สหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่กำลังสิ้นสภาพความเป็นผู้นำ ยังคงไม่ทิ้งบทพระเอกอาสาแก้ปัญหาทั่วโลกและก็สร้างวิกฤตขึ้นใหม่เช่นเดียวกัน
ขณะเดียวกันผลของการกระทำในอดีตกำลังเป็นเวรกรรมไล่ตามติดเช็กบิลสหรัฐฯ และลูกไล่ เช่นอังกฤษและบางประเทศในยุโรป โดยมีอิสราเอลรอรับเละ
การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์โดยคำสั่งผู้นำ การเมืองและกองทัพอิสราเอล กำลังส่งผลเสียหายอย่างแรงต่อภาพลักษณ์ของสหรัฐฯ และอิสราเอลโดยขบวนการโฆษณาชวนเชื่อและข่าวปลอมช่วยไม่ได้
วันพุธนี้คณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ จะพิจารณาคำวินิจฉัยของศาลโลกกรณีคำสั่งให้อิสราเอลยุติพฤติกรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาและฟื้นฟูช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
และต้องรายงานผลของการกระทำต่อศาลโลกภายใน 30 วันด้วย แม้จะไม่มีคำสั่งให้หยุดยิงก็ตาม
คำพิพากษาของศาลโลกสร้างความเสียหายอย่างแรงต่ออิสราเอลซึ่งเคยแสดงความยโสโอหัง ไม่แยแสคำพิพากษาศาลโลกเพราะเชื่อว่าพี่ใหญ่คือสหรัฐฯ ปกป้อง
แต่ครั้งนี้สหรัฐฯ และอังกฤษ อาจจะต้องถูกผูกมัดเป็นผู้สนับสนุนและสมรู้ร่วมคิดในการกระทำฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์เพราะให้การสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ให้อิสราเอลทุกวัน
ในช่วงเกือบ 120 วันที่ผ่านมา กองทัพอิสราเอลได้สังหารชาวปาเลสไตน์ไปมากกว่า 26,000 รายและเป็นเด็กกว่า 10,000 ราย ผู้หญิงกว่า 8,000 ราย และมีผู้บาดเจ็บและพิการรวมกันกว่า 62,000 ราย
กองทัพอิสราเอลได้ทำลายทุกอย่างที่เป็นโครงสร้างสำหรับการมีชีวิตอยู่ของมนุษย์ในฉนวนกาซาเช่นบ้านเรือน สุเหร่า โบสถ์ โรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล โรงงานผลิตอาหารและขนมปัง อ่างเก็บน้ำ
นอกจากนั้นกองทัพอิสราเอลยังทำลายสาธารณูปโภคระบบไฟฟ้า น้ำประปา การสื่อสารโทรคมนาคม และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับการเก็บเอกสารสำมะโนประชากรของชาวปาเลสไตน์ซึ่งยากต่อการระบุตัวตนและอัตลักษณ์ของแต่ละบุคคล
นี่เป็นการทำลายล้างด้านวัฒนธรรมและความเป็นมนุษยชาติ ความโหดร้ายที่ปรากฏคือการโจมตีค่ายผู้ลี้ภัยและผู้ที่หลบภัยอยู่ในโรงพยาบาล โบสถ์และสถานที่ซึ่งไม่เกี่ยวกับสงคราม
อิสราเอลได้ทำลายโรงพยาบาลเกือบทั้งหมดในฉนวนกาซาเพื่อไม่ให้เป็นที่รักษาผู้บาดเจ็บและหญิงซึ่งต้องการคลอดบุตร นับเป็นความโหดเหี้ยมเลือดเย็น ผิดข้อตกลงอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ตัดน้ำตัดไฟ ยารักษาโรค และพลังงานทุกชนิด
คำพิพากษาของศาลโลก จึงเป็นการประจานและประณามอิสราเอลซึ่งเป็นผู้ลงนามในอนุสัญญาเจนีวานี้ด้วยในช่วงปี 1948 ซึ่งเป็นปีที่อิสราเอลก่อตั้งเป็นรัฐในดินแดนปาเลสไตน์ หลังจากที่ชาวยิวกว่า 6 ล้านคนถูกสังหารโดยกองทัพนาซีช่วงสงครามโลกครั้งที่สองที่สิ้นสุดในปี 1945
ชาวยิวซึ่งเป็นผู้ถูกกระทำ ได้กลายมาเป็นผู้กระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เสียเอง โดยไม่สำนึกว่าตัวเองเคยถูกกระทำอย่างเหี้ยมโหดทารุณมาก่อน
ผู้นำอิสราเอล นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ประกาศกร้าว ไม่ยอมรับคำพิพากษาของศาลและยังจะเดินหน้าสังหารชาวปาเลสไตน์ต่อไป ภายใต้ข้ออ้างว่าเป็นการป้องกันตัวและต้องจัดการกับกลุ่มติดอาวุธฮามาสให้หมดสิ้น ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้
คำพิพากษาของศาลโลกเป็นไปอย่างเอกฉันท์โดยผู้พิพากษาประจำศาลโลก เว้นแต่เสียงค้านจากผู้พิพากษาสมทบจากอิสราเอล จึงถือว่าทุกประเทศที่มีตัวแทนเป็นตุลาการเห็นว่าอิสราเอลได้กระทำสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
สหรัฐฯ และอิสราเอลกำลังถูกโดดเดี่ยวโดยประชาคมโลก ถ้ามติของคณะมนตรีความมั่นคงในวันพุธนี้สั่งให้กองทัพอิสราเอลหยุดปฏิบัติการในฉนวนกาซาและสหรัฐฯ ใช้สิทธิวีโตเรื่องก็อาจถูกนำเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ของสหประชาชาติเพื่อให้โหวตเป็นมติของสมาชิกทั่วโลกต่อไป
อิสราเอลกลายเป็นผู้ร้ายและเป็นรัฐก่อการร้ายสังหารชาวปาเลสไตน์กว่า 26,000 รายโดยไม่จำเป็น และทำลายบ้านเรือนกว่า 60% ในฉนวนกาซาโดยหวังว่าจะเข้าไปยึดครองให้ชาวยิวจากนอกประเทศไปตั้งรกรากในอนาคต
ความพ่ายแพ้อย่างยับเยินในศาลโลก โดยมีประเทศแอฟริกาใต้เป็นโจทก์ครั้งนี้ทำให้หลายชาติในยุโรปเริ่มตีตัวออกห่างเพราะไม่ต้องการถูกลากเข้าไปเป็นผู้ต้องหาร่วมในคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
อิสราเอลจะเผชิญกับความลำบากท่ามกลางกลุ่มประเทศอาหรับเพราะมีแต่กลุ่มชาติไม่เป็นมิตร ยิ่งสหรัฐฯ ทำสงครามกับกองทัพเยเมนก็จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายกว่าเดิมด้านเศรษฐกิจและขนส่งระหว่างประเทศ
สินค้าด้านพลังงานน้ำมัน 12% ของโลกต้องผ่านทะเลแดงและมูลค่าสินค้านี้มีมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อเรือไม่สามารถผ่านทะเลแดงได้ต้องไปอ้อมเส้นทางสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายและเวลา
การรับบทเป็นพระเอกและตำรวจโลกของสหรัฐฯ เป็นเพียงเพื่อช่วยเหลืออิสราเอลแต่ถูกโดดเดี่ยวโดยประชาคมโลกถือว่าเป็นชะตากรรมที่ดูแล้วเปลี่ยนแปลงได้ยาก
ความเป็นตัววุ่นวายในสถานการณ์โลกกำลังจะทำให้กองกำลังทหารของสหรัฐฯ ถูกบังคับให้ถอนตัวออกจากอิรักและซีเรีย อิสราเอลเป็นตัวเร่งว่าสหรัฐฯ ควรจะสนับสนุนให้มีการโจมตีสังหารชาวปาเลสไตน์อีกต่อไปหรือไม่
พระเอกและผู้ช่วยซึ่งกุมอำนาจมานานกว่า 70 ปีดูสภาพแล้วใกล้จะถึงจุดเสื่อมจนฟื้นฟูไม่ได้ถ้าไม่ปรับปรุงพฤติกรรม อิสราเอลคงต้องรู้ว่าการถูกเกลียดชังโดยชาวโลกนั้นจะเป็นอย่างไร