สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักรทรงจ่อจะฟาดกลับหนังสือ Endgame ของ โอมิด สโคบี อย่างจริงจังสุดๆ ซึ่งอาจถึงขั้นดำเนินคดี โดยจะหารือเจ้าฟ้าชายวิลเลียมแลคณะที่ปรึกษาชั้นผู้ใหญ่ในสัปดาห์นี้ เพื่อกำหนดแนวทางดำเนินการ เดลิเมล์ออนไลน์รายงานเมื่อเสาร์ที่ 2 ธ.ค. หลังจากที่สาธารณชนอังกฤษทั้งรอทั้งลุ้นให้ทรงขยับโดยเร็วเพราะประชาชนโกรธแทนพระองค์อย่างที่สุดแล้ว
ในเวลาเดียวกัน สส. พรรคอนุรักษ์นิยม ขยับแล้วกับเรื่องออกกฎหมายถอดถอนปรินซ์แฮร์รีและพระชายาเมแกนพ้นพระอิสริยยศ ภายใต้กรอบแห่งภัยคุกคามต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์น่าจะทรงพร้อมในเรื่องนี้แล้ว และการบิดเบือนข้อมูลกล่าวว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพวกเหยียดผิว ก็นับว่าจาบจ้วงอุกอาจอย่างที่สุด ขณะที่เนื้อหาของหนังสือ Endgame นั้นล้ำเส้นอย่างเหลือเกิน เต็มไปด้วยการโกหกบิดเบือน และโจ่งแจ้งว่ามีความมุ่งหมายจะโจมตีใส่ร้ายพระเกียรติยศของกษัตริย์ชาร์ลส์และพระราชวงศ์
หลายๆ ตอนของหนังสือ “Endgame: Inside the Royal Family and the Monarchy’s Fight for Survival” หรือก็คือ “เอนเกม เผด็จศึก: เบื้องหลังพระราชตระกูลและการต่อสู้ของกษัตริย์เพื่อความอยู่รอด” ถูกผู้ประพันธ์หนุ่ม นามว่า โอมิด สโคบี พระสหายซี้สนิทของดัชเชสเมแกนและดยุกแฮร์รีแห่งซัสเซกซ์ หยิบเอาตอนโหดๆ ที่มุ่งทำลายภาพลักษณ์ของพระเจ้าชาร์ลส์ เจ้าฟ้าชายวิลเลียม และเจ้าหญิงแคเธอริน ขึ้นไปป้อนสื่อมวลชนค่ายใหญ่ยักษ์ในอังกฤษ ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยสอดประสานกับความเคลื่อนไหวของครอบครัวซัสเซกซ์ ตลอดเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
โดยในวันที่ 4 พฤศจิกายน เป็นการประเดิมเสิร์ฟเนื้อหาที่ดุเดือดปานกลาง ผ่านบทสัมภาษณ์ที่คุยกับนิตยสารพีเพิลว่า ความนิยมที่ประชาชนมีต่อพระเจ้าชาร์ลส์ได้เสื่อมถอยอย่างหนัก และเจ้าฟ้าชายวิลเลียม รัชทายาทลำดับที่ 1 แห่งพระราชบัลลังอังกฤษ ทรงเป็นเจ้าผู้กระหายอำนาจ
ในวันรุ่งขึ้นต่อมา ชาวคณะค่ายซัสเซกซ์ ตามไปสมทบกับ สโคบี โดยปล่อยข่าวผ่านสื่อซันเดย์ไทมส์ว่า ดัชเชสและดยุกแห่งซัสเซกซ์ทรงหักหน้าพระมหากษัตริย์แห่งอังกฤษผู้ทรงเป็นพระราชบิดา ด้วยการปฏิเสธคำเชิญเข้าร่วมปาร์ตีฉลองพระราชเบิร์ธเดย์ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเปิดเวทีให้ดัชเชสเมแกนกับดยุกแฮร์รีออกโรงดิสเครดิตพระราชบิดา ว่าพระองค์ยังไม่ทรงส่งคำเชิญมาเลย ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ไม่ติดตามข่าว จะมองด้วยความคลางใจว่ากษัตริย์ชาร์ลส์เป็นเสด็จพ่อผู้ไร้น้ำใจ
อาทิ ข่าวที่ค่ายซัสเซกซ์ปล่อยไปทางเดลิเมล์ออนไลน์เมื่อ 5 พฤศจิกายน ซึ่งให้บรรยากาศแห่งการที่พระราชบิดาทรงทอดทิ้ง ขณะที่พระราชโอรสก็ทรงพยายามหาทางเข้าให้ถึงตัวคิง เพื่อจะถวายพระพรได้อย่างเป็นการส่วนตัว ดังนี้
“แหล่งข่าวใกล้ชิดครอบครัวซัสเซกซ์เผยกับเมลออนไลน์ว่า ดยุกและดัชเชสยังไม่ได้รับคำเชิญเข้าร่วมพระราชปาร์ตีของกษัตริย์ชาร์ลส์
“ทั้งสองพระองค์ยังไม่ได้รับคำเชิญ แต่ทรงไม่ได้ใส่พระทัยกับเรื่องนี้ จนกระทั่งมีรายงานข่าวออกมา” แหล่งข่าววงในของค่ายซัสเซกซ์กล่าว และเสริมว่า “เราแน่ใจว่าดยุกจะทรงหาวิธีเข้าถึงพระองค์ท่านได้แบบที่เป็นการส่วนตัว เพื่อจะถวายพระพรเหมือนดั่งที่ทำมาทุกปี”
หลังจากนั้น โอมิด สโคบี ได้ปรากฏตัวเป็นข่าวแสนบ่อยและแสนถี่ เพราะจะทยอยส่งประเด็นเนื้อหาใน Endgame ให้สื่อค่ายต่างๆ เป็นหลายๆ ระลอกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเด็นความขัดแย้งมากมายในวันที่ 8 กันยายน 2022 ซึ่งสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงสวรรคต
โดยเนื้อหาใน Endgame เล่นงานเจ้าฟ้าชายวิลเลียมในลักษณะสร้างภาพว่าเจ้าฟ้าชายวิลเลียมทรงใจร้าย ไม่รับโทรศัพท์ที่ปรินซ์แฮร์รีติดต่อจะขอร่วมเดินทางไปกับเครื่องบินของกองทัพอากาศ เพื่อให้ทันได้กราบบังคลทูลลาพระเจ้าอัยยิกาเจ้า ณ ปราสาทบัลมอรัล สกอตแลนด์ ทำให้ปรินซ์พลาดเที่ยวบินนั้น ต้องเหมาเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวเดินทางตามไป และในที่สุดคือ ไปไม่ทันได้ดูพระทัยสมเด็จย่า
(แต่ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า เจ้าฟ้าชายวิลเลียมและเสด็จอาแอนดรูว์ กับเสด็จอาเอ็ดเวิร์ดทรงรอปรินซ์แฮร์รี แต่มีปัญหาว่าดัชเชสเมแกนซึ่งไปออกอากาศกล่าวว่าร้ายโจมตีพระราชวงศ์วินด์เซอร์ของควีนเอลิซาเบธไว้อย่างมากมาย ดึงดันจะตามเสด็จปรินซ์แฮร์รีไปปราสาทบัลมอรัล ในเรื่องนี้พสกนิกรอังกฤษทราบทั่วกันว่าในคราวพระราชพิธีงานพระศพปรินซ์ฟิลิป เมื่อสำนักพระราชวังได้ทราบว่าปรินซ์แฮร์รีจะทรงเดินทางเข้าร่วมเพียงลำพังพระองค์เดียว นั้น มีข่าวกระซิบกันว่า ควีนเอลิซาเบธทรงอุทานพอพระทัยทำนองว่าดีจัง
(ดังนั้น จึงมีการเสียเวลาเนิ่นนานกับการโทรศัพท์พูดอธิบายมากมาย กว่าปัญหาจะยุติด้วยการที่ครอบครัวซัสเซกซ์ได้ทราบว่าพระชายาเคทของปรินซ์วิลเลียมทรงไม่เสด็จไปปราสาทบัลมอรัลเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ เวลาที่เหลือให้แก่การเดินทางจึงหมิ่นเหม่ว่าจะไม่เพียงพอจะเสด็จถึงปราสาทได้ก่อนที่สมเด็จพระอัยยิกาเจ้าจะสวรรคต คณะพระราชวงศ์ 4 พระองค์จึงทรงออกเดินทางไปก่อน แล้วเมื่อปรินซ์แฮร์รีทรงเคลียร์กับดัชเชสเมแกนเรียบร้อย ก็ให้ตามไป โดยข้าราชบริพารที่ปราสาทบัลมอรัลจะจัดพระราชยานยนต์รับเสด็จจากสนามบินในสกอตแลนด์ นำไปยังปราสาท)
การปล่อยพระนามคิงชาร์ลส์ออกสู่พื้นที่สาธารณะ ในฐานะ “เจ้าผู้เหยียดผิว” จะส่งผลให้ผู้ดำเนินการและผู้อยู่เบื้องหลังโดนกำราบทั่วหน้า
รายงานข่าวที่ว่ากษัตริย์ชาร์ลส์ทรงจ่อจะฟาดกลับหนังสือ Endgame ของ โอมิด สโคบี เจ้าของฉายา “กระบอกเสียงของดัชเชสเมแกน” มีขึ้นหลังจากพระนามของพระองค์และพระราชสุณิสาแคเธอริน ถูกปล่อยในหนังสือ Endgame ฉบับแปลเป็นภาษาดัตช์ ว่าเป็นพวกเหยียดผิว ทั้งๆ ที่ ไม่มีอยู่ใน Endgame เวอร์ชันหลัก ภาษาอังกฤษ
ทั้งนี้ ในวันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน 2023 ซึ่งหนังสือ Endgame ถูกวางแผงวันแรกพร้อมกันหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นฉบับหลักภาษาอังกฤษ หรือฉบับแปลเป็นภาษาอื่น
แต่แล้ว ก็ได้ปรากฏข่าวอื้อฉาวร้อนฉ่าขึ้นมาในวันอังคารนั้นเอง เมื่อผู้คนชาวดัตช์และสื่อมวลชนใหญ่น้อยในเนเธอร์แลนด์พบว่าในหนังสือ Endgame ฉบับแปลเป็นภาษาดัตช์ โอมิด สโคบี เขียนระบุพระนามของกษัตริย์ชาร์ลส์และเจ้าหญิงเคท ว่าเป็นสมาชิกพระราชวงศ์อังกฤษที่ตรัสแสดงความกังวลในเรื่อง “พระโอรสของปรินซ์แฮร์รีในครรภ์ของดัชเชสเมแกนจะมีสีผิวดำแค่ไหน” โดยการเขียนกล่าวหานี้ ปรากฏอยู่ในตอนที่เล่าถึงจดหมายซึ่งดัชเชสเมแกนส่งจากสหรัฐอเมริกาไปต่อว่ากษัตริย์ชาร์ลส์ ในปี 2021 (ซึ่งยังทรงเป็นมกุฎราชกุมารในห้วงเวลานั้น) หลังจากที่ดัชเชสเมแกนกับปรินซ์แฮร์รีไปเล่าออกอากาศทั่วโลกในรายการ โอปราห์ วินฟรีย์ โชว์ เดือนมีนาคม 2021
ด้วยความที่เรื่องนี้มีความดุเดือดอย่างยิ่ง ซึ่งอาจรุนแรงระดับที่จะถูกฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาทให้ต้องเสียเงินมหาศาล สำนักพิมพ์อเมริกันผู้รับผิดชอบการผลิตและจำหน่ายหนังสือ Endgame จึงต้องขอร้องให้สำนักพิมพ์ดัตช์ที่ดูแลการแปล การผลิต และการจำหน่ายภายในเนเธอร์แลนด์ รีบยุติการขายชั่วคราว เพื่อเอาหน้ากระดาษเจ้าปัญหาออกไปให้เรียบร้อย
ข้อมูลเหล่านี้ปรากฏเป็นข่าวครึกโครมในวันอังคารที่ 28 แต่ไม่มีสื่อค่ายใดทำการระบุพระนามไว้ในเนื้อหาของข่าว ทั้งที่ สื่อทุกค่ายต่างก็ทราบแล้วว่า โอมิด สโคบี เขียนกล่าวหาพระราชวงศ์พระองค์ใด
ดังนั้น ในวันต่อมา คืนพุธที่ 29 พฤศจิกายน เพียร์ส มอร์แกน พิธีกรข่าวชาวอังกฤษ ประกาศกลางรายการ “Piers Morgan Uncensored” ว่า คิงชาร์ลส์ กับ เจ้าหญิงแคเธอรินแห่งเวลส์ คือสมาชิกพระราชตระกูลอังกฤษ ที่ถูกระบุไว้ในหนังสือ Endgame ของ โอมิด สโคบี สื่อยักษ์อเมริกันนามว่า นิวยอร์กโพสต์ รายงานอย่างนั้น
พร้อมนี้ นิวยอร์กโพสต์ซึ่งก็เป็นสื่อมวลชนจอมอิทธิพลรายเดียว ที่นำคำเฉลยจาก เพียร์ส มอร์แกน มาตีพิมพ์ขึ้นเว็บไซต์ข่าว บอกว่าคุณพิธีกรข่าวคนดังให้คำอธิบายว่าในเมื่อผู้คนที่ฮอลแลนด์ได้ทราบกันทั่วแล้ว คนอังกฤษก็สมควรจะได้ทราบเช่นกัน
“ผมจะบอกให้ทุกท่านทราบพระนามพระราชวงศ์ชั้นผู้ใหญ่สองพระองค์ ซึ่งถูกเขียนไว้ในหนังสือ Endgame ฉบับแปลเป็นภาษาดัตช์ เพราะว่า ในเมื่อชาวดัตช์ที่เดินเข้าร้านสามารถหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาและเห็นพระนามได้ พวกท่านผู้เป็นชาวอังกฤษที่เสียภาษีให้แก่ประเทศชาติ ก็มีสิทธิ์ที่จะได้ทราบเช่นกัน”
“แล้วเราก็จะได้เปิดการถกเถียงกันอย่างเปิดกว้างมากขึ้น เพราะตัวผมไม่เชื่อว่าจะมีคำพูดในทางเหยียดผิวออกมาจากพระราชวงศ์พระองค์ใด และจนกว่าจะมีหลักฐานแท้จริงนำมาพิสูจน์ ผมจะไม่มีวันเชื่อข้อกล่าวหานี้”
หลังจากนั้น เพียร์ส มอร์แกน กล่าวต่อไปว่า
“ตอนนี้เราเริ่มกระบวนการค้นหาความจริงกันครับว่า สองพระองค์เคยตรัสไว้อย่างนั้นจริงหรือไม่ เนื้อหาที่ทรงตรัสมีว่าอย่างไร และทรงมีความตั้งใจในทางเหยียดผิวสักนิดหรือไม่ ซึ่งก็อย่างที่ผมกล่าวไปแล้ว ผมไม่เชื่อว่าจะมี
“พระราชวงศ์ที่ทรงปรากฏพระนามในหนังสือ ได้แก่ กษัตริย์ชาร์ลส์ กับ แคเธอริน เจ้าหญิงแห่งเวลส์ครับ” นิวยอร์กโพสต์รายงานว่า เพียร์ส มอร์แกน กล่าวอย่างนั้น
ดังนั้น หลังจากที่สื่อค่ายใหญ่น้อยทั้งหลายทำการรายงานข่าว แต่หลีกเลี่ยงที่จะระบุพระนาม เมื่อ เพียร์ส มอร์แกน และ นิวยอร์กโพสต์ ทำหน้าที่สื่อมวลชนอย่างตรงไปตรงมา ชาวโลกทั้งมวลก็สามารถตามทันเหตุการณ์ได้อย่างเสมอหน้ากับชาวดัตช์ในเนเธอร์แลนด์
ในการไล่ล่าตัวการทำพระนามที่ถูก ‘เมแกน’ กล่าวหาว่าเหยียดผิว ไปโผล่ใน Endgame ภาษาดัตช์: สโคบีดิ้นไม่หลุด ต้องโดนเต็มๆ แน่
รังสีอื้อฉาวของ Endgame ณ เวลานี้ กดดัน โอมิด สโคบี จนตรอกหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่นักเขียนรายนี้ เป็นนักพูดที่ฉลาด และกล้าพลิกพลิ้วแก้ตัวด้วยแท็กติกของนักโต้วาที
สโคบี ได้รับเชิญออกรายการตัวแม่ของบีบีซี คือ รายการนิวส์ไนท์ ข่าวค่ำนี้ ในคืนพฤหัสบดี 30 พฤศจิกายน เขาสามารถใช้คำพูดสร้างภาพขึ้นว่า เขาก็เป็นหนึ่งในผู้เสียหาย โดยกล่าวว่าเขารู้สึกเจ็บปวดและคับข้องใจกับเหตุการณ์มากมายในสัปดาห์ที่ผ่านมา
กระนั้นก็ตาม สโคบีปฏิเสธที่จะขออภัยพระราชวงศ์ที่ได้รับความเสียหาย โดยบอกว่า
“ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะกล่าวขออภัย เพราะผมเองก็ยังอยากจะทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เดลิเมลออนไลน์รายงาน
ในวันอังคารที่เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมานั้น สโคบีโทษให้เป็นปัญหาจากการแปลต้นฉบับ เดลิเมลออนไลน์บอก
นอกจากนั้น เขายังทำให้ตนเองแบกความเสี่ยงมากขึ้น โดยกล่าวสาบานว่า ด้วยชีวิตของตนเองและของครอบครัวเขา การที่พระนามรั่วไหลสู่สายตาสาธารณชนนั้น มิใช่การกระทำเพื่อโหมกระแสให้ขายหนังสือได้มากขึ้น
เขาบอกในรายการคุยข่าวนิวส์ไนท์ว่า รู้สึกเจ็บปวดที่ถูกสงสัยว่าตัวเขาไปสมรู้ร่วมคิดกับดัชเชสเมแกนแห่งซัสเซกซ์
ประเด็นสำคัญที่สโคบีกล่าวออกไป และล็อกตนเองไว้ คือ
“ผมคับข้องใจเท่ากับทุกคนครับ หนังสือที่ผมเขียน หนังสือที่ผมตรวจแก้ หนังสือที่ผมเซ็นชื่อแจกนักอ่าน ไม่มีพระนามในนั้น”
แต่ในวันนี้ จันทร์ที่ 4 ธันวาคม เดอะไทมส์รายงานข้อมูลจากบริษัทตัวแทนของ สโคบี ซึ่งจะคว่ำคำประกาศของสโคบีที่ว่า เขา “ไม่เคย” ส่งต้นฉบับที่มีพระนามของคิงชาร์ลส์กับเจ้าหญิงเคทเกี่ยวข้องกับเรื่องเหยียดผิว ดังนี้
บริษัทตัวแทนของ สโคบี นามว่า ยูไนเต็ดทาเลนท์เอเยนซี ทำการส่ง “เวอร์ชันก่อนส่งให้ฝ่ายกฎหมายตรวจทาน” ไปให้สำนักพิมพ์ในเนเธอร์แลนด์เริ่มดำเนินการไปพลางก่อน และเวอร์ชันดังกล่าวนั้น มีย่อหน้าที่ระบุพระนามของคิงชาร์ลส์กับเจ้าหญิงเคท ในเวลาต่อมาฝ่ายกฎหมายแนะนำให้ถอดย่อหน้าเจ้าปัญหาออก แล้วจึงไปสู่เวอร์ชันสุดท้าย เมื่อเวอร์ชันไฟแนลนี้ถูกส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ก็น่าจะเป็นได้ว่าผู้แปลทำการแปลจากเวอร์ชันร่างที่ได้รับตั้งแต่แรก เดอะไทมส์รายงานอย่างนั้น
ในด้านของผู้แปล Endgame เป็นภาษาดัตช์ เดลิเมลออนไลน์นำเสนอข่าวไว้ว่าหนึ่งในสองนักแปลซึ่งเป็นมืออาชีพคุณภาพมาตรฐานงานดีงามเป็นที่ยอมรับ ยืนยันว่าต้นฉบับเล่มภาษาอังกฤษที่เธอได้รับมา มีพระนามของสองพระราชวงศ์ปรากฏอยู่
ทั้งนี้ เธอให้สัมภาษณ์แก่เดลิเมลออนไลน์เมื่อวันพฤหัสบดี 30 พฤศจิกายนว่า
“ในฐานะผู้แปล ดิฉันแปลสิ่งที่อยู่ข้างหน้า
“พระนามของพระราชวงศ์อังกฤษทั้งสองพระองค์ถูกพิมพ์อยู่ในนั้น เป็นตัวหนังสือสีดำบนกระดาษขาว ดิฉันไม่ได้เติมเข้าไป ดิฉันแค่ทำงานตามที่ได้รับว่าจ้าง คือแปลหนังสือเล่มนั้นจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาดัตช์
ด้านเดอะซันได้สัมภาษณ์ผู้ร่วมแปลอีกหนึ่งราย ซึ่งบอกว่า “เราเป็นนักแปลมืออาชีพ เราทั้งสองคนทำอาชีพแปลมาเป็นปีๆ นี่มันไม่ยุติธรรมเลย” ที่ถูกโทษว่าความผิดพลาดเกิดขึ้นที่เรา
เหล่านี้คือเปลาะที่คว่ำข้ออ้างของสโคบีที่พูดให้พ้นความรับผิดชอบว่าไม่เคยเขียนพระนามคิงชาร์ลส์ และดัชเชสเมแกนในฐานะผู้ที่ถูกกล่าวหาเรื่องพูดเหยียดผิว ในหนังสือ Endgame พร้อมกับเป็นหลักฐานยืนยันว่า หนังสือ Endgame เวอร์ชันที่โอมิด สโคบี ได้ระบุพระนามของกษัตริย์ชาร์ลส์และเจ้าหญิงเคทไว้นั้น มีอยู่จริง แต่มีฝ่ายอื่นๆ ทำการตัดสินใจถอดส่วนนี้ของ สโคบี ออก เพื่อป้องกันปัญหาฟ้องร้อง
อนึ่ง พิธีกรสาวของรายการนิวส์ไนท์ตั้งคำถามแทงใจว่า “ต้องมีบางเวอร์ชันที่คุณได้เขียนพระนามไว้ในหน้าหนังสือ แล้วเจ้าเวอร์ชันไม่ถูกต้องนี้ ถูกส่งไปยังผู้ที่รับผิดชอบการแปลในบางประเทศใช่ไหม ดิฉันคาดว่าอย่างนั้นนะคะ”
แต่ปรากฏว่า สโคบีมิได้ตอบประเด็นนี้ เดลิเมลออนไลน์รายงานอย่างนั้น
ในตอนนี้ สำนักพิมพ์แซนเดอร์ในเนเธอร์แลนด์ยืนยันข้ออธิบายที่จะเคลียร์ตนเองกับทีมนักแปล ด้วยการลำดับเหตุการณ์ว่า สำนักพิมพ์แซนเดอร์ได้รับต้นฉบับรุ่นที่เขียนพระนาม และก็ยังมีปมที่ว่า เวอร์ชันสุดท้ายซึ่งเอาย่อหน้าเจ้าปัญหาออกไปแล้วนั้น เดินทางไปถึงสำนักพิมพ์แซนเดอร์หรือไม่ หรือเกิดอะไรขึ้นกว่จะไปถึงทีมนักแปล
กระนั้นก็ตาม ปมดังกล่าวก็ไม่ถือว่าสำคัญเท่าใดนัก เพราะมีข้อพิสูจน์แล้วว่า เวอร์ชันที่สโคบีส่งมอบแก่บริษัทตัวแทน เป็นอะไรที่สโคบีมีความตั้งใจจะทำให้ข้อกล่าวหาที่เขียนโจมตีคิงชาร์ลส์และปรินเซสเคท ถูกเผยแพร่สู่สาธารณชน
ดังนั้น เมื่อเรื่องราวไปถึงชั้นศาล สโคบีย่อมไม่สามารถหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบได้ และต้องติดตามดูว่าเขาจะแฉความลับเรื่องความเป็นมา เพื่อโยนความผิดไปให้สหายซึ่งอยู่เบื้องหลังหรือไม่ แบบที่เรียกว่า ขอรับการกันตัวเป็นพยาน ด้วยการให้ความร่วมมือแก่ทางการ
ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์คือจำเลยสังคมเบอร์ 1 เพราะเมื่อไต่สวนว่า ‘สโคบี’ เห็นจม.โต้ตอบ พระราชสุณิสาเมแกน กับพระสสุระชาร์ลส์ จากผู้ใด ก็มีอยู่รายเดียว
จดหมายลับที่โต้ตอบไปมาระหว่างสองบุคคล หากมีบุคคลอื่นๆ ล่วงรู้ประเด็นสำคัญในจดหมายเหล่านั้น ย่อมเป็นเรื่องที่เข้าใจได้อย่างง่ายๆ ว่าหนึ่งในสองบุคคลคู่กรณีได้เปิดเผยจดหมายออกไป
ดังนั้น ในกรณีจดหมายลับที่ดัชเชสเมแกน พระราชสุณิสา เขียนต่อว่ากษัตริย์ชาร์ลส์ และจดหมายลับที่คิงอังกฤษทรงส่งไปยืนยันว่า พระองค์มิได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด และในเวลาต่อมาพระราชสุณิสาชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน ได้เขียนไปต่อว่ากรณีที่พระชายาคามิลลาของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ (พระอิสริยยศในขณะนั้น) ทรงสนทนาหยอกล้อในพระครอบครัวเรื่องพระโฉมของน้องอาร์ชีที่ยังอยู่ในครรภ์ของดัชเชสเมแกน ว่าอาจจะเป็นอย่างไรได้บ้าง เช่น มีผมทรงแอฟโฟรสีส้ม นั้น ในเมื่อ โอมิด สโคบี ได้เห็นจดหมายเหล่านี้ โอกาสที่สโคบี จะได้เห็นจากสำนักพระราชวังคือ เป็นไปไม่ได้ แต่โอกาสที่สโคบี จะได้เห็นจากการอำนวยการของดัชเชสเมแกน คือ สูงลิ่ว เพราะทั้งสองมีความสนิทสนมกันมาก ระดับที่วงการสื่อมวลชนมอบฉายาแก่สโคบีว่า Cheerleader-in-Chief of Meghan หรือก็คือ ประธานสูงสุดแห่งคณะเชียร์ลีดเดอร์ของดัชเชสเมแกน
เมื่อหนังสือพิษสงร้ายเหลือเรื่อง Endgame ของสโคบี ฉบับภาษาดัตช์ ที่วางตลาดเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2023 ปรากฏว่ามีการเขียนพระนามของกษัตริย์ชาร์ลส์ และเจ้าหญิงเคทในข้อกล่าวหาโจมตีว่าเป็นพระราชวงศ์ที่ตรัสว่าบุตรในครรภ์ของดัชเชสเมแกนจะมีสีผิวดำเพียงใด นั้น ประเด็นที่กษัตริย์ชาร์ลส์ทรงเพ่งเล็ง มิใช่เรื่องการโต้ตอบว่าดัชเชสเมแกนบิดเบือนพระดำรัส เพราะความข้อนี้เคยถูกเฉลยไว้โดย เพจซิกซ์ สื่อหัวสีเจ้าดังของอังกฤษตั้งแต่ปี 2021 ว่าพระดำรัสแท้จริงมีลักษณะดั่งถ้อยคำของคุณพ่อคุณแม่ในครอบครัวทั่วไป ก่อนที่จะถูกนำไปบิดเบือนให้แลดูว่าเป็นการเหยียดผิว
ทั้งนี้ ประเด็นที่คิงชาร์ลส์ทรงเพ่งเล็ง คือ โอมิด สโคบี ได้เห็นจดหมายเจ้าปัญหานั้น จากใคร
โดยสำนักพระราชวังบัคกิงแฮมทำการไต่สวนแล้วว่า อาจจะมีข้าราชบริพารรายใดบ้างที่ได้เห็นบรรดาจดหมายโต้ตอบระหว่างพระราชสุณิสาเมแกน กับพระสสุระชาร์ลส์ พ่อสามี เดลิเมลออนไลน์ได้ทราบมาอย่างนั้น
ผลออกมาว่ามีบุคลากรที่เข้าข่ายเพียงไม่กี่ราย และมั่นใจได้อย่างยิ่งว่าการรั่วไหลมิได้ผ่านไปจากคนเหล่านี้ และที่สำคัญคือจดหมายนั้นถูกเก็บรักษาและล็อกไว้อย่างดี
แหล่งข่าวระดับผู้ใหญ่ในพระราชวังบัคกิงแฮมบอกเดลิเมลออนไลน์ว่า “มันไม่มีโอกาสเลยที่ชื่อเหล่านั้นจะออกมาจากสำนักพระราชวัง”
ด้านเดอะซันรายงานข้อมูลจากคนวงในพระราชวงศ์อีกรายหนึ่งว่า
“จดหมายฉบับนั้นถูกเก็บล็อกลั่นกุญแจไว้ และไม่มีผู้ใดในแวดวงของพระเจ้าชาร์ลส์จะไปเปิดเผยเนื้อหาของจดหมายให้รั่วไหล
“ความเป็นไปได้ทั้งปวงมีอยู่ว่า ต้องเป็นทางค่ายซัสเซกซ์ที่ปล่อยพระนามออกไป
“มันเป็นการโจมตีที่น่าเกลียดและตั้งใจเล่นงาน”
บรรดาผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ซึ่งทรงลาออกจากการปฏิบัติพระราชกิจสนองพระเดชพระคุณสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธไปตั้งถิ่นฐานที่สหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2020 กระทำการอันร้ายแรงนี้เพราะทรงต้องการแก้แค้น เนื่องจากไม่พอพระทัยที่ไม่ได้รับสิ่งที่ทรงปรารถนาและเรียกร้อง เดอะซันนำเสนอไว้อย่างนั้น
โรเบิร์ต จ็อบสัน นักเขียนหนังสือราชวงศ์ ให้ความเห็นแก่เดลิเมลออนไลน์ว่า “พฤติกรรมแบบนี้ของครอบครัวซัสเซกซ์ จะต้องยุติเสียที เพราะในระยะยาว จะทำลายพระมหากษัตริย์ ทั้งๆ ที่ว่าเรื่องที่ทำไป ก็ไม่ได้ช่วยให้ทั้งสองพระองค์ได้รับสิ่งที่พึงปรารถนา”
สโคบี ซึ่งได้รับฉายาที่สองว่า กระบอกเสียงของดัชเชสเมแกน เดินทางไปฝังตัวในลอสแอนเจลิส เก็บข้อมูลเพื่อเขียน Endgame เดลิเมลออนไลน์ให้ข้อมูลนี้ ก็ประมาณว่าไปพระตำหนักมอนเตซิโตในแอลเอนั่นเอง
อันที่จริง สื่อค่ายต่างๆ ทั้งน้อยและใหญ่ได้เห็นร่องรอยว่าดัชเชสเมแกนและพระสวามีอาจทราบถึงวี่แววว่าอันตรายกำลังก่อตัวเงียบๆ จึงปรากฏออกมาว่าเธอตีตัวออกห่างสโคบีโดยตลอดนับตั้งแต่วันที่ 15-16 พฤศจิกายน ทั้งที่ว่าในช่วงสองสัปดาห์แรกของพฤศจิกายน เดือนแห่งพระราชเบิร์ธเดย์ของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ ชาวคณะซัสเซกซ์มีปฏิบัติการป่วนกษัตริย์ชาร์ลส์อย่างต่อเนื่องและหนักหนา เพื่อกดดันให้คิงชาร์ลส์พระราชทานโอกาสแก่ปรินซ์แฮร์รีในการเข้าเฝ้าแบบส่วนพระองค์เป็นเซสชันยาวๆ ซึ่งอาจจะมีเรื่องกราบบังคมทูลขอสิ่งที่ดัชเชสและปรินซ์ทรงปรารถนาอย่างมากมายและเร่งด่วน
ด้วยเหตุประมาณนี้ ในช่วงวันที่ 1-2 ธันวาคม เมื่อปรากฏเป็นข่าวครึกโครมว่าสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ทรงเตรียมจะดำเนินคดีหนังสือ Endgame ที่กระทำการใส่ร้ายหมิ่นประมาทจาบจ้วงพระองค์ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ชาวคณะซัสเซกซ์ได้ออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับการที่ สโคบี ได้เห็นจดหมายโต้ตอบระหว่างดัชเชสเมแกนกับคิงชาร์ลส์
แหล่งข่าวของเดอะเทเลกราฟ ซึ่งใกล้ชิดดัชเชสเมแกน รีบโทรศัพท์ออกตัวกับเดอะเทเลกราฟในวันที่ 1 ธันวาคมเลยว่าดัชเชสและบุคลากรในทีมซัสเซกซ์มิได้มอบจดหมายที่มีการกล่าวหาพร้อมระบุเจ้าฟ้าเหยียดผิว ให้แก่ โอมิด สโคบี
พร้อมนี้ แม้ท่านผู้ชมต่างได้ยินถ้อยคำที่ดัชเชสตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จออกรายการโอปราห์ วินฟรีย์ โชว์ ในเดือนมีนาคม 2021 ว่ามีสมาชิกพระราชวงศ์ตรัสอย่างกังวลว่าสีผิวของพระโอรสในครรภ์ของเธอจะดำเพียงไร (แต่พยานที่รู้เห็นได้ยินมา เล่าสู่สื่อมวลชนว่าพระดำรัสจริง มีอยู่ว่าผิวพรรณของลูกๆ ปรินซ์แฮร์รีกับดัชเชสเมแกน จะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งผู้เชี่ยวชาญต่างบอกว่านี่เป็นคำสนทนาแบบทั่วๆ ไปภายในครอบครัวทั้งหลาย)
กระนั้นก็ตาม ดัชเชสมิได้ต้องการให้พระนามปรากฏออกสู่ความรับรู้ของสาธารณชน ชาวคณะซัสเซกซ์รายดังกล่าวพูดกับเดอะเทเลกราฟอย่างนั้น โดยน่าจะมีความหมายระหว่างบรรทัดว่า แค่โกหกเพื่อให้มีประเด็นแรงๆ ปรากฏในโชว์ แต่เปล่าจะให้ชาวโลกได้ทราบว่าเป็นพระองค์
สถานการณ์ของปรินซ์แฮร์รีกับดัชเชสเมแกนเข้าขั้นจนตรอก และเก็บตัวเงียบ กระทั่งว่าฝ่ายต่างๆ ต้องออกโรงมาเร่งรัดให้แสดงความซื่อสัตย์ในระดับที่น่าเชื่อถือได้จริง คือ ประกาศประณามการกระทำของโอมิด สโคบี
โดยคนดังแห่งแวดวงนักเขียนเรื่องราวพระราชตระกูล นามว่า ฟิล แดมเพียร์ ฟันธงไว้กับเดลิเมลออนไลน์ว่า
“ตอนนี้ ความผิดชอบหนักหน่วงตกอยู่กับปรินซ์แฮร์รีและดัชเชสเมแกน หากทั้งสองไม่ได้อยู่เบื้องหลังหนังสือ Endgame และไม่ได้คิดว่าคิงชาร์ลส์และปรินเซสเคททรงเป็นพวกเหยียดผิว ทั้งคู่ต้องออกมาประกาศสองเรื่องนี้ให้ชัดๆ การหลบอยู่ในความเงียบคือการประกาศที่เสียงดังอย่างเหลือเกิน”
ส่วนที่เป็นสัญญาณเตือนภัยสำคัญออกมาจากรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งอังกฤษ นายทอม ทูเกนด์ฮัท ซึ่งกล่าวกับรายการทอล์กทีวีว่า
“ใครบางคนได้เขียนข่าวลือและคำซุบซิบนินทาว่าร้ายสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์มากมายต่างๆ นานา โดยไม่ได้เสนอหลักฐานข้อพิสูจน์ใดๆ เลย ผมมองว่าเรื่องแบบนี้เป็นความพยายามจะด้อยค่ากษัตริย์ชาร์ลส์ผู้ทรงดูแลประเทศของเรามาอย่างยาวนาน”
หนาวกันทั้งค่าย สำหรับดยุกกับดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ และทีมงาน เพราะอังกฤษจะเล่นหนักชุดใหญ่ โดยเน้นเอาผิดที่คนปล่อยจดหมายเจ้าปัญหาสู่มือที่สาม
สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะหารือกับคณะที่ปรึกษาระดับสูง ซึ่งรวมถึงเจ้าฟ้าชายวิลเลียม เพื่อไล่เรียงดูทุกแนวทางดำเนินการ รวมทั้งการฟ้องร้องดำเนินคดี ว่าจะใช้ตัวเลือกอะไรอย่างไรบ้าง หลังจากที่พระนามของพระองค์และปรินเซสเคทผู้เป็นพระราชสุณิสา ถูกเขียนกล่าวหาไว้ในหนังสือ Endgame ฉบับแปลเป็นภาษาดัตช์
ในการนี้ จะมุ่งในประเด็นว่าผู้ใดเป็นผู้ปล่อยจดหมายระหว่างคิงชาร์ลส์กับดัชเชสเมแกน ให้เป็นที่ล่วงรู้ของโอมิด สโคบี ซึ่งนำไปเขียนบ่อนทำลายพระเกียรติยศ เดลิเมลออนไลน์
ยิ่งกว่านั้น นายบ็อบ ซีลี สมาชิกสภาสามัญชนอังกฤษแห่งพรรคคอนเซอร์เวทีฟเตรียมเสนอร่างกฎหมายถอดปรินซ์แฮร์รีกับเมแกน มาร์เคิลให้พ้นจากพระอิสริยยศดยุก กับดัชเชสแห่งซัสเซกซ์
เดลิเมลออนไลน์รายงานว่าแม้พระราชวงศ์วินด์เซอร์ทรงใช้ท่าทีการดำเนินการตามมาตรฐานทั่วไป แต่ความเป็นไปได้ที่จะฟ้องร้องดำเนินคดีมีอยู่สูง ทั้งหลายทั้งปวงนี้น่าจะค่อยๆ เดินเรื่องอย่างระมัดระวังอันเป็นพระบุคลิกภาพของกษัตริย์ชาร์ลส์
พร้อมนี้ แหล่งข่าวในพระราชวังบัคกิงแฮมกล่าวกับเดลิเมลออนไลน์ แบบที่ชวนให้คิดว่าจะฝากเตือนไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องว่า
“บุคคลทั่วไปก็ย่อมคาดว่าจะต้องมีการขอพระราชทานอภัยโทษ”
การส่งสัญญาณแบบนี้ สามารถทำให้ดัชเชสเมแกนกระอักเลือด หมดแวเลียมเป็นโหลได้ ด้วยว่าเธอเป็นฝ่ายที่อาจเอื้อมเรียกร้องผ่านพระสวามีแฮร์รี ให้พระราชวงศ์ขออภัยจากเธอ
โดยอาจจะหมายถึงการขออภัยที่ไม่มีการแก้กฎมณเฑียรบาลเพื่อให้พระโอรสอาร์ชีของเธอได้รับสิทธิทุกอย่างเท่าเทียมกับเจ้าชายจอร์จพระโอรสองค์โตของปรินซ์วิลเลียม เฉกเช่นที่มีการแก้ไขกฎมณเฑียรบาลเพื่อให้พระธิดาชาร์ลอตต์กับพระโอรสหลุยส์ของพระชายาเคท ได้รับพระอิสริยยศเจ้าหญิงและเจ้าชาย ตลอดจนได้รับชุดอารักขาความปลอดภัย เท่าเทียมกับเจ้าชายจอร์จ จากเดิมที่เคยกำหนดว่าในรุ่นพระราชปนัดดา (เหลน) ของควีนเอลิซาเบธที่ 2 นั้น เฉพาะเจ้าชายจอร์จพระองค์เดียวเท่านั้นที่จะได้สิทธิทั้งหลาย ลงเอยจึงปรากฏออกมาว่าในเวลาที่พระโอรสอาร์ชีประสูติ มีการงอลแกมประท้วง
นิตยสารทาวน์แอนด์คันทรีเสนอสกู๊ปรายงานไว้ว่าพระบิดาและพระมารดาของพระโอรสอาร์ชีประกาศไม่ให้อาร์ชีรับพระอิสริยยศ เอิร์ลแห่งดัมบาร์ตัน ตามสิทธิในกฎมณเฑียรบาล และให้ใช้ชื่อว่า เด็กชายอาร์ชี แฮริสัน เมาท์แบ็ตเทน-วินด์เซอร์ เพราะได้วางอนาคตไว้ว่าจะมิให้อาร์ชีปฏิบัติพระภารกิจของพระราชสำนัก
นอกจากนั้น แหล่งข่าวในพระราชวังบัคกิงแฮมรายเดียวกันกล่าวด้วยว่า
“การที่คิงชาร์ลส์ทรงถูกปรักปรำอย่างไม่ถูกต้อง ว่าเป็นคนเหยียดผิว หนำซ้ำยังเป็นการกล่าวหาเป็นลายลักษณ์อักษร ต้องถือว่าเป็นการโจมตีว่าร้ายที่รุนแรง และต้องจัดการกันอย่างจริงจัง ขณะนี้ทุกวิธีที่สามารถใช้ดำเนินการยังอยู่ในลิสต์ครบถ้วน”
ในอีกมุมหนึ่ง การที่ปรินซ์วิลเลียมทรงอยู่ในคณะที่ปรึกษากำหนดแนวทางจัดการกับหนังสือ Endgame น่าจะเป็นข่าวไม่ดีสำหรับครอบครัวซัสเซกซ์ เพราะพระชายาเคทของปรินซ์วิลเลียมทรงเป็นอีกหนึ่งพระองค์ที่ถูกกล่าวร้ายเป็นคนเหยียดผิว หลังจากที่ทรงโดนหนังสือ SPARE ของเจ้าชายแฮร์รี กล่าวร้ายอย่างไร้หลักฐาน เมื่อเดือนมกราคม 2023
ในการนี้ ผู้สันทัดกรณีชี้ว่าการที่มีพระนามของปรินเซสเคทปรากฏขึ้น (อย่างที่ไม่เคยมีวี่แววมาก่อน) ในฐานะพระราชวงศ์รายที่สองที่ถูกหนังสือ Endgame กล่าวอ้างว่าดัชเชสเมแกนระบุพระนามของปรินเซสเคทอยู่ในจดหมายต่อว่าคิงชาร์ลส์ นั้น อาจจะเข้าข่ายปรักปรำกันทีเดียว ในเบื้องแรกนั้น ท่านผู้ติดตามข้อมูลพระราชวงศ์ทราบดีว่าปรินเซสเคททรงมีวุฒิภาวะสูงสมกับที่ทรงเติบโตมาอย่างพี่สาวคนโตในครอบครัวอบอุ่น ปรินเซสทรงระมัดระวังวาจาตามแนวปฏิบัติของพระราชสำนัก นอกจากนั้น หากเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจริงใปี 2021 ปรินเซสจะต้องถูกโจมตีด้วยประเด็นนี้อย่างสาหัสในหนังสือ SPARE ปี 2023 อย่างแน่นอน
ดยุกกับดัชเชสแห่งซัสเซกซ์น่าจะถึงคราวถูกถอดพระยศตามที่พสกนิกรเรียกร้องกันมานาน ในเมื่อทรงโจมตีพระราชวงศ์ชนิดที่ล้ำเส้นสุดๆ
บ็อบ ซีลี สมาชิกสภาสามัญชนอังกฤษแห่งพรรคคอนเซอร์เวทีฟ เตรียมดำเนินการเสนอกฎหมายถอดถอน ดยุกแฮร์รีและดัชเชสเมแกนแห่งซัสเซกซ์ ให้พ้นจากพระอิสริยยศ เดลิเมลออนไลน์รายงาน
โดย สส.ซีลี เขียนในบทความบนเว็บข่าวเดลิเมลออนไลน์ว่าตนต้องดำเนินการ เพราะการใช้เรื่องเชื้อชาติไปบดขยี้พระราชตระกูลเป็นอะไรที่ร้ายกาจมากมายด้วยพิษสง โดยฟื้นฟูกฎหมายสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 มาทำให้ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์กลายเป็นนายและนางซัสเซกซ์ ซึ่งได้แก่ กฎหมายความมั่นคงที่ถอดถอนเจ้านายเชื้อสายเยอรมันให้พ้นจากพระอิสริยยศของอังกฤษ
ในการนี้ สส.ซีลีจะใช้กฎหมายว่าด้วยการตัดออกจากพระอิสริยยศ ปี 1917 โดยจะยื่นเข้ารัฐสภาภายในสัปดาห์นี้
สำหรับในมุมของคิงชาร์ลส์ การถอดถอนพระราชโอรสและพระราชสุณิสาออกจากพระอิสริยยศ เป็นอะไรที่อ่อนไหว ต้องระมัดระวังอย่างยิ่งว่าความเสียหายที่ทั้งสองพระองค์กระทำจะต้องสะสมความรุนแรงถึงระดับที่ว่า ต้องดำเนินการ มิเช่นนั้นจะล้ำเส้นแห่งความศักดิ์สิทธิ์และความภาคภูมิใจที่พสกนิกรมีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
และสำหรับวิกฤติครั้งนี้ สามารถพิสูจน์ได้ว่าดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์จงใจใส่ร้ายปรักปรำพระมหากษัตริย์ด้วยข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จ อย่างชนิดที่เห็นกันโดยทั่วไปว่ามีเหตุจูงใจจากความอาฆาตมาดร้ายสืบเนื่องจากไม่ได้ดั่งใจในเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวต่างๆ อาทิ เรื่องทีมรักษาความปลอดภัย และเรื่องเงินสนับสนุนการใช้ชีวิตในสหรัฐอเมริกา
กระแสตอบรับจากสาธารณชนต่อความเคลื่อนไหวของสำนักพระราชวังและรัฐสภาล่าสุดนี้ นับว่าเข้มแข็งอย่างยิ่ง ทั้งเสียงเชียร์ ทั้งกำลังใจ และทั้งการให้ความร่วมมือสนับสนุน
ความเคลื่อนไหวต่อไปที่ต้องติดตามคือ จะมีการดิ้นรนหนีตายและแฉ ออกมาจากดัชเชสเมแกน หรือ โอมิด สโคบี
ความเคลื่อนไหวล่าสุดคือ สโคบีเดินทางไปถึงลอสแอนเจลิสเมื่อวานนี้ (4 พฤษภาคม) เจ้าตัวทำการแชร์รูปถ่ายขึ้นอินสตาแกรม และเมื่อออกจากสนามบิน ก็ตรงไปทานอาหารที่โรงแรมหรู นามว่า ซันเซ็ต ทาวเวอร์ โฮเทล เดลิเมลออนไลน์รายงานว่าไม่ชัดเจนจะมีผู้ใดร่วมโต๊ะอาหารหรือไม่ แต่โรงแรมแห่งนี้ที่ได้ต้อนรับดาราดังจำนวนมาก อยู่ห่างจากพระตำหนักของครอบครัวซัสเซกซ์เพียงระยะขับรถ 90 นาที ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่สโคบีจะไปลอสแอนเจลิสเพื่อพบปะเจรจากับดัชเชสเมแกน
สัปดาห์นี้น่าจะเป็นสัปดาห์สุดร้อนแรงสำหรับดรามาชีวิตจริง ที่เผ็ดร้อนกว่าซีรีส์นวนิยายเรื่องเข้มข้นใดๆ
คอลัมน์ PLANET No.3
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: เดลิเมลออนไลน์ นิวยอร์กโพสต์ เดอะไทมส์ ซันเดย์ไทมส์ ดิเอ็กซ์เพรส เดอะซัน เดอะเทเลกราฟ)