xs
xsm
sm
md
lg

Weekend Focus : นานาชาติเรียกร้องส่งความช่วยเหลือสู่กาซา ‘สหรัฐฯ’ เมินจี้อิสราเอลหยุดยิง-ลั่นมีสิทธิป้องกันตนเอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ชาวปาเลสไตน์ช่วยกันค้นหาร่างผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลที่พุ่งเป้าไปยังอาคารที่พักอาศัยแห่งหนึ่งในเมืองกาซาซิตี เมื่อวันที่ 25 ต.ค.
หลายประเทศทั่วโลกออกมาประสานเสียงเรียกร้องส่งความช่วยเหลือให้แก่พลเรือนปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ท่ามกลางยอดผู้เสียชีวิตรายวันในฝั่งปาเลสไตน์พุ่งทุบสถิติใหม่ในสัปดาห์นี้ ขณะที่สหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะกดดันอิสราเอลให้หยุดยิงเต็มรูปแบบ โดยยืนยันว่าเทลอาวีฟมีสิทธิป้องกันตนเองจากการโจมตีของกลุ่มติดอาวุธฮามาส

การเสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดขึ้นทางตอนใต้ซึ่งมีพลเรือนปาเลสไตน์อพยพหนีเข้าไปอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขกาซาเมื่อวันพุธ (25 ต.ค.) มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลแล้วอย่างน้อย 6,546 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 2,704 คน และมีผู้บาดเจ็บมากถึง 17,439 คนตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.เป็นต้นมา

เฉพาะในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนหน้า มีพลเรือนปาเลสไตน์ถูกสังหารจากการทิ้งบอมบ์ของฝ่ายอิสราเอลไปถึง 756 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 344 คน ซึ่งถือเป็นตัวเลขผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดสำหรับฝั่งปาเลสไตน์นับตั้งแต่เหตุสู้รบเริ่มปะทุขึ้นเมื่อกว่า 2 สัปดาห์ที่แล้ว

ชาวปาเลสไตน์จำนวนมากต่างโกรธแค้นและรู้สึกว่าพวกเขากำลังถูกหลอก เนื่องจากส่วนใหญ่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งอพยพของอิสราเอลมายังตอนใต้ แต่ก็ยังไม่วายตกเป็นเป้าสังหาร

เมื่อวันที่ 12 ต.ค. อิสราเอลได้แจ้งเตือนพลเรือนที่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา รวมถึงในเมืองกาซาซิตี ให้อพยพลงไปยังตอนใต้เพื่อความปลอดภัยก่อนที่กองทัพยิวจะเริ่มปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดินเพื่อกำจัดพวกฮามาสซึ่งบุกโจมตีเมืองทางตอนใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. และสังหารชาวอิสราเอลไปถึง 1,400 คน

อย่างไรก็ตาม เครื่องบินรบของอิสราเอลกลับยังคงทิ้งระเบิดโจมตีเป้าหมายต่างๆ ทางตอนใต้ของกาซาอย่างไม่หยุดหย่อน ซึ่งทำให้ผู้อพยพรู้สึกว่าพวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายไม่ต่างจากอยู่บ้าน

สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างข้อมูลจากชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งระบุว่า อิสราเอลยกระดับโจมตีพื้นที่ตอนใต้ของฉนวนกาซาในคืนวันที่ 25 ต.ค. โดยการโจมตีครั้งหนึ่งได้ทำลายอาคารที่พักอาศัยหลายหลังในเมืองข่านยูนิส (Khan Younis) ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนอียิปต์แค่ 10 กิโลเมตร

กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) อ้างว่า แม้ศูนย์กลางอำนาจของพวกฮามาสจะอยู่ที่เมืองกาซาซิตีทางตอนเหนือ แต่ยังมีพวกนักรบแฝงตัวอยู่กับพลเรือนในทุกๆ ที่

“เมื่อไหร่ก็ตามที่พบเป้าหมายฮามาส กองกำลัง IDF จะโจมตีมันทันทีเพื่อทำลายศักยภาพของพวกผู้ก่อการร้าย แต่ขณะเดียวกันก็จะพยายามปกป้องพลเรือนที่ไม่เกี่ยวข้องให้ได้รับอันตรายน้อยที่สุด” กองทัพอิสราเอลแถลงในวันพุธ (25)

อิสราเอลย้ำว่า บ้านเรือนที่มีกลุ่มติดอาวุธฮามาสเข้าไปอาศัยอยู่ถือเป็น “เป้าหมายทางทหารอันชอบธรรม” ต่อให้มีพลเรือนอยู่ด้วยก็ตามที

“คำว่าบ้านส่วนตัว อาจไม่ใช่บ้านส่วนตัวเสมอไป” เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพอากาศอิสราเอลบอกกับสื่อมวลชน

แม้กลุ่มฮามาสจะพยายามเรียกร้องให้ชาวปาเลสไตน์เพิกเฉยต่อคำเตือนของอิสราเอล แต่คนในพื้นที่และองค์กรบรรเทาทุกข์ยืนยันว่าเกิดการอพยพครั้งใหญ่ของประชาชนจากพื้นที่ตอนเหนือและส่วนอื่นๆ ของกาซาที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตี

สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (OCHA) ประเมินเมื่อวันที่ 24 ต.ค. ว่า มีพลเรือนที่พลัดถิ่นฐานภายในกาซาแล้วไม่ต่ำกว่า 1.4 ล้านคน และเนื่องจากจุดผ่านแดนฝั่งที่ติดกับอิสราเอลและอียิปต์ยังคงถูกปิด ทำให้ชาวปาเลสไตน์เหล่านี้ติดอยู่ท่ามกลางสนามรบอย่างไม่มีที่ไป

อิสราเอลยังส่งเครื่องบินรบเข้าไปโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของกองทัพซีเรียเมื่อวันพุธ (25) เพื่อตอบโต้จรวดที่ถูกยิงมาจากฝั่งซีเรีย หนึ่งในชาติพันธมิตรของอิหร่าน ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าสงครามครั้งนี้อาจขยายวงออกไปสู่ประเทศข้างเคียง

สถานีโทรทัศน์แห่งชาติซีเรียรายงานว่า ปฏิบัติการของอิสราเอลทำให้มีทหารเสียชีวิตไป 8 นาย บาดเจ็บอีก 7 นายใกล้กับเมือง Deraa และยังสร้างความเสียหายต่อสนามบินนานาชาติอะเลปโป ซึ่งถูกปิดทำการมาตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค.

ทั้งนี้ รัฐบาลอิสราเอลไม่ได้กล่าวหากองทัพซีเรียว่าเป็นผู้ยิงจรวดข้ามไปตกในฝั่งอิสราเอล แต่สงสัยว่าน่าจะเป็นฝีมือ “อิหร่าน” ซึ่งให้การสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธหลายกลุ่มทั้งในซีเรีย เลบานอน เยเมน รวมถึงกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาด้วย

กองทัพยิวยังได้โจมตีกลุ่มติดอาวุธในเลบานอนซึ่งพวกเขาอ้างว่ากำลังเตรียมโจมตีดินแดนของอิสราเอล ขณะที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนที่มีอิหร่านหนุนหลังยอมรับว่า มีนักรบของกลุ่มถูกสังหารไปแล้ว 42 คนนับตั้งแต่ความขัดแย้งเริ่มปะทุขึ้น

เวลานี้ทั้งทหารและกองกำลังรถถังของอิสราเอลได้ตรึงกำลังประชิดชายแดนกาซาเพื่อเตรียมพร้อมรับคำสั่งเริ่มต้นปฏิบัติการภาคพื้นดิน ท่ามกลางแรงกดดันจากนานาชาติที่เรียกร้องให้อิสราเอล “อดทนอดกลั้น” เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายกับตัวประกันอีกกว่า 200 คนที่ยังถูกฮามาสคุมขังอยู่ รวมถึงพลเรือนปาเลสไตน์ผู้บริสุทธิ์นับล้านๆ ที่ต้องติดอยู่ท่ามกลางการสู้รบ

“ปฏิบัติการขั้นต่อไปกำลังจะมาถึง” ทาล ไฮน์ริช โฆษกหญิงของรัฐบาลอิสราเอลให้สัมภาษณ์กับสื่อ Fox News ของสหรัฐฯ

“เรามีการปรึกษาหารือกับหุ้นส่วนนานาชาติ และจะตัดสินใจอย่างถูกต้องในเวลาที่เหมาะสม และจะปฏิบัติการด้วยความเด็ดเดี่ยวและรอบคอบ” เธอกล่าว

กลุ่มควันจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลที่เมืองกาซาซิตี เมื่อวันที่ 25 ต.ค.
อันโตนิโอ กูเตียร์เรส เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ ระบุว่า การสั่งให้พลเรือนปาเลสไตน์นับล้านๆ คนต้องละทิ้งบ้านเรือนภายในระยะเวลาอันสั้นเป็นเรื่องที่ “อันตรายและน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง” ขณะที่รัฐบาลตะวันตกหลายชาติเรียกร้องให้มีการพักรบชั่วคราวเพื่อเปิดเส้นทางส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ส่วนบรรดาชาติอาหรับเรียกร้องให้อิสราเอลหยุดสงครามครั้งนี้เสีย

แม้จะเริ่มมีการลำเลียงอาหาร น้ำ และยารักษาโรคบางส่วนผ่านด่านพรมแดนราฟาห์ (Rafah) ซึ่งเป็นเส้นทางเข้าออกฉนวนกาซาเพียงจุดเดียวที่ไม่ได้มีพรมแดนติดกับอิสราเอลตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา (21) ทว่ายังไม่มีการอนุญาตให้ส่ง “เชื้อเพลิง” เข้าไปเพิ่ม เนื่องจากอิสราเอลกังวลว่าเชื้อเพลิงเหล่านั้นจะตกไปอยู่ในมือพวกฮามาส

หน่วยงานยูเอ็นระบุว่า ชาวปาเลสไตน์ 2.3 ล้านคนในฉนวนกาซาจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมมากกว่าที่ถูกส่งเข้าไปกว่า 20 เท่าตัว ต่อให้เป็นในยามสงบก็ตามที

สำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานของสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ (UNRWA) ได้โพสต์ข้อความเตือนผ่านโซเชียลมีเดียเมื่อวันอังคาร (24) ว่า พวกเขาอาจต้องหยุดภารกิจลงในคืนวันพุธ (25) หากไม่มีเชื้อเพลิงถูกส่งเข้าไปเพิ่ม ซึ่งปรากฏว่ากองกำลัง IDF ของอิสราเอลได้ทำการรีโพสต์ข้อความดังกล่าว พร้อมบอกให้ยูเอ็น “ไปขอเชื้อเพลิงจากกลุ่มฮามาส” ซึ่งพวกเขาอ้างว่ามีเชื้อเพลิงกว่า 500,000 ลิตรเก็บไว้ในแท็งก์ภายในฉนวนกาซา

“ไปถามพวกฮามาสสิว่า ขอแบ่งมาใช้หน่อยได้ไหม” IDF ระบุ

กาตาร์ซึ่งเป็นผู้นำในการเจรจากับฮามาสและประสานงานร่วมกับสหรัฐฯ ออกมาเรียกร้องให้ทั้ง 2 ฝ่ายผ่อนคลายความตึงเครียดลง และเตือนว่าปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดินของอิสราเอลจะยิ่งทำให้การเจรจาขอปล่อยตัวประกัน “ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก”

ฮามาสได้ยอมปล่อยตัวประกัน 2 แม่ลูกชาวอเมริกัน รวมถึงหญิงชาวอิสราเอลอีก 2 คนออกมาแล้ว ทว่ายังคงเหลือตัวประกันทั้งอิสราเอลและต่างชาติอีกกว่า 200 คนที่รอความช่วยเหลือ

ด้านประธานาธิบดี เรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน แห่งตุรกี ออกมาระบุเมื่อวันพุธ (25) ว่า กลุ่มฮามาสซึ่งปกครองฉนวนกาซามาตั้งแต่ปี 2007 “ไม่ใช่องค์กรก่อการร้าย” แต่เป็นกลุ่มเคลื่อนไหวปลดปล่อยที่ต้องการต่อสู้เพื่อปกป้องดินแดนและประชาชนชาวปาเลสไตน์ ซึ่งถือเป็นการประกาศจุดยืนที่ชัดเจนและแข็งกร้าวที่สุดของ แอร์โดอัน ต่อความขัดแย้งในครั้งนี้

ผู้นำตุรกียังกล่าวด้วยว่า “พวกที่กำลังก่อการสังหารหมู่และการทำลายล้างในกาซาก็คือพวกที่สนับสนุนอิสราเอลอย่างไร้ขีดจำกัด... ปฏิบัติการโจมตีกาซาของอิสราเอล ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของพวกเขาเองหรือพวกที่สนับสนุน ล้วนเข้าข่ายเป็นการฆาตกรรมและความบ้าคลั่ง”

ตุรกีซึ่งเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เอ่ยประณามการเข่นฆ่าพลเรือนอิสราเอลโดยกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ต.ค. แต่หลังจากที่วิกฤตด้านมนุษยธรรมในกาซาทวีความรุนแรงขึ้น อังการาก็ออกมาวิจารณ์ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล และ แอร์โดอัน ยังตำหนิพวกชาติตะวันตกที่ให้ท้ายรัฐยิวในการทิ้งบอมบ์ใส่ฉนวนกาซาไม่หยุดหย่อน รวมถึงเรียกร้องให้มีการหยุดยิง เปิดทางส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และกระตุ้นเตือนชาติมุสลิมทั้งหลายให้ร่วมกันหยุดความรุนแรงครั้งนี้

ความช่วยเหลือทางการแพทย์จากองค์การอนามัยโลก (WHO) เดินทางไปถึงโรงพยาบาลนัสเซอร์ในเมืองข่านยูนิส ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา เมื่อวันที่ 23 ต.ค.
ขณะเดียวกัน อิสราเอลได้ออกมาแสดงความโกรธเกรี้ยวและเรียกร้องให้ อันโตนีโอ กูเตียร์เรส เลขาธิการใหญ่ยูเอ็นลาออกจากตำแหน่ง หลังจากที่ผู้นำยูเอ็นแสดงความเห็นในทำนองอ้างความชอบธรรมให้แก่การโจมตีอิสราเอลของกลุ่มฮามาส

กูเตียร์เรส เอ่ยแสดงความกังวลเมื่อวันอังคาร (24) ว่า “การละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ” กำลังเกิดขึ้นอย่างชัดเจนในฉนวนกาซา พร้อมย้ำว่า “สงครามต้องมีกฎ” โดยเฉพาะกฎขั้นพื้นฐานในการปกป้องพลเรือน

“เป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องยอมรับว่า การโจมตีของฮามาสไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ เพราะชาวปาเลสไตน์ก็ตกอยู่ภายใต้การยึดครองที่บีบคั้นมานานถึง 56 ปี” กูเตียร์เรส กล่าว

“แต่ความทุกข์ทรมานของชาวปาเลสไตน์ก็ไม่ใช่เหตุผลอันชอบธรรมที่จะพวกฮามาสจะก่อการโจมตีอย่างป่าเถื่อน และการโจมตีที่ป่าเถื่อนเช่นนี้ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะเอามาใช้ลงโทษชาวปาเลสไตน์แบบเหมารวมด้วย”

อีลาด เออร์ดัน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำยูเอ็น ออกมาประณามคำพูดของ กูเตียร์เรส ว่าเป็นสิ่งที่ “น่าตกใจ” และเรียกร้องให้เขาลาออกจากตำแหน่งทันที ขณะที่ เอลี โคเฮน รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอล ก็ขอยกเลิกกำหนดการหารือกับเลขาฯ ยูเอ็นในวันอังคาร (24) ทันทีเช่นกัน

คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นได้มีการลงมติในวันพุธ (24) เกี่ยวกับร่างมติที่สหรัฐฯ และรัสเซียเสนอแข่งกัน โดยทั้ง 2 ฝ่ายต่างเสนอให้มีการจัดส่งอาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค และไฟฟ้าเข้าไปยังฉนวนกาซา แต่ในขณะที่รัสเซียเรียกร้องให้มีการหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมอย่างเต็มรูปแบบ (ceasefire) สหรัฐฯ กลับไม่เห็นด้วย และเสนอให้มีการพักรบเป็นช่วงๆ (pauses) เพื่อเปิดทางส่งความช่วยเหลือแก่พลเรือนเท่านั้น

รายงานข่าวระบุว่า ร่างมติที่สหรัฐฯ เสนอเมื่อวันเสาร์ (21) สร้างความตกตะลึงแก่บรรดานักการทูตไม่น้อย เนื่องจากใช้ถ้อยคำหนุนหลังรัฐยิวเต็มสูบว่า “อิสราเอลมีสิทธิที่จะปกป้องตนเอง” และเรียกร้องให้อิหร่านหยุดส่งออกอาวุธให้พวกกลุ่มก่อความไม่สงบทั้งหลายในภูมิภาค ก่อนที่สหรัฐฯ จะปรับแก้ถ้อยคำให้นุ่มนวลลง โดยตัดการอ้างสิทธิป้องกันตนเองของอิสราเอลออกไป และไม่มีการพูดถึงอิหร่าน

อย่างไรก็ตาม ร่างมติของสหรัฐฯ ถูก “วีโต” โดยรัสเซียและจีน ในขณะที่ร่างมติของรัสเซียซึ่งเรียกร้องการหยุดยิงและยกเลิกคำสั่งอพยพพลเรือนกาซาลงใต้ก็ถูกปัดตกไปเช่นกัน โดยได้รับเสียงสนับสนุนจากแค่ 4 ประเทศเท่านั้น

จอห์น เคอร์บีย์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ระบุเมื่อวันอังคาร (24) ว่า “การหยุดยิงในตอนนี้จะเป็นประโยชน์เฉพาะกับพวกฮามาสอย่างแท้จริง" และย้ำว่าแม้สหรัฐฯ จะเรียกร้องให้อิสราเอลลดความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับพลเรือนให้เหลือน้อยที่สุด “แต่บางส่วนก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้”

ด้านนายกรัฐมนตรี ริชี ซูแน็ก แห่งอังกฤษ ก็ประกาศจุดยืนเดียวกับสหรัฐฯ ในวันพุธ (25) คือไม่สนับสนุนการหยุดยิงเต็มรูปแบบ แต่เห็นด้วยที่จะให้มีการพักรบเป็นช่วงๆ เพื่อให้การส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปถึงมือพลเรือนทำได้อย่างปลอดภัย ขณะเดียวกันก็ได้อ้างข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองของอังกฤษที่ประเมินว่า จรวดซึ่งโจมตีโรงพยาบาลในกาซานั้นถูกยิงมาจากกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์เข้าไปยังอิสราเอล ทว่าจรวดเกิดขัดข้องและตกลงสู่ลานจอดรถของโรงพยาบาลเสียก่อน

ชาวมุสลิมจำนวนมากออกมาแสดงพลังสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาที่กรุงโซเฟีย เมืองหลวงของบัลแกเรีย เมื่อวันที่ 25 ต.ค.

ญาติของเหยื่อที่ถูกฮามาสจับเป็นตัวประกันร่วมพิธีสวดมนต์ที่บริเวณกำแพงร้องไห้ (Western Wall) ซึ่งเป็นสถานที่สวดภาวนาสำหรับชาวยิวในนครเยรูซาเลม เมื่อวันที่ 25 ต.ค.
กำลังโหลดความคิดเห็น