิในการป้องกันตนเองของอิสราเอล ควบคู่กับความสำคัญของการปกป้องพลเรือนและการจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ยังรายงานว่า วิลเลียม เบิร์นส์ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ (ซีไอเอ) มีกำหนดเยือนอิสราเอลในวันจันทร์เพื่อหารือเกี่ยวกับสงครามและข่าวกรอง รวมทั้งจะแวะเยือนประเทศอื่นๆ ในตะวันออกกลางเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในกาซา
นอกจากนั้น รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสของสหรัฐฯ ยังเตรียมโทรศัพท์ติดต่อกับพวกผู้นำประเทศต่างๆ ในช่วงคืนวันจันทร์ เพื่อหารือเกี่ยวกับความขัดแย้งในกาซา และระดมการสนับสนุนความพยายามของอเมริกาในการเพิ่มการจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้พลเรือนในกาซา
ขณะเดียวกัน กองบัญชาการทหารด้านกลางของสหรัฐฯ (US CENTCOM) ที่หน้าที่รับผิดชอบครอบคลุมตะวันออกกลาง เปิดเผยบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า เรือดำน้ำติดตั้งขีปนาวุธนิวเคลียร์ชั้นโอไฮโอลำหนึ่งของสหรัฐฯ ได้เดินทางถึงตะวันออกกลางแล้ว ซึ่งนักวิเคราะห์บางคนมองว่า การเปิดเผยข้อมูลนี้อย่างผิดปกติ เป็นการส่งคำเตือนถึงอิหร่าน
ที่เตหะราน ประธานาธิบดีอิบรอฮิม ไรซี กล่าวหาคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน “ส่งเสริม” อิสราเอล “เข่นฆ่าและกระทำการโหดร้ายรุนแรง” ต่อชาวปาเลสไตน์
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)