xs
xsm
sm
md
lg

สงครามอิสราเอลยุติเมื่อไหร่? “Netanyahu” ก็ไปเมื่อนั้น!!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


เบนจามิน เนทันยาฮู
เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตไปสำรวจ ตรวจสอบ กิริยา-อาการของ “ไอ้เหี้ย...มม์ม์ม์” ระดับ “ม.ม้า” วิ่งไล่ยังไงก็ไล่ไม่ทัน ผู้ที่ถือเป็น “ฮีโร่ (มัยซินเด้อ)” ของบรรดา “ขาเชียร์ซาดิสม์” ในบ้านเราทั้งหลาย นั่นก็คือผู้นำอิสราเอลอย่าง “นายBenjamin Netanyahu” ที่ไม่ว่าจะเด็ดเดี่ยว เด็ดขาด สามารถ “ฆ่าคน” ได้วันละ 100-200 ศพ แบบไม่คิดจะรู้สึก-รู้สาใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย จนใครต่อใครต้องตายไปแล้วกว่า 20,000 เกือบ 30,000 คน แต่การที่จะต้อง “สู้กับโลกทั้งโลก” รวมทั้งแม้แต่บรรดาชาวอิสราเอลภายในประเทศตัวเองอีกด้วย โอกาสที่จะเหี้ยม จะวรนุสต่อไปแบบสบายๆ จะเป็นไปได้-เป็นไปไม่ได้ อันนี้นี่แหละ...ที่คงต้องมาวิเคราะห์ สังเคราะห์ กันไปตามสภาพ...

คือมาถึงช่วงนี้...ต้องเรียกว่า แม้แต่พันธมิตรผู้ยืนหยัดเคียงบ่า-เคียงไหล่กับคุณพ่ออเมริกา อย่างบรรดาชาติยุโรปทั้งหลายชักไม่อยากจะเอาด้วย ไม่เห็นควรด้วย ไม่คิดจะ “ด้วน” ไปกับการกระทำของอิสราเอล ใน “สงครามอิสราเอล-ฮามาส” ยิ่งเข้าไปทุกที ถึงขั้นนายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์ “Taoiseach Leo Varadkar” ผนึกกำลังกับนายกรัฐมนตรีสเปน “นายPedro Sanchez” ยื่นข้อเรียกร้องต่อ “คุณป้ามหาภัย” “นางUrsula von der Leyen” ประธานสหภาพยุโรปและ “นายJosep Borrell” หัวหน้าฝ่ายต่างประเทศอียู ให้เร่งทบทวนบทบาทความสัมพันธ์ระหว่างสหภาพยุโรปกับอิสราเอล หรือที่เรียกว่า “EU-Israel Association Agreement” โดยด่วน...

ส่วนแคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ก็เพิ่งออกแถลงการณ์ร่วม ส่งเสียงคัดค้านการคิดจะบุกเมือง “Rafah” ด้านใต้ของเขตฉนวนกาซา อันเป็นที่หลบภัยแห่งสุดท้ายของบรรดาชาวปาเลสไตน์ทั้งหลาย ที่ถูกขู่ ถูกกวาดต้อนให้ไปรวมตัวกันอยู่ในพื้นที่บริเวณนั้นถึงเกือบ 1.4 ล้านคน แต่ด้วยความต้องการที่จะเอาชนะพวกนักรบฮามาส ให้เบ็ดเสร็จและเด็ดขาด (Total Victory) กองทัพอิสราเอลทั้งภาคอากาศ-ภาคพื้นดิน ก็เตรียมจะบุกไปถล่ม ไปขจัดกวาดล้าง ไม่ว่าพวกฮามาสหรือบรรดาพลเรือนผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ทั้งหลาย แบบไม่สนใจเสียงคัดค้านใดๆ ก็ตาม แม้แต่ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็น “เสียงเตือนจากเพื่อน” อย่างแคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ก็ตามที...

ส่วนคุณพ่ออเมริกานั้น...แม้จะมีข่าวว่าผู้นำอย่างคุณปู่ “โจ ซึมเซา” จะ “ด่าลับหลัง” ต่อ “นายNetanyahu” ถึงขั้นใช้คำว่า “ไอ้ตูดหมึก” หรือ “ไอ้รูตูด” อย่างที่คุณพี่ “โสภณ องค์การณ์” ท่านได้นำมาเล่าสู่กันฟังทางรายการทีวีไปเมื่อวัน-สองวันนี้ แต่การอุ้มชูฟูมฟัก การสนับสนุนส่งเสริมให้กองทัพอิสราเอล “ฆ่า...ให้หมดแล้วกลับมาคนเดียว” ก็ยังคงเป็นไปในแบบไม่ได้คิดจะออกเรี่ยว ออกแรง ไม่ได้ตระหนัก สำนึกใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะการสนับสนุนด้าน “อาวุธ” ที่ตามตัวเลข สถิติขององค์กรเพื่อสันติภาพ อย่าง “The Stockholm International Peace Research Institute” เขานำมาเปิดเผยให้เห็นกันจะจะว่านับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2013-2022 จำนวนอาวุธของอิสราเอลที่ได้รับจากอเมริกามีปริมาณถึง 68 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น ขณะชาติอื่นๆ อย่างเยอรมนี อังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ ฯลฯ ต่างถูกกด ถูกดัน จากผู้คนภายในประเทศ จนต้องหันหลังหรือตีตัวออกห่างจากอิสราเอลกันรายแล้ว-รายเล่า...

ออสเตรเลียนั้นเห็นว่า...หยุดขายอาวุธให้กับอิสราเอลตั้งแต่เกิดสงครามกับฮามาส เนเธอร์แลนด์เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมาก็เจอคำสั่งศาลให้หยุดส่งอุปกรณ์สำหรับเครื่องบินโจมตี “F-35” ให้อิสราเอล ส่วนเบลเยียมก็แขวนสัญญาส่งดินระเบิดให้กองทัพอิสราเอลตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ.หรือหลังจากศาลอาญาระหว่างประเทศ “ICJ” ได้วินิจฉัยชี้ขาดถึงความเกี่ยวข้องพัวพันของกองทัพอิสราเอลในการ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ชาวปาเลสไตน์ แม้แต่คุณพี่ญี่ปุ่น-ยุ่นปี่ที่บริษัท “Itochu Corporation” เคยไปเซ็น “MOU” เพื่อร่วมสร้างโรงงานผลิตอาวุธกับบริษัท “Elbit Systems” ของอิสราเอล ก็ยังประกาศยกเลิกความร่วมมือหลังได้ฟังคำสั่งศาล “ICJ” ไปเป็นที่เรียบร้อย ขณะที่อิตาลีรัฐมนตรีต่างประเทศ “Antoni Tajani” ออกมาประกาศว่าได้สั่งระงับการส่งเรือขนอาวุธไปให้อิสราเอลตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.เป็นต้นมา เช่นเดียวกับสเปนที่ไม่เพียงประกาศว่าไม่เอาแล้ว ถอยดีกว่า...ไม่อาวว์ว์ว์ดีกว่า ยังหันไปร่วมกับไอร์แลนด์เสนอให้สหภาพยุโรปทบทวนความสัมพันธ์กับอิสราเอลอีกด้วย...

ส่วนบรรดาชาติอาหรับทั้งหลาย ทั้งปวง รวมทั้ง “King Abdullah” แห่งจอร์แดน ต่างยกโขยงไปกดดันคุณพ่ออเมริกาจนส่งผลให้เกิดข่าวคราวว่าอาจนำไปสู่การ “หยุดยิง” เป็นเวลา 6 สัปดาห์ ก่อนจะเริ่มต้นเดือนรอมฎอนในวันที่ 10 มี.ค.ที่จะถึงรวมทั้งการประกาศรับรอง “รัฐปาเลสไตน์” ตามแบบแผน แนวทาง ที่เรียกว่า “The Two State Solution” ชนิดเล่นเอา “ไอ้เหี้ย...มม์ม์ม์” อย่าง “นายBenjamin Netanyahu” ถึงขั้นควันออกหู ต้องออกมาทวีตว่าจะไม่ยอมรับแนวทางดังกล่าวโดยเด็ดขาด แม้เพิ่งพูดคุยกับผู้นำอเมริกาก่อนหน้านั้นประมาณ 40 นาทีก็ตาม เช่นเดียวกับพวกรัฐมนตรีขวาสุดกู่ทั้งหลายไม่ว่า “นายItamar Ben-Gavir” แห่งกระทรวงความมั่นคง หรือ “นายBezalel Smotrich” แห่งกระทรวงการคลัง ฯลฯ แต่ก็นั่นแหละ...ถ้าหากบรรดารัฐมนตรีรายอื่นๆ อย่าง “นายBenny Gantz” แห่งพรรคฟ้า-ขาว “Blue and White” หรือ “นายGadi Eisenkot” แห่งพรรค “Israeli National Unity” เกิดหันไปเห็นดี-เห็นงามกับคุณพ่ออเมริกา ตัดสินใจ “ถอนตัว” ออกจาก “คณะรัฐมนตรีสงคราม” อันนี้...ต้องเรียกว่าเตรียม “น้ำมะพร้าว” ไว้ล้างหน้าไอ้เหี้ยมอย่าง “นายNetanyahu” ได้เลย!!!

หรืออย่างที่ “กูรู-กูรู้” ผู้เชี่ยวชาญด้านอิสราเอล ไม่ว่า “นายNeve Gordon”ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายระหว่างประเทศและสิทธิมนุษยชนแห่งมหาวิทยาลัย “Queen Mary” กรุงลอนดอน หรือ “Yossi Mekelberg” สมาชิกราชสมาคมด้านกิจการระหว่างประเทศ หรือ “Chatham House” ซึ่งต่างเป็นชาวยิวด้วยกันทั้งนั้น ล้วนเห็นพ้องต้องกันว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่สงครามระหว่างอิสราเอลกับพวกฮามาส พวกเฮซบอลเลาะห์ ฯลฯ หรือใครต่อใครก็แล้วแต่ เกิดสิ้นสุด ยุติลงไปเมื่อไหร่ เมื่อนั้นก็ถือว่าสามารถ “นับถอยหลัง” ถึงการสิ้นสุด ยุติ รัฐบาล “นายNetanyahu” ได้โดยทันที เพราะบรรดาชาวอิสราเอลจำนวนมิใช่น้อย ที่เคยแห่ออกมาประท้วง ต่อต้าน คัดค้านและปฏิเสธผู้นำอิสราเอลรายนี้นับเป็นปีๆ ไม่ว่าด้วยเรื่องทุจริต คอร์รัปชัน หรือเรื่องการคิดล้มล้างอำนาจตุลาการก็แล้วแต่ ย่อมพร้อมที่จะลากนายกรัฐมนตรีผู้นี้มา “ขึ้นเขียง” อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ แม้แต่บรรดาสมาชิกในพรรครัฐบาล หรือพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามก็ตามที ความพยายาม “ลากยาวว์ว์ว์” หรือพยายาม “ขยายวง” สงครามออกไปให้มากที่สุด หรือนานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ก็คือการ “ซื้อเวลา” เพื่อดำรงสถานะความเป็นนายกรัฐมนตรี หรือความเป็น “Mr.Security” ให้เนิ่นนานออกไปเท่านั้น...

ด้วยเหตุนี้...แม้ว่าจะถูกกด ถูกบีบจาก “โลกทั้งโลก” ตลอดไปจนผู้สนับสนุนรายสำคัญอย่างคุณพ่ออเมริกาที่ชักเห็นว่าสงครามของอิสราเอลเหี้ยมและรุนแรงเกินไปแล้ว แต่ก็ด้วยอาศัยกรรมวิธีแบบเลี้ยวไป-เลี้ยวมา (Zigzagging) ของ “นายNetanyahu” ต่อการขอร้อง วิงวอน ของผู้นำอเมริกาจนทำให้เกิดการลากยาว หรืออาจถึงขั้นขยายวงสงครามต่อไปได้อีก ผู้ที่เอ๋อ-ไม่เอ๋อ แต่พร้อมประกาศว่าตัวเองเป็น “Zionist” ตัวพ่อ อย่างคุณปู่ “โจ ซึมเซา” จึงได้แต่หันไป “ด่าลับหลัง” ว่าไอ้รูตูดไอ้ตูดหมึกเท่านั้นเอง แต่ยังคงต้องส่งอาวุธ ส่งเงินสนับสนุนไปให้กับรัฐบาลและกองทัพอิสราเอล ไม่งั้น...โอกาสที่ตัวเองจะได้รับเงินสนับสนุนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปลายปีนี้ จากบรรดานักธุรกิจชาวอเมริกันเชื้อสายยิวทั้งหลาย ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วแน่ๆ สงครามของอิสราเอลกับพวกฮามาส หรือสงครามในตะวันออกกลางของอิสราเอล จึงแทบไม่ต่างไปจาก “สงครามของ Netanyahu” นั่นเอง!!! โดยมีชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ของประธานาธิบดีอเมริกันเป็นตัวหล่อเลี้ยง ทุกสิ่งทุกอย่างเลยต้องยืดเยื้อ คาราคาซัง มาจนตราบเท่าทุกวันนี้...

แต่ก็นั่นแหละ...สุดท้ายโอกาสที่จะลากต่อ หรือจะขยายวงสงครามต่อไปมันคง “ไม่ง่าย” สักเท่าไหร่นัก เพราะโอกาสที่โลกทั้งโลกจะยืนเบิ่งตาอยู่ห่างๆ มองดูชาวปาเลสไตน์นับล้านถูกเข่นฆ่า ล้างผลาญ ภายในที่หลบภัยแห่งสุดท้าย โดยไม่คิดจะทำอะไรเลย มันคงลำบากเอามากๆ หรือเป็นอะไรที่ผะอืดผะอมแบบสุดๆ เพราะอย่างที่หัวหน้าฝ่ายกิจการต่างประเทศอียู “นายJosep Borrell” ได้สรุปไว้แบบสั้นๆ ง่ายๆ ว่าเพียงแค่ประเทศที่สนับสนุนอาวุธถึง 68 เปอร์เซ็นต์ให้กับกองทัพอิสราเอลอย่างอเมริกา คิดเลิกส่งอาวุธให้อิสราเอล ทุกสิ่งทุกอย่างก็มีอันสิ้นสุด ยุติ ได้ไม่ยาก แต่ด้วยเหตุเพราะรัฐบาลอเมริกันในแต่ละยุคแต่ละสมัย ล้วนแล้วแต่เป็น “รัฐบาลอเมริกันเชื้อสายยิว” นั่นแหละเป็นหลัก อะไรต่อมิอะไรมันเลยยืดเยื้อ คาราคาซังเลยต้องเซ่นสังเวยด้วยชีวิตของผู้คนนับล้านๆ มาโดยตลอด...


กำลังโหลดความคิดเห็น