ผมคิดว่าสถานการณ์การเมืองที่แท้จริงจะปรากฏภาพชัดเมื่อนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณออกจากคุก ซึ่งแน่นอนหมายถึงไม่กี่วันข้างหน้าจะครบ 6 เดือนซึ่งเข้าข่ายสามารถพักโทษได้ และคิดว่าทักษิณจะรอถึงวันนั้นไม่ใช้เงื่อนไขของระเบียบใหม่ “ติดคุกที่บ้าน” ซึ่งถูกจับตามองว่าออกระเบียบนี้มาเพื่อเอื้อให้กับทักษิณ เพราะถ้ากล้าจะใช้ระเบียบใหม่นี้ก็ต้องถือว่ากล้าและเหิมเกริมเต็มที แต่เมื่อไม่กี่วันก็จะครบ 6 เดือนแล้วจึงไม่เชื่อว่าจะใช้วิธีนี้ไปทำไม
การตัดสินใจที่เกิดขึ้นอาจจะทางไหนก็ได้ เพราะทักษิณยึดครองอำนาจรัฐเอาไว้เด็ดขาดแล้ว แต่ก็จะเป็นการพิสูจน์ว่าเมื่อมีอำนาจแล้วทักษิณยังเหิมเกริมเหมือนเดิมไหม
เมื่อทักษิณปลดพันธนาการหมดแล้ว ไม่มีใครคิดหรอกว่าทักษิณจะนิ่งเฉย แน่นอนอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของ “ดีล” ในการตั้งรับกับพรรคก้าวไกลที่กำลังท้าทายทุกอำนาจในสังคมซึ่งเป็นภารกิจหลักที่ทำให้ทักษิณวางมือไปเลี้ยงหลานไม่ได้และมีเป้าหมายที่สำคัญยิ่งของชีวิตก็คือผลักดันอุ๊งอิ๊งลูกสาวให้เป็นนายกรัฐมนตรี
ตอนนี้อุ๊งอิ๊งกำลังฝึกงานด้วยกับรับบทบาทในการผลักดันซอฟต์เพาเวอร์ไทยให้เป็นที่ยอมรับในสังคมโลก แม้ว่าหลายอย่างโลกจะโอบรับวัฒนธรรมไทยอยู่แล้วก่อนเธอจะเกิดอย่างมวยไทยก็ยังถูกเอามาเป็นผลงานให้เธอฉายแสงดูว่าเธอจะทำได้สำเร็จหรือไม่ หรือทำได้แค่อาศัยผลบุญในสิ่งที่ต่างประเทศเขาให้การยอมรับอยู่แล้วไม่ใช่ฝีมือปั้นแต่งของเธอ
ว่าไปแล้วแม้อุ๊งอิ๊งจะเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล แต่การอยู่นอกเหนือโครงสร้างของฝ่ายบริหารตามกฎหมาย ก็ต้องนับว่าเธอเป็นคนแรกที่ได้รับการผลักดันให้มีบทบาทมาก งานไหนที่ออกงานร่วมกับเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ก็เหมือนกับเรามีนายกรัฐมนตรีสองคนเลย และเห็นได้ชัดว่า เธอมีบารมีที่ทาบทับเศรษฐาอย่างชัดแจ้ง ซึ่งเศรษฐาเองคงรู้ตัวว่าตัวเองเป็นเพียงผู้อยู่อาศัยเท่านั้นเอง
การเมืองไทยในสมัยหน้านั้นสู้กันสองพรรคแน่ๆ ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล พรรคลำดับรองลงมาอย่างภูมิใจไทยนั้นกำลังมีวิบากกรรมและยากจะรอดพ้นจากการถูกยุบพรรค ส่วนพรรคเก่าแก่อย่างพรรคประชาธิปัตย์กลายเป็นตำนานที่คนรุ่นนี้ไม่จดจำไปแล้วยากจะฟื้นกลับมาได้ในเร็ววันหรืออาจจะกลับมาไม่ได้เลยอีกตลอดไป
การที่ทักษิณไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียวโดยที่ทุกองคาพยพของสังคมไม่มีใครกล้าหืออือนั้น ต้องมีพลังลึกลับเป็นแรงหนุนอยู่เบื้องหลัง คนที่ศาลตัดสินแล้วว่าโกงชาติในหลายคดีและติดคุกหลายปีสุดท้ายแล้วนอนสบายอยู่ในห้องพักที่ดีที่สุดของโรงพยาบาลตำรวจไม่กี่เดือนก็ได้รับการพักผ่อนหย่อนโทษออกมาสู่สังคมนั้นต้องมีเงื่อนไขของการต่อรองที่สูงส่ง
ฝ่ายตรงข้ามกับทักษิณหลายคนอาจจะไม่วางใจทักษิณ หลายคนเชื่อว่าทักษิณที่ยึดถึงประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้องในระหว่างที่อยู่ในอำนาจรัฐนั้นคงจะปรับตัวเปลี่ยนแปลงนิสัยได้ยาก แต่สำหรับทักษิณอาจจะรู้แล้วว่า การที่เขาต้องหลบหนีคดีไปอยู่ต่างแดนถึง 16 ปี แม้จะไปไหนได้ทั่วโลก แต่ไม่สบายเหมือนอยู่ประเทศไทยที่ได้ใกล้ชิดกับลูกหลานและครอบครัว เขาอาจจะต้องยอมเปลี่ยนแปลงนิสัยไม่ดีในตัวไปเพื่อให้ดีลนี้สำเร็จ
ฝ่ายอนุรักษนิยมนั้นเมื่ออยู่ท่ามกลางเขาควายมีทางเลือกสองทางเท่านั้นคือ ยอมจับมือกับทักษิณเพื่อรับมือกับพรรคก้าวไกล หรือไม่ก็ปล่อยให้พรรคก้าวไกลได้อำนาจรัฐ การยืนอยู่ท่ามกลางเขาควายก็เหมือนจะได้รับอันตรายทั้งสองด้านไม่ว่าจะพลิกไปทางไหน แต่ถามว่าจะมีทางเลือกมากกว่านี้ไหม จะมีพลังไหนของฝ่ายอนุรักษนิยมจะมารับมือกับพรรคก้าวไกลได้ และถ้าไม่จับมือกับทักษิณแล้วจะเป็นอย่างไรสุดท้ายก็ต้องเลือกทางที่เจ็บตัวน้อยที่สุด
แม้จะต้องยอมรับว่านี่อาจเป็นทางออกที่น่าหดหู่ หลายคนยังกลัว “ผีทักษิณ” แต่เป็นทางเดียวที่พอจะให้เดินไปได้ ก็ต้องรอดูว่า ทักษิณในอดีตที่เคยเหิมเกริมก้าวล่วงนั้นจะทบทวนความผิดพลาดของตัวเองไหม และสำนึกกับสิ่งที่ทำให้ตัวเองได้กลับมาเหยียบแผ่นดินไหม และทักษิณจะขับเคลื่อนรัฐบาลที่ตัวเองอยู่เบื้องหลังอย่างไร เพื่อไม่ให้เสียคะแนนให้กับพรรคก้าวไกลที่จะยิ่งโดดเด่นในฐานะพรรคฝ่ายค้าน เพราะเป็นฝ่ายพูดไม่ใช่ฝ่ายกระทำ
อีกอย่างทักษิณคงต้องระมัดระวังตัวไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกับเขาเหมือนที่เกิดขึ้นกับตัวเองและน้องสาวยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะคนที่เขาจะผลักดันให้เป็นทายาททางการเมืองคือลูกสาวในสายเลือดที่ถอดแบบเขามามากที่สุด เขาคงไม่ยอมให้ลูกสาวตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกับที่เขาเคยเจอ และรอคอยว่าเขาจะสามารถพาน้องสาวกลับบ้านได้สบายๆ แบบเขาอีกคนไหม
คนส่วนใหญ่เชื่อกันว่า แม้วันนี้นายกรัฐมนตรีจะชื่อเศรษฐา แต่อำนาจที่แท้จริงก็อยู่ที่ทักษิณนั่นแหละ แม้วันนี้ทักษิณจะนอนอยู่ที่ชั้น 14 หรือไม่ก็ตาม และเมื่อทักษิณออกมาแล้วทุกอย่างคงจะชัดเจนขึ้น และเขาน่าจะสะกิดให้เศรษฐาถอยเพื่อเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีเป็นอุ๊งอิ๊งเมื่อไหร่ก็ได้
การเมืองที่เดินมาถึงตรงนี้จึงเป็นทางสองแพร่งเท่านั้นไม่ไปกับทักษิณก็ต้องไปกับพรรคก้าวไกล คนที่ยังยอมรับทักษิณไม่ได้ก็อาจจะไม่เห็นด้วย แต่ลองบอกมาสิว่าจะมีทางแยกอื่นมากกว่านี้ไหม และทางแยกนั้นจะเกิดขึ้นได้อย่างไรในสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน
แต่ก็ยอมรับนะว่ามีคนไม่น้อยเหมือนกันที่หันไปเลือกพรรคก้าวไกล เพราะคิดว่าถึงเวลาที่คนรุ่นใหม่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง บางคนอาจคิดว่าแม้พรรคก้าวไกลจะได้อำนาจรัฐแต่ก็คงไม่กล้าที่จะทำอะไรที่ส่งผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะกองทัพคงจะไม่ยอมให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น แต่มีบางคนที่ไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้าปล่อยให้ชะตากรรมนำพาไป คนพวกนี้ไม่ได้คิดว่าการที่บ้านเมืองเราเดินมาถึงทุกวันนี้และอยู่ได้อย่างร่มเย็นนั้น เพราะเรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นศูนย์รวมทางจิตใจซึ่งเราไม่อาจคาดหวังสิ่งนี้ได้จากสายพันธุ์ของนักการเมือง
แม้การตัดสินให้ประเทศจะเดินไปทางไหนอยู่ที่การตัดสินของประชาชนเสียงข้างมาก แต่เราก็ต้องคิดและตระหนักว่า ปัญหาและอุปสรรคของสังคมไทยนั้นมันมาจากระบอบ จากรัฐธรรมนูญ หรือจากตัวนักการเมืองแล้วเราก็จะค้นพบว่าแท้จริงแล้วเราต้องเปลี่ยนแปลงที่ตรงไหน ถ้าระบอบมันดีอยู่แล้ว เราก็เลือกนักการเมืองที่ดีเข้ามาบริหารบ้านเมืองเท่านั้นเอง ไม่ใช่ไปล้มล้างเปลี่ยนแปลงไปตามความคิดที่ท้าทายของบางฝ่าย
ประเทศไทยเคยผ่านหัวเลี้ยวหัวต่อที่ท้าทายต่อระบอบของรัฐมาแล้ว เราเคยขัดแย้งกันยาวนานกว่าสองทศวรรษที่วันนี้รอยของความขัดแย้งเจือจางลงไปแล้ว แม้จะต้องทำสิ่งที่ฝืนความรู้สึกของเราไปบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับหากหนทางนั้นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของบ้านเมืองเรา
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan