เครื่องบินขับไล่ลำหนึ่งของจีนบินโฉบเข้าไปใกล้เครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 ของอเมริกาในระยะอันตรายเหนือทะเลจีนใต้เมื่อต้นสัปดาห์นี้ นับเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สหรัฐฯ ชี้ว่าสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงก้าวร้าวของเครื่องบินทหารจีน
กองทัพสหรัฐฯ แถลงวานนี้ (26 ต.ค.) ว่า เครื่องบินขับไล่ J-11 ของจีนได้ทำการบินเฉียดเครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 ของสหรัฐฯ ในระยะห่างเพียงแค่ 10 ฟุต หรือราวๆ 3 เมตร โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (24)
“ระหว่างการบินสกัดกั้นในเวลากลางคืน นักบินของสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC) ได้ทำการบินอย่างอันตรายและไม่เป็นมืออาชีพ แสดงถึงความไม่เป็นนักบินที่ดีด้วยการบังคับเครื่องให้เข้ามาเฉียดเครื่องบิน B-52 ของสหรัฐฯ ในระยะ 10 ฟุต ทั้งด้านล่างและด้านหน้า ด้วยความเร็วที่สูงเกินไป จนทำให้เครื่องบินทั้ง 2 ลำเสี่ยงต่อการเฉี่ยวชน” ถ้อยแถลงของกองทัพสหรัฐฯ ระบุ
“เรากังวลว่านักบินจีนรายนี้อาจจะไม่ตระหนักด้วยซ้ำว่า เขาเกือบจะทำให้เกิดการชนกันขึ้นแล้ว”
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเมื่อต้นเดือนนี้ว่า เครื่องบินทหารของจีนเคยบินโฉบเข้าใกล้อากาศยานของสหรัฐฯ เกือบ 200 ครั้งตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา
ด้านกระทรวงกลาโหมของจีนออกมาตอบโต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยระบุว่าการที่เพนตากอนกล่าวหาปฏิบัติการสกัดกั้นทางอากาศของกองทัพจีนว่า “สุ่มเสี่ยงและคุกคาม” นั้นสะท้อนเจตนาใส่ร้ายป้ายสีจีนด้วยเหตุผลทางการเมือง
ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ตึงเครียดหนักในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทั้งจากปัญหาไต้หวัน ประเด็นสิทธิมนุษยชนในจีน รวมถึงกิจกรรมทางทหารของปักกิ่งในทะเลจีนใต้
อย่างไรก็ตาม วอชิงตันมีความกระตือรือร้นที่จะขอฟื้นฟูการสื่อสารระหว่างกองทัพสหรัฐฯ และจีน
หวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้เริ่มต้นภารกิจการเยือนสหรัฐฯ ในวันนี้ (27) ท่ามกลางความพยายามของทั้ง 2 ฝ่ายที่จะบริหารจัดการความเห็นต่าง และปูทางไปสู่การประชุมซัมมิตระหว่างประธานาธิบดี สี จิ้นผิง และประธานาธิบดี โจ ไบเดน
ที่มา : รอยเตอร์