อิสราเอล-ฮามาสสู้รบดุเดือดทั่วกาซาเมื่อวันจันทร์ (11 ธ.ค.) ขณะยูเอ็นหวั่นความสงบเรียบร้อยใกล้ล่มสลาย และฝ่ายต่างๆ แสดงความกังวลมากขึ้นว่ารัฐยิวมีแผนการผลักดันคลื่นผู้อพยพชาวปาเลสไตน์ให้ไหลทะลักเข้าสู่อียิปต์
กลุ่มฮามาสและชาวบ้านในกาซา ระบุในวันจันทร์ (11) ว่า นักรบฮามาสพยายามขัดขวางไม่ให้รถถังอิสราเอลรุกสู่ด้านตะวันตกของเมืองข่านยูนิส ซึ่งเป็นเมืองหลักของกาซาตอนใต้ นอกจากนั้น ยังมีการปะทะดุเดือดในหลายพื้นที่ทางด้านเหนือของกาซา ถึงแม้อิสราเอลอวดอ้างว่า ภารกิจที่นั่นลุล่วงแล้วเป็นส่วนใหญ่
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ชาวอิสราเอลต้องหลบหนีไปยังที่หลบภัยหลังทางการออกคำเตือนใหม่เกี่ยวกับจรวดที่ยิงมาจากกาซา ซึ่งรวมถึงในเทลอาวีฟ ขณะที่ฝ่ายกองกำลังอาวุธของฮามาสอ้างว่า ได้ถล่มเทลอาวีฟเพื่อตอบโต้การที่อิสราเอลสังหารหมู่พลเรือนในกาซา
ด้าน อาวิเชย์ อัดราอี โฆษกกองทัพอิสราเอลออกคำสั่งใหม่บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ให้ชาวปาเลสไตน์อพยพออกจากกาซาซิตี้และพื้นที่อื่นทางตอนเหนือ รวมทั้งข่านยูนิสเมื่อวันจันทร์
เจ้าหน้าที่หลายรายของสหประชาชาติ ระบุว่า สงครามครั้งนี้ได้ผลักดันชาวปาเลสไตน์ในกาซาให้ต้องละทิ้งบ้านเรือนแล้วเป็นจำนวน 1.9 ล้านคน จากประชากรทั้งหมดราว 2.4 ล้านคน
อันโตนิโอ กูเตียร์เรส เลขาธิการยูเอ็น ระบุเมื่อวันอาทิตย์ (10) ในงานประชุมระหว่างประเทศที่กรุงโดฮาของกาตาร์ว่า ความสงบเรียบร้อยในฉนวนกาซามีแนวโน้มล่มสลายเร็วๆ นี้ และนำไปสู่สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้นซึ่งรวมถึงโรคระบาด และการกดดันให้ชาวปาเลสไตน์ทะลักเข้าอียิปต์
ขณะที่ฟิลิปเป ลาซซารินี ข้าหลวงใหญ่สำนักงานบรรเทาทุกข์ผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ของยูเอ็น ระบุในบทความตีพิมพ์ทางลอสแองเจลิสไทม์ของสหรัฐฯ ว่า ขณะนี้มีความพยายามผลักดันชาวกาซาให้หลั่งไหลเข้าสู่อียิปต์
ทว่า อียิปต์ประกาศเตือนมานานแล้วว่า จะไม่ยอมรับผู้อพยพจากกาซาอีก โดยที่ทั้งอียิปต์ ปาเลสไตน์ และพวกชาติอาหรับต่างระแวงว่า หากชาวปาเลสไตน์หลบหนีออกไปจากกาซา ก็จะไม่สามารถเดินทางกลับมาได้อีก ทำนองเดียวกับที่ชาวปาเลสไตน์นับล้านๆ คนต้องกลายเป็นผู้ลี้ภัยถาวรอยู่ในเวลานี้ ภายหลังหลบหนีภัยสงครามออกจากดินแดนที่เป็นประเทศอิสราเอลในปัจจุบัน เมื่อช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
ทางด้าน อัยมาน ซาฟาดี รัฐมนตรีต่างประเทศของจอร์แดน ซึ่งเป็นประเทศที่รองรับชาวปาเลสไตน์จำนวนมากที่พากันหลบหนีภายหลังการประกาศก่อตั้งรัฐอิสราเอลในปี 1948 ก็กล่าวหาอิสราเอลว่ากำลังพยายามอย่างเป็นระบบในการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซา
ขณะที่ อิลอน เลวี โฆษกรัฐบาลอิสราเอล ตอบโต้ว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวเลวร้ายและไม่เป็นความจริง พร้อมยืนยันว่า อิสราเอลป้องกันตัวเองจากปีศาจที่ก่อการสังหารหมู่เมื่อวันที่ 7 ต.ค. และนำตัวปีศาจเหล่านั้นมารับโทษ
ในอีกด้านหนึ่ง กลุ่มฮามาสได้ออกมากล่าวเตือนอิสราเอลเมื่อวันอาทิตย์ว่า จะไม่ได้ตัวประกันที่ยังมีลมหายใจอยู่กลับไป ถ้าไม่ยอมแลกเปลี่ยนกับนักโทษปาเลสไตน์และยอมตามข้อเรียกร้องของฝ่ายตน
ทั้งนี้ อิสราเอลระบุว่า ยังเหลือตัวประกันในกาซา 137 คน ขณะที่นักเคลื่อนไหวคาดว่ามีชาวปาเลสไตน์ราว 7,000 คนถูกคุมขังในเรือนจำอิสราเอล
สถานการณ์วิกฤตทางด้านมนุษยธรรม โดยเฉพาะทางด้านสาธารณสุขในกาซา ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าเข้าขั้นหายนะ ทำให้บรรดานักเคลื่อนไหวช่วยเหลือปาเลสไตน์ เรียกร้องให้ทั่วโลกประท้วงอิสราเอลและสหรัฐฯ เพื่อกดดันให้รัฐยิวยอมหยุดยิง
พวกนักการทูตระบุว่า สมัชชาใหญ่ยูเอ็นซึ่งเป็นที่ประชุมของชาติสมาชิกทั้ง 193 ประเทศ อาจพิจารณาโหวตในวันอังคาร (12 ธ.ค.) ญัตติเรียกร้องการหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมในกาซา โดยน่าที่จะได้รับเสียงสนับสนุนอย่างท่วมท้น
ความเคลื่อนไหวให้โหวตในสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเช่นนี้เกิดขึ้นมา หลังจากเมื่อวันศุกร์ (8) สหรัฐฯ ใช้สิทธิยับยั้งญัตติเนื้อหาอย่างเดียวกันนี้ซึ่งพิจารณากันในคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็น
ในวันอาทิตย์ บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศของชาติอาหรับที่เข้าร่วมการประชุมที่กรุงโดฮา กาตาร์ วิจารณ์การตัดสินใจดังกล่าวของวอชิงตัน ขณะที่กูเตียร์เรสชี้ว่า การโหวตของอเมริกาบ่อนทำลายอำนาจและความน่าเชื่อถือของคณะมนตรีความมั่นคงอย่างรุนแรง แต่เขาจะไม่ยอมล้มเลิกการเรียกร้องให้หยุดยิงในกาซา
เช่นเดียวกับกาตาร์ที่มีบทบาทสำคัญในการเจรจาหยุดยิงและปล่อยตัวประกันก่อนหน้านี้ ที่บอกว่า จะยังเดินหน้าผลักดันให้มีข้อตกลงหยุดยิงครั้งใหม่ กระนั้น นายกรัฐมนตรีชัยค์ โมฮัมเหม็ด บิน อับดุลราห์มาน อัล ตานี ยอมรับว่า การที่อิสราเอลถล่มกาซาต่อเนื่องทำให้โอกาสบรรลุข้อตกลงหยุดยิงลดลง
ทางด้านแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า สหรัฐฯ ไม่เห็นด้วยกับการหยุดยิง โดยเขาอ้างว่าเนื่องจากหากยังมีนักรบฮามาสหลงเหลืออยู่โดยมีเจตนารมณ์แน่วแน่ในการฟื้นเหตุการณ์โจมตีแบบเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ซ้ำแล้วซ้ำเล่า การหยุดยิงรังแต่ทำให้ปัญหายืดเยื้อออกไป
อย่างไรก็ดี บลิงเคนสำทับว่า อเมริกาตระหนักอย่างลึกซึ้งว่ามีผู้บริสุทธิ์มากมายต้องสังเวยชีวิตในสงครามนี้
สงครามในกาซาปะทุขึ้นในวันที่ 7 ต.ค. เมื่อนักรบฮามาสบุกข้ามแดนเข้าไปสังหารผู้คน 1,200 คนในอิสราเอล และจับตัวประกันกลับกาซา 240 คน และอิสราเอลตอบโต้ด้วยการประกาศสงครามทำลายล้างฮามาสที่ปกครองกาซามาตั้งแต่ปี 2007
จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกาซา การโจมตีของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิตจนถึงขณะนี้ราว 18,000 คน และบาดเจ็บ 49,500 คน
วันอาทิตย์ อิสราเอลและฮามาสยังเปิดฉากสงครามปาก โดยนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล แถลงทางทีวีว่า นักรบฮามาสหลายสิบคนยอมจำนน ทว่า ฮามาสปฏิเสธและอ้างว่า ทำลายยานยนต์ทางทหารของอิสราเอล 180 คัน แต่ไม่ได้แสดงหลักฐานยืนยัน
อนึ่ง ขณะที่ทั่วโลกพุ่งความสนใจไปที่ปฏิบัติการทางทหารในฉนวนกาซา เริ่มมีความกังวลมากขึ้นว่า สงครามอาจลุกลามออกไปจากการสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน
นอกจากนั้น กองทัพซีเรียยังรายงานว่า ได้สอยขีปนาวุธอิสราเอลที่ยิงมาจากที่ราบสูงโกลันที่อิสราเอลยึดครองและพุ่งเป้าโจมตีกรุงดามัสกัสร่วงเมื่อค่ำวันอาทิตย์ แต่มีขีปนาวุธบางลูกที่สกัดไม่ได้และสร้างความเสียหาย
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)