กองทัพอิสราเอลบุกลึกเข้าสู่ตอนเหนือของฉนวนกาซาเมื่อวันจันทร์ (30 ต.ค.) ขณะที่ยูเอ็นและเจ้าหน้าที่แพทย์เตือนว่า มีการโจมตีทางอากาศใกล้โรงพยาบาลหลายแห่ง นอกจากนั้น โรงพยาบาลทั้งหมดทางตอนเหนือของกาซาที่มีผู้ป่วยและชาวปาเลสไตน์นับแสนใช้เป็นที่หลบภัยยังได้รับคำสั่งจากกองทัพรัฐยิวให้เร่งอพยพ
กระทรวงสาธารณสุขกาซาแถลงในวันจันทร์ ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดอยู่ที่กว่า 8,000 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดจากเหตุการณ์รุนแรงระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ในรอบหลายทศวรรษที่ผ่านมา ขณะที่รถถังและหน่วยทหารราบอิสราเอลเข้าสู่สถานการณ์ที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ระบุว่าเป็น “เฟส 2” ของสงครามที่ปะทุขึ้นจากการที่ฮามาสบุกโจมตีอิสราเอลครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 7 ที่ผ่านมา ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,400 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และเป็นยอดผู้เสียชีวิตสูงสุดในประวัติศาสตร์อิสราเอลเช่นเดียวกัน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดูเหมือนกองทัพอิสราเอลจะบุกลึกเข้าสู่ทางเหนือของกาซา วิดีโอที่กองทัพรัฐยิวเผยแพร่เมื่อวันจันทร์เผยให้เห็นขบวนยานยนต์หุ้มเกราะเคลื่อนผ่านอาคารต่างๆ และทหารอิสราเอลบุกเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งแม้ไม่มีการเปิดเผยตำแหน่งที่แน่นอน แต่คลิปที่กองทัพยิวเปิดเผยเมื่อวันเสาร์ (28 ต.ค.) มีภาพทหารเคลื่อนผ่านบริเวณรกร้างว่างเปล่าที่ปกคลุมด้วยทรายใกล้แนวพรมแดนด้านเหนือของกาซา
กองทัพอิสราเอลยังแถลงว่า ได้สังหารนักรบฮามาสหลายสิบคนที่ลอบโจมตีจากภายในตึกและอุโมงค์เมื่อคืนวันอาทิตย์ (29 ต.ค.) และสามารถโจมตีเป้าหมายของฮามาสกว่า 600 จุดในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงคลังอาวุธ และฐานยิงขีปนาวุธต่อต้านรถถัง
ด้านกลุ่มติดอาวุธของฮามาสบอกว่า นักรบฮามาสต่อสู้กับกองทัพอิสราเอลที่บุกเข้าสู่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือของฉนวนกาซาโดยใช้อาวุธขนาดเล็กและขีปนาวุธต่อต้านรถถัง ขณะที่พวกนักรบในปาเลสไตน์ยังคงยิงจรวดเข้าสู่ดินแดนอิสราเอล ซึ่งรวมถึงกรุงเทลอาวีฟที่เป็นฮับธุรกิจการค้า
เวลาเดียวกัน การสื่อสารในกาซาเมื่อวันอาทิตย์ (29) กลับมาใช้งานได้สำหรับประชาชนส่วนใหญ่ในกาซาซ่งมีจำนวนทั้งสิ้นราวๆ 2.3 ล้านคน หลังจากบริการโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตล่มไปหนึ่งวันท่ามกลางการระดมโจมตีทางอากาศของอิสราเอลที่ชาวบ้านบอกว่า หนักหน่วงที่สุดนับจากสงครามครั้งนี้ปะทุขึ้น
อิสราเอลอ้างว่า ประชาชนส่วนใหญ่ในตอนเหนือของกาซาปฏิบัติตามคำสั่งให้อพยพลงไปทางใต้ กระนั้นมีรายงานว่ายังมีประชาชนอีกหลายแสนอยู่ทางด้านเหนือ และกระทั่งพวกที่อพยพลงใต้แล้วบางส่วนก็ตัดสินเดินทางกลับ โดยเหตุผลสำคัญคือเพราะอิสราเอลทิ้งระเบิดแหลกลาญใส่เป้าหมายทางด้านใต้ที่กองทัพรัฐยิวระบุว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัย
ในวันอาทิตย์ อิสราเอลอนุญาตให้รถบรรทุก 33 คันจากอียิปต์ที่ลำเลียงนำอาหาร น้ำ และยาไปส่งให้ประชาชนทางใต้ของกาซา ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนหน้านั้นที่อนุญาตเพียงประมาณวันละ 20 คัน กระนั้น พวกเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ย้ำว่า ชาวกาซาต้องการความช่วยเหลือวันละหลายร้อยคัน
อนึ่ง เมื่อวันเสาร์ ฝูงชนได้บุกเข้าไปปล้นเสบียงอาหารในที่ตั้ง 4 แห่งของสำนักงานช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ของสหประชาชาติ (UNRWA) ซึ่ง โทมัส ไวต์ ผู้อำนวยการ UNRWA ประจำกาซา ระบุว่า เป็นสัญญาณที่น่ากังวลว่า ความสงบเรียบร้อยด้านพลเรือนกำลังล่มสลาย เนื่องจากผู้คนหวาดกลัว คับข้องใจ และสิ้นหวัง
ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ย้ำกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ระหว่างหารือทางโทรศัพท์เมื่อวันอาทิตย์ถึงความจำเป็นในการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพิ่มให้แก่กาซาทันที
วันเดียวกันนั้น เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์เครือข่ายซีเอ็นเอ็นว่า อิสราเอลมีหน้าที่ต้องจำแนกแยกแยะระหว่างนักรบกับพลเรือนในกาซา
ด้านเจ้าหน้าที่อิสราเอลเผยว่า เร็วๆ นี้จะอนุญาตให้ส่งความช่วยเหลือเพิ่มให้กาซา แต่ไม่ได้ระบุว่า จะเพิ่มมากน้อยเพียงใด และอีลัด โกเรน หัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือนของโคแกต ซึ่งเป็นหน่วยงานกลาโหมของอิสราเอลที่รับผิดชอบกิจการพลเรือนปาเลสไตน์ ระบุว่า อิสราเอลได้เปิดระบบประปา 2 สายทางใต้ของกาซาภายในสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะเดียวกัน สหประชาชาตเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า อิสราเอลได้ถล่มโจมตีพื้นที่ใกล้ๆ โรงพยาบาลชีฟา และโรงพยาบาลอัล-คุดส์ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองกาซาซิตี้ ที่อยู่ทางตอนเหนือของกาซา รวมทั้งโรงพยาบาลอินโดนีเซีย ที่อยู่ทางเหนือของกาซาเช่นกันเมื่อไม่กี่วันมานี้
สำนักงานประสานงานด้านมนุษยธรรมของยูเอ็นเสริมว่า โรงพยาบาลทั้ง 10 แห่งทางเหนือของกาซาที่มีผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ และชาวปาเลสไตน์อาศัยหลบภัยราว 117,000 คน ได้รับคำสั่งให้อพยพ
ทางฝ่ายอิสราเอลกล่าวหาฮามาสตั้งศูนย์บัญชาการลับใต้โรงพยาบาลชีฟา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลใหญ่ที่สุดในกาซาและมีพลเรือนหลบภัยอยู่หลายหมื่นคน แต่ไม่ได้แสดงหลักฐานยืนยัน ขณะที่ฮามาสปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
โรเบิร์ต มาร์ดินี ผู้อำนวยการคณะกรรมการกาชาดสากล ระบุในรายการ “เฟซ เดอะ เนชั่น” ของเครือข่ายซีบีเอสว่า จะต้องไม่มีการโจมตีโรงพยาบาลไม่ว่าในสถานการณ์ใดๆ ก็ตาม
ด้าน คาริม ข่าน หัวหน้าอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ เตือนอิสราเอลว่า การขัดขวางการเข้าถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมถือเป็น “อาชญากรรม” อย่างไรก็ดี ข่านหลีกเลี่ยงที่จะใช้คำว่า “อาชญากรรมสงคราม” นอกจากนั้นยังระบุว่า การโจมตีของฮามาสเมื่อวันที่ 7 เป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)