พระนามของสมาชิกพระราชตระกูลวินด์เซอร์ที่ถูกดัชเชสเมแกนกล่าวหาว่า เป็นผู้ที่ทรงกล่าวถึงสีผิวของพระโอรสในครรภ์ของเธอ ว่าจะ “ดำ” มากเพียงใด ไปปรากฏโจ่งแจ้งในหนังสือ Endgame ของโอมิด สโคบี ที่มุ่งโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์อังกฤษ “ฉบับแปลเป็นภาษาดัตช์” โดยกว่าที่สำนักพิมพ์วายลีย์ในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบตัวหลักในการผลิตและจำหน่ายหนังสืออื้อฉาวนี้ จะทันรู้ตัว หนังสือถูกวางแผงขายไปแล้ว ซึ่งอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย วายลีย์รีบสั่งด่วน ให้สำนักพิมพ์แซนเดอร์ผู้รับผิดชอบจัดพิมพ์และจำหน่ายในเนเธอร์แลนด์ ยุติการขายโดยทันที
ตามมาดูเฉลยโดยพลัน แต่เฉลยนี้ไม่ใช่เซอร์ไพรซ์แต่อย่างใด เป็นแค่การยืนยันข่าวที่ผู้เชี่ยวชาญการพระราชสำนัก คริสโตเฟอร์ คริสเตียนเซน เคยเปิดเผยไว้อย่างละเอียดตั้งแต่เมื่อพฤศจิกายน 2021 กระนั้นก็ตาม ในการเฉลย จำเป็นต้องไล่เรียงแบบอ้อมๆ ป้องกันความเสี่ยงผิดกฎหมาย และขอบอกเลยว่าเป็นพระนามที่คุ้นหูอย่างยิ่ง
ทั้งด่วนและทั้งปั่นป่วน สำนักพิมพ์แซนเดอร์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ยืนยันกับเดลิเมลออนไลน์เมื่อวันอังคาร (28 พ.ย.) ว่าได้รับการขอร้องแบบปุบปับนาทีสุดท้ายจากสำนักพิมพ์วายลีย์ ซึ่งเป็นตัวหลักในสหรัฐอเมริกา ให้ชะลอการจำหน่ายหนังสือ เอนเกม (Endgame) ไว้ก่อนชั่วคราว โดยในขณะนี้สำนักพิมพ์แซนเดอร์รอคำสั่งเพิ่มเติม เดลิเมลออนไลน์รายงาน
ใน Finding Freedom หนังสือเล่มก่อนหน้านี้ของ โอมิด สโคบี นักเขียนหนุ่มผู้ประพันธ์ Endgame ไม่ได้เปิดเผยพระนามของสมาชิกพระราชวงศ์ ผู้ที่ถูกดัชเชสกล่าวหาว่าทรงพูดแสดงความกังวลเกี่ยวกับสีผิวของเจ้าชายในครรภ์ของเธอ ซึ่งก็คือ เจ้าชายอาร์ชี นั่นเอง
สโคบีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอังกฤษว่า ตนทราบพระนามพระราชวงศ์พระองค์นี้เป็นอย่างดี แต่ตัวบทกฎหมายปิดกั้นมิให้เปิดเผยออกไป พร้อมนี้ สโคบีอ้างว่ายังมีอีกบุคคลหนึ่งในสำนักพระราชวังที่กล่าวแบบเดียวกัน
กระนั้นก็ตาม เหตุการณ์ประหลาดปรากฏขึ้นมาว่าในหนังสือ Endgame เวอร์ชันภาษาดัตช์ฉบับปรับปรุงแก้ไขที่สำนักพิมพ์ส่งให้นักข่าวดัตช์อ่านล่วงหน้าเพื่อทำบทวิจารณ์นั้น มีหน้าหนึ่งในเล่ม ซึ่งดูเหมือนจะใส่พระนามของพระราชวงศ์พระองค์นี้ไว้แบบที่เป็นความผิดพลาดคลาดเคลื่อน เดลิเมลออนไลน์บอกอย่างนั้น
กล่าวคือ ในบทที่อ้างถึงจดหมายหลายฉบับที่โต้ตอบกันระหว่างดัชเชสเมแกนกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ซึ่งถกกันในประเด็นการพูดถึงสีผิวของปรินซ์อาร์ชี นั้น สโคบีเขียนไว้ว่า “ในบรรดาจดหมายส่วนพระองค์เหล่านั้น (พระนามของ...) ถูกเปิดเผยและยืนยัน: ….” (แต่เดลิเมลออนไลน์ทำการลบพระนามนั้นออกไปก่อน)
ไม่แน่ชัดว่าทำไมพระนามนี้ไปปรากฏบนเวอร์ชันภาษาดัตช์ ขณะที่เวอร์ชันภาษาอื่นๆ ไม่มี นอกจากนั้นยังไม่แน่ชัดว่าเป็นเพราะมีการจงใจใส่เข้าไป หรือเป็นความผิดพลาดในการผลิต เดลิเมลออนไลน์เขียนไว้อย่างนั้น
โฆษกของสำนักพิมพ์แซนเดอร์ที่เนเธอร์แลนด์บอกว่า “ดิฉันไม่สามารถพูดลงในรายละเอียด แต่ขอแจ้งว่าสำนักพิมพ์แซนเดอร์ได้รับคำขอร้องให้ชะลอการขายหนังสือปกนี้ไว้ก่อน ซึ่งเราก็ดำเนินการตามนั้น”
เมื่อถูกถามว่าได้รับคำขอร้องดังกล่าวตั้งแต่เมื่อไร เธอตอบดังนี้
“เพิ่งได้รับเข้ามาค่ะ และเรารออยู่ว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป ดิฉันไม่ทราบว่าจะชะลอกันไปนานแค่ไหน คุณลองถามไปที่ตัวแทนของสำนักพิมพ์ในสหรัฐอเมริกานะคะ” เดลิเมลออนไลน์รายงาน
หลังได้คุยกับนักข่าวดัตช์ สื่อค่ายยักษ์ เพจซิกซ์ เฉลยอย่างอ้อมๆ ว่าพระองค์ใดของพระราชวงศ์อังกฤษที่ถูกกล่าวหา
นักข่าวในเนเธอร์แลนด์ที่ได้รับหนังสือ Endgame: Inside the Royal Family and the Monarchy’s fight for survival เวอร์ชันผิดพลาดคลาดเคลื่อน และเห็นพระนามของพระราชวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ที่ถูกกล่าวหาเรื่องเหยียดผิว มีโอกาสได้สนทนาในทางส่วนตัวกับนักข่าวของสื่อใหญ่ค่ายเพจซิกซ์ โดยเนื้อหาการสนทนามีดังนี้
“สื่อมวลชนชาวดัตช์ซึ่งได้อ่านหนังสือเล่มผิดพลาดคลาดเคลื่อน บอกว่าพระนามที่ได้เห็นนั้น ตรงกับพระนามที่นักเขียนชีวประวัติพระราชวงศ์ เคยเปิดเผยไว้ในสกู๊ปของเพจซิกซ์เมื่อ 28 พฤศจิกายน 2021” เพจซิกซ์รายงานอย่างนั้น พร้อมกับให้ท่านผู้อ่านกดลิงก์ที่โยงไปถึงสกู๊ปสำคัญชิ้นนั้น
สกู๊ปที่เอ่ยถึงเป็นการแนะนำหนังสือของคริสโตเฟอร์ แอนเดอร์เซน เรื่อง Brothers And Wives: Inside The Private Lives of William, Kate, Harry and Meghan (พระเชษฐาและอนุชากับพระชายา: ด้านในของชีวิตส่วนพระองค์แห่งปรินซ์วิลเลียม ดัชเชสเคท ปรินซ์แฮร์รี และดัชเชสเมแกน) โดยเล่าเรื่องเด่นหนึ่งเรื่อง ดังนี้
ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2017 มีการประกาศข่าวหมั้นหมายระหว่างปรินซ์แฮร์รีกับนางเมแกน มาร์เคิล ให้สาธารณชนทราบกันตั้งแต่เวลาตี 5 หลังจากนั้นสองสามชั่วโมง เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ซึ่งประทับนั่งที่โต๊ะเสวยกับพระชายาคามิลลา ตรัสถามพระชายา “ผมสงสัยว่าลูกๆ ของสองคนนี้จะหน้าตาเป็นอย่างไร”
พระชายาคามิลลาทรงตอบว่า “ต้องงดงามน่ารักอย่างที่สุดเพคะ หม่อมฉันมั่นใจ”
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงลดระดับเสียงลง ถามต่อเบาๆ “ผมหมายความว่า คุณคิดว่าผิวพรรณของลูกๆ ของสองคนนี้จะเป็นอย่างไร”
แอนเดอร์เซนได้รับฟังจากแหล่งข่าวซึ่งใกล้ชิดเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทีเดียว อย่างไรก็ตาม แม้เรื่องเล่านี้จะเผยแพร่ออกมาหลังเหตุการณ์การให้สัมภาษณ์แก่โอปราห์ วินฟรีย์ แต่แอนเดอร์เซน มิได้บอกว่าเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์คือพระราชวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ที่ดัชเชสเมแกนและปรินซ์แฮร์รีเอ่ยถึงในรายการโอปราห์ วินฟรีย์ โชว์
ในการนี้ แอนเดอร์เซนโยงเรื่องไปถึงเหล่าข้าราชบริพารที่มีฉายาเรียกขานกันว่าบุรุษชุดเทา แอนเดอร์เซนชี้ว่าคำถามของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์เป็นคำถามแบบทั่วๆ ไปที่พ่อแม่พูดถึงลูกๆ แต่อนิจจา ถ้อยคำของพระองค์ถูกข้าราชบริพารนำไปเล่าต่อๆ กัน แบบที่จงใจบิดให้มีลักษณะแบบความคิดของคนเหยียดผิว และกว่าที่เรื่องเล่าจะไปถึงปรินซ์แฮร์รีกับดัชเชสเมแกน การบิดถ้อยคำได้เลยเถิดไปในทางเสียหายอย่างที่สุดแล้ว
(อ่านเพิ่มเติมได้โดยค้นคว้าบนอินเทอร์เน็ตด้วยคำพาดหัวเรื่องว่า Book: Prince Charles questioned complexion of Harry and Meghan’s baby โดย Christopher Andersen)
โอมิด สโคบี ประกาศ “ผมเปล่าเปิดเผยพระนามสมาชิกพระราชวงศ์ไว้ใน Endgame เวอร์ชันคลาดเคลื่อน” และที่สำคัญ ตัวหนังสือยังคาอยู่บนแผง
เดอะซัน สื่ออังกฤษซึ่งคร่ำหวอดกับการรายงานข่าวพระราชสำนัก ได้นำเสนอออกมาเมื่อคืนวันอังคาร (28) ประณามโอมิด สโคบี ว่าปฏิเสธความรับผิดชอบอย่างไร้ยางอาย ต่อการที่หนังสือใหม่ของตน ฉบับแปลเป็นภาษาดัตช์ พลาดพลั้งพิมพ์พระนามพระราชวงศ์อังกฤษซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาเรื่องสีผิว
สโคบีบอกว่าไม่เคยมี Endgame เวอร์ชันที่ใส่พระนามเข้าไปในตัวเล่มอย่างแน่นอน
เดอะซันย้ำด้วยว่า สำนักพิมพ์แซนเดอร์ในเนเธอร์แลนด์บอกว่าได้ระงับการขาย Endgame แล้ว แต่ปรากฏว่า หนังสือยังวางอยู่บนแผง
เดอะซันได้ทำการซื้อมาหนึ่งเล่มจากร้านหนังสือในกรุงอัมสเตอร์ดัมเมื่อคืนที่ผ่านมา และอ่านพบหน้าที่มีพระนามของพระราชวงศ์ที่ทรงถูกกล่าวหา
ส่วนนักข่าวดัตช์สายข่าวพระราชสำนัก นามว่า ริค เอฟเวอร์ส บอกเดอะซันว่าตนเป็นหนึ่งในสองสื่อมวลชนที่ได้รับหนังสือ Endgame เมื่อวันพุธที่แล้ว (22)
“ผมช็อกที่ไม่มีใครในโลกทราบเลยว่า พระนามของพระราชวงศ์ถูกเปิดเผยไว้ในหนังสือในฐานะที่เป็นพวกเหยียดผิว
“ประเด็นนี้เป็นข้อกล่าวหาหลักที่ผมไปพบในหนังสือ และผมนำนี้ไปเขียนวิจารณ์หนังสือ บทความของผมถูกตีพิมพ์เผยแพร่พร้อมภาพของพระราชวงศ์พระองค์นั้น
“ผมนึกเฉลียวใจขึ้นมาว่า หรือมันจะเป็นเฉพาะเล่มที่ผมได้รับมา ที่มีการเปิดเผยพระนาม ผมจึงออกไปซื้อ Endgame จากร้าน และพบว่าเนื้อหาตรงกันกับเล่มของผมทุกอย่าง
“ต่อมาคุณผู้หญิงจากสำนักพิมพ์ (แซนเดอร์) โทรศัพท์มาหาผม บอกผมว่ามันมีปัญหาทางกฎหมาย และจะต้องดึงเอาบทความของผมออกจากพื้นที่เผยแพร่” เดอะซันรายงาน
อ่านเกมโจมตีคิงชาร์ลส์ ลับลวงพรางที่เข้าใจได้ไม่ยาก แต่เป้าหมายคืออะไร?
หนังสือ Endgame ที่เพิ่งประเดิมวางแผงเมื่อวันอังคาร มีวัตถุประสงค์ที่จะเขย่าความน่าเชื่อถือของสถาบันพระมหากษัตริย์อังกฤษ และคุกคามพระเกียรติยศของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เพื่อขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมายสำคัญบางอย่าง โดยมหกรรมการเขย่าความน่าเชื่อถือและคุกคามพระเกียรติยศเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดเดือนแห่งพระราชเบิร์ธเดย์
ในห้วงเวลาเดียวกัน แอนเจลา เลวิน ผู้เชี่ยวชาญการพระราชวัง ได้ออกมาอธิบายเกมของค่ายซัสเซกซ์ เพื่อช่วยให้สาธารณชนเท่าทันความเคลื่อนไหวและสถานการณ์
แอนเจลา เลวิน ออกรายการจีบีทูไนท์ของช่องทีวีจีบีนิวส์ในวันที่ 8 พฤศจิกายน ภายใต้หัวข้อว่า การรับมือกับ Royal Birthday Bashing หรือก็คือการรับมือเอาชนะการโจมตีพระราชเบิร์ธเดย์ของกษัตริย์ชาร์ลส์ โดยมีการสื่อสารสาระสำคัญ อาทิ
การวิเคราะห์ให้ประชาชนเข้าใจท่าที แท็กติกและความประสงค์ของดัชเชสและดยุก ว่าทรงต้องการเป็นข่าวและมุ่งจะสร้างภาพลักษณ์ในทางบวก โดยเฉพาะ ดัชเชสทรงปรารถนาจะเข้าสู่วงการฮอลลีวู้ด ซึ่งเอเยนต์จัดหางานป้อนแก่ดัชเชสสั่งว่า เธอจะต้องสร้างภาพลักษณ์ใหม่ เป็นคนมีความสุข เป็นคนร่าเริง จะต้องเลิกคร่ำครวญว่าตนเองตกเป็นเหยื่อ-ถูกรังแก เพราะผู้คนเอือมมุกนี้กันสุดๆ แล้ว คนอเมริกาไม่ชอบมุกนี้แล้ว
ดังนั้น ดัชเชสเมแกนไม่สามารถเดินหน้าผลิตบันทึกความทรงจำออกมาโจมตีพระราชตระกูล เพราะมันไม่เกื้อหนุนภาพลักษณ์ ด้วยเหตุนี้ เธอส่งมอบภารกิจการโจมตีสถาบันไปให้ สโคบี ผู้ซึ่งสื่อให้ฉายาว่ากระบอกเสียงของดัชเชสเมแกน
ความเคลื่อนไหวที่ สโคบี เขียน Endgame คือมุ่งจะระดมยิงประเด็นโจมตี ตั้งข้อกล่าวหาว่าร้ายสมาขิกพระราชวงศ์วินด์เซอร์ ซึ่งเป็นการการทำหน้าที่แทนดัชเชสเมแกนนั่นเอง
ในหนังสือชีวประวัติของดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์เล่มแรกที่ สโคบี เขียนให้ในชื่อเรื่องว่า Finding Freedom – ไขว่คว้าหาเสรีภาพ ในตอนแรกดัชเชสปฏิเสธว่าเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เมื่อเรื่องไปถึงการพิจารณาของศาล เธอต้องเป็นฝ่ายยอมขออภัยและยอมรับว่าเธอสั่งให้ผู้ช่วยทำการบรรยายประเด็นและให้ข้อมูลแก่ สโคบี โดยเธออ้างว่าลืมข้อเท็จจริงนี้ไปสนิทเลย
“สำหรับหนังสือ Endgame ก็จะเป็นแบบเดียวกันค่ะ คือจะเต็มไปด้วยคำโกหก ความใจร้าย ความน่ารังเกียจ ซึ่งจะทำให้เธอและพระสวามีได้รับผลกระทบทางลบก่อนจะทันถึงคริสต์มาส” กูรูแอนเจลา กล่าวในรายการจีบีนิวส์อย่างนั้น เพื่อให้ข้อมูลแก่ประชาชนให้เท่าทันเกมลับลวงพราง ของครอบครัวซัสเซกซ์
TIMELINE การดำเนินงานป่วนกษัตริย์ชาร์ลส์และพระราชวงศ์ซึ่งเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และมีจังหวะจะโคน
การดำเนินงานของโอมิด สโคบี มีลักษณะกดดันจากหนักหนาปานกลาง ไปสู่การรุกคืบแทบจะหักคอกันทีเดียว มีการสร้างความปั่นป่วนเล่นงานสถาบันกษัตริย์แบบทยอยเป็นหลายระลอก สัปดาห์ละรอบ และประสานกับการดิสเครดิตที่ออกมาจากดยุกแฮร์รีกับดัชเชสเมแกน โดยมีวาระแห่งพระราชเบิร์ธเดย์ของพระเจ้าชาร์ลส้ในวันที่ 14 พฤศจิกายนเป็นหมุดหมาย
วันประเดิมมหกรรมป่วนถวายคิงตั้งแต่สุดสัปดาห์แรกของเดือน คือ เสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน ซึ่งคึกคักโครมครามทีเดียว เมื่อนิตยสารพีเพิลเสนอบทสัมภาษณ์ สโคบี อันเอ็กซ์คลูซีฟสุดๆ เพื่อโปรโมทหนังสือเล่มใหม่ Endgame ที่กำหนดจะวางแผงในวันที่ 28 พฤศจิกายน พร้อมปล่อยสินค้าตัวอย่างที่คาดว่าแซ่บถูกใจประชาชน ได้แก่ การชี้นำสังคมกันดื้อๆ เลยว่าความป็อปปูลาร์ของกษัตริย์ชาร์ลส์อยู่ในช่วงตกต่ำ และการโจมตีเจ้าฟ้าชายวิลเลียม รัชทายาทลำดับที่ 1 ว่าทรงกระหายอำนาจ
ในวันรุ่งขึ้น 5 พฤศจิกายน ทำการเปิดพื้นที่ให้ปรินซ์แฮร์รีมีข้ออ้างที่จะต่อสายไปถึงพระราชบิดา โดยส่งข้อมูลป้อนซันเดย์ไทมส์ว่า ปรินซ์แฮร์รีหักหน้าพระราชบิดาด้วยการปฏิเสธคำเชิญเข้าร่วมพระราชปาร์ตีเบิร์ธเดย์ ซึ่งปรากฏว่าสื่อมวลชนออกปฏิกิริยาฮือฮาว่าได้ประเด็นใหม่ไปนำเสนอท่านผู้อ่าน
เมื่อมีข้ออ้างที่จะออกโรงต่อสายถึงพระราชบิดาแล้ว ในวันถัดมา 6 พฤศจิกายน ทีมสื่อสารองค์กรของดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ปล่อยเอกสารแถลงข่าวไปยังสื่อมวลชนสารพัดสำนัก ในทางปฏิเสธข่าว โดยบอกว่ายังไม่ได้รับคำเชิญเลย อันเป็นบรรยากาศติเตียนอยู่ในทีว่า พระราชบิดาทรงแล้งน้ำใจ พร้อมนี้มีการแบะท่าว่าหากเชิญ ก็จะเสด็จไปเข้าร่วม
นอกจากนั้น ยังมีการเรียกร้องให้ทรงเชิญไปร่วมฉลองคริสต์มาสที่ซานดริงแฮมด้วย “หากทรงเชิญมา ก็จะเข้าร่วม” ปรินซ์แฮร์รีทรงบอกอย่างนั้น
การป่วน 3 ซีรีส์ซ้อนนี้ ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากสื่อมวลชน มีการชงประเด็นมากมายว่า จะเริ่มกอบกู้ฟื้นฟูความสัมพันธ์หรืออย่างไร พระเชษฐาวิลเลียมจะว่าเยี่ยงใด ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม สำหรับกระแสความรู้สึกและท่าทีของพสกนิกรนั้น ต้องจัดว่าแป็ก แทบจะไม่มีการอวยการเชียร์
และยิ่งในส่วนของปฏิกิริยาจากสำนักพระราชวังด้วยแล้ว ต้องถือว่าแป็กสนิท พระราชโอรสทรงอ่อยให้เชิญ แต่พระราชบิดาทรงยึดนโยบายอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ด้านผู้สื่อข่าวส่งคำขอทราบความเห็นต่อเอกสารแถลงข่าวของปรินซ์แฮร์รีเข้าไป จะได้แต่คำตอบเดิมๆ ว่าสำนักพระราชวังไม่มีความเห็น
เมื่อครอบครัวซัสเซกซ์ไม่สามารถเจาะเข้าถึงองค์ท่านได้ กระแสป่วนและกดดันก็รุนแรง และเลือกปฏิบัติการในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ซึ่งเป็นสองวัน 13-14 ที่พระเจ้าชาร์ลส์จะมีพระราชกรณียกิจแน่น เพราะทรงตระเตรียมกิจกรรมเสริมสร้างสังคม เพื่อโปรโมทให้สาธารณชนตื่นตัวช่วยกันเกื้อกูลสังคมตลอดทั้งวันที่ 13 และ 14 โดยจะมีกิจกรรมสำคัญ คือ การเปิดตัวโครงการ Coronation Food Project โครงการอาหารเฉลิมเกียรติพระบรมราชาภิเษก: อาหารเหลือเพื่อผู้ขาดแคลน ซึ่งโครงการนี้จะประสานอำนวยการให้อาหารเหลือจากสถานที่ต่างๆ เช่น ภัตตาคาร ถูกผ่องถ่ายไปยังคนยากจนผู้ขาดแคลนอาหาร
ในวันที่ 13 พฤศจิกายน หลายๆ คนในแวดวงของดยุกแห่งซัสเซกซ์ แจ้งไปยังบีบีซีว่าพระราชโอรสพระองค์สุดท้องของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์จะทรงโทรศัพท์จากแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ไปหาพระราชบิดาเพื่อถวายพระพร
เมื่อบีบีซีนำเสนอข่าวขึ้นอินเทอร์เน็ตและโทรทัศน์ สื่อมวลชนแห่ไปโหนกระแสกันทั่วหน้า เพราะนี่เป็นความเคลื่อนไหวครั้งแรกในรอบ 6 เดือนนับจากที่ดยุกทรงเสด็จเข้าร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระราชบิดา
ปัญหาที่ตามมาคือ ตลอดสองวัน 13-14 บรรดาสื่อมวลชนถูกดูดให้จดจ่อรอคอยความเคลื่อนไหวของปรินซ์แฮร์รี เพื่อแข่งกันรายงานข่าว ดังนั้น โฟกัสของนักข่าวและสาธารณชนทั้งปวงถูกเบี่ยงเบนออกไปจากพระราชกรณียกิจสร้างสรรค์ที่สำนักพระราชวังทุ่มเทจัดขึ้นมา
ในเวลาเดียวกัน พาดหัวข่าวก็เต็มไปด้วยประเด็นยิบย่อยเกี่ยวกับเรื่องที่ดัชเชสเมแกนกับปรินซ์แฮร์รีจะโทรศัพท์ถวายพระพร
เมื่อบรรดาพระราชกรณียกิจอันเกี่ยวเนื่องกับพระราชเบิร์ธเดย์ถูกขโมยซีน กษัตริย์ชาร์ลส์จึงทรงขัดเคืองพระราชหฤทัย สก็อตติชเดลีเอ็กซ์เพรสรายงาน พร้อมกับให้รายละเอียดจากแหล่งข่าววงในพระราชวงศ์บอกสก็อตติชเดลีเอ็กซ์เพรสว่า
“ภายในพระราชวังบัคกิงแฮมมีความขัดเคืองแซมเข้าไปกับความรำคาญใจที่ ‘เรื่องหยุมหยิม’ มาบดบังข่าวกิจกรรมอันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อสังคม”
ส่วนซันเดย์ไทมส์รายงานข้อมูลจากแหล่งข่าวใกล้ชิดกษัตริย์ชาร์ลส์ว่า พระองค์ทรงเซ็งไม่ใช่น้อยๆ ที่เรื่องส่วนตัวสามารถลุยเข้าไปบดบังภารกิจของสาธารณชน พระองค์ทรงปรารถนาให้นักข่าวสนใจกับพระราชกรณียกิจเพื่อสังคม มากกว่าจะไปสนใจดรามาน้ำเน่าของคนบางคน
ความรู้สึกของพระเจ้าชาร์ลส์ยกระดับจากเคืองและเซ็ง ไปสู่ความเอือมเต็มกลืนกับดรามาน้ำเน่าของดัชเชสเมแกนและดยุกแฮร์รี ดิเอ็กซ์เพรสรายงานอย่างนั้น เพราะหลังเสร็จการสนทนาโทรศัพท์เพียงเล็กน้อย ก็มีการปล่อยข่าวรั่วไปให้เดลีเทเลกราฟนำขึ้นรายงานได้ทันควันว่าคุยอะไรกันบ้าง หนำซ้ำบีบีซีสามารถรายงานได้เลยว่าสายจากปรินซ์แฮร์รีกำลังจะเข้าไปถึงพระองค์แล้ว
แม้จะไม่มีความแน่นอนว่าข้อมูลการสนทนารั่วไปยังเดลีเทเลกราฟได้อย่างไร แต่บรรดานักวิเคราะห์ปักใจว่าเป็นฝีมือของค่ายซัสเซกซ์ ซึ่งเป็นฝ่ายที่ต้องการประโคมออกไปว่ายังเข้าถึงสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ได้
แอนเจลา เลวินอธิบายมุมข่าวนี้ว่ากษัตริย์ชาร์ลส์ทรงไม่พกโทรศัพท์มือถือติดพระองค์ แต่จะทิ้งโทรศัพท์ไว้กับผู้ช่วย ที่ผ่านมา ไม่ใช่ว่าทุกครั้งที่ปรินซ์แฮร์รีทรงโทรศัพท์ถึงพระราชบิดา แล้วจะได้คุยทุกครา
และสำหรับครั้งนี้ เหตุการณ์จริงอาจจะไม่ได้เป็นดั่งที่ได้อ่านกันในรายงานข่าวซึ่งค่อนข้างเพ้อเจ้อสไตล์ดัชเชสเมแกน ทั้งเรื่องที่ว่าดัชเชสได้สนทนากับคิง ตลอดจนเรื่องที่ว่ามีการเปิดวิดีโอเสียงของสองพระราชนัดดาทรงร้องเพลงอวยพระพร ซึ่งสามารถตั้งข้อสังเกตได้ว่าสิ่งสำคัญที่ปรินซ์แฮร์รีปรารถนาจะสนทนากับพระราชบิดานั้น ปรินซ์น่าจะยังไม่ได้พูดหรือยังได้แค่เกริ่น และจึงมีการระบุในข่าวว่า ปรินซ์กับกษัตริย์ชาร์ลส์จะสนทนาอีกครั้งในสัปดาห์ต่อไป
การสนทนาผ่านโทรศัพท์มือถือที่ดูว่าจะแปร่งๆ และไม่ฟิน ถูกติดตามด้วยการยปล่อยเนื้อหาย่ำแย่หนักหน่วงจากหนังสือ Endgame ออกไปโจมตีเล่นงานภาพลักษณ์ของพระราชวงศ์ ในช่วงบ่ายของวันรุ่งขึ้น 15 ตุลาคม ในการนี้ สโคบี กระบอกเสียงของดัชเชสเมแกนทำการปล่อยเนื้อหาความขัดแย้งระหว่างค่ายซัสเซกซ์กับพระราชวงศ์พระองค์อื่นๆ ในค่ำคืนที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สองทรงเสด็จสวรรคต ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีต่อคิงและพระราชวงศ์
เนื้อหาที่นับเป็นคลื่นป่วนและสร้างความเสียหายดุเดือดมาก ได้แก่ การฟ้องชาวโลกว่าดัชเชสเมแกนถูกกีดกันมิให้ตามเสด็จปรินซ์แฮร์รีไปปราสาทบัลมอรัล ซึ่งทำให้เธอสะเทือนใจว่าไม่เป็นที่ต้องการ
โดยสโคบีเขียนเล่าว่าคิงชาร์ลส์ทรงโทรศัพท์ถึงพระราชโอรสสุดท้อง และบอกว่าเพื่อความเหมาะสม ขอให้ปรินซ์แฮร์รีไปปราสาทบัลมอรัลคนเดียว ไม่ต้องพาพระชายาเมแกนไปด้วย เพราะในการส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย ควรมีเฉพาะลูกเท่านั้น กับหลานที่จะสืบทอดพระราชบัลลังก์ ทั้งนี้ คิงชาร์ลส์ทรงบอกว่าแม้แต่ปรินเซสเคทก็มิได้เดินทางไปปราสาทบัลมอรัล
จากนั้น สโคบีเล่าอย่างไม่ถูกต้องว่าปรินเซสเคทไม่ปรารถนาจะเดินทางไปบัลมอรัล เพราะทรงต้องเสด็จไปรับพระโอรสพระธิดากลับจากโรงเรียน
การบิดข้อเท็จจริงดังกล่าวน่าจะแทบไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเรื่องนี้เป็นที่ทราบกันทั่วไปแล้วว่า อันที่จริงนั้น เจ้าหญิงเคทซึ่งทรงจงรักภักดีต่อควีนเอลิซาเบธเหนือสิ่งอื่นใด ทรงปรารถนาจะได้กราบบังคลทูลลาและส่งเสด็จควีนสู่สวรรคาลัยด้วย แต่เพื่อแก้ปัญหาที่ปรินซ์แฮร์รีจะทรงดึงดันไม่ยอมตามที่บัญชาของพระราชบิดา เจ้าหญิงเคทจึงเสียสละ และประทับอยู่ที่พระตำหนักในเขตพระราชฐานวินด์เซอร์
ทั้งนี้ ด้วยความเสียสละของปรินเซสเคท ปัญหาเรื่องดัชเชสเมแกนดึงดันจะตามเสด็จปรินซ์แฮร์รีไปปราสาทบัลมอรัล จึงยุติลงได้
นอกจากที่ปล่อยเรื่องดังกล่าวนี้ป้อนสู่สื่อค่ายต่างๆ ยังมีเรื่องความขัดแย้งอีกหลายกรณี ซึ่งนับได้ว่าการยิงข้อมูลโจมตีพระราชวงศ์ในซีรีส์ 15-16 พฤศจิกายน มีจำนวนมากอย่างยิ่ง
เมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายน อังกฤษมีงานระดับประเทศรายการใหญ่ 3 วัน 21-23 พฤศจิกายน ได้แก่ การต้อนรับคณะของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ซึ่งมีนักร้องสี่สาวเกิร์ลกรุ๊ปคนดังของวงการเค-ป็อป แห่งวงแบล็กพิงก์ร่วมในคณะแขกรับเชิญของรัฐบาลอังกฤษ มหกรรมป่วนพระราชวงศ์วินด์เซอร์จึงถูกเว้นวรรค
ในการนี้ เนื่องจากไม่ปรากฏข่าวว่าดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับพระเจ้าชาร์ลส์อีกครั้งหนึ่ง ดั่งที่ประกาศไว้เมื่อวันเฉลิมพระชนมพรรษา ดังนั้น จึงไม่น่าประหลาดใจที่ สโคบี กระบอกเสียงของดัชเชสเมแกน ออกโรงอีกรอบหนึ่งในการคุกคามโจมตีด้วยข้อมูลทำร้ายทำลายพระเกียรติยศของพระราชวงศ์อังกฤษ โดยดำเนินการยาวๆ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน ต่อเนื่องไปถึงวันที่หนังสือลงแผง คือ วันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน โดยมีการปล่อยเนื้อหาที่ซ้ำเดิมกับเนื้อหาในหนังสือ SPARE ออกมาอย่างมากมายกว่า 20 ประเด็น
อัตราการบรรลุวัตถุประสงค์ในการป่วนและคุกคาม คือต่ำอย่างยิ่ง และยังเปิดเวทีให้ผู้คนแห่กันไปเขียนส่งกำลังใจแก่พระราชวงศ์
กระนั้นก็ตาม พลังการทำลายล้างเพื่อคุกคามพระราชตระกูลวินด์เซอร์ อยู่ในระดับเบาบาง เพราะสาธารณชนทราบเรื่องราวของประเด็นโจมตีต่างๆ อย่างละเอียด จนสามารถชี้ได้เลยว่ามีจุดบิดเบือนมั่วนิ่มไว้ตรงไหน
พร้อมนี้ มีความเห็นใจ-กำลังใจหลั่งไหลเข้าสนับสนุนกษัตริย์ชาร์ลส์และพระราชวงศ์ ผ่านทางพื้นที่คอมเมนต์ด้านล่างของพื้นที่ข่าว
แม้กระทั่งการโจมตีในประเด็นถ้อยคำที่ถูกกล่าวหาว่ามีอคติต่อสีผิว ก็ได้รับคอมเมนต์ที่ให้ความสนับสนุนสมาชิกพระราชตระกูล
โดยในจำนวนคอมเมนต์ที่มีการกดไลก์สูงสุด 5 รายการ มีคอมเมนต์ของสุภาพสตรีชาวอังกฤษที่แต่งงานกับชายชาวสเปน เธอเล่าว่าเธอมีผิวกายขาวซีด ผมเหยียดตรงสีดำ ส่วนสามีมีผิวกายสีน้ำตาล และผมหยิกสีน้ำตาล เมื่อเธอตั้งครรภ์ หัวข้อสนทนาในครอบครัวและเพื่อนๆ มีการพูดกันบ่อยๆ ว่าสีผิวของน้องในครรภ์จะเป็นอย่างไร เรียกว่าเป็นหัวข้อสนทนาที่ปกติธรรมดาอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ความเห็นของเธอมีการกดไลก์สูงที่สุด โดยไปถึงระดับที่มากกว่า 26,000 ไลก์ภายใน 3 วันแรก
และใน 5 คอมเมนต์ที่ได้รับจำนวนไลก์มากที่สุด ก็เป็นความเห็นในทางที่เข้าใจและสนับสนุนสถาบัน
ในด้านของสถาบันพระมหากษัตริย์อังกฤษ นับว่าเดินนโยบายที่ถูกต้อง คือ ไม่โต้ตอบ ซึ่งจะช่วยให้มหกรรมการป่วนและโจมตีต้องโรยราลงไปเอง เพราะความดีอันสม่ำเสมอของสมาชิกพระราชตระกูล ได้เป็นที่ประจักษ์ต่อใจของประชาชน ส่งผลให้คะแนนนิยมของสถาบันอยู่ในระดับที่ดี
เรียกได้ว่าความพยายามที่จะโจมตีใส่ร้าย ทำลายภาพลักษณ์ หรือโหมกระพือให้ถูกเกลียดชัง ถูกเดินขบวนขับไล่นั้น ไม่ประสบความสำเร็จ
สิ่งที่ต้องจับตาต่อไปในกาลข้างหน้า คือ การที่พระนามของพระราชวงศ์ที่ถูกกล่าวหาว่าเหยียดผิวเจ้าชายอาร์ชี (พระโอรสของดัชเชสเมแกนซึ่งเป็นสตรีอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน) ถูกปล่อยให้ปรากฏอยู่ใน Endgame เวอร์ชันภาษาดัตช์ ปมเรื่องนี้จะถูกต่อยอดไปสู่การฟ้องร้องในคดีหมิ่นประมาท หรือไม่
คอลัมน์ PLANET No.3
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: ดิเอ็กซ์เพรส เดอะซัน เดลิเมลออนไลน์ สก็อตติชเดลีเอ็กซ์เพรส)