ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียออกมาวิจารณ์แนวคิดที่ว่าสหรัฐฯ จำเป็นต้องเตรียมตัวทำสงครามกับจีนและรัสเซีย 2 ด้านพร้อมๆ กันว่าเป็นเรื่อง “ไร้สาระ” แต่ก็เตือนชาติตะวันตกว่าสงครามโดยตรงกับรัสเซียจะหนักหน่วงรุนแรง “คนละระดับ” กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในยูเครนแน่นอน
คณะทำงานจาก 2 พรรคการเมืองที่แต่งตั้งโดยสภาคองเกรสเผยรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (12 ต.ค.) ว่าวอชิงตันจำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับศึก 2 ด้านจากปักกิ่งและมอสโกด้วยการขยายกองกำลังแบบดั้งเดิม กระชับสัมพันธ์กับชาติพันธมิตร และยกระดับโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น
ปูติน ซึ่งมีกำหนดเดินทางเยือนจีนในสัปดาห์นี้ ออกมาตำหนิสหรัฐฯ ว่าจงใจกระพือความตึงเครียดกับปักกิ่งด้วยการตั้งกลุ่มพันธมิตรด้านความมั่นคง AUKUS ร่วมกับออสเตรเลียและอังกฤษ พร้อมยืนยันว่าในส่วนของรัสเซียกับจีนไม่มีแผนที่จะจับขั้วเป็นพันธมิตรด้านการทหาร
ปูติน บอกกับ พาเวล ซารูบิน ผู้สื่อข่าวของทำเนียบเครมลิน ผ่านคลิปวิดีโอที่เผยแพร่วานนี้ (15) ว่า แนวคิดเรื่องสงครามระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่ไม่น่าพิสมัย แต่หากมีใครบางคนออกมาแสดงความคิดเห็นนั้นต่อสาธารณชนย่อมเป็นสิ่งที่มอสโกต้องกังวล
“ผมว่ามันไม่ใช่แนวคิดดีๆ ที่คนจิตใจปกติเขาจะคิดกัน เพราะการพูดว่าสหรัฐฯ กำลังเตรียมทำสงครามกับรัสเซียนั้น... แน่นอนเราทุกฝ่ายก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือสงครามกันทั้งสิ้น เพราะเรายึดคำโบราณที่ว่า ถ้าคุณต้องการสันติภาพ ก็จงเตรียมพร้อมทำสงคราม” ปูติน กล่าวผ่านคลิปวิดีโอซึ่งถูกโพสต์ลงบน Telegram
“แต่เราต้องการสันติภาพ” ปูติน กล่าวพร้อมเสียงหัวเราะ “ยิ่งไปกว่านั้น การจะทำสงครามกับจีนและรัสเซียพร้อมกัน มันไร้สาระสิ้นดี คงไม่ใช่เรื่องจริงจังหรอก ผมว่าพวกเขาแค่พูดให้คนหวาดกลัวกันไปเอง”
การยกระดับความเป็นหุ้นส่วนระหว่างจีนซึ่งเป็นมหาอำนาจที่กำลังก้าวขึ้นมาบทบาทอย่างสูงในเวทีโลก กับรัสเซียซึ่งเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์เบอร์หนึ่งของโลก นับเป็นหนึ่งในความเคลื่อนไหวด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่น่าจับตามองที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และเป็นสิ่งที่ชาติตะวันตกติดตามดูด้วยความกังวล
สหรัฐฯ มองจีนเป็นคู่แข่งรายใหญ่ที่สุด และถือว่ารัสเซียคือชาติศัตรูที่เป็นภัยคุกคามสูงสุดสำหรับอเมริกา ขณะที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน เคยออกมาพูดว่านิยามของศตวรรษนี้ก็คือการแข่งขันเพื่อความอยู่รอดระหว่างโลกประชาธิปไตยกับบรรดารัฐเผด็จการ
ปูติน เตือนว่า สงครามระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียจะเป็นความขัดแย้ง “คนละระดับ” กับสงครามที่เกิดขึ้นในยูเครน ซึ่งมอสโกยังคงใช้คำว่า “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” เท่านั้น
“และหากพวกเขาต้องการที่จะสู้กับรัสเซีย มันจะเป็นสงครามที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง และจะไม่ใช่แค่ปฏิบัติการพิเศษทางทหารอีกต่อไป” ปูติน ระบุ “ลองดูสถานการณ์ที่ตะวันออกกลางสิ นั่นใช่ปฏิบัติการพิเศษทางทหารหรือเปล่า คุณลองเปรียบเทียบดูไหม?”
“ถ้าจะพูดเรื่องสงครามระหว่าง 2 ชาติที่เป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ มันจะเป็นคนละเรื่องเลยนะ ผมว่าคนที่จิตใจปกติเขาคงไม่คิดถึงเรื่องแบบนี้ แต่หากพวกเขาเกิดคิดขึ้นมา มันก็เป็นสิ่งที่เราต้องเฝ้าระวัง”
สหรัฐฯ ระบุว่ารัสเซียและจีนต่างมุ่งมั่นยกระดับกองกำลังนิวเคลียร์ของตนเองสู่ความทันสมัย พร้อมคาดการณ์ว่าจีนจะมีหัวรบนิวเคลียร์มากถึง 1,500 หัวรบภายในปี 2035 หากยังคงเดินหน้าขยายคลังแสงนิวเคลียร์ในระดับที่เป็นอยู่
ข้อมูลจากสหพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกัน (Federation of American Scientists) ระบุว่า รัสเซียมีหัวรบนิวเคลียร์อยู่ประมาณ 5,889 หัวรบในปี 2023 ในจำนวนนี้เป็นหัวรบนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ที่ถูกประจำการอยู่ 1,674 หัวรบ ขณะที่สหรัฐฯ ครอบครองหัวรบนิวเคลียร์อยู่ 5,244 หัวรบ และเป็นหัวรบนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ที่ประจำการอยู่ 1,670 หัวรบ
ที่มา : รอยเตอร์