สมการการเมือง
ผู้จัดการสุดสัปดาห์
พิธาคัมแบ็ก! หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 8 ต่อ 1 วินิจฉัยว่าไอทีวีไม่ได้เป็นสื่อแล้ว จึงไม่ทำให้ขาดสมาชิกภาพการเป็น สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล จากนี้เริ่มกลับไปปฏิบัติหน้าที่ในสภาฯ ได้เลย
ช็อตต่อไปที่จะรีเทิร์นคือ ตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่วางแพลนกันไว้จะให้มีประชุมใหญ่ในเดือนเมษายน ซึ่ง“เดอะต๋อม” ชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกลคนปัจจุบันที่ขึ้นมาขัดตาทัพ ประกาศเอาไว้ก่อนหน้าว่าถ้าพิธา ลิ้มเจริญรัตน์กลับมา พร้อมคืนเสลี่ยงผู้นำให้
นอกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เก้าอี้ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ก็จะเปลี่ยนมือจากชัยธวัชไปให้พิธา ในฐานะผู้นำพรรคอันดับ 1 ในฝ่ายค้าน
เพียงแต่ก่อนจะถึงจุดนั้น วันที่ 31 มกราคมนี้ ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยในคดีใช้เรื่องแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในการหาเสียง ต้องรอดให้ได้ก่อน
เพราะบางฝ่ายก็มองว่า คดีนี้คดีใหญ่ โทษแรงถึงขั้ ยุบพรรค พิธาได้ฉลองรอดเรื่องถือหุ้นสื่อมาได้แต่ถ้าพรรคก้าวไกลถูกยุบก็จบเห่เหมือนกัน
แล้วไม่ได้ตายเดี่ยว หากแต่เป็นตายหมู่ กรรมการบริหารพรรคโดนกันทั้งเซ็ต ตัวตึง ตัวจี๊ด ถูกตัดสิทธิกันระนาว ทั้งชัยธวัช ทั้ง ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค
ฝ่ายถืออำนาจกำลังเล่นบทปั่น ปลอบใจกองเชียร์ฝ่ายตรงข้ามก้าวไกล ให้อดเปรี้ยวไว้กินหวาน รอดหุ้นสื่อแต่อาจไม่รอดยุบพรรคก็ได้ อีกไม่ถึง 10 วันได้รู้กันแน่ ว่าหน้าการเมืองไทยจะเปลี่ยนอีกรอบหรือไม่ !
อย่างไรก็ดี ก่อนถึงวันชี้ชะตาพรรคก้าวไกล มีหลายฝ่ายออกมาวิเคราะห์สถานการณ์จากปมพิธารอดคดีถือหุ้นสื่อไอทีวี ออกมาทรงนี้พรรคกา้วไกลก็น่าจะรอดเหมือนกัน
เพราะแม้วันนี้พรรคก้าวไกลจะเป็นตัวแสบของรัฐบาล คอยขัดแข้งขัดขาแทบจะทุกเรื่องแต่ยังไม่ถึงกับสร้างความลำบากในการทำงาน แต่เป็นสไตล์ฝ่ายค้านที่ต้องกัดต้องจิกเป็นธรรมดา
พรรคก้าวไกลไม่ได้มีพิษมีภัยที่พอจะโค่นล้มรัฐบาลได้ ความน่ากลัวของพรรคก้าวไกลอยู่ที่สนามเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งที่จะเข้าวิน และลุ้นกวาด สส.ทะลุ 250 ที่นั่งเท่านั้น ซึ่งยังเหลือเวลาอีกตั้ง 3 ปีกว่าๆ กำจัดพิธา กำจัดพรรคก้าวไกลตอนนี้ไม่มีประโยชน์อะไร ต่อให้ยุบพรรคไปก็จะเกิดพรรคอนาคตใหม่เวอร์ชัน 2 เวอร์ชัน 3 ออกมาได้อยู่ดี เหมือนที่มีพรรคก้าวไกลในปัจจุบัน
หมดผู้นำคนนี้ก็สร้างตัวละครผู้นำใหม่ขึ้นมา เพราะพรรคเป็นตัวสร้างกระแสนิยมผู้นำ ไม่ใช่ผู้นำสร้างกระแสนิยมให้กับพรรค เหมือนที่เคยจัดการ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ไป แต่ก็ได้พิธามาอยู่ดี
พรรคก้าวไกลไม่เหมือนกับพรรคอื่นๆ ที่ต้องใช้ตัวผู้นำเป็นคนชูโรง เหมือนกับพรรคเพื่อไทยที่ต้องขายบุญเก่าของพรรคไทยรักไทย และ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ที่สำคัญ กำจัดพรรคก้าวไกลตอนนี้ก็เปล่าประโยชน์ สามารถตั้งพรรคใหม่ขึ้นมารองรับลูกพรรค และไปดึงแกนนำสักคนที่ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคมาเป็นตัวชูโรงตัวใหม่ มีเวลาโปรโมตพรรคอีกตั้ง 3 ปีกว่า เรียกว่าเหลือเฟือ
ขณะเดียวกัน เสียงรัฐบาลในสภาฯ ตอนนี้ก็ห่างกับพรรคก้าวไกลหลายช่วงตัว ต่างกับรัฐบาลชุดที่แล้วที่ห่างจากฝ่ายค้านเพียงไม่กี่คน การยุบพรรคอนาคตใหม่ตอนนั้น มันทำให้สมการการเมืองเปลี่ยน เสียง สส.หายไปหลายคน แถมบางฝ่ายหนีตายไปขายวิญญาณเป็นงูเห่า ทำให้รัฐบาลทำงานง่ายขึ้น
ซึ่งตอนนี้ไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนั้น ในเมื่อเสียงระหว่างฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลมันห่างกันเป็นร้อยๆ ถ้าต้องการจะกำจัดพรรคก้าวไกลจริง ต้องทำในช่วงที่ตั้งหลักตั้งพรรคใหม่ไม่ทัน ไม่มีเวลาได้แก้ไขสถานการณ์!
แต่ไม่ได้หมายความว่า พรรคก้าวไกลรอดแล้วจะรอดเลย ในเรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แต่ยังต้องจับตาด้วยว่า จะมีการป้องปรามในเรื่องนี้เอาไว้อย่างไร หรือไม่
คำวินิจฉัยในวันนั้นต้องอ่านให้ละเอียด !
เพราะหลายฝ่ายก็จับตาว่า เรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นเรื่องละเอียดอ่อน คงไม่ให้ใครเอาเรื่องนี้มาทำเป็นเรื่องเล่น พาให้เข้าใจผิด บางทีอาจมีประกาศิตมาตักเตือนกันก็ได้ทั้งนี้ทั้งนั้น อยู่ที่ดุลยพินิจของ ศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 31 มกราคม
ขณะที่ในมุมการเมือง บางฝ่ายยังวิเคราะห์กันว่า การไม่ประหารพิธาทางการเมืองในคดีถือหุ้นสื่อ เพราะจำเป็นต้องมีพรรคก้าวไกลในกระดานการเมือง ทำนองว่า มีพรรคเพื่อไทยก็ต้องมีพรรคก้าวไกล
เพราะถ้าวันนี้ไม่มีพรรคก้าวไกล ไม่มีตัวละครตัวนี้มาดุลอำนาจ หรือเป็นคู่แข่งกับพรรคเพื่อไทยแล้ว พรรคเพื่อไทยก็ใหญ่โตมาก จะมี สส.งูเห่าจากพรรคก้าวไกลเลื้อยเข้ามาพรรคสีแดงเพิ่มแน่
พรรคเพื่อไทยจะกลับมายิ่งใหญ่เหมือนในอดีต ความสำคัญของพรรคร่วมรัฐบาล และองคาพยพอื่นๆ ที่อยู่ด้วยกันทุกวันนี้จะน้อยลงไป
พรรคเพื่อไทยไม่จำเป็นต้องเกาะฝ่ายอนุรักษนิยม ไม่ต้องเกรงใจ สามารถทำอะไรได้มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งทางเดินถูกจำกัดเอาไว้หลายเรื่อง
ฝ่ายอนุรักษนิยมก็ยังไม่ไว้ใจพรรคเพื่อไทยเสียทีเดียว ฉะนั้น มันต้องมีปัจจัยอื่นมาคอยถ่วงดุล ให้ไม่กล้าทำอะไรออกนอกลู่นอกทางมาก จึงต้องเลี้ยงก้าวไกลไว้ในทางการเมืองเพื่อคอยจำกัดทางเดินพรรคเพื่อไทย.