เจ้าชายแฮร์รีและดัชเชสเมแกนทรงถูกแปะตราว่าเป็น คู่เจ๊งรายใหญ่สุดประจำปี 2023 เมื่อเทียบกับบรรดาซูเปอร์สตาร์ดาวจรัสฟ้าทั้งปวงของฮอลลีวูด ตามการจัดอันดับความสำเร็จและความล้มเหลวของ เดอะฮอลลีวูด รีพอร์เตอร์ สื่อบันเทิงอเมริกันค่ายยักษ์ผู้ทรงอิทธิพลสุดๆ ซึ่งสื่อเมืองผู้ดีบอกว่าเป็นที่ซูฮกของฝ่ายต่างๆ ในวงการ แบบว่าระดับตำนานไบเบิลแห่งฮอลลีวูดกันทีเดียว พร้อมนี้สื่อเจ้าพ่ออังกฤษ ดิอินดีเพ็นเดนต์ ระบุว่าอดีตพระราชวงศ์คู่นี้ทรงเต็มไปด้วยเรื่องโกลาหลเสียชื่อเป็นจำนวนมากซึ่งวนๆ ไปตั้งแต่หัวปียันท้ายปี
การจัดอันดับประจำปี 2023 โดยเดอะฮอลลีวูด รีพอร์ตเตอร์ เน้นว่าคู่ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ประสบความล้มเหลวอย่างมโหฬารยิ่งกว่าใคร หลังดีลธุรกิจพอดแคสต์ที่มีอยู่กับค่ายสปอติฟาย ถูกยกเลิกเมื่อมิถุนายนที่ผ่านมา นอกจากนั้น ยังเสื่อมเสียหนักหนาด้วยแรงขยี้ดุเดือดจากรายการการ์ตูนโทรทัศน์ South Park ซึ่งล้อเลียนเสียดสีแรงเหลือเกิน
ในด้านผลผลิตในปี 2023 ดยุกและดัชเชสถูกวิพากษ์ตั้งแต่โปรเจ็กต์แรกเลย คือ หนังสือบันทึกความทรงจำเรื่อง SPARE ของเจ้าชายแฮร์รี ซึ่งพระองค์อวดโม้เกี่ยวกับการสังหารผู้ก่อการร้ายตอลิบานมากมาย อีกทั้งพรรณนาถึงความสัมพันธ์ร้าวฉานที่ทรงฟูมฟายว่าถูกพระราชวงศ์อังกฤษรังแก
ทั้งนี้ ขณะที่ไม่มีตัวเลขรายรับจาก SPARE ว่าจะเหลือเข้าสู่กำปั่นมอนเตซิโตของครอบครัวซัสเซกซ์สักกี่มากน้อย (เพราะมีการโหมซูเปอร์โปรโมชัน ลด 50% ก่อนหนังสือวางแผง และเมื่อวางแผงแล้ว หลายๆ ร้านใหญ่ทำรายการลดเลือดสาด 30-50% กันเลยทีเดียว) แต่หนังสือ SPARE ถูกคว่ำคะมำด้วยการแปะยี่ห้อให้เป็น “หนังสือขี้แยคร่ำครวญ” ดิอินดีเพ็นเดนต์รายงาน
ด้านเดลิเมลออนไลน์รายงานถึงความล้มเหลวของผลงานสำคัญอีกรายการหนึ่งของดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ คือ ซีรีส์สารคดีเน็ตฟลิกซ์ 6 เอพพิโซด เรื่อง แฮร์รีและเมแกน ว่าไม่สามารถแม้แต่จะติดอันดับ 200 เรื่องที่ถูกสตรีมมากที่สุดบนเน็ตฟลิกซ์ โดยทำอันดับได้แค่ที่ 211 เท่านั้น ทั้งนี้ แน่นอนว่าซีรีส์สารคดีชุดนี้ก็ถูกแปะยี่ห้อให้เป็น “ซีรีส์ขี้แยคร่ำครวญ”
“ยี่ห้อแฮร์รีกับเมแกนโป่งล้นขึ้นมาเป็นฟองสบู่ของคนปากว่าตาขยิบ พูดหลักการอย่างสง่าแต่ตนเองกลับทำตรงกันข้าม แค่จะรอใครมาจิ้มฟองสบู่ให้แตกโพละ” ดิอินดีเพ็นเดนต์คัดเนื้อหารายงานของเดอะฮอลลีวูด รีพอร์ตเตอร์ มานำเสนออย่างนั้น พร้อมระบุว่าการ์ตูนโทรทัศน์แนวตลกร้ายชื่อเรื่องว่า South Park คือเข็มแหลมที่จิ้มฟองสบู่คนปากว่าตาขยิบให้แตกโพละ
ดิอินดีเพ็นเดนต์รายงานว่า South Park เป็นจุดหักเหสำคัญที่ตอกย้ำให้ท่านผู้ชมตระหนักว่าปรินซ์แฮร์รีกับดัชเชสเมแกนเต็มไปด้วยถ้อยคำและการกระทำที่ไม่น่าเชื่อถือ ทั้งนี้ แม้การ์ตูนมิได้ระบุพระนามของทั้งสองแม้สักครั้งเดียว แต่ท่านผู้ชมต่างเข้าใจได้ว่ามุกเยาะเย้ยเสียดสีบาดใจทั้งปวง ล้วนหมายถึงปรินซ์และดัชเชสนั่นเอง โดยใช้ตัวการ์ตูนเจ้าชายผมแดงกับพระชายาผู้ซึ่งอยู่ในเสื้อผ้าเหมือนเปี๊ยบกับชุดของดัชเชสเมแกน ทำการเดินสายโปรโมทหนังสือเรื่อง “Waaaagh” ซึ่งอ่านว่า วา ซึ่งเล่าเรื่องส่วนตัวว่าเสียพรหมจรรย์เมื่อใดอย่างไร หลังจากที่โวยไว้มหาศาลว่า ถูกสื่อมวลชนละเมิดความเป็นส่วนตัว
ขณะที่ เดอะฮอลลีวูด รีพอร์ตเตอร์ ระบุว่าปรินซ์แฮร์รีและดัชเชสเมแกนล้มเหลว “ที่จะเอาสถานภาพเซเลบริตีมาสร้างรายได้ในสหรัฐอเมริกา” นับจากที่ทรงย้ายถิ่นฐานมาปักหลักในลอสแอนเจลิส นั้น ดิอินดีเพ็นเดนต์ก็ฟันธงเลยว่า สำหรับปี 2023 นั้น เอาตราไปแปะได้เลยว่าเป็นปีย่อยยับของปรินซ์แฮร์รีและดัชเชสเมแกน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลกระทบจากวิกฤติเดือนมิถุนายนเมื่อสปอติฟาย แพลตฟอร์มบริการสตรีมมิงดนตรีและวิดีโอค่ายใหญ่สุดของโลก ประกาศยุติข้อตกลงธุรกิจพอดแคสต์มูลค่าประมาณ 20-25 ล้านดอลลาร์ที่ทำไว้กับบริษัทอาร์ชแวลล์ ออดิโอ ของดัชเชสเมแกนกับเจ้าชายแฮร์รีนับแต่ปลายปี 2020
ภายใต้ดีลนี้ เป็นที่คาดหมายกันว่าอาร์ชแวลล์ของดัชเชสเมแกนจะผลิตพอดแคสต์อาร์เคอไทปส์ ที่ขนเอาเรื่องอื้อฉาวของพระราชตระกูลวินด์เซอร์ไปเล่าในรายการ เพื่อเป็นคอนเทนต์แม่เหล็กดึงดูดชาวโลกให้แห่กันไปติดตามที่สปอติฟาย แต่แล้วพอดแคสต์อาร์เคอไทปส์เป็นจริงขึ้นมาเพียง 1 ซีซัน รวม 12 เอพพิโซด โดยปรากฏข่าวแพลมออกไปเกี่ยวกับการประเมินคุณภาพมาตรฐานผลงานของดัชเชสว่า ไม่ถึงมาตรฐานของสปอติฟาย
แต่ที่น่าอับอายกว่านั้นคือ หลังจากปิดดีลไปแล้ว ดัชเชสและปรินซ์ถูกผู้บริหารระดับบิ๊กของสปอติฟายเช็กบิลด้วยการประณามทั้งสองพระองค์เป็นพวกต้มตุ๋น-สิบแปดมงกุฎ
ความล้มเหลวมหาศาลของคู่ปรินซ์แฮร์รีกับดัชเชสเมแกนถูกปิดท้ายปี 2023 ด้วยข่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (12 ธันวาคม) ว่ามูลนิธิอาร์ชแวลล์ของทั้งสองพระองค์ มีผลดำเนินงานติดลบในปี 2022 เป็นจำนวนเงินมากมายถึง 674,485 ดอลลาร์ (ราว 30 ล้านบาท) จากที่มียอดเงินบริจาคหดฮวบ 80% เหลือแค่ 2.005 ล้านดอลลาร์ แต่ค่าจ้างพนักงานทะยานเกือบ 400% จาก 163,085 ดอลลาร์ พุ่งขึ้นเป็น 640,441 ดอลลาร์
มูลนิธิอาร์ชแวลล์ของ ‘แฮร์รี-เมแกน’ ล้มเหลวดุเดือด ค่าใช้จ่ายมูลนิธิทะยานหลายเท่าตัว ทั้งที่ยอดบริจาคดิ่งหนัก
รายงานผลดำเนินงานประจำปี 2022 ปรากฏออกมาว่า มูลนิธิอาร์ชแวลล์ของปรินซ์แฮร์รีกับพระชายาเมแกน บริหารงานล้มเหลวจนกระทั่งมียอดติดลบมากมายถึง 674,485 ดอลลาร์ โดยเป็นผลจากสองสาเหตุ คือ
1.ยอดรายรับจากเงินบริจาคลดฮวบ
2.ยอดค่าใช้จ่ายของมูลนิธิทะยานเกือบ 400% โดยไปหนักที่ค่าจ้างพนักงาน ขณะเดียวกัน ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็พุ่งเพิ่มด้วย
ยอดบริจาคที่มูลนิธิอาร์ชเเวลล์ได้รับในปี 2022 ลดฮวบเหลือ 2.005 ล้านดอลลาร์ จากที่เคยทำยอดได้ถึง 12.9 ล้านดอลลาร์ในปี 2021 ซึ่งเท่ากับหดหายไป 10.9 ล้านดอลลาร์ เดลิเมลออนไลน์รายงานจากงบการเงินที่เผยแพร่เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว
แต่ยอดค่าใช้จ่ายของมูลนิธิทะยานเกือบ 400%
โดยเป็น 1.หมวดค่าจ้างเจ้าหน้าที่ 5 ราย สูงถึง 640,441 ดอลลาร์ในปี 2022 ทะยานจากระดับ 163,085 ดอลลาร์ในปี 2021 โดยไปโป่งหนักที่ค่าตัวของมือขวาปรินซ์แฮร์รี นามว่า เจมส์ โฮลต์ ผู้อำนวยการบริหารมูลนิธิฯ จำนวน 267,405 ดอลลาร์ต่อปี หรือก็คือ เกือบครึ่งของหมวดค่าจ้างทั้งหมด
และ 2.หมวดค่าใช้จ่ายดำเนินงานอื่นๆ จำนวน 786,201 ดอลลาร์ พุ่งขึ้นจากระดับ 727,666 ดอลลาร์ในปี 2021 หรือเท่ากับพุ่งขึ้นเกือบ 10%
นอกจากนั้น เป็น 3.หมวดเงินช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก และเงินสนับสนุนโครงการสร้างสรรค์ (ซึ่งเป็นภารกิจหลักของมูลนิธิ) จำนวน 1.2 ล้านดอลลาร์ ลดฮวบมากกว่า 50% จาก 3.096 ล้านดอลลาร์ในปี 2021
รวม 3 หมวด เป็นรายจ่ายทั้งสิ้น 2.67 ล้านดอลลาร์ แต่ในเมื่อมูลนิธิได้รับเงินบริจาคเข้าไปเพียง 2.005 ล้านดอลลาร์ มูลนิธิจึงมีผลการดำเนินงานติดลบ 674,485 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1 ใน 3 ของยอดบริจาคที่ได้รับ
แต่ที่ดุเดือดกว่านั้น คือ ค่าใช้จ่ายในหมวดที่ 1 กับหมวดที่ 2 ซึ่งเป็นค่าดำเนินงานมูลนิธิ มียอดรวมอยู่ที่ 1.426 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าเงินช่วยเหลือสนับสนุนสังคมตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ ณ 1.2 ล้านดอลลาร์ มหาศาลกว่า 226,000 ดอลลาร์กันเลยทีเดียว
มหาเศรษฐีใจบุญที่พิจารณาจะบริจาคเข้าสู่มูลนิธิอาร์ชแวลล์ น่าจะต้องคิดหนัก ว่าเงินบริจาคที่มอบไปนั้น จะถูกใช้จ่ายเหมาะสมเพียงใด ในเมื่อผู้บริหารมูลนิธิฯ ควรคุมค่าใช้จ่ายได้มีประสิทธิภาพ
ปรินซ์แฮร์รีและพระชายาเมแกน ทรงพิ’ณาจะกลับไปเสวยกงสีที่พระราชวัง เหล่าผู้เชี่ยวชาญฟันธง เพราะล้มเหลวรอบด้าน รายจ่ายทะลุเป้า แต่รายได้หลุดตลอด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการพระราชวงศ์ของสื่อมวลชนใหญ่ยักษ์พากันจับตาว่า ดยุกแฮร์รีและดัชเชสเมแกนจะตัดสินพระทัยหวนกลับวังเมื่อใด ในเมื่อดยุกทรง “ขว้างก้อนหินถามทาง” อย่างโจ่งแจ้ง ในแถลงการณ์ประกาศชัยชนะกรณีฟ้องสื่อมวลชนแฮ็กโทรศัพท์-เอาข้อมูลไปขายข่าว แต่รายได้หลุดเป้าหมายราว 65%
ดยุกแห่งซัสเซกซ์ทรงขวนขวายจะกลับคืนสู่พระราชวัง เพราะ “ทุกสิ่งที่ทรงดำเนินการล้วนล้มเหลว” แอนเจลา เลเวิน สุดยอดผู้เชี่ยวชาญการพระราชวงศ์หมวดเจ้าชายแฮร์รี วิเคราะห์ไว้ในรายการคุยข่าว จีบีนิวส์ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
แต่ดยุกแฮร์รีผู้ที่จะทรงกลับสู่พระราชวัง ทรงเปลี่ยนไปหมดสิ้นแล้ว และจะทรงเป็นความเสี่ยงต่อพระราชสำนัก แอนเจลา เลเวิน วิเคราะห์อย่างนั้น
ร่องรอยในเรื่องนี้ปรากฏในการต่อสู้คดีความที่ดยุกแฮร์รีตั้งเป้าหมายจะเล่นงานกระทรวงมหาดไทย กรณีที่ไม่จัดถวายการรักษาความปลอดภัยแด่พระองค์ในแต่ละครั้งที่เสด็จไปสหราชอาณาจักร อันเป็นผลจากการที่พระองค์ทรงลาออกจากการเป็นสมาชิกพระราชวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ที่ปฏิบัติพระภารกิจของสำนักพระราชวัง
โดยดยุกแฮร์รีทรงประสงค์จะเปลี่ยนกฎระเบียบที่ดูเป็นการลดชั้นสถานภาพ
ความเคลื่อนไหวต่อสู้ดังกล่าวนี้ แอนเจลา เลเวิน ชี้ว่าเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความตั้งพระทัยที่จะหวนกลับเข้าอยู่ในแวดวงของพระราชตระกูลนั่นเอง รายงานข่าวของจีบีนิวส์นำเสนอไว้อย่างนั้น
“ลอนดอนเป็นพระตำหนักของพระองค์ และพระองค์ทรงประสงค์ให้พระโอรสพระธิดาได้ประทับที่นี่” แอนเจลา เลเวิน ฟันธงไว้อย่างนั้น และกล่าวอธิบายว่าดยุกแฮร์รีทรงตั้งเงื่อนไขว่าครอบครัวซัสเซกซ์ไม่สามารถมาประทับในอังกฤษได้ ถ้าไม่ได้รับการคุ้มครองอารักขาระดับสูงสุด
“ดิฉันคิดเลยค่ะ พระองค์เริ่มต่อสู้เรื่องนี้ เพราะจะทรงกลับมา ซึ่งมันก็เป็นเพราะว่าทุกสิ่งอย่างที่ทรงดำเนินการนั้นล้มเหลวไปหมดแล้วน่ะค่ะ
“พระองค์ทรงประสงค์จะกลับมา ทรงประสงค์จะเป็นสมาชิกพระราชตระกูลอีกคราหนึ่ง แต่ พระเจ้าทรงโปรดเถิด พระองค์ทรงเป็นแฮร์รีที่เปลี่ยนไปอย่างมากมายแล้ว และพระองค์จะทรงทำอะไรก็ได้ที่ทรงปรารถนา
“ประเด็นมีอยู่ว่าพระองค์ทรงไม่มีความเคารพในเสด็จพระราชบิดา ทรงไม่มีความเคารพในพระราชตระกูล ดิฉันจึงคิดว่าพระองค์จะเป็นอันตรายใหญ่หลวง เพราะจะทรงต่อกรกับพระราชตระกูล” แอนเจลา เลเวิน วิเคราะห์ไว้อย่างนั้น
มาตรว่าการวิเคราะห์ของเหล่ากูรูมีความแม่นยำ แต่ก็มิใช่ง่ายที่ปรินซ์แฮร์รีและพระชายาเมแกนจะทรงสมปรารถนา เพราะในการกราบบังคมทูลขอเสด็จพระราชบิดาให้ความสนับสนุน ย่อมต้องมีเรื่องของการกล่าวขออภัยสำหรับการใส่ร้ายป้ายสีโจมตีต่างๆ ที่ได้กระทำไปแล้ว ตลอดจนการสัญญาที่จะไม่ให้กระทำอีกอย่างเด็ดขาดในอนาคต
ทั้งนี้ แหล่งข่าวใกล้ชิดสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ได้กระซิบสู่สื่อมวลชนแล้วว่า กษัตริย์ชาร์ลส์ทรงโนสนโนแคร์กับการถูกนำพระนามไปปล่อยในหนังสืออาบยาพิษเรื่อง Endgame เวอร์ชั่นแปลเป็นภาษาอังกฤษร ว่าทรงเป็นสมาชิกพระราชวงศ์ที่เอ่ยถึงเรื่องสีผิวของเจ้าชายอาร์ชีในครรภ์ของพระสุณิสาเมแกน
“แหล่งข่าวหลายรายซึ่งใกล้ชิดกษัตริย์ชาร์ลส์ ผู้ทรงถูก โอมิด สโคบี เขียนกล่าวหาว่าทรงเอ่ยถึงสีผิวของเจ้าชายอาร์ชี นั้น พากันไปเปิดเผยกับเดอะซันว่า กษัตริย์ชาร์ลส์ทรงไม่ใส่พระราชหฤทัยอะไรกับการถูกระบุพระนาม และในทางตรงข้าม พระองค์ทรงมีพลังเต็มเปี่ยม” เดอะซันนำเสนอข่าวไว้ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
พร้อมกันนี้ บรรดาแหล่งข่าวเหล่านี้เผยประเด็นทีเด็ดทีขาดกับเดอะซันด้วยว่า
กษัตริย์ชาร์ลส์ทรงกล่าวกับประดาพระสหายว่า “พระองค์จะไม่ยอมถูกพระราชโอรสทำการแบล็กเมล์ในทางอารมณ์ต่อพระองค์”
ยิ่งกว่านั้น ยังมีข่าวแพลมออกมาในห้วงไล่เลี่ยกันด้วยว่า กษัตริย์ชาร์ลส์ทรงเตรียมจะฟาดกลับใส่หนังสือ Endgame ด้วยหลายมาตรการ ซึ่งรวมถึงมาตรการฟ้องร้องดำเนินคดีด้วย
สำหรับห้วงนี้ จึงเป็นสถานการณ์ลำบาก จะอยู่แอลเอ น่าจะไม่ไหว - จะกลับวังที่อังกฤษ ก็ต้องกลืนเลือดกลืนน้ำลายแกล้มด้วยแวเลียมกันหลายกล่องทีเดียว
คอลัมน์ PLANET No.3
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: ดิอินดีเพ็นเดนต์ เดอะฮอลลีวูด รีพอร์ตเตอร์ เดลิเมลออนไลน์ จีบีนิวส์ เดอะซัน)