กองทัพอิสราเอลจะต้องสังหารชาวปาเลสไตน์อีกกี่คนจึงจะพอใจ จากยอดผู้เสียชีวิตรวมใกล้ถึง 30,000 รายแล้ว กว่า 12,000 คนเป็นเด็ก กว่า 8,000 รายเป็นสตรี ที่เหลือเป็นพลเรือน
คำตอบง่ายๆ มาจากนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู คือ “อิสราเอลต้องได้ชัยชนะอย่างสมบูรณ์” ไม่ว่ากองทัพยิวจะต้องฆ่าคนอีกเท่าไหร่ก็ตาม
เนทันยาฮูและคณะรัฐมนตรีอิสราเอลประกาศว่าต้องกวาดล้างกองกำลังติดอาวุธฮามาสให้หมดสิ้นจากฉนวนกาซา เพื่อไม่ให้เป็นภัยคุกคามต่อชาวยิวที่มายึดครองดินแดนปาเลสไตน์ตั้งแต่ปี 2491 โดยการจัดการของสหรัฐฯ และอังกฤษ โดยยืมมือสหประชาชาติ
ต่อให้กองทัพยิวฆ่าชาวปาเลสไตน์อีกกี่แสนราย จาก 2.3 ล้านคนในฉนวนกาซา กองทัพอิสราเอลก็จะยังไม่หยุดปฏิบัติการ โดยเหตุผลแท้จริงต้องการครอบครองฉนวนกาซาทั้งหมด โดยขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกไป โดยการใช้สงครามเข่นฆ่า
ทุกวันนี้กองทัพและรัฐบาลอิสราเอลไม่เคยแสดงหลักฐานว่าได้สังหารกองกำลังฮามาสไปแล้วเท่าไหร่ จากตัวเลขที่เชื่อกันว่ามีประมาณ 3-4 หมื่นคน
เนทันยาฮูอ้างว่าที่ประชาชนปาเลสไตน์เสียชีวิตมากมายเพราะฮามาสให้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์ แต่ความเป็นจริงก็คือกองทัพอิสราเอลสังหารชาวปาเลสไตน์โดยไม่แยกแยะ
อ้างการลงโทษแบบยกเล้าเหมาเข่ง ทิ้งระเบิดใส่บ้านเมืองในฉนวนกาซาโดยไม่เลือกเป้าหมาย กว่า 70 เปอร์เซ็นต์พินาศย่อยยับ ไม่สามารถใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้อีก
นี่เป็นยุทธการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ตั้งแต่ด้านเหนือสุดจนมาสุดแผ่นดินที่ราฟาห์ ติดพรมแดนอียิปต์ ทหารอิสราเอลทำลายโรงพยาบาลกว่า 30 แห่ง มหาวิทยาลัย โบสถ์ สุเหร่า โรงเรียน สถานพยาบาล ที่ทำการราชการ อาคารทุกแห่ง โดยทิ้งระเบิดจากเครื่องบิน
แม้แต่ค่ายผู้ลี้ภัยก็ไม่เว้น สถานที่ต่างๆ กองทัพยิวอ้างว่าเป็นที่ซุกตัวของกลุ่มฮามาส ต้องทำลาย เหยื่อถูกสังหารมีสื่อมวลชนกว่า 130 ราย เจ้าหน้าที่สหประชาชาติ คนทำงานช่วยเหลือพลเรือน แพทย์ พยาบาล ไม่ละเว้นตกเป็นเป้าหมายเช่นกัน
กองทัพอิสราเอลใช้หน่วยซุ่มยิงจัดการสื่อมวลชน เจ้าหน้าที่กาชาด หน่วยพยาบาล เป็นความเหี้ยมโหดอำมหิตจนถูกรัฐบาลแอฟริกาใต้ฟ้องศาลโลกว่าอิสราเอลกระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การสังหารหมู่ ละเมิดอนุสัญญาเจนีวา และกฎหมายระหว่างประเทศ
เป็นการกระทำอย่างไร้มนุษยธรรม ไม่ต่างจากยุคนาซีสังหารชาวยิวกว่า 6 ล้านคนช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ศาลโลกได้มีคำวินิจฉัยว่าอิสราเอลได้กระทำผิดจริง ให้ลดการสังหาร
แต่ผู้นำอิสราเอลไม่ใส่ใจ แถลงท่าทีเยาะเย้ยศาลโลก เพราะรู้ดีว่าสหรัฐฯ ให้ท้าย ทุกวันนี้ขนอาวุธ กระสุน ระเบิดให้อิสราเอลเป็นรายวัน 2-3 เที่ยวบิน
อิสราเอลย่ามใจ เพราะคนยิวคุมการเมือง การเงิน เศรษฐกิจสหรัฐฯ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ซึ่งอยู่ในสภาพเอ๋อ ไม่รู้เหนือรู้ใต้ สมองเสื่อม ยังคงให้อิสราเอลฆ่าคนปาเลสไตน์ต่อไป
โจ ไบเดน มีลูก 3 คน ล้วนแต่งงานกับคนยิวทั้งหมด ตัวเองก็เป็นกลุ่มไซออนิสต์ ที่สนับสนุนชาวยิวในประเทศอื่นๆ เข้าไปตั้งรกรากในอิสราเอล แย่งพื้นที่อยู่อาศัยจากชาวปาเลสไตน์ โดยมีทหาร ตำรวจอิสราเอลคุ้มกัน ไม่ต้องรับโทษในการใช้ความรุนแรง
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ถูกควบคุมโดยคนยิว ตั้งแต่รัฐมนตรี นายแอนโทนี บลิงเคน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคง นายเจค ซัลลิแวน นักการเมืองสหรัฐฯ คนไหนไม่สนับสนุนอิสราเอล ไม่ว่าจะเป็น สส. หรือ สว.ล้วนแต่สอบตก
นักรบฮามาสได้บุกเข้าอิสราเอลวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา สังหารคนยิว 1,134 ราย จับเป็นตัวประกันเหลืออยู่ 120 ราย แต่อิสราเอลฆ่าแบบเอาคืนเกือบ 3 หมื่นรายแล้ว
ชาวปาเลสไตน์บาดเจ็บ พิการกว่า 7 หมื่นราย สูญหายกว่า 7 พันราย
แต่เนทันยาฮู ซึ่งมีคดีคอร์รัปชันค้างอยู่ในศาล อ้างว่า ต้องฆ่าฮามาสให้หมด สงครามคือทางเลือกที่เนทันยาฮูต้องยื้อให้นานเพื่อไม่ให้ตัวเองติดคุกเพราะทุจริต คอร์รัปชัน
การจะให้กองกำลังบุกพื้นที่ราฟาห์โดยกองทัพอิสราเอลได้มีคำเตือนมาจากอียิปต์ ซาอุฯ สหรัฐฯ อังกฤษ เยอรมนี และประเทศอื่นๆ ว่าจะเป็นวิกฤตร้ายแรงลุกลามกว่าที่เป็นอยู่
สหรัฐฯ กำลังเป็นจำเลยของประชาคมโลกร่วมกับอิสราเอลในข้อหามีส่วนร่วมในสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ ทำสงครามกับกองทัพฮูตีของเยเมน สั่งเครื่องบินโจมตีเป้าหมายในอิรัก ซีเรีย โดยเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
การทำตัวเป็นนักเลงโตของสหรัฐฯ เป็นผลมาจากการมีฐานทัพ 750 แห่งใน 80 ประเทศ เป็นนักค้าสงครามเพราะเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ได้ด้วยอุตสาหกรรมทหารและขายอาวุธ
โจ ไบเดน ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อโลกเพราะอยู่ในสภาวะสมองเสื่อม สภาพการรับรู้เสื่อม จำเหตุการณ์ ชื่อผู้นำประเทศไม่ได้ หาทางลงเวทีไม่เจอ ยื่นมือให้จับโดยไม่มีใครอยู่
ผู้นำสหรัฐฯ อยู่ในสภาวะสมองเสื่อม อัยการพิเศษ นายโรเบิร์ต เฮอร์ สรุปการสอบสวนว่าจะไม่ฟ้องโจ ไบเดน ข้อหาผิดเกี่ยวกับเอกสารลับเพราะ “เป็นชายชรามีปัญหาเรื่องความจำ”
อยู่ในสภาพเอ๋อ ป้ำๆ เป๋อๆ ไม่รู้เหนือรู้ใต้ จึงมีปัญหาในการสั่งการ การตัดสินใจ สร้างความอับอายขายหน้าหลายครั้งในประเทศและบนเวทีระหว่างประเทศ
อยู่ในวัย 81ปี หมดสภาพ โจ ไบเดนยังจะขออยู่ต่อเป็นสมัยที่ 2 สร้างความสยองขวัญให้คนที่รับรู้สภาพว่าชายชราสมองเสื่อมจะเป็นผู้นำประเทศ สามารถสั่งยิงอาวุธนิวเคลียร์ได้
เนทันยาฮูจึงฉวยโอกาสที่ผู้นำสหรัฐฯ สมองเสื่อมทำอะไรตามใจได้ คำเตือนจากสหรัฐฯ แบบอ้อมๆ แอ้มๆ เรื่องคนตายมากมายจากการสังหารของกองทัพยิว จึงไร้น้ำหนัก
โจ ไบเดน มือเปื้อนเลือดมาตลอดชีวิตนักการเมือง ตั้งแต่เป็นประธานกรรมาธิการต่างๆ เป็นรองประธานาธิบดีภายใต้บารัก โอบามา ทั้งครอบครัวหากินแบบมีเงื่อนงำ มีคดีร่วมกับลูกชายเรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่สะอาดจากการทำธุรกิจในจีนและยูเครน
โจ ไบเดนจึงเป็นภัยคุกคามโลก โดยมีอิสราเอลเป็นตัวเร่งให้สงครามขยายตัวทุกวันนี้