แอฟริกาใต้ฟ้องอิสราเอล ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ต่อศาลโลก

ในที่สุด หลังการถล่มอย่างไม่เลือกหน้า ทั้งจากขีปนาวุธ, ฟอสฟอรัสขาว, ปืนใหญ่ (หวิดๆ จะงัดเอาระเบิดนิวเคลียร์ออกมาถล่ม) ได้ทำลายอาคารที่อยู่อาศัยของชาวกาซาไปถึง 70 กว่าเปอร์เซ็นต์ รวมทั้งไม่เหลืออาคารโรงเรียน, โรงพยาบาล, ศาสนสถาน, โบสถ์ วิหาร ทั้งเป็นโบราณสถานหรือศูนย์กลางของชุมชนถูกทำลายล้างเป็นซากปรักหักพังที่ฝังศพผู้เสียชีวิตจำนวนเป็นหมื่นที่ถูกฝังอยู่ โดยยังไม่สามารถหาศพเจอ

นับเป็นเวลาใกล้ 3 เดือนหลังจากการประกาศสงครามจากปากของนายกฯ สุดโหดสุดเหยี่ยวเนทันยาฮู ที่จะทำลายล้างกลุ่มฮามาสให้สิ้นซาก ได้ทำให้ชาวกาซาตายไปแล้วจากการรับรองของยูเอ็น ว่ามีหลักฐานศพคนตายที่นับจำนวนได้ 2 หมื่นเกือบ 2 พันคน (ไม่นับผู้สูญหายที่ยังไม่เจอศพ) ภายใต้ซากคอนกรีตที่ถล่มจากแรงระเบิด) เป็นเด็กและผู้หญิงถึง 70 เปอร์เซ็นต์กว่า, ที่เหลือจะเป็นผู้ชาย

ไม่เพียงใช้อาวุธร้ายแรงกราดยิงถล่ม ซึ่งสื่อตะวันตกเอง (วอชิงตัน โพสต์) ได้ออกมาเปิดเผยว่า จากหลักฐานการกราดยิงถล่มด้วยขีปนาวุธและระเบิดปืนใหญ่เข้าใส่ชาวกาซา...กว่า 60% ของอาวุธสงครามที่กราดยิงอย่างไม่เลือกนั้น ไม่มีอุปกรณ์นำวิถี (missile-guided) ในการยิงให้เจาะจงเข้าสู่เป้า นั่นหมายความว่า ลูกกระสุนมีโอกาสพลาดเป้าหมายไประเบิดทำลายสถานที่ใกล้เคียง จนทำให้อาคารที่อยู่อาศัยซึ่งมีผู้คนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นของกาซา (หนาแน่นที่สุดในโลกชนิดเบียดเสียดกันทีเดียว กับประชากร 2 ล้านคนในพื้นที่แคบๆ ยาว 40 กม. กว้าง 10 กม.) ต้องตายลงเพราะถูกระเบิด (ที่อิสราเอลบอกว่า พยายามเลี่ยงที่จะไม่ให้ไปทำลายประชาชนคนบริสุทธิ์ทั้งเด็กๆ และผู้หญิง รวมทั้งผู้สูงอายุและผู้บาดเจ็บจากสงคราม) ต้องตายลงอย่างหนีไม่พ้น

น่าสงสัยทำไม IDF ถึงไม่ติดอุปกรณ์นำวิถีล่ะ? ถ้าไม่ใช่เพราะจงใจฆ่าชาวปาเลสไตน์ให้ตายไปให้หมดกาซาใช่หรือไม่ เพื่ออิสราเอลจะได้เข้าครอบครองดินแดนกาซาอย่างสมบูรณ์บนซากศพที่เกลื่อนกลาดนั่นเอง เพื่อประกาศชัยชนะและมีประเทศอิสราเอลที่ไม่มีภัยคุกคามจากกลุ่มฮามาส...แนวคิดนี้เป็นแนวคิดของพรรคร่วมรัฐบาลของนายกฯ เนทันยาฮู ที่ประกาศจะเข้าปกครองกาซาหลังจากปราบฮามาสได้สำเร็จ และมีคำเตือนมาจากอดีตปธน.โอบามา ว่า จะทำให้รัฐอิสราเอลปลอดภัยนอนตาหลับโดยไม่มีภัยคุกคามได้จริงหรือ? เพราะลูกหลานของชาวกาซาที่ถูกบีบบังคับให้เดินทางออกไปตั้งรกรากอยู่ในต่างประเทศทั่วโลก จะต้องเคียดแค้นต่อการสูญเสียญาติพี่น้องที่ถูกรัฐบาลอิสราเอลฆ่าตายอย่างล้างเผ่าพันธุ์ และคงต้องล้างแค้นกันต่อไปอีกหลายชั่วคน!!

หลังมติอัปยศของคณะมนตรีความมั่นคงเมื่อ 22 ธันวาคม ที่ตัดออกสาระสำคัญให้หยุดยิงทันที แต่คงไว้แค่ความพยายามให้มีการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม... ซึ่งการไม่หยุดยิงของ IDF ก็ย่อมทำให้รถบรรทุกความช่วยเหลือเข้าไปแจกจ่ายอาหาร, น้ำดื่ม และยาทำได้ลำบากมาก

วันที่ 29 ธันวาคม คณะรัฐบาลของปธน.รามาโฟซา แห่งประเทศแอฟริกาใต้ ได้ยื่นเรื่องต่อ International Count of Justice (ICJ) หรือศาลโลกที่กรุงเฮก เพื่อขอให้ศาลโลกพิจารณาการมีนโยบายและการกระทำของรัฐบาลอิสราเอลในลักษณะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งทั้งแอฟริกาใต้และอิสราเอลต่างเป็นภาคีของอนุสัญญาว่าด้วยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

การฟ้องร้องครั้งนี้ทำขึ้นหลังจากการยกมือในสภาผู้แทนของแอฟริกาใต้ให้ยื่นฟ้องรัฐบาลอิสราเอล กับการกระทำที่เริ่มตั้งแต่ 7 ตุลาคม เป็นการละเมิดต่อ UN Genocide Convention และขอให้เป็นการพิจารณาคดีแบบเร่งด่วน รวมทั้งขอให้มีมาตรการเฉพาะกาลเพื่อป้องกันต่อการละเมิดอย่างร้ายแรงทำให้ยังสูญเสียชีวิตที่มิอาจเรียกคืนได้ต่อสิทธิอันชอบธรรมของชาวปาเลสไตน์ ภายใต้กฎของ Genocide Convention

คำบรรยายฟ้องมีว่า ประเทศแอฟริกามีความกังวลห่วงใยสูงสุดต่อความสยดสยองสะพรึงกลัวของชาวปาเลสไตน์ที่ถูกถล่มโจมตีที่ฉนวนกาซาด้วยวิธีใช้อาวุธอย่างไม่เลือก (Indiscriminate Use of Force) และการบีบบังคับให้ประชาชนผู้อาศัยต้องละทิ้งบ้านของตน (Forcible Removal of Inhabitants) …และยังพูดถึงประเทศแอฟริกาได้ตอกย้ำมาตลอดว่า ประณามความรุนแรงและการโจมตีทุกรูปแบบต่อพลเรือน รวมทั้งต่อประชาชนชาวอิสราเอลเองด้วย (น่าจะหมายถึงทหารหนุ่มอิสราเอล 3 นายที่ถูกฮามาสจับไปเมื่อรุ่งสางของวันที่ 7 ตุลาคม เพื่อเป็นเชลยศึก...ที่ในที่สุดก็ถูกทหารอิสราเอลยิงตายเมื่อ 3 หนุ่มนี้ได้ยกธงขาวเดินออกมามอบตัวต่อ IDF!!!)

รวมทั้ง การที่ IDF สูบน้ำทะเลเข้าไปท่วมอุโมงค์ของฮามาส และทำให้เชลยศึกชาวอิสราเอลต้องตายในอุโมงค์ด้วย!!

3 หลักฐานที่แสดงถึง intent คือนโยบายที่ตั้งใจจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลเนทันยาฮูคือ 1. ปธน.เฮอร์ซอก ของอิสราเอลได้พูดว่า ที่กาซาไม่มีใครที่เป็นผู้บริสุทธิ์ (จากพวกฮามาส) 2. รมต.กลาโหม โยอาฟ กัลแลนต์ ที่พูดว่า อิสราเอลจะใช้การลงโทษแบบเหมารวม (Collective Punishment) ต่อชาวกาซา เพราะพวกมันเป็น Human Animals (สัตว์ในร่างมนุษย์!!!) และ 3. นายกฯ เนทันยาฮู ได้ยกเอาบางส่วนของพระคัมภีร์ Old Testament มากล่าวอ้างว่าต้องใช้การฆ่าแบบล้มล้างให้สิ้นซาก เพื่อนำแผ่นดินที่พระเจ้าประทานให้แก่ชาวอิสราเอลกลับคืนมา!!

สภาผู้แทนของแอฟริกาใต้ยังได้ลงมติให้ปิดสถานทูตอิสราเอลประจำแอฟริกาใต้ และได้เรียกทูตแอฟริกาใต้กลับจากอิสราเอล โดยปธน.รามาโฟซา พูดเสมอว่า สิ่งที่รัฐบาลอิสราเอลกำลังฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ที่ฉนวนกาซา (และกำลังลามไปที่เวสต์แบงก์ และนครเยรูซาเลม) คือนโยบายปกครองแบบแบ่งแยกเหยียดผิวอย่างรุนแรง (Apartheid) ที่ชาวผิวขาวได้ปกครองชาวผิวดำ (พื้นเมือง) ที่แอฟริกาใต้ ในยุคล่าอาณานิคม และได้มีการจงใจฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนผิวดำที่แอฟริกาด้วย ซึ่งเขาสำนึกและผ่านประสบการณ์เลวร้ายนี้มา

สภาฯ แอฟริกาใต้ยังเรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรต่อประเทศอิสราเอล ดังเช่นที่ได้เกิดขึ้นในสมัยที่ชาวแอฟริกาใต้ผิวดำได้ต่อสู้จนประสบผลสำเร็จกับคนผิวขาวผู้ยึดครองแอฟริกาใต้