สัปดาห์ที่แล้วพื้นที่ตรงนี้ผมเขียนอย่างมั่นใจว่า มาดามเดียร์ วทันยา บุนนาค จะเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะได้ข้อมูลมาว่ามีการพูดคุยกับฝั่งที่กุมอำนาจในพรรคแล้ว แต่สุดท้ายก็ผิดมหันต์ เพราะกลายเป็นว่า สส.ของพรรคในปีกของเฉลิมชัย ศรีอ่อน ที่เคยประกาศวางมือทางการเมืองไปแล้ว ต้องการให้เฉลิมชัยเป็นหัวหน้าพรรคเสียเอง ทุกอย่างจึงเป็นไปตามนั้น และมาดามเดียร์ก็พกความผิดหวังกลับไป
หลังจากนั้นใครต่อใครที่เคยอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์มานานหลายคนก็พากันลาออกจากพรรค ถึงตอนนี้เชื่อว่าเลือดพระแม่ธรณีก็ยังไม่หยุดไหลยังจะมีคนลาออกจากพรรคอีกหลายคน แต่หลังจากนี้จะไปสร้างพรรคใหม่หรือออกไปอยู่พรรคอื่นก็ไม่มีความหมายหรอกครับ เพราะพรรคที่จะแข่งขันกันในอนาคตนั้นก็มีพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลที่จะแย่งเก้าอี้กัน โดยมีพรรคภูมิใจไทยเป็นตัวประกอบเท่านั้นเอง
จะไปอยู่พรรคภูมิใจไทยก็ไม่ใช่จะเข้าสภาฯ ได้ง่าย เพราะ สส.ของพรรคภูมิใจไทยส่วนใหญ่เข้ามาได้ด้วยศักยภาพของตัวเอง ไม่ใช่ของพรรค และต้องอยู่ภายใต้ระบอบของพรรคการเมืองที่มีครูใหญ่คือเนวิน ชิดชอบ ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนอยู่เบื้องหลังที่ทำมาหากินเก่งคนหนึ่ง คนใกล้ตัวเนวินบางคนที่ผมรู้จักก็ทำมาหากินจนประสบความสำเร็จทางฐานะกับทุกกระทรวงที่พรรคภูมิใจไทยยึดครอง
กลับมาที่พรรคประชาธิปัตย์ เฉลิมชัยถูกโจมตีว่า ไม่รักษาสัจวาจาที่เป็นสโลแกนของพรรคว่า สจฺจํ เว อมตา วาจา (คำสัตย์แลเป็นวาจาไม่ตาย) ที่เฉลิมชัยแก้ตัวทำไมกลับคำว่าให้ไปถาม สส.ของพรรค
หลายคนบอกว่า พรรคประชาธิปัตย์จบแล้ว เลือกตั้งครั้งหน้าจะได้น้อยกว่านี้อีก ผมก็เชื่อเช่นนั้น แต่ไม่ใช่เพราะเป็นเฉลิมชัยหรอก ต่อให้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคตามข้อเสนอของชวน หลีกภัย ผมก็คิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็ไปไม่รอดเหมือนกัน เพียงแต่ถามว่าในภาวะแบบนี้ระหว่างเฉลิมชัยกับอภิสิทธิ์ใครดีกว่ากัน ผมก็คิดว่าเป็นอภิสิทธิ์นะ เพราะเฉลิมชัยเป็นคนไม่มีเสน่ห์ไม่มีจุดขายเลย ก่อนหน้านี้จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ก็เป็นหัวหน้าพรรคที่ไม่มีเสน่ห์ไม่มีจุดขาย แต่เฉลิมชัยดูแย่กว่าอีก
แต่การที่เฉลิมชัย สามารถซื้อใจ สส.ในพรรคได้นั้น ก็ต้องยอมรับว่าเขาต้องมีจุดดีเหมือนกัน อย่างน้อยที่เขาพูดกันก็คือเป็นคนใจถึงพึ่งได้ ซึ่งหลายคนในพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีคุณสมบัตินี้
และความผิดพลาดหลายอย่างของอภิสิทธิ์ก็ทำให้พรรคประชาธิปัตย์มีวันนี้และต้องยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์มาถึงวันนี้ได้ก็เพราะจุรินทร์ไม่น้อยเช่นเดียวกัน รวมถึงชวน หลีกภัยที่เอ่ยวาจาครั้งไหนก็กรีดทุกคนจนกลายเป็นนิสัยถาวรไปแล้วและแก่แล้วคงแก้ไม่หายคงเลิกกรีดไม่ได้ พูดทุกครั้งทำให้ชวนดูดีแต่ต้องมีคนใดคนหนึ่งแย่ลง
อย่างไรก็ตาม นายชวนอดีตปูชนียของคนตรังก็หมดแสงแล้ว ไม่มีมนต์ขลังเหมือนเก่า อย่าว่าแต่กับคนใต้เลยแม้แต่ในเมืองตรังเขตพื้นที่ของตัวเองก็ส่งคนลงแพ้มาแล้วสองสมัย ครั้งล่าสุดแพ้ถนอมพงษ์ หลีกภัย เครือญาติของตัวเองเพื่อนวัยเด็กของผมที่สวมเสื้อรวมไทยสร้างชาติ เข้าใจว่าถ้าครั้งหน้านายชวนเข้าใจกฎของธรรมชาติก็น่าจะวางมือทางการเมือง
เมื่อไม่กี่วันก่อนผมคุยกับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่วันนี้ยังอยู่กับพรรค เขาถามผมว่าในฐานะเป็นสื่อมองว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นอย่างไร ผมตอบว่า ในรุ่นที่เรายังมีชีวิตอยู่นั้นคงจบแล้ว และมีแต่จะแย่ลงไปอีก ก็คงต้องรอในอนาคตข้างหน้าอันยาวไกลว่า พรรคประชาธิปัตย์จะสามารถสร้างคนที่โดดเด่นขึ้นมาได้ไหม ถ้าถามว่าคนแบบนั้นต้องเป็นอย่างไร ผมก็คิดว่าอย่างน้อยต้องประมาณอภิสิทธิ์ในตอนที่เปิดตัวทางการเมือง มีความพร้อมทั้งรูปสมบัติ และคุณสมบัติ ซึ่งอาจจะหาได้หรืออาจจะหาไม่ได้ ถ้าหาไม่ได้ก็ยากจะฟื้นคืนกลับมา
ผมเคยบอกแล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์ขายความเป็นพรรคเก่าแก่ไม่ได้แล้ว เพราะคนรุ่นใหม่มองว่า เป็นพรรคการเมืองที่ล้าหลัง ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่สามารถขายความคิดอนุรักษนิยมให้คนรุ่นใหม่ศรัทธาได้เลย ทั้งที่ความเป็นอนุรักษนิยมก็มีข้อดีคือการตั้งรับกับความเปลี่ยนแปลงของสังคมแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ยังรักษาอนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณีของชาติเอาไว้ แม้อาจจะยากในยุคที่คนรุ่นใหม่ถูกปลูกฝังให้เกลียดชังจากความเป็นไทย แถมมองไม่เห็นการแสดงออกและความพยายามที่พรรคประชาธิปัตย์จะตั้งรับกับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้เลย
พรรคประชาธิปัตย์ที่เคยเป็นพรรคขวัญใจคนกรุงเทพฯ แม้บางยุคคนกรุงเทพฯ จะหันไปลองพรรคการเมืองอื่น แต่สุดท้ายก็กลับมาที่พรรคประชาธิปัตย์ทุกครั้ง คนในพรรคประชาธิปัตย์อาจจะคิดว่าโอกาสแบบนั้นจะกลับมาอีก แต่ส่วนตัวผมคิดว่ายากแล้ว เพราะคนรุ่นเก่าที่เคยฝากความหวังไว้กับพรรคประชาธิปัตย์นั้นล้มหายตายจากไปหมดแล้ว และครั้งนี้ก็พ่ายแพ้โดยไม่มี สส.แม้แต่คนเดียวมาสองสมัยแล้ว และแพ้แบบไม่มีโอกาสลุ้นเลย ดังนั้นวันวานที่เคยหวานอยู่ของพรรคประชาธิปัตย์คงจะไม่มีวันนั้นอีกแล้ว
ในภาคใต้ไม่ต้องพูดถึง คนใต้รุ่นใหม่ไม่ผูกมัดตัวเองไว้กับพรรคประชาธิปัตย์อีกแล้ว แถมคนเก่าแก่ที่เขาเคยเลือกจำนวนไม่น้อยก็โบกมือลาเพราะเบื่อหน่ายที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์มาตลอดชีวิต แต่ไม่เคยทำให้ภาคใต้ดีขึ้น แถมยังไปด่าคนอื่นอีกว่า ไม่ยอมพัฒนาภาคใต้ แต่ตอนตัวเองมีอำนาจก็ไม่ทำ
ถ้าถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ในยุคของเฉลิมชัยจะไปทางไหน จะเป็นพรรคฝ่ายค้านคุณภาพที่เป็นจุดเด่นของพรรคประชาธิปัตย์ในอดีตไหม ถ้ามองจากตัวบุคคลที่มีอยู่ 21 คนไม่นับ ชวน บัญญัติ บรรทัดฐาน จุรินทร์ และลูกชายของนิพนธ์ บุญญามณีอีกคน ก็ต้องตอบว่ายากมากที่จะสร้างความโดดเด่นในฐานะพรรคฝ่ายค้านได้และคงได้แต่กินน้ำใต้ศอกฝ่ายค้านอย่างพรรคก้าวไกลที่มีบทบาทและกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับยุคสมัยมากกว่า
ดูเหมือนว่าสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ยุคนี้จะก้าวไปก็คือเส้นทางที่แผ้วถางทางไว้แล้ว ตั้งแต่การยกมือโหวตให้เศรษฐา ทวีสินเป็นนายกรัฐมนตรี นั่นคือ พร้อมจะเป็นพรรคอะไหล่ อยู่ที่ว่า โอกาสและวันเวลาจะมาถึงเมื่อไหร่เท่านั้น เรื่องนี้ผมอยากจะให้ตัวเองทายผิดอีกเหมือนที่ทายว่ามาดามเดียร์จะมาเป็นหัวหน้าพรรค แต่ผมคิดว่าครั้งนี้จะมีโอกาสถูกมากกว่า
อาจจะเห็นคนเก่าแก่ของพรรคบางคนบอกว่ายังไม่ลาออกจะอยู่ช่วยพรรค แต่ลองดูคนที่พูดเหล่านั้นว่ายังมีศักยภาพแค่ไหนที่จะฟื้นฟูพรรคกลับมาให้รุ่งเรืองได้ คำตอบคือแทบจะมองไม่เห็นโอกาสและความหวังนั้นเลย
ถามว่าเสียดายพรรคการเมืองแบบประชาธิปัตย์ไหมก็ต้องบอกว่า เสียดาย แต่คนในพรรคประชาธิปัตย์นั่นแหละที่รู้ว่ามาถึงวันนี้ได้เพราะอะไร
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan