สหรัฐฯ พึ่งยูเอ็นบีบอิสราเอล

ในที่สุดประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ได้ตัดสินใจยื่นญัตติเข้าสู่ที่ประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ เสนอให้มีการหยุดยิงในฉนวนกาซา

นั่นหมายความว่าให้กองทัพอิสราเอลหยุดการทำลายบ้านเมือง สังหารประชาชนปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาหลังจากจำนวนยอดผู้เสียชีวิตเกือบถึง 30,000 ราย

ยังไม่นับที่บาดเจ็บเกือบ 70,000 รายและสูญหายอีกกว่า 8000 ราย บ้านเมืองในฉนวนกาซาสิ้นสภาพที่จะอยู่อาศัยได้เพราะถูกทำลายทุกอย่างไม่เหลือแม้แต่โรงพยาบาล สุเหร่า โบสถ์ โรงเรียน และมหาวิทยาลัย

เป็นการกวาดล้างพื้นที่ฉนวนกาซาเพื่อให้ชาวยิวที่อพยพมาจากประเทศอื่นๆ เข้าไปตั้งรกรากและให้พื้นที่นั้นเป็นของประเทศอิสราเอลโดยสมบูรณ์

ผู้นำยิวปฏิเสธการให้มีรัฐปาเลสไตน์อย่างเด็ดขาด โดยอ้างว่าจะเป็นภยันตรายต่อชาวยิว ซึ่งเป็นกลุ่มชนชาติเดียวที่ไม่ใช่มุสลิมอยู่ในตะวันออกกลาง

การตัดสินใจของโจ ไบเดน เปลี่ยนจากความคิดก่อนหน้านี้ที่จะให้ทูตประจำสหประชาชาติคัดค้านข้อเสนอของประเทศแอลจีเรีย ให้หยุดยิงทันที เพื่อหลักการมนุษยธรรม โดยสหรัฐฯ จะใช้สิทธิ์วีโต

นั่นหมายความว่า สหรัฐฯ จะทำให้อิสราเอลเหิมเกริมสังหารชาวปาเลสไตน์ต่อไป โดยไม่แยแสคำสั่งห้ามของศาลโลกก่อนหน้านี้และคำเตือนหลังจากนั้น

อิสราเอลถูกศาลโลกวินิจฉัยว่าได้กระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ก่ออาชญากรรมสงคราม ละเมิดอนุสัญญาเจนีวาเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

ทำให้พื้นที่กาซาและพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนกลายเป็นคุกเปิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีเสียงประณามทั่วโลก ตั้งแต่ปี 1967 หลังจากสงคราม 6 วันซึ่งอิสราเอลยึดพื้นที่มาจากอียิปต์ จอร์แดน และซีเรีย

การสังหารชาวปาเลสไตน์ต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนหลายเชื้อชาติร่วมเดินขบวน ชุมนุมในเมืองใหญ่ทั่วโลก เพื่อคัดค้านปฏิบัติการของอิสราเอลแต่ไม่มีผลอย่างไรเพราะสหรัฐฯ สนับสนุนด้านอาวุธอย่างเต็มที่นับตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา

ทำไมโจ ไบเดน ถึงตัดสินใจให้อิสราเอลหยุดยิง หลังจากได้พูดจากับผู้นำรัฐบาลอิสราเอล นายเบนจามิน เนทันยาฮู แล้วถูกปฏิเสธหลายรอบจนต้องด่าลับหลัง

แต่โจ ไบเดน ทำอะไรผู้นำรัฐบาลยิวไม่ได้ เพราะยิวกุมอำนาจการเมืองในรัฐสภาและเศรษฐกิจการคลังของสหรัฐฯ อย่างสมบูรณ์

แต่เป็นเพราะแรงกดดันจากประชาคมโลกหรือจิตสำนึกที่ยังหลงเหลืออยู่จากความเอ๋อ หลงลืม ด้วยเหตุของความจำเสื่อมและขีดความสามารถในการรับรู้ลดถอย หรืออะไรก็แล้วแต่ ทำให้โจ ไบเดนหาทางออกผ่านทางมติคณะมนตรีความมั่นคง

ในความเป็นจริงเพียงแค่โจ ไบเดนสั่งให้หยุดการส่งอาวุธและการช่วยเหลือด้านการเงินให้อิสราเอลสงครามก็จะหยุดทันที เพราะทุกวันนี้การที่อิสราเอลสู้รบอยู่ได้เพราะสหรัฐฯ เติมอาวุธและกระสุนไม่ขาด

แต่ละวันเครื่องบินแบบบรรทุกจากสหรัฐฯ ขนอาวุธสารพัด 2-3 เที่ยวบินไปยังอิสราเอล และการสู้รบอิสราเอลใช้การทิ้งระเบิดจากเครื่องบินด้วยการสนับสนุนของสหรัฐฯ

ข้อเสนอของสหรัฐฯ ให้มีการหยุดยิงไม่ได้ระบุระยะเวลาว่าจะเริ่มเมื่อไหร่ นั่นหมายความว่ากองทัพอิสราเอลยังมีเวลาที่จะถล่มพื้นที่กาซา จนกว่าจะมีคำสั่งหยุดยิง ซึ่งก็ไม่ได้มีผลบังคับทางกฎหมายต่ออิสราเอล

สหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงจึงเป็นเพียงเสือกระดาษ ไม่มีอำนาจแท้จริงและบังคับใครก็ไม่ได้เพราะอยู่ภายใต้อำนาจวีโตของสมาชิกถาวร 5 ชาติซึ่งมีสหรัฐฯ รัสเซีย จีน อังกฤษ และฝรั่งเศส

ศึกระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์จึงเป็นเพียงทางออกของเนทันยาฮู เพื่อยื้อเวลาไม่ให้ตัวเองตกจากอำนาจเพราะมีคดีอาญาเกี่ยวโยงกับการทุจริตคอร์รัปชันอยู่ในศาลซึ่งจะทำให้ติดคุก

ถ้ามีการหยุดยิงจะเป็นการถาวรหรือไม่ยังไม่มีใครบอกได้เพราะกลุ่มติดอาวุธฮามาส ยังมีตัวประกันชาวอิสราเอลอยู่ประมาณ 130 คนซึ่งจะถูกปล่อยหลังจากกองทัพอิสราเอลหยุดยิงและถอนตัวออกจากฉนวนกาซาเท่านั้น

อย่างน้อยที่สุดก็ยังมีความหวังว่าแรงกดดันจากประชาคมโลกจะทำให้อิสราเอลและสหรัฐฯ ถูกโดดเดี่ยว อิทธิพลของสหรัฐฯ เสื่อมถอยตามลำดับ

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลโลกให้เปิดพิจารณาคดีว่าด้วยการครอบครองพื้นที่ปาเลสไตน์ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ โดยอิสราเอลซึ่งเป็นข้อเสนอของ 52 ประเทศโดยไม่มีอิสราเอลเข้าร่วมด้วย

จะเห็นได้ว่าแรงกดดันจากประชาคมโลกและการดำเนินคดีโดยศาลโลก รวมทั้งมติสหประชาชาติจะทำให้อิสราเอลเป็นตัวร้ายโดยมีสหรัฐฯ ซึ่งเป็นนักค้าสงครามอันดับหนึ่งของโลกเป็นผู้สนับสนุนอาชญากรรมสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปาเลสไตน์

รอดูว่าสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงจะมีน้ำยาหรือไม่ในความพยายามช่วยชาวปาเลสไตน์ ซึ่งทำให้มีความหวังว่าอาจจะทำให้มีรัฐปาเลสไตน์อิสระในที่สุด แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายก็ตาม