อิสราเอลถล่มค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลียซ้ำอีก ทำให้ชาวปาเลสไตน์ตายอย่างน้อย 195 คน โดยกองทัพยิวอ้างว่า สังหารผู้บัญชาการฮามาสได้ 2 คน สร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งต่อชาติอาหรับ นอกจากนั้นในวันพฤหัสฯ (2 พ.ย.) ยังมีผู้ถูกสังหารอีก 27 คนจากการโจมตีของอิสราเอลใกล้ๆ กับโรงเรียนของสหประชาชาติแห่งหนึ่งในค่ายแห่งนี้ ขณะที่ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนของยูเอ็นเตือนว่า การกระทำของอิสราเอลอาจเข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม
พลจัตวาอิตซิก โคเฮน ผู้บัญชาการทหารอิสราเอล ประกาศเมื่อวันพฤหัสฯ (2 พ.ย.) ว่า กองกำลังอิสราเอลไปถึงประตูเมืองกาซาซิตี้แล้ว
อย่างไรก็ตาม กองทัพยิวต้องเผชิญการต้านทานจากนักรบของกลุ่มฮามาส และกลุ่มอิสลามิกญิฮาด ที่เป็นพันธมิตรของฮามาส ซึ่งใช้สงครามจรยุทธ์ ต่อสู้กับกองทัพข้าศึกที่ทรงพลังกว่าด้วยการจู่โจมจากอุโมงค์และโจมตีรถถังก่อนหนีหายกลับเข้าไปในเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินอันซับซ้อน
ชายคนหนึ่งในกาซาซิตี้เล่าว่า แม้ทิ้งระเบิดทั้งคืน แต่ทหารอิสราเอลยังคงเข้าไม่ถึงตัวเมือง ซึ่งหมายความว่า กองทัพยิวเผชิญการต่อต้านหนักหน่วงเกินคาด
สงครามกาซาครั้งนี้ระเบิดขึ้นหลังจากมือปืนฮามาสบุกข้ามแดนเข้าไปโจมตีในอิสราเอลและสังหารผู้คนราว 1,400 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน อีกทั้งจับตัวประกันกลับไปกว่า 200 คนเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ซึ่งถือเป็นวันที่นองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์ 75 ปีของอิสราเอล
นับจากนั้นอิสราเอลเปิดฉากถล่มฉนวนกาซาที่มีประชากร 2.3 ล้านคน และเสียชีวิตอย่างน้อย 9,000 คนจากสงครามครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ทั้งนี้ ตามตัวเลขล่าสุดในวันพฤหัสฯ ของกระทรวงสาธารณสุขกาซาที่อยู่ในความควบคุมของกล่มฮามาส
แม้ชาติตะวันตกโดยเฉพาะอย่างยิ่งอเมริกาสนับสนุนอิสราเอลมาแต่ไหนแต่ไร แต่ภาพศพเกลื่อนกลาดและสภาพความเสียหายในกาซากระตุ้นให้นานาชาติเรียกร้องการหยุดยิง นอกจากนั้น ยังมีการชุมนุมประท้วงทั่วโลก
ทว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู รู้ดีว่า ตำแหน่งของตนเดิมพันกับการบดขยี้ฮามาส และประกาศว่า อิสราเอลจะไม่ยอมหยุดยิงโดยเด็ดขาด
ขณะที่การเรียกร้องการหยุดเพื่อมนุษยธรรมของนานาชาติไม่เป็นผล สถานการณ์ในกาซายิ่งเลวร้ายลงจากการขาดแคลนทั้งอาหาร น้ำดื่ม ยา และเชื้อเพลิง นอกจากนี้ โรงพยาบาลต่างๆ ยังขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์และกระแสไฟฟ้า โดยกลุ่มแพทย์ไร้พรมแดนเผยว่า มีผู้บาดเจ็บในกาซาขณะนี้กว่า 20,000 คน
อย่างไรก็ดี หลังจากกาซาถูกปิดล้อมเบ็ดเสร็จมากว่า 3 สัปดาห์ ผู้ถือหนังสือเดินทางต่างประเทศ พลเมืองสองสัญชาติ และผู้บาดเจ็บได้รับอนุญาตให้อพยพออกจากกาซาผ่านจุดผ่านแดนราฟาห์เข้าสู่อียิปต์ตั้งแต่วันพุธ (1 พ.ย.) ซึ่งเจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์เผยว่า มีผู้อพยพออกไปอย่างน้อย 320 คน และกว่า 400 คนในวันพฤหัสฯ ขณะที่อียิปต์คาดหวังว่า ในที่สุดแล้วจะสามารถช่วยอพยพชาวต่างชาติ 7,000 คนจากกว่า 60 ประเทศออกจากกาซา
นอกจากนั้น เมื่อเช้าวันพุธ อิสราเอลยังโจมตีซ้ำสองใส่จาบาเลีย ที่อยู่ตอนเหนือของฉนวนกาซา และเป็นค่ายผู้ลี้ภัยใหญ่ที่สุดในดินแดนนี้ โดยทางการฮามาสที่ปกครองกาซาระบุว่า มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตจากการโจมตี 2 วันอย่างน้อย 195 คน สูญหาย 120 คน และบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 777 คน
ด้านอิสราเอลที่กล่าวหาว่า ฮามาสใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์ อ้างว่า การโจมตีทั้งสองครั้งสังหารผู้นำฮามาสได้ 2 คน
ในวันพฤหัสบดี (2) กระทรวงสาธารณสุขกาซา แถลงว่า อิสราเอลได้โจมตีพื้นที่ใกล้ๆ กับโรงเรียนที่บริหารโดยสหประชาชาติแห่งหนึ่ง ภายในค่ายจาบาเลีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 27 คน
นอกจากนั้น อิสราเอลยังถล่มใส่ค่ายผู้ลี้ภัยบูเรอิจ ซึ่งอยู่ทางตอนกลางของฉนวนกาซา หลังจากเคยโจมตีมาก่อนหน้านี้
ประเทศอาหรับต่างแค้นเคืองกับการกระทำของอิสราเอลมากขึ้น ขณะที่ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติแสดงความกังวลว่า การโจมตีที่ไม่ได้คำนึงถึงความเหมาะควรของอิสราเอลที่ทำให้พลเรือนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากและเกิดความเสียหายใหญ่หลวงเช่นนี้อาจเข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม
ทางด้านสหรัฐฯ นั้น รัฐมนตรีต่างประเทศ แอนโทนี บลิงเคน มีกำหนดออกเดินทางในวันพฤหัสฯ เพื่อเยือนอิสราเอลครั้งที่ 3 ในช่วงเวลาไม่ถึงเดือน โดยจะพบเนทันยาฮูในวันศุกร์ (3 พ.ย.) เพื่อแสดงการสนับสนุน และตอกย้ำความจำเป็นในการลดการบาดเจ็บล้มตายของพลเรือนปาเลสไตน์ให้น้อยที่สุด
บลิงเคนยังมีกำหนดเดินทางไปจอร์แดน ซึ่งเป็นหนึ่งในชาติอาหรับที่มีความสัมพันธ์ระดับปกติกับอิสราเอล แม้เมื่อวันพุธจอร์แดนได้เรียกเอกอัครราชทูตกลับจากเทลอาวีฟเพื่อประณามสงครามของอิสราเอลที่คร่าชีวิตพลเรือนมากมายในกาซาก็ตาม
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)