ประธานาธิบดี โจ ไบเดนของสหรัฐอเมริกาได้ตัดสินใจเปิดสงครามกับกองทัพเยเมนโดยอ้างว่าต้องการคุ้มครองการเดินเรือพาณิชย์ในทะเลแดง ดังนั้นจึงต้องรับบทตำรวจโลกจัดการฐานอาวุธสำหรับโจมตีเรือพาณิชย์
ปฏิบัติการที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐฯ อ้างว่าได้สร้างความเสียหายกับฐานยิงโดรนและจรวดของกลุ่มฮูตีโดยมีเรือรบอังกฤษและเยอรมนีเข้าร่วมด้วย
โจ ไบเดนอ้างว่าไม่ต้องการขยายสงครามในตะวันออกกลางแต่ต้องการสร้างความมั่นใจว่าเรือต่างๆ จะไม่ถูกโจมตีในบริเวณทะเลแดง และอ้างว่าที่ผ่านมายังไม่สามารถจัดการแหล่งหาอาวุธได้หมด การโจมตีจึงต้องต่อเนื่อง ไม่กำหนดวันสิ้นสุด
กบฏฮูตีซึ่งกุมอำนาจในเยเมนมีกองทัพและทหารประจำการ 400,000 นายประกาศพร้อมสู้รบกับสหรัฐฯ และพันธมิตรต่อเนื่อง ตราบใดที่อิสราเอลยังไม่หยุดโจมตีชาวปาเลสไตน์ทำลายบ้านเมือง สาธารณูปโภคในฉนวนกาซาจนพินาศย่อยยับ
ฐานยิงขีปนาวุธและโดรนของกบฏฮูตีสามารถเคลื่อนย้ายได้ไม่ได้ตกเป็นเป้านิ่งของการโจมตีจากเรือรบสหรัฐฯ ซึ่งมีทั้งขบวนเรือบรรทุกเครื่องบินและเรือคุ้มกัน
การตัดสินใจรบกับเยเมนครั้งนี้สหรัฐฯ มีเจตนาที่จะช่วยเหลืออิสราเอลอย่างชัดเจน นอกเหนือจากการส่งกระสุนและอาวุธต่างๆ เป็นรายวันอย่างน้อยมีเครื่องบินซี-17 ขนอาวุธ กระสุน ระเบิดขนาดต่างๆ ให้ทุกวัน
ที่ผ่านมา กบฏฮูตีได้โจมตีเรือหลายลำและประกาศว่าเรือของอิสราเอลจะผ่านเข้าทะเลแดงไม่ได้ แต่รับประกันความปลอดภัยสำหรับเรือของจีนและรัสเซีย
เมื่อเป็นเช่นนี้ทำให้การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาลุกลามออกไปสู่ทะเลแดง จะทำให้สหรัฐฯ ถอนตัวไม่ขึ้นและติดกับดักสงครามเหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นในอัฟกานิสถาน เวียดนาม
อิสราเอลยังคงสังหารชาวปาเลสไตน์ด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิดทุกวันเฉลี่ยการเสียชีวิตเกือบ 200 ราย บาดเจ็บกว่า 200 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเกินกว่า 25,000ราย บาดเจ็บกว่า 62,000 ราย สูญหายกว่า 7,000 ราย
ดังนั้นจึงไม่มีสัญญาณอะไรที่บ่งชี้ว่าสงครามระหว่างอิสราเอลและกองกำลังติดอาวุธในปาเลสไตน์จะจบลงในเร็ววัน ผู้นำรัฐบาลอิสราเอล นายเบนจามิน เนทันยาฮู ประกาศว่าจะต้องได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาด
นั่นหมายความถึงการกำจัดกลุ่มติดอาวุธในฉนวนกาซาแม้จะต้องสังหารชาวปาเลสไตน์อีกมากมายก็ตาม โดยที่อิสราเอลเป็นประเทศที่ถูกฟ้องโดยแอฟริกาใต้ว่าได้กระทำสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เป็นคดีอยู่ในศาลโลกปัจจุบันนี้
นอกจากนั้นรัฐบาลเม็กซิโกและชิลียังจะฟ้องอิสราเอลต่อศาลอาญาระหว่างประเทศว่าได้ก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติโดยมีประเทศประเทศอื่นเข้าร่วมด้วย
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้อิสราเอลและสหรัฐอเมริกาเป็นผู้สมคบคิดในการก่ออาชญากรรมสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ต่อมนุษยชาติทั้งศาลโลกและศาลอาญาระหว่างประเทศ
ที่สำคัญทั้งสองประเทศกำลังถูกโดดเดี่ยวมากขึ้นโดยประชาคมโลก โดยเฉพาะในการประชุม 120 ประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดในกรุงกัมปาลาเมืองหลวงของยูกันดา ก็มีเสียงเรียกร้องให้หยุดยิงและให้มีรัฐปาเลสไตน์โดยไม่ถูกควบคุมโดยอิสราเอล
ข้อเสนอที่ว่าจะให้รัฐปาเลสไตน์เป็นอิสระมีมาตั้งแต่ปี 1948 แต่รัฐบาลอิสราเอลโดยเฉพาะผู้นำสายเหยี่ยวไม่เคยยอมรับโดยอ้างว่าอิสรภาพของรัฐปาเลสไตน์จะเป็นภัยคุกคามต่ออิสราเอล
ในความเป็นจริง ชาวยิวได้อพยพมาจากยุโรปและสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 1948 มายึดครองพื้นที่ของชาวปาเลสไตน์ด้วยการสังหาร ทำร้าย ยึดบ้านพื้นที่ของชาวปาเลสไตน์โดยมีสหรัฐฯ และประเทศตะวันตกหนุนหลัง
สถานการณ์ที่ว่านี้ยังเป็นอยู่ ชาวปาเลสไตน์จึงเหมือนถูกติดคุกในฉนวนกาซาและพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน โดยไม่มีเสรีภาพ ถูกกดขี่โดยอิสราเอล
สหรัฐฯ ยังคงไม่สำนึกในความพ่ายแพ้ในทุกสงครามที่ตัวเองไปก่อไว้และสร้างความพินาศย่อยยับให้กับหลายประเทศตั้งแต่เวียดนาม โดยเลิกใช้วิธีการทูตแต่ใช้กำลังและอำนาจบาตรใหญ่ เล่นงานประเทศที่เป็นฝ่ายตรงข้าม
ที่ผ่านมามีทั้งมาตรการคว่ำบาตรยึดทรัพย์สิน ใช้กำลังรุกราน แต่จากนี้ไปสถานภาพอันอ่อนแอของสหรัฐฯ และปัญหาผู้นำประเทศจะทำให้สหรัฐฯ ต้องลำบากกับความเสื่อมทั้งอำนาจการเมืองและค่าเงินดอลลาร์
สหรัฐฯ และพันธมิตรยุโรปกำลังพ่ายแพ้สงครามในยูเครน ไม่สามารถจัดเงินทุนสนับสนุนให้อีกต่อไป ยูเครนหมดกำลังทหารหลังจากสูญเสียคนไปประมาณ 4 แสนนายจากการสู้รบ มีอีกหลายหมื่นคนพิการและบาดเจ็บ
ความเป็นชาติมหาอำนาจหนึ่งเดียวของสหรัฐฯ กำลังถูกท้าทาย ประชาคมโลกกำลังเข้าร่วมกับองค์กรต่างๆ ที่จีนและรัสเซียเป็นแกนนำ สหรัฐฯ และยุโรปเผชิญปัญหาเศรษฐกิจที่ตัวเองได้กระทำต่อรัสเซีย ทำให้ผลกระทบจากการคว่ำบาตรย้อนกลับ
ที่สำคัญ สหรัฐฯ กำลังถูกเกลียดชังโดยประชาคมโลกร่วมกับอิสราเอลในสงครามในตะวันออกกลาง เป็นปัญหาที่ยากจะแก้ไข