ไม่ว่าจะเหี้ย...มม์ม์ม์ขนาดไหน??? โหดด์ด์ด์ขนาดไหน???...แต่โดยอนาคต-อนางอ ของผู้นำอิสราเอลนายกรัฐมนตรี “Benjamin Netanyahu” เอาเป็นว่า...ยังไงๆ น่าจะลำบากเอามากๆ นั่นแหละทั่น อย่างเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว (17 ก.พ.) บรรดาลูกหลานชาวยิวด้วยกันเองนับพันๆ รายดาหน้าแห่ออกมาประท้วง เรียกร้องให้รัฐบาลเร่ง “ยุบสภาฯ” และจัดเลือกตั้งใหม่โดยฉับพลัน-ทันที!!!
หรือแม้แต่สื่ออิสราเอลเอง อย่าง “Ynet media outlet” ยังอดไม่ได้ต้องหันไปอ้าง “แหล่งข่าวระดับสูง” ในพรรครัฐบาลอย่างพรรค “Likud” ว่าบรรดาสมาชิกชักอดรนทนไม่ไหวต่อความเหี้ยม หรือความวรนุสใดๆ ก็แล้วแต่ของผู้นำรายนี้ ชนิดเตรียมที่จะ “ถีบทิ้ง” ทันทีที่สงครามโดยกองทัพอิสราเอลสิ้นสุด ยุติ ลงไปเมื่อไหร่? ตอนไหน? หรือ... “ไม่ว่าใครที่เป็นผู้นำรัฐบาลในช่วงเหตุการณ์ 7 ต.ค. จะต้องหมดสถานะทันทีที่สงครามสิ้นสุด” ส่วนถ้าต้องเลือกตั้งกันในช่วงระหว่างนี้ ถ้าว่ากันตามโพล ตามผลสำรวจของ “The Israel Democracy Institute” โอกาสที่พรรคฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลจะกวาดเก้าอี้ในสภาฯ ได้ถึง 75 เก้าอี้ จากจำนวนเก้าอี้ทั้งหมด 120 เก้าอี้ ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ หรือสุดท้าย...อาจต้อง “ไปทั้งแผง-ทั้งยวง” เอาเลยถึงขั้นนั้น...
แต่ก็นั่นแหละ...แม้ว่าจะ “สู้กับโลกทั้งโลก” รวมทั้งต้องสู้กับบรรดาลูกหลานชาวอิสราเอลด้วยกันเองอีกต่างหาก แต่ความพยายามลากยาว หรือขยายวงสงครามของกองทัพอิสราเอล ก็ยังไม่ได้มีทีท่าว่าจะลดราวาศอกลงไปเลยแม้แต่น้อย แม้แต่หนึ่งในรัฐมนตรีสงครามและหัวหน้าพรรค “ฟ้า-ขาว” อย่าง “นายBenny Gantz” ยังออกมาป่าวประกาศเมื่อช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (18 ก.พ.) ว่าถ้าหากผ่านวันเทศกาลรอมฎอน หรือวันที่ 10 มี.ค.ไปเรียบร้อยแล้ว พวกนักรบฮามาสยังไม่คิดส่งตัวประกันคืนมา กองทัพอิสราเอลก็พร้อมแล้วที่จะบุกเมือง “Rafah” และทุกหนทุกแห่งที่อยู่ในเขตฉนวนกาซา ไม่ว่าโลกทั้งโลกจะกู่ก้องร้องตะโกนไปถึงขั้นไหน เพราะอย่างน้อย “รัฐบาลอเมริกันเชื้อสายยิว” ของคุณปู่ “โจ ซึมเซา” ก็ได้มอบหมายให้ทูตอเมริกันประจำยูเอ็นออกมาย้ำไว้ชัดเจนแล้วว่า อเมริกาเตรียมจะใช้สิทธิยับยั้งหรือ “วีโต” ต่อข้อเรียกร้องของใครก็ตามที่จะให้ “หยุดยิง” โดยฉับพลัน-ทันที แม้หลังจากนั้นต้องหันไป “ด่าลับหลัง” ผู้นำอิสราเอลว่าไอ้รูตูด ไอ้ตูดหมึก หรือไม่? อย่างไร? ก็แล้วแต่จะว่ากันไป...
อย่างไรก็ตาม...การเดินหน้าลากยาว หรือขยายวงสงครามออกไปแบบไหน รูปไหนก็ตาม ไม่เพียงแต่ทำให้อิสราเอลต้องเจียดเงินงบประมาณวันละไม่ต่ำกว่า 270 ล้านดอลลาร์เป็นอย่างน้อย เพื่อกระทำการดังกล่าว หรือปาเข้าไปนับเป็นแสนๆ ล้านดอลลาร์ไปแล้วก็ว่าได้ ถ้านับจากจุดเริ่มต้นวันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้วมาจนตราบเท่าทุกวันนี้ แต่อาวุธที่เคยได้รับจากออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี ฯลฯ ก็อาจบ๋อๆแบ๋ๆ หรือติดๆ-ขัดๆ ตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ อุปกรณ์ที่เอาไว้ใช้กับเครื่องบิน “F-35” จากเนเธอร์แลนด์ก็ดันถูกศาลสั่งให้หยุดส่งเอาดื้อๆ ดินระเบิดที่เคยได้รับจากเบลเยียมก็คงไม่เหลือส่งต่อไปอีกแล้ว อาวุธจากอิตาลีก็คงหาเรือขนอาวุธมาส่งยากเต็มที ฯลฯ และแม้อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้ จะไม่ถึงกับทำให้อิสราเอลหมดฤทธิ์ หมดเดช หรือคลายความ “เหี้ย...มม์ม์ม์” ลงไปได้มั่ง แต่บรรดา “ฝ่ายตรงข้าม” กับลูกหลานชาวยิวทั้งหลายก็ใช่ว่าจะกระจอกงอกง่อยกันไปซะทั้งหมด...
แม้แต่กองกำลังเล็กๆ ของพวกนักรบ “Houthi” ที่พร้อมยืนหยัดเคียงบ่า-เคียงไหล่กับบรรดาชาวปาเลสไตน์จนตราบนาทีสุดท้าย ถึงจะถูกกองทัพมหาอำนาจสูงสุดอย่างอเมริกา-อังกฤษ ถล่มแล้ว-ถล่มเล่า ปาเข้าไป 4 รอบ 5 รอบไปแล้วก็ว่าได้ แต่โดยรูปมวย ทางมวย ต้องเรียกว่า... “เท่” ไม่น้อยไปกว่าพวกชาวนาอินตะระเดีย ที่ทำให้พวกตำรวจปราบจลาจลแทบต้องออกปากว่า “อีนี่...แขกยอมแล้วนะนายจ๋า!!!” อะไรทำนองนั้น เพราะสามารถ “ชักว่าว” ไปเกี่ยวเอาเครื่องบินโดรนของเจ้าหน้าที่จนร่วงผล็อยไปเป็นลำๆ ไม่ต่างไปจากพวกนักรบ “Houthi” เขานั่นแหละ แม้จะจนแสนจนแถมยังต้องกรำศึกมานานนับสิบปี แต่เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา ก็ยังสามารถใช้จรวดราคาถูก “สอย” เครื่องบินโดรนระดับ “MQ-9 Reaper” ของกองทัพอเมริกา ที่มีมูลค่าลำละ 16-17 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 480-520 ล้านบาท ร่วงผล็อยๆ แถวๆ เมืองท่า “Hodeidah” จนได้!!!
แถมล่าสุด...ยังตามไปจมเรือสินค้า “Rubymak” ของอังกฤษ รวมทั้งสร้างความหวาดหวั่น ประสาทให้กับผู้บัญชาการกองเรือที่ 2 ของอเมริกา อย่าง “พลเรือเอกMarc Miguez” ชนิดอดไม่ได้ต้องอุทานออกมาว่าเจอกับ “ฉากสถานการณ์ที่น่ากลัว” เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อถูกโดรนทั้งระดับพื้นผิว (USV) และระดับมุดลงไปใต้น้ำ (UUV) ประเคนเข้าใส่ดอกแล้ว ดอกเล่า ด้วยเหตุนี้...คำขู่หรือคำเตือนที่ว่า “ไม่มีเวลาและสถานที่ใดๆ ให้พวกอเมริกันร่อนไป-ร่อนมาได้อย่างสนุกสนานในอาณาบริเวณน่านน้ำแถบนี้ได้อีกต่อไป” จึงทำให้แม้แต่ผู้ได้ชื่อว่า “เครื่องจักรสังหาร” อย่างกองทัพอเมริกันก็เถอะ!!! น่าจะขนหัวลุก ขนคอตั้ง กันไปมิใช่น้อย...
แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ปัญหา-อุปสรรคของคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์อย่างอิสราเอลโดยลำพังเท่านั้น ยังมีพวกนักรบเฮซบอลเลาะห์ในเลบานอน ที่ยังคงดวลปืนใหญ่ ดวลจรวดกับกองทัพอิสราเอลอย่างมิขาดสาย แถมล่าสุดยังมีประเทศที่เพิ่งฟื้นสงครามอย่างซีเรีย ทำท่าว่าคิดจะทวงคืน “ที่ราบสูงโกลัน” จากอิสราเอลขึ้นมาอีกซะแล้ว หรือพร้อมแล้วที่จะ “เปิดฉากสงคราม” อย่างเป็นทางการ ตามคำประกาศของรัฐมนตรีต่างประเทศซีเรียไปเมื่อวัน-สองวันนี้ ยิ่งถ้าหากพวกเครือข่ายนักรบชีอะห์ในอิรักเกิดอดรนทนไม่ไหว ไม่อาจ “เอามือซุกหีบ” ได้อีกต่อไป ทุกสิ่งทุกอย่างยิ่งน่าจะ “โกบิ๊ก...ไปกันใหญ่” โอกาสที่ “สงครามของ Netanyahu” จะกลายเป็นสงครามที่ต้องเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้ามถึง 2 ด้าน 3 ด้านด้วยกันหรือต้องหันรี-หันขวางหาที่จบ หาที่ลงแทบไม่เจอ ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ...
แต่ที่น่าขนพองสยองขวัญยิ่งไปกว่านั้น...ชนิดอาจยกระดับ พัฒนาจนกลายเป็น “จุดเปลี่ยน” ทั่วทั้ง “แนวรบตะวันออกกลาง” เอาเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือบทบาทและท่าทีของ “มหาอำนาจคู่แข่ง” รายสำคัญของคุณพ่ออเมริกา อย่างหมีขาวรัสเซียนั่นเอง ที่ในช่วงไม่กี่วันนับจากนี้ หรือระหว่างช่วงวันที่ 29 ก.พ.- 2 มี.ค. ฝ่ายรัสเซียเขาได้เชิญบรรดาตัวแทนชาวปาเลสไตน์ทั้งหลายจำนวน 14 กลุ่มไม่ว่าที่กระจัดกระจายอยู่ในเวสต์แบงก์ ฉนวนกาซา เลบานอน ฯลฯ ให้เข้ามาร่วมประชุมพบปะหารือกันที่กรุงมอสโกหรือนอกเหนือไปจากนายกรัฐมนตรีปาเลสไตน์ “นายMohammad Shtayyeh” แล้ว ยังหมายรวมไปถึงตัวแทนของพวก “Hamas” พวก “Islamic Jihad” ตลอดไปจนตัวแทนจากซีเรีย เลบานอน อีกซะด้วย รวมทั้งอิหร่านผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ผลิตเครื่องบินโดรนส่งให้รัสเซียในการทำสงครามกับยูเครน ดังที่รองรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย “นายMikhail Bogdanov” ท่านอรรถาธิบายไว้ด้วยคำพูดที่ว่า... “เราเชิญตัวแทนของชาวปาเลสไตน์ทุกกลุ่ม ทุกเหล่า เพราะเขาเหล่านั้นต่างมีสถานภาพในประเทศที่ยังมีความแตกต่างดำรงอยู่ รวมไปถึงประเทศที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างซีเรีย เลบานอนและอื่นๆ ในภูมิภาคนี้...”
นี่...อันนี้นี่แหละ ที่ทำให้นักคิด-นักวิเคราะห์ อย่าง “นายSeth J. Frantzman” แห่งหนังสือพิมพ์ “Jerusalem Post” ถึงขั้นขนหัวลุก ขนคอตั้ง ขึ้นมาดื้อๆ!!! จนต้องออกมาวิเคราะห์ สังเคราะห์กันไปเป็นฉากๆ ว่าอาจด้วยเหตุเพราะรัสเซียค่อนข้างเชื่อมั่นต่อชัยชนะในสงครามยูเครน โดยเฉพาะหลังจากที่กองทัพรัสเซียสามารถบุกยึดเมืองสำคัญทางยุทธศาสตร์อย่าง “Avdeevka” ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้บรรดาพวก “พันธมิตรพรมเช็ดเท้า” ของคุณพ่ออเมริกาในยุโรป ออกอาการปั่นป่วนรวนเรกันไปมิใช่น้อย ชนิดอาจปิดฉาก ปิดกล่อง สงครามดังกล่าวในอีกไม่ช้า-ไม่นานนับจากนี้ การจัดประชุมพบปะบรรดาตัวแทนชาวปาเลสไตน์ รวมทั้งประเทศที่เกี่ยวข้องในตะวันออกกลาง ในช่วงขณะที่สงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาสยังคงดำเนินอยู่ จึงอาจถือเป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมาดปรารถนาของหมีขาวตัวนี้ ที่จะย่างก้าวเข้ามามีบทบาทในภูมิภาค หรือในแนวรบดังกล่าว เหมือนอย่างที่เคยบรรลุเป้าหมายความสำเร็จในซีเรียมาก่อนหน้านี้!!!
จริง-ไม่จริง น่าเชื่อ-ไม่น่าเชื่อ...คงต้องไป “ชั่งน้ำหนัก” เอาเองก็แล้วกัน แต่การที่ “รัสเซีย...มาแล้ว!!!” หรือ “Russians Are Coming” ในรูปนี้ แนวนี้ คงไม่ได้ถือเป็นเรื่องตลก หรือคงไม่ได้สร้างอารมณ์ขันให้บรรดาลูกหลานชาวยิวทั้งหลาย เหมือนอย่างหนังฮอลลีวูดยุคโบร่ำ-โบราณมากมายสักเท่าไหร่ เพราะถ้าหากทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปดังที่ “นายSeth J. Frantzman” ว่าเอาไว้จริงๆ งานนี้...ต้องเรียกว่า “อวสานแห่งโลกตะวันตก” น่าจะอยู่ไม่ใกล้-ไม่ไกล นับจากนี้...นั่นแล...