จีนและสหรัฐฯ เห็นพ้องที่จะเปิดเจรจาว่าด้วยการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเป็นการเจรจากันครั้งแรกนับตั้งแต่ยุคของอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) เมื่อวานนี้ (1 พ.ย.)
กระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงเมื่อวันจันทร์ (30 ต.ค.) ภายหลังจากที่ หวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีนไปเยือนวอชิงตัน โดยระบุว่าทั้ง 2 ชาติ “จะมีการปรึกษาหารือเรื่องการควบคุมอาวุธและการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์” ภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า รวมถึงจะพูดคุยกันในเรื่องกิจการทางทะเลและประเด็นอื่นๆ ด้วย
รายงานของ WSJ ระบุว่า สหรัฐฯ จะส่ง มัลลอรี สจวร์ต (Mallory Stewart) เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้แทนเข้าร่วมพูดคุยกับ ซุน เสี่ยวโป (Sun Xiaobo 孙晓波) หัวหน้าแผนกควบคุมอาวุธประจำกระทรวงการต่างประเทศของจีน โดยคาดว่าการเจรจาจะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ 6 พ.ย.
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และสถานทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ยังไม่ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวรอยเตอร์เกี่ยวกับวันเวลา และรูปแบบของการเจรจาครั้งนี้
เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวไว้เมื่อปี 2021 ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และจีนต่างเห็นพ้องที่จะ “มองหาลู่ทางสานต่อการเจรจาว่าด้วยเสถียรภาพทางยุทธศาสตร์” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าสหรัฐฯ มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการขยายคลังแสงนิวเคลียร์ของจีน
อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวรีบออกมาชี้แจงในตอนนั้นว่า การพูดคุยกับปักกิ่งจะยังไม่ถึงขั้นเป็นการเจรจาลดอาวุธ (arms reduction) อย่างเต็มรูปแบบเหมือนที่สหรัฐฯ ทำกับรัสเซีย
หลังจากนั้นมา เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ หลายคนก็ออกมาแสดงความหงุดหงิดในทำนองว่าจีนไม่ค่อยกระตือรือร้นที่จะหารือแนวทางปฏิบัติเพื่อลดความเสี่ยงด้านนิวเคลียร์
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุเมื่อเดือน ต.ค. ว่า จีนมีหัวรบนิวเคลียร์ที่ประจำการอยู่มากกว่า 500 หัวรบ และคาดว่าจะเพิ่มจำนวนเป็นกว่า 1,000 หัวรบภายในปี 2030 ขณะที่ปักกิ่งแย้งว่าสหรัฐฯ เองมีคลังแสงนิวเคลียร์ที่ใหญ่โตกว่าจีนหลายเท่า
การเจรจาควบคุมนิวเคลียร์คาดว่าจะมีขึ้นก่อนการประชุมซัมมิตระหว่างประธานาธิบดี โจ ไบเดน และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่นครซานฟรานซิสโกในเดือนนี้ แม้ว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลสหรัฐฯ จะออกมากล่าวเมื่อวันอังคาร (31) ว่าทั้ง 2 ฝ่ายยังพูดคุยรายละเอียดสำคัญๆ ไม่แล้วเสร็จก็ตาม
ดารีล คิมบอลล์ ผู้อำนวยการสมาคมควบคุมอาวุธ (Arms Control Association) ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ตั้งข้อสังเกตว่า การเจรจาด้านอาวุธที่ห่างหายไปนานนี้คงจะเน้นไปที่การส่งเสริมความโปร่งใสในแนวทางการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของทั้ง 2 ชาติ และการเปิดช่องทางสื่อสารยามวิกฤตที่มีประสิทธิภาพ
“แต่ผมไม่คิดว่าเราจะได้เห็นข้อตกลงผ่าทางตันในระยะเวลาอันใกล้นี้ มันเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา และคงจะต้องมีการประนีประนอมกันทั้ง 2 ฝ่าย” คิมบอลล์ ระบุ
ที่มา : รอยเตอร์