ปิดท้ายสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตย้อนไปแวะดู “แนวรบตะวันออกกลาง” กันอีกสักเล็กๆ น้อยๆ แม้ว่าช่วงต้นสัปดาห์จะสรุปถึงลักษณะอาการของคุณปู่อิสราเอลในสงครามกับพวกนักรบฮามาสแถวๆ เขตฉนวนกาซา ว่าน่าจะออกไปในทาง “แพ้แล้ว-แพ้เลย” เพราะเริ่มด้วย “ยุทธศาสตร์แห่งความพ่ายแพ้” ดังคำพูด คำเตือนของรัฐมนตรีกลาโหมผิวสีอเมริกามาตั้งแต่แรก แต่ช่วงวัน-สองวันมานี้...ก็มีข่าวคราวแปลกๆ ที่น่าคิด น่าสะกิดใจ มิใช่น้อย ต่อแนวรบในด้านนี้ ที่อาจเป็นตัวบ่งชี้ถึงฉากสถานการณ์โดยรวม หรือต่อแนวรบทั้งมวลเอาเลยก็เป็นได้!!!
คือสำหรับข่าว “กบฏฮูตี” ไล่ยิง ไล่ยึด เรือรบ เรือสินค้า ของพวกโลกตะวันตก จนต้องเกิดการปะทะกับเรืออเมริกาและชาติพันธมิตร (CTF-153) ที่ออกลาดตระเวน แล่นไป-แล่นมา ชนิดยั้วๆ เยี้ยๆ ตลอดแถบน่านน้ำทะเลแดง จมเรือพวกฮูตีไปได้ 3 ลำ สร้างความบาดเจ็บ ล้มตายให้กับนักรบของพวกกบฏไปเป็นสิบๆ ราย อันนั้น...ต้องถือเป็นเรื่อง “ไม่แปลก!!!” เพราะการที่คุณพ่ออเมริกาท่านพยายามอุ้มชู ฟูมฟัก “พันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์” อย่างคุณปู่อิสราเอล ถึงขั้นส่งเรือบรรทุกเครื่องบินถึง 2 ลำ และบรรดากองเรืออีกเยอะแยะมากมายเข้าไปในน่านน้ำบริเวณนั้น เพื่อช่วยเปิดช่อง เปิดโอกาส ให้กองทัพอิสราเอลเข่นฆ่า ล้างผลาญ บรรดาชาวปาเลสไตน์ได้อย่างมันส์ส์ส์มือ มันส์ส์ส์ตีน ยังไงๆ...ก็คงต้องเจอกับพวกกลุ่มกบฏเล็กๆ อย่างพวกฮูตี ที่รู้สึกเดือดร้อน เจ็บแค้น กับการ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” บรรดาเพื่อนพี่น้องชาวมุสลิมทั้งหลายจนไม่อาจ “ซุกมือในหีบ” อยู่แล้วแน่ๆ ส่วนใครจะเจ็บ จะตาย จะเสียหาย เสียสุนัข เสียรังวัด ยังไงก็แล้วแต่ ถือเป็นเรื่องของ “สงคราม” ที่ไม่ต่างอะไรไปจากการสาดน้ำใส่กัน อันย่อมต้องเปียกมาก-เปียกน้อย ไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย...
หรือแม้แต่ข่าวคราวที่เรือพิฆาตอิหร่าน “Alborz” โผล่เข้าไปในช่องแคบ “Bab-el-Mandeb” ที่เชื่อมต่อกับทะเลแดงเมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา (1 ม.ค.) ก็ยังไม่ถึงกับแปลก แหวกแนว มากมายสักเท่าไหร่ ไม่ว่าในแง่ของความเป็นชาติอิสลามด้วยกัน ที่ย่อมต้องตระหนักถึง “ภราดรภาพมุสลิม” จนไม่อาจเอามือซุกหีบอยู่เฉยๆ ได้อีกต่อไป ในขณะที่พลเรือนชาวปาเลสไตน์เด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง ไปแล้วกว่า 20,000 คน และในขณะที่ศัตรู-คู่กัดตลอดกาลอย่างคุณพ่ออเมริกาหันไปถือหางอิสราเอล แบบชนิดปากคาบคัมภีร์ หรือแบบสองมาตรฐานไปซะนี่ การปรากฏตัวของเรือพิฆาตติดขีปนาวุธของอิหร่านในช่วงระหว่างนี้ จึงอาจเป็นไปดังที่รัฐมนตรีกลาโหมอิหร่าน “นายMohammad Reza Ashtiani” ท่านเอ่ยปากไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 ธันวาคมปีที่แล้วนั่นแหละว่า... “ไม่มีใครที่สามารถเคลื่อนไหว หรือเดินหมากใดๆ ในภูมิภาคที่เราครอบครองความเหนือกว่ามาก่อน...” ส่วนจะถึงขั้นต้อง “ปะ-ฉะ-ดะ” กันตอนไหน? เมื่อไหร่? หรือแค่ต้องการที่จะ “โชว์พาว” ให้เห็นว่าใครใหญ่?-ไม่ใหญ่? ประเภท...มึงรู้หรือเปล่าว่ากูเป็นลูกใคร??? อันนั้น...ก็แล้วแต่จะไป “จินตนาการ” กันเอาเอง...
แต่ที่ออกจะแปลก ออกจะน่าคิดสะกิดใจ ยิ่งไปกว่านั้น...คงหนีไม่พ้นไปจากคำแถลงอย่างเป็นทางการของรองหัวหน้าศูนย์ “The Center for Reconciliation of Opposing Sides” ของรัสเซียในประเทศซีเรีย “นายVadim Kulit” เมื่อช่วงวันศุกร์ 29 ธันวาคมปีที่เพิ่งผ่านมานี่เอง ว่าด้วยเรื่องระบบป้องกันภัยทางอากาศ “Pantsir-S” ของรัสเซียที่ได้สกัด ทำลาย ระเบิดนำวิถีจำนวน 10 ลูก และจรวดอีก 3 ลูกของกองทัพอากาศอิสราเอล ที่มุ่งถล่มดินแดนซีเรียจนหมดฤทธิ์ หมดเดช ไม่อาจสร้างความเสียหายใดๆ ให้กับอาณาบริเวณนี้ เหมือนอย่างที่เพิ่งเคยถล่มระเบิดลอบสังหารที่ปรึกษาอาวุโสกองทัพ “IRGC” ของกองทัพอิหร่าน “นายพลSeyed Razi Mosavi” ณ ชานกรุงดามัสกัส เมื่อไม่กี่วันมานี้ได้อีกต่อไปแล้ว...
อันนี้นี่แหละ...ที่น่าคิด น่าสะกิดใจเอามากๆ!!! โดยเฉพาะสำหรับใครก็ตามที่มีโอกาสได้อ่านข้อเขียน บทความ ชิ้นล่าสุดของ “นายDavid Paul Goldman” ที่สำนักข่าว “ผู้จัดการ” ของหมู่เฮา เพิ่งนำมาแปลและถ่ายทอดไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมาว่าด้วยเรื่อง “Israel in the shadow of American decline” หรือ “ชะตากรรมของอิสราเอลท่ามกลางความเสื่อมทรุดของอเมริกา” โดยละเอียด คือสำหรับนักคิด-นักเขียนรายนี้ ต้องยอมรับว่าค่อนข้าง “ไม่ธรรมดา” อยู่แล้วแน่ๆ นอกจากเคยใช้ชื่อ ใช้นามปากกา ว่า “Spengler” สร้างความโด่งดังให้กับข้อคิด ข้อวิเคราะห์ในสำนักข่าว “Asia Times” มาเป็นจำนวนไม่น้อย ยังเคยมีบทบาททั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจทั้งในระดับรัฐบาลอเมริกันและในระดับโลกอีกด้วยต่างหาก ถึงขั้นเคยสรุปไว้ล่วงหน้ากว่า 2 เดือนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกันปี ค.ศ. 2016 ว่าเป็นเรื่อง “น่าเศร้า” ที่ “ทรัมป์บ้า” จะชนะการเลือกตั้งในครั้งนั้น อันถือเป็นการวิเคราะห์ระดับ “หักปากกาเซียน” ทั้งหลาย อย่างชนิดไม่น่าเชื่อแต่คงต้องเชื่อจนได้...
ส่วนข้อเขียน บทความ ในเรื่อง “ชะตากรรมของอิสราเอลฯ” ดังที่กล่าวไปแล้ว แม้ว่า “นายDavid P. Goldman” ท่านจะเป็นยิวโดยสายเลือด แบบทั้งแท่ง ทั้งด้าม แต่การตั้งข้อสังเกตที่สะท้อนให้เห็นถึงความห่วงใย กังวลเอามากๆ ก็คือความเพียรพยายามประคับประคองสัมพันธภาพของอิสราเอลกับรัสเซีย หลังจากที่หมีขาวตัวนี้สามารถอุ้มชู ฟูมฟัก รัฐบาลซีเรียไม่ให้ม่อยกระรอกเพราะการรุมสหบาทาของคุณพ่ออเมริกา-โลกตะวันตกและพันธมิตรในตะวันออกกลาง ได้อย่างน่าทึ่งน่าประทับใจไปทั่วทั้งภูมิภาค จนทำให้ผู้ที่กระเหี้ยนกระหือรือในการคิดโค่นล้มรัฐบาล “Al-Assad” แห่งซีเรียอย่างเป็นพิเศษ เช่นอิสราเอล ที่แม้จะมีมหาอำนาจสูงสุดในโลกอย่างอเมริกาเป็นพันธมิตรก็เถอะ แต่จำต้องหาทางประคับประคองสัมพันธภาพกับรัสเซีย ที่เข้าไปอุ้มชู ฟูมฟักรัฐบาลซีเรีย ไม่ให้ต้องเกิด “ปัญหา” กับมหาอำนาจคู่แข่งรายนี้ หรือเกิดอาการ “เปรี้ยวมือ-เปรี้ยวตีน” กันโดยตรง...
การที่รัฐบาลอิสราเอลไม่อยากมีเรื่อง หรือไม่คิดจะมีเรื่องกับรัสเซีย...แสดงให้เห็นโดยชัดเจนจากการปฏิเสธที่จะหนุนช่วยรัฐบาลและกองทัพยูเครน โดยเฉพาะการวิงวอน ร้องขอ ระบบป้องกันขีปนาวุธ “Iron Dome” เที่ยวแล้ว เที่ยวเล่า จากผู้นำยูเครนที่เป็นยิวแท้ๆ อย่าง “นายVolodymyr Zelensky” แบบไม่เหลือเยื่อใยใดๆ ชนิดที่ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน “นายMikhail Podoliak” ถึงกับต้องออกมาปรามอิสราเอล ว่าอย่าคิดจะ “เปลี่ยนข้าง-ย้ายข้าง” ไปคบหากับหมีขาวรัสเซียโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะเมื่อผู้นำอิสราเอลอย่าง “นายBenjamin Netanyahu” ออกมาป่าวประกาศถึงความพยายามปรับปรุงนโยบายต่างประเทศเสียใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ากับรัสเซียซึ่งกำลังมีบทบาทในภูมิภาคตะวันออกกลางยิ่งเข้าไปทุกที อีกทั้งเมื่อสัมพันธภาพระหว่างรัสเซียกับศัตรู-คู่กัดของอิสราเอลอย่างอิหร่าน นับวัน...ยิ่งแน่นเหนียว ใกล้ชิดติดพันยิ่งขึ้นเรื่อยๆ การโจมตีอิหร่านในดินแดนซีเรียโดยกองทัพอากาศอิสราเอลแบบคราวแล้ว-คราวเล่า ย่อมมีสิทธิ์ลุกลาม ลามปามไปถึงผู้อุปถัมภ์ค้ำชูซีเรียอย่างรัสเซียไม่วันใด-วันหนึ่ง กันจนได้...
และถ้าหากวันนั้นมันมาถึงพร้อมๆ กับ “American decline” หรือพร้อมๆ กับ “ความเสื่อม” ของคุณพ่ออเมริกาในภูมิภาคตะวันออกกลางไปทั่วทั้งแผง โอกาสที่ “พันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์” ของอเมริกาอย่างอิสราเอล จะอยู่รอด-ปลอดภัย หรือจะถูก “ลบทิ้งจากแผนที่” ย่อมมีความเป็นไปได้แบบ 50-50 นั่นเอง!!! ยิ่งเมื่อกองทัพ “IDF” ของอิสราเอล ยังไม่รู้ว่าจะปิดฉาก ปิดกล่องสงครามกับพวกฮามาสกันในตอนไหน? เมื่อไหร่? จะลากยาวว์ว์ว์ไปเป็นปีๆ หรือเลยปี ค.ศ.2024 ไปโน่นเลย อย่างที่โฆษกกระทรวงกลาโหมอิสราเอล “พลเรือตรีDaniel Hagari” ออกมาแถลงไปเมื่อวัน-สองวันมานี้ ก็ยิ่งกลับจะส่งผลให้ตัวเองยิ่งต้อง “เหี่ยวปลาย” ยิ่งเข้าไปเท่านั้น ไม่ว่าด้านการเมือง การทหารและเศรษฐกิจ หรือแม้แต่การสนับสนุนของอเมริกาที่ยังไม่รู้ว่าจะ “เจ๊ง...กับ...เจ๊ง” กันในช่วงไหน? จังหวะไหน?...
แถมยังมีพวกกบฏฮูตีคอยรบกวน รังควาน เรือสินค้า เรือขนส่งพลังงาน ชนิดสินค้าที่ส่งไปยังท่าเรืออิสราเอลหดหายไปถึง 82 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น ส่วนด้านเหนือยังไม่รู้ว่าพวก “เฮซบอลเลาะห์” จะเปิดฉากเอาจริง-เอาจัง สาดจรวดระดับเป็นพันๆ ลูกกันอีกหรือไม่? อย่างไร? นั่นยังไม่รวมถึงบรรดานักรบอิหร่านในดินแดนซีเรีย ที่ค่อยๆ รุกคืบเข้าสู่ที่ราบสูงโกลันอย่างเป็นขั้นเป็นตอน โดยเฉพาะเมื่อไม่จำเป็นต้องห่วงใย กังวล ว่าจรวดอิสราเอลจะถล่มกองกำลังตัวเองแบบเดิมๆ ได้อีกต่อไป หรือเมื่อระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียช่วยปัดป้อง ปกป้อง การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลจนหมดฤทธิ์ หมดเดช ไปเป็นระลอกๆ ความร่วมไม้-ร่วมมืออย่างเหนียวแน่นและแข็งขันยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ของบรรดาประเทศใน “โลกใต้” ทั้งหลาย ไม่ว่าจีน-รัสเซีย-อิหร่าน ที่ขยายวงไปถึงบราซิล-อินเดีย-แอฟริกาใต้-ซาอุดีอาระเบีย ฯลฯ และบรรดาประเทศเล็กประเทศน้อยอีกเยอะแยะมากมาย เพื่อมุ่งหวังที่จะให้โลกทั้งโลกเป็น “โลกหลายขั้วอำนาจ” ไม่ใช่ “โลกขั้วอำนาจเดียว” อีกต่อไป มันเลยกำลังกลายเป็น “กระบวนการทางประวัติศาสตร์” อันมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้อีกต่อไปแล้ว....