ทางการฮามาสเผยตัวเลขผู้เสียชีวิตชาวปาเลสไตน์จากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลที่ค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย (Jabalia) เพิ่มเป็นอย่างน้อย 195 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่ด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติออกมาเตือนว่า การกระทำของกองทัพอิสราเอลครั้งนี้อาจเข้าข่ายเป็น “อาชญากรรมสงคราม”
ขณะเดียวกัน พลเมืองต่างชาติอย่างน้อย 320 คน จากรายชื่อเบื้องต้น 500 คน รวมถึงพลเรือนกาซาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกหลายสิบคน ได้รับอนุญาตให้อพยพข้ามด่านราฟาห์เข้าไปยังอียิปต์เมื่อวานนี้ (1 พ.ย.) ตามข้อตกลงระหว่างอิสราเอล อียิปต์ และฮามาส
รายงานระบุว่า ชาวต่างชาติที่ได้รับการอพยพในครั้งนี้ประกอบด้วยผู้ถือหนังสือเดินทางออสเตรเลีย ออสเตรีย บัลแกเรีย สาธารณรัฐเช็ก ฟินแลนด์ อินโดนีเซีย อิตาลี ญี่ปุ่น จอร์แดน สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา
เจ้าหน้าที่บริเวณพรมแดนกาซายืนยันว่าจะมีการเปิดด่านอีกครั้งในวันพฤหัสบดี (2) เพื่อให้ชาวต่างชาติเดินทางออกไป ขณะที่แหล่งข่าวด้านการทูตคนหนึ่งเผยว่า จะมีผู้ถือหนังสือเดินทางต่างชาติเดินทางออกจากกาซาประมาณ 7,500 คนภายในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า
กองทัพอิสราเอลได้ยกระดับโจมตีฉนวนกาซาทั้งทางบก อากาศ และทะเลเพื่อกวาดล้างกลุ่มฮามาสที่บุกจู่โจมภาคใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. และได้สังหารพลเรือนอิสราเอลไป 1,400 คน รวมถึงจับคนไปเป็นตัวประกันอีกกว่า 200 ชีวิต
กระทรวงสาธารณสุขกาซาระบุว่า มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตจากสงครามครั้งนี้ไปแล้วอย่างน้อย 8,796 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 3,648 คน นับตั้งแต่อิสราเอลเริ่มโจมตีแก้แค้นฮามาสหลังวันที่ 7 ต.ค.เป็นต้นมา
สภาเสี้ยววงเดือนแดงปาเลสไตน์รายงานว่า เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา (2) มีเสียงระเบิดดังขึ้นหลายครั้งรอบๆ โรงพยาบาลอัล-กุดส์ ในเมืองกาซาซิตี โดยโรงพยาบาลแห่งนี้เคยถูกกองทัพอิสราเอลเตือนให้ “อพยพทันที” มาแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยูเอ็นยืนกรานว่าไม่สามารถทำได้ เพราะเสี่ยงเกิดอันตรายต่อคนไข้ที่รักษาตัวอยู่
อิสราเอลอ้างว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศที่ค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลียในวันอังคาร (31 ต.ค.) และวันพุธ (1 พ.ย.) สามารถสังหารผู้บัญชาการระดับสูงของฮามาสไปได้ 2 คน และยังอ้างว่าพวกฮามาส “ไปตั้งศูนย์บัญชาการ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการก่อการร้ายอื่นๆ เอาไว้ทั้งเบื้องล่าง รอบๆ และภายในอาคารที่พักอาศัย โดยจงใจทำให้พลเรือนกาซาได้รับความเสี่ยงไปด้วย”
ด้านสำนักงานสื่อมวลชนของฮามาสแถลงวันนี้ (2) ว่า ตัวเลขพลเรือนปาเลสไตน์ที่ถูกสังหารในปฏิบัติการโจมตีค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลียเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 195 คน บาดเจ็บอีกไม่ต่ำกว่า 777 คน และยังมีอีก 120 คนสูญหายอยู่ใต้ซากอาคารที่พังถล่ม
ชาวปาเลสไตน์จำนวนมากเข้าไปช่วยกันค้นหาร่างเหยื่อที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์รายหนึ่งบอกกับสื่อมวลชนว่า “นี่มันคือการสังหารหมู่ชัดๆ”
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชนยูเอ็นได้ออกมาส่งเสียงเตือนว่า การยิงโจมตีค่ายผู้ลี้ภัยเช่นนี้อาจเข้าข่ายเป็นอาชญากรรมสงคราม
“จากจำนวนพลเรือนที่เสียชีวิต และระดับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลที่ค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย เรามีความกังวลอย่างยิ่งว่านี่คือการโจมตีที่เกินกว่าเหตุ และอาจเข้าข่ายเป็นอาชญากรรมสงคราม” สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X
ด้านกองทัพอิสราเอลระบุว่า มีทหารฝ่ายตนเองถูกสังหารในกาซา 1 นายเมื่อวันพุธ (1) และยังสูญเสียกำลังพลไปถึง 15 นายเมื่อวันอังคาร (31)
ท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากนานาชาติให้มีการหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรม สถานการณ์ภายในฉนวนกาซาก็เริ่มเข้าขั้นวิกฤตมากขึ้นเรื่อยๆ จากมาตรการปิดล้อมและการยิงโจมตีอย่างไม่หยุดหย่อนของอิสราเอล
ดร.ฟาธี อบู อัล-ฮัสซัน หนึ่งในผู้ถือหนังสือเดินทางสหรัฐฯ ที่รอข้ามพรมแดนไปยังอียิปต์ ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า สภาพความเป็นอยู่ของชาวกาซาในตอนนี้ลำบากยากแค้น หลายคนไม่มีแม้กระทั่งน้ำดื่ม อาหาร และที่อยู่อาศัย
โรงพยาบาลหลายแห่งในกาซาขาดแคลนเชื้อเพลิงจนต้องปิดตัวลง ซึ่งรวมถึงโรงพยาบาลรักษาโรคมะเร็งเพียงแห่งเดียวที่มีอยู่ ขณะที่รัฐบาลอิสราเอลยืนยันเสียงแข็งไม่ยอมให้มีการส่งเชื้อเพลิงเข้าไปในกาซา โดยอ้างว่ากลัวพวกฮามาสจะเอาไปใช้ประโยชน์ในด้านการทหาร
อัชรอฟ อัล-กูดรา โฆษกกระทรวงสาธารณสุขกาซา เตือนว่าเครื่องกำเนิดไฟฟ้าหลักของโรงพยาบาลอินโดนีเซียหยุดทำงานไปแล้วเนื่องจากไม่มีเชื้อเพลิง และทางโรงพยาบาลได้ปรับไปใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง ซึ่งก็ให้กำลังไฟไม่เพียงพอสำหรับห้องเย็นเก็บศพและเครื่องผลิตออกซิเจน
“ถ้าเราไม่ได้รับเชื้อเพลิงภายในอีก 2-3 วัน หายนะครั้งนี้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว” เขากล่าว
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เตรียมออกเดินทางไปเยือนอิสราเอลในวันนี้ (2) ซึ่งจะเป็นการเยือนรัฐยิวครั้งที่ 2 ในรอบไม่ถึง 1 เดือน โดย บลิงเคน มีกำหนดเข้าพบนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ในวันศุกร์ (3) เพื่อ “แสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว” กับอิสราเอลต่อไป แต่ก็จะย้ำเตือนให้อิสราเอลต้องลดความสูญเสียต่อพลเรือนปาเลสไตน์ให้เหลือน้อยที่สุด
ที่มา : รอยเตอร์