รัฐบาลอิสราเอลมีความตั้งใจที่จะเข่นฆ่าพลเรือนเป็นจำนวนมากๆ เพื่อทำให้กลุ่มฮามาสประสบความพ่ายแพ้ในดินแดนกาซา และได้บอกกับพวกหุ้นส่วนสหรัฐฯ ของตนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ใน “การสนทนากันเป็นการส่วนตัวหลายครั้ง” นิวยอร์กไทมส์ สื่ออเมริกันทรงอิทธิพลรายงานเช่นนี้ทางเวอร์ชันออนไลน์เมื่อวันจันทร์ (30 ต.ค.)
ในบทวิเคราะข่าวที่ใช้ชื่อเรื่องว่า Biden’s Support for Israel Now Comes With Words of Caution (ความสนับสนุนของไบเดนที่ให้แก่อิสราเอลในเวลานี้มาพร้อมกับถ้อยคำเตือนให้ระมัดระวัง) นิวยอร์กไทมส์รายงานว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังคงให้ความสนับสนุนอิสราเอลต่อไป ทว่ามีลักษณะ “วิพากษ์วิจารณ์เพิ่มมากขึ้น” ต่อเรื่องที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ดำเนินการตอบโต้พวกฮามาส สืบเนื่องจาก “วิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมในกาซา”
“มันกลายเป็นหลักฐานชี้ชัดสำหรับพวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ แล้วว่า พวกผู้นำอิสราเอลมีความเชื่อว่าการบาดเจ็บเสียชีวิตของพลเรือนเป็นจำนวนมากๆ คือราคาที่ยอมรับกันได้ในการรณรงค์ทางทหารคราวนี้ ในการสนทนากันเป็นการภายในหลายครั้งกับพวกเจ้าหน้าที่ฝ่ายอเมริกัน พวกเจ้าหน้าที่อิสราเอลได้อ้างอิงถึงเรื่องที่สหรัฐฯ และพวกมหาอำนาจที่เป็นพันธมิตรรายอื่นๆ ได้หันไปพึ่งพาวิธีการทิ้งระเบิดแบบมุ่งสร้างความวิบัติหายนะทั้งในเยอรมนีและในญี่ปุ่นระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง --รวมทั้งการทิ้งหัวรบปรมาณู 2 ลูกใส่เมืองฮิโรชิมา และเมืองนางาซากิ— ในความพยายามทำให้สองประเทศดังกล่าวนี้ประสบความพ่ายแพ้” บทวิเคราะห์ชิ้นนี้ของนิวยอร์กไทมส์บอก
นิวยอร์กไทมส์ได้นำบทวิเคราะห์นี้ตีพิมพ์เอาไว้ในหน้าหนึ่งของเวอร์ชันหนังสือพิมพ์ฉบับวันอังคาร (31 ต.ค.) ของตน ซึ่งก็ไปเตะตาทนายความและนักเคลื่อนไหว สตีเวน ดอนซีเกอร์
“นี่อาจช่วยอธิบายการเสียชีวิตระดับมหึมาของพลเรือนและเด็กๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในกาซา” ดอนซีเกอร์โพสต์ข้อความเช่นนี้ทางสื่อสังคมอินสตาแกรม “ความคิดจิตใจเช่นนี้อาจช่วยอธิบายว่าทำไมอิสราเอลจึงเพิ่งทิ้งระเบิดลูกมหึมาใส่ค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลียที่มีผู้คนอาศัยกันหนาแน่นในกาซา และทำไมอิสราเอลจึงดูเหมือนกำลังพุ่งเป้าหมายเล่นงานพวกพลเรือน”
ทางด้าน เมห์ดี ฮัสซัน พิธีกรคนหนึ่งของช่องทีวีและเว็บไซต์ข่าวสหรัฐฯ MSNBC ก็แสดงความสนใจกับข้อเขียนของนิวยอร์กไทมส์ชิ้นนี้ รวมทั้งได้กล่าวตั้งข้อสังเกตในวันพุธ (1 พ.ย.) ว่า ย่อหน้าสำคัญที่พูดถึงความเชื่อของพวกเจ้าหน้าที่อิสราเอลในเรื่องการโจมตีพลเรือน “แทบจะถูกฝังเอาไว้” นั่นคืออยู่ตรงกลางๆ ของบทวิเคราะห์นี้
ข้อเขียนชิ้นนี้ซึ่งมุ่งโฟกัสที่กรุงวอชิงตัน ยังเปิดเผยให้เห็นว่าในตอนแรกๆ คณะบริหารไบเดนเชื่อว่าพวกเขาสามารถเรียกระดมความสนับสนุนให้แก่อิสราเอล ในทำนองเดียวกับที่พวกเขาเคยทำให้แก่ยูเครน เมื่อพิจารณาถึงการเข่นฆ่าพลเรือนอิสราเอลอย่างเหี้ยมโหดของกลุ่มฮามาสในวันที่ 7 ตุลาคม แต่ในไม่ช้าไม่นานพวกเขาก็ตระหนักว่า เรื่องนี้จะ “ไม่มีทางเป็นไปได้”
“สิ่งที่เกิดขึ้นมาก็คือ ประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะพวกชาติกำลังพัฒนา กำลังหันไปในอีกทิศทางหนึ่งขณะที่จำนวนชาวปาเลไสตน์ที่ตายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งพวกพันธมิตรยุโรปของสหรัฐฯ ก็ยังมีความเห็นแตกแยกกันเกี่ยวกับสงครามของอิสราเอล” บทวิเคราะห์ชิ้นนี้กล่าว
เวลาเดียวกัน พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังเชื่อว่า เนทันยาฮู “ไม่ได้มีแผนการว่าจะทำอะไรกับกาซา” หลังจากที่กองทหารภาคพื้นดินของกองทัพอสราเอลเข้ายึด “บางส่วนหรือกระทั่งทั้งหมด” ของดินแดนแห่งนี้เอาไว้ได้แล้ว
เมื่อวันพุธ (25 ต.ค.) ที่ผ่านมา วอลล์สตรีทเจอร์นัล สื่อทรงอิทธิพลอีกรายหนึ่งของสหรัฐฯ รายงานว่า เพนตากอน (กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ) ได้ขอให้อิสราเอลชะลอการโจมตีทางภาคพื้นดินเอาไว้ก่อนระยะหนึ่ง เพื่อให้สหรัฐฯ มีเวลามากขึ้นสำหรับการจัดวางการป้องกันภัยทางอากาศแก่ที่มั่นต่างๆ ของตนในอิรักและซีเรีย และซื้อเวลาให้แก่การเจรจาเพื่อหาทางปล่อยตัวประกันราว 200 คนที่อยู่ในมือของฮามาส
ในที่สุดแล้วการรุกรานทางภาคพื้นดินของกองทัพอิสราเอลก็เริ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (27 ต.ค) ด้วยการที่อิสราเอลตัดการสื่อสารอย่างสิ้นเชิงในดินแดนปาเลสไตน์แห่งนี้
(ที่มา : นิวยอร์กไทมส์, อาร์ที)