สถานการณ์สู้รบระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกองกำลังฮามาส ในพื้นที่ฉนวนกาซามีสัญญาณชัดจะรุนแรงกว่าเดิม
ผู้นำอิสราเอลปฏิเสธคำขอร้องจากนานาชาติให้หยุดยิง เพื่อเปิดโอกาสให้องค์กรต่างๆ เข้าไปช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ที่บาดเจ็บและอยู่ในสภาวะลำบากขาดแคลนอาหาร น้ำดื่ม ยา และสิ่งของจำเป็น
คำพูดของผู้นำสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโจ ไบเดนและรัฐมนตรีต่างประเทศแอนโทนี บลิงเคน กับผู้นำอิสราเอล นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ขอให้หยุดยิงก็ถูกเมิน อ้างว่าจะทำให้กลุ่มฮามาสอยู่รอด
คำพูดของผู้นำสหรัฐฯ จะเป็นเพียงแค่ปากว่าตาขยิบหรืออย่างไรก็ตาม แต่ประชาคมโลกได้พบเห็นการเดินขบวนในหลายประเทศ ประท้วงความโหดร้ายของกองทัพอิสราเอล
ข้อกล่าวหาว่าผู้นำประเทศและกองทัพอิสราเอลได้กระทำอาชญากรรมสงคราม ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ดำรงลัทธิเหยียดผิวเชื้อชาติ ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและกดบัตรเจนีวา ไม่ได้ทำให้ผู้นำรัฐบาลอิสราเอลรู้สึกอย่างไร
กองทัพอิสราเอลได้โจมตีพื้นที่ฉนวนกาซาและสังหารชาวปาเลสไตน์แล้วกว่า 9,800 ราย รวมทั้งเด็ก 3,900 ราย ที่เหลือเป็นสตรี คนชรา และผู้ที่หลบภัยในโรงพยาบาล โรงเรียน โบสถ์ มัสยิด และในค่ายผู้ลี้ภัย
มีกองทัพอิสราเอลเท่านั้นที่ได้ทำการโจมตีสถานที่เหล่านี้ซ้ำซาก โดยอ้างว่าต้องการกวาดล้างกลุ่มกองกำลังติดอาวุธฮามาส แต่ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ล้วนเป็นพลเรือนไม่เกี่ยวข้องกับสงคราม
ถึงเวลาที่รัฐบาลไทยจะต้องใส่ใจให้คนไทยอีกกว่า 20,000 รายซึ่งไปเป็นแรงงานในอิสราเอลเดินทางกลับประเทศโดยด่วนเพราะสถานการณ์ไม่ปลอดภัย
ผู้นำรัฐบาลเศรษฐาเศรษฐีจะต้องรู้สึกถึงความเร่งด่วนและจำเป็นให้คนไทยเดินทางกลับประเทศมากกว่าจะเสี่ยงเสียชีวิตในภาวะสงคราม ตราบใดที่อิสราเอลยังไม่ยอมหยุดยิงและฆ่าชาวปาเลสไตน์
การกระทำอย่างไร้มนุษยธรรมของทหารอิสราเอลทำให้ประเทศอิสราเอลถูกโดดเดี่ยวโดยประชาคมโลกอย่างน้อยมี 3 รัฐบาลคือโบลิเวีย จอร์แดน และบาห์เรนได้เรียกทูตกลับประเทศ เป็นการประท้วง
การจะให้คนไทยอีกกว่า 20,000 คนทำงานเสี่ยงตายให้ชาวอิสราเอลในนิคมเกษตรถือว่าไม่คุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นค่าแรงมากอย่างไรก็ตาม และนายจ้างได้แสดงท่าทีเอาเปรียบ
ข้อตกลงการส่งแรงงานไทยไปอิสราเอลเป็นการกระทำระหว่างรัฐต่อรัฐ แต่จะมีใครที่รับรู้ว่าแรงงานไทยส่วนมากอยู่แนวใกล้ชิดกับฉนวนกาซาและเปรียบเป็นเหมือนโล่มนุษย์ ดังจะเห็นได้ว่ามีคนไทยเสียชีวิตกว่า 30 รายและถูกจับเป็นตัวประกันอีก
ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าคนไทยเสียชีวิตกี่คน อาจจะมากกว่า 50 รายตามเสียงร่ำลือและเป็นหน้าที่ของรัฐบาลจะต้องเร่งตรวจสอบผ่านช่องทางที่ถูกต้องเพื่อหาทางนำคนไทยกลับให้เร็วที่สุด
นายจ้างอิสราเอลไม่อยากให้คนไทยเดินทางกลับเพราะเสี่ยงกับความสูญเสียรายได้อย่างมาก การเก็บผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมจำเป็นต้องใช้แรงงานอย่างเช่น อะโวคาโด องุ่น มะเขือเทศและพืชอื่นๆ ที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อน ไม่สามารถใช้เครื่องจักรได้
ถ้าไม่มีแรงงานผลิตผลต่างๆ จะเน่าเสีย สร้างความเสียหายมากมายด้านเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของเกษตรกรอิสราเอล
มีข่าวว่านายจ้างอิสราเอลยินยอมเพิ่มค่าแรงเพื่อต้องการให้คนไทยอยู่ต่อเพราะความจำเป็นอย่างที่ว่าก่อนหน้านี้แรงงานภาคเกษตรใช้คนปาเลสไตน์ แต่เหตุผลทางการเมืองทำให้นายจ้างอิสราเอลไม่ไว้ใจ
ปัจจุบันแรงงานชาวปาเลสไตน์ว่างงานเกือบ 50% เพราะจะทำงานได้ต้องมีใบอนุญาตจากรัฐบาลอิสราเอล นั่นทำให้มีการนำเข้าแรงงานจากต่างประเทศเช่นไทยและฟิลิปปินส์
คนไทยต้องรับรู้ข้อมูลว่าเพราะเหตุใดอิสราเอลจึงต้องการจ้างแรงงานไทย เหตุผลที่ประกาศก็คือต้องการให้แรงงานไทยเป็นเหมือนโล่มนุษย์ด้วยนั่นเอง
เมื่อรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยนำทีมไปพบปะผู้นำ 3 ชาติอาหรับได้ถูกคำถามว่าคนไทยไปทำงานอะไรในอิสราเอลซึ่งจะต้องวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งว่ามีความหมายเชิงการเมืองหรือไม่
ก่อนหน้านี้นายกฯ เศรษฐาเศรษฐีได้ประณามกลุ่มฮามาสหลังจากการโจมตีในอิสราเอลวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งเป็นการกระทำที่ถูกมองว่าปากไว สร้างความเสียหายต่อความสัมพันธ์กับกลุ่มชาติอาหรับ
ผู้รู้ในกระทรวงการต่างประเทศจะต้องให้ข้อมูลนายกรัฐมนตรีเศรษฐาเศรษฐี และต้องให้ฟังข้อมูลก่อนจะดำเนินนโยบายอย่างไร ที่ผ่านมาก็ได้เกิดความเสียหายอย่างมาก
รัฐบาลไทยต้องติดตามกระแสความรู้สึกของประชาคมโลกว่าได้ประณามรัฐบาลและกองทัพอิสราเอล กรณีพฤติกรรมอาชญากรรมสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ที่สำคัญจะต้องเร่งสร้างความเข้าใจให้แรงงานไทยในอิสราเอลเพื่อให้เดินทางกลับประเทศให้เร็วที่สุดและทบทวนข้อตกลงการส่งแรงงานไปอิสราเอล
ความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัฐบาลไทยกับอิสราเอลเป็นคนละเรื่องกับการที่ผู้นำรัฐบาลและทหารอิสราเอลได้กระทำอย่างโหดเหี้ยมต่อชาวปาเลสไตน์
ผลประโยชน์และรายได้ของแรงงานไทยควรได้รับการชดเชยทดแทนโดยรัฐบาลไทยพร้อมกับจัดหางานให้ทำหรือพื้นที่ทำกินภาคเกษตรถ้ามีความต้องการ
ถ้าเรายังเพิกเฉยและส่งแรงงานไทยไปอิสราเอลนอกจากจะทำให้มีปัญหาด้านความปลอดภัย และยังจะสร้างความไม่ไว้วางใจในกลุ่มชาติอาหรับอีกด้วย
ต้องไม่ลืมว่าในโลกนี้มีชาวยิวประมาณ 13-14 ล้านคนเท่านั้น แต่มีชาติอาหรับและมุสลิมทั่วโลกถึง 2 พันล้านคน คงไม่เป็นการยากในการตัดสินใจว่าประเทศไทยจะเลือกอย่างไรถ้าเวลานั้นมาถึง