xs
xsm
sm
md
lg

“สำราญ 100 ตำบล” เร่งทำชุมชนบำบัด ดับเครื่องชนยาบ้าทะลักมาจากแดนสู้รบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้กล่าวในรายการสนธิทอล์ค ออกอากาศครั้งล่าสุด EP.221 ระบุถึงปัญหายาบ้าที่เล็ดลอดเข้ามาตามตะเข็บชายแดนฝั่งประเทศเมียนมาร์ ในห้วง 3 เดือนที่ผ่านมา

พบรายงานเจ้าหน้าที่ไทยปะทะกับคาราวานกองทัพมด มีสถิติผลการจับกุม รวมถึงสามารถยึดของกลางได้ มากกว่าช่วงเวลาเดียวกัน ของปีที่แล้วถึง 6 เท่า!

สอดรับกับข้อมูลซึ่งแหล่งข่าวความมั่นคง ระบุ ปัญหามาจาก สถานการณ์การสู้รบระหว่างรัฐบาลกับกองกำลังชาติพันธุ์ฝั่งเพื่อนบ้าน ทำให้กลุ่มต่อต้านต้องการระดมทุนจากการขายยานรกนำทุนทรัพย์ไปซื้ออาวุธสงคราม

“บิ๊กราญ” พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร.ซึ่งกำลังง่วนอยู่กับภารกิจสำคัญที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศอปส.ตร. ได้มอบหมายให้ทำ

ในฐานะแกนหลักขับเคลื่อน “โครงการชุมชนบำบัดอย่างยั่งยืนในตำบลแพร่ระบาดยาเสพติดสูงสุด 100 ตำบล” โปรเจคเร่งด่วนของรัฐบาลประจำปีงบประมาณ 2567 ที่ตระหนักถึงความสำคัญในการแก้ปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน

เจ้าตัวยอมรับระหว่างลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมชาวบ้าน ณ ที่ทำการชุมชนสวัสดิการหนองแขม ท้องที่ สน.หนองแขม ร่วมกับ พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9 เมื่อช่วงเย็นวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า

“เราต่างรับรู้กันดี เรื่องยาเสพติดที่ทะลักเข้ามาตามช่องทางต่างๆ นั้น มันไม่ได้ผลิตที่เมืองไทย ซึ่งเราต่างก็รู้อีกว่า การดำเนินการจับกุมโดยใช้มาตรการปราบปราม เพียงด้านเดียวก็ไม่สามารถเอาชนะมันได้ ชัยชนะถ้าต้องการจะชี้ขาด ต้องดำเนินการควบคุมสกัดกั้นตั้งแต่ต้นน้ำ ดังนั้นหากหลุดรอดเข้ามาได้แล้วจึงจะเป็นกระบวนการตามจับกุม และเมื่อมันส่งเข้ามาถึงชุมชนแล้ว เราจำเป็นต้องพึ่งพี่น้องประชาชน และคนในครอบครัว”

พล.ต.ท.สำราญ บอกด้วยว่า เคยลงพื้นที่ไปตรวจสอบความคืบหน้าของโครงการ ที่ตำบลแห่งหนึ่ง พอประกาศชัยชนะแล้วเดินอ้อมหลังไปเจอผู้เสพชายท่านหนึ่งถามตรงๆ ท่านผู้ช่วยปล่อยให้ยาบ้าทะลักลงมาเยอะแยะได้อย่างไร? เมื่อของมันมีปริมาณมาก หาได้ง่าย ราคามันก็ต่ำลงจนผมอดไม่ไหว วันนั้นผมรู้สึกอดสูใจขึ้นมาทันที

หลังจากนี้เมื่อคนในชุมชนพบผู้เสพ ผมขออย่าไปคิดว่าธุระไม่ใช่ จะต้องไม่มีกำแพงกั้นระหว่างชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปัจจุบันเราต้องการเพียงรักษาให้ผู้ป่วยหาย มีอาชีพสุจริตให้ทำ ไม่ได้เน้นการจับกุมคุมขังกันแต่อย่างใด

ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกัน แก้ไข บำบัดรักษา และช่วยเหลือผู้ติดยาเสพติด โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่กระบวนการค้นหา คัดกรอง ฟื้นฟู และลดอันตรายจากยาเสพติด มีการใช้ชุมชนเป็นศูนย์กลางในการดูแลผู้ผ่านการบำบัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้สามารถดำเนินชีวิต และอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างสงบสุข

เรื่องนี้ พล.ต.ท.สำราญ อธิบายให้ฟังว่า “ในกรุงเทพมหานครหน่วยภาคีที่ต้องเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนโครงการคือเจ้าหน้าที่สำนักงานเขต ต่างจังหวัดเป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครอง ตำรวจเป็นเพียงหน่วยสนับสนุน แต่ที่จะเป็นพระเอกที่แท้จริงคือคนในครอบครัว เพราะคงไม่มีใครผิดหวังไปมากกว่าการที่เราสูญเสียลูกหลานไป และคงไม่มีใครรู้สึกประสบความสำเร็จที่สุดหลังจากได้ลูกหลานกลับคืนมา

พ่อ แม่ พี่น้อง และคนในชุมชนต้องช่วยกัน แจ้งตำรวจได้เพราะตำรวจจะพาไปรักษา ป่วยแล้วต้องให้ยาไม่ได้มาตั้งหน้าตั้งตาจับกุมกัน ผู้ป่วยคือผู้เสพ เราควรให้โอกาส โดยเฉพาะในกลุ่มของเด็ก และเยาวชน ซึ่งถือเป็นกำลังหลักในอนาคต ทว่าหากใครผันตัวไปขาย ไปจำหน่าย ก็ต้องว่ากันตามกฎหมาย ตามสเต็ป ขั้นตอนเหล่านี้เรามีการแยกแยะชัดเจน”

ขณะที่ พ.ต.อ.คงศักดิ์ ปานน้อย ผกก.สน.หนองแขม รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบว่า ได้คัดเลือกชุมชนจำนวน 5 ชุมชน มีจำนวนประชากรรวม 7,064 คน เข้าร่วมโครงการ ซึ่งการดำเนินการประกอบด้วย 3 ขั้นตอน คือ 1.ขั้นเตรียมการ 2. ขั้นปฏิบัติการ และ 3.ขั้นส่งต่อความยั่งยืน

จะมีการค้นหาผู้ติดยาเสพติดเพื่อเข้ารับการบำบัดระบบ (CBTx) โดยให้ชาวบ้านในชุมชนมีส่วนร่วม อย่างน้อย จำนวน 200 รายขึ้นไปตลอดระยะเวลา 4 เดือน เริ่มตั้งแต่ 18 ธันวาคม 2566 ถึง 17 เมษายน 2567 เพื่อให้ผู้ติดยาเสพติดมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น สามารถอาศัยอยู่ ในชุมชนได้อย่างเป็นปกติสุข

ภายใต้กลไกการปรับทัศคติให้ชุมชนมองทุกคนเป็นลูกหลาน ติดตามนำผู้เสพมาบำบัดอย่างต่อเนื่อง และการส่งต่อความ ยั่งยืนในเรื่องแนวทางการขับเคลื่อนสินค้าชุมชน จะมีการฝึกอาชีพ ส่งเสริมสินค้าชุมชน เพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว ทำให้ชุมชนเข้มแข็ง

ท้ายที่สุดก่อนลาชาวบ้านเดินทางกลับ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร.ยังได้แสดงเจตจำนง ที่จะเข้าร่วม “กิจกรรมวิ่งต้านยาเสพติด พิชิต 3 ทะเล ครั้งที่ 2” ประจำปี 2567 ซึ่งคณะ กต.ตร.ร่วมกับข้าราชการตำรวจ บก.น.9 จัดขึ้น ในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 7 ม.ค.2567 เป็นการแสดงพาวเวอร์เบิกฤกษ์รับศักราชใหม่

เพื่อหารายได้เป็นกองทุนช่วยเหลือข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต รวมถึงสนับสนุนภารกิจป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติด โดยผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารได้ที่ www.FanaticRun.com และเพจเฟซบุ๊ก 3 SEAS RUN 2024 หาก "บิ๊กราญ" ไม่ติดภารกิจ อาจได้วิ่งต้านภัยยาเสพติดกับ “มือปราบสายฟิต"ไปพร้อมๆ กัน










กำลังโหลดความคิดเห็น