ความโหดร้ายของกองทัพอิสราเอลภายใต้คำสั่งของผู้นำรัฐบาลในการเข่นฆ่าชาวปาเลสไตน์อย่างเหี้ยมโหดแบบฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ โดยไม่สนใจกฎหมายระหว่างประเทศได้ส่งผลกระทบเห็นชัดแล้ว
โบลิเวียประเทศในอเมริกาใต้ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล เนื่องด้วยความโหดร้ายและการละเมิดกฎหมายว่าด้วยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และไร้มนุษยธรรม
โบลิเวียประกาศว่ากองทัพอิสราเอลมีพฤติกรรมละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและไม่ใส่ใจต่อเหยื่อของการโจมตีด้วยการทิ้งระเบิดและปืนใหญ่ในพื้นที่ฉนวนกาซาส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิตหลายพันรายและประชาชนหลายแสนคนต้องพลัดจากที่อยู่
รัฐมนตรีต่างประเทศของโบลิเวียได้เรียกร้องให้อิสราเอลหยุดการปิดล้อมฉนวนกาซาทันที คำประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตเกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีของโบลิเวียพบกับทูตอิสราเอลวันจันทร์ที่ผ่านมา
โบลิเวียได้ตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอลหนึ่งครั้งในปี 2009 เกี่ยวโยงกับเหตุการณ์ในฉนวนกาซาแต่ครั้งนั้นเป็นประธานาธิบดีอีโว โมราเลส
นี่เป็นผลกระทบทางการเมืองต่ออิสราเอลอย่างแรงเพราะการโจมตีเป้าหมายโดยไม่เลือกที่ว่าเป็นพลเรือนหรือกลุ่มเป้าหมายทำให้เด็กและสตรีเสียชีวิตมากกว่า 5,000 รายในจำนวนกว่า 8,000 รายของเหยื่อการสังหาร
สหรัฐอเมริการู้เห็นเป็นใจและให้การสนับสนุนอิสราเอลในการโจมตีเป้าหมายในฉนวนกาซาอ้างว่าเพื่อกวาดล้างกลุ่มฮามาส แต่เหยื่อถูกสังหารคือพลเรือนเป็นส่วนใหญ่จึงถูกประณามจากทั่วโลก
สถานการณ์ที่เป็นอยู่ อิสราเอลได้โจมตีค่ายผู้ลี้ภัยในคืนวันอังคารที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 50 รายแต่อิสราเอลอ้างว่ามีแกนนำกลุ่มฮามาสเสียชีวิตด้วยหนึ่งราย จึงเท่ากับว่าเป็นการสังหารผู้ลี้ภัยเป็นส่วนใหญ่
นอกจากนั้นรัสเซียยังได้เตือนอิสราเอลถึงการโจมตีพื้นที่ของซีเรียหลายครั้ง โดยอ้างว่ามีกลุ่มสนับสนุนฮามาสอยู่ที่นั่นแต่ได้โจมตีสนามบินในเมืองหลวงดามัสกัสและอะเลปโป โดยไร้เหตุผล
เป็นที่น่ากังวลว่าสงครามอาจจะลามออกนอกพื้นที่เพราะกลุ่มเฮซบอลเลาะห์ ได้เริ่มโจมตีอิสราเอลทางตอนใต้ของเลบานอน ผู้นำของตุรกีก็ได้ปลุกระดมชาวมุสลิมให้ประณามความโหดร้ายของอิสราเอล
มีความเป็นไปได้ว่าอิสราเอลอาจจะถูกโจมตีจากหลายฝ่ายซึ่งเป็นชาติมุสลิมและทนเห็นความโหดร้ายในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาไม่ได้
อาจจะเป็นเพราะความกังวลว่าสงครามจะลุกลามและผลสุดท้ายอิสราเอลจะเสียหาย ทั้งด้านการเมืองระหว่างประเทศและการโจมตีด้วยกำลังอาวุธทำให้สหรัฐฯ และอิสราเอล หารือว่าควรจะมีกองกำลังสันติภาพในพื้นที่กาซาหรือไม่ถ้าหยุดโจมตี
ข้อเสนอนั้นสำนักข่าว Bloomberg อ้างว่าควรจะมีกองกำลังทหารจากสหรัฐฯ อังกฤษ เยอรมนี และฝรั่งเศส มีตัวแทนจากชาติอาหรับเช่นซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นต้น
แต่กลุ่มประเทศยุโรปล้วนแต่เป็นชาติที่สนับสนุนอิสราเอลในการทำสงครามกับปาเลสไตน์ โดยไม่ใช่กองกำลังของสหประชาชาติ ดังนั้นความเป็นไปได้อาจต้องรอดูว่าจะมีทางเลือกอื่นหรือไม่
ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ถูกจับไปเป็นตัวประกันซึ่งเป็นชาวอิสราเอลต่างเรียกร้องให้ผู้นำรัฐบาล นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ได้เร่งหาทางช่วยเหลือด่วนและไม่ควรทิ้งตัวประกันให้เสี่ยงต่อการถูกสังหาร
ที่น่ากลัวคือกองทัพอิสราเอลอาจฉวยโอกาสฆ่ากลุ่มฮามาส พร้อมกับตัวประกันภายใต้กฎที่เรียกว่า Hannibal directive หรือกฎฮันนิบาล ซึ่งออกโดยรัฐบาลอิสราเอลว่าสามารถสังหารตัวประกันพร้อมกับผู้จับกุมได้ และทหารควรจะตายมากกว่าถูกจับเป็นตัวประกัน
กฎนี้เคยใช้หลายครั้ง เมื่อกลุ่มปาเลสไตน์ได้จับชาวอิสราเอลและขอแลกตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์โดยจำนวนต่างกันมาก ครั้งนี้ก็เช่นกันกลุ่มฮามาสได้เรียกร้องให้อิสราเอลปล่อยนักโทษปาเลสไตน์กว่า 6,000 รายที่อิสราเอลขังในคุก
ตัวประกันครั้งนี้มีทั้งชาวอเมริกันและอิสราเอลรวมทั้งแรงงานชาวไทยซึ่งเสียงเรียกร้องว่าอาจจะถูกสังหารภายใต้กฎเหล็ก Hannibal ทำให้รัฐบาลอิสราเอลต้องพิจารณาเพราะผลกระทบจะตามมาอย่างมาก
อารมณ์ความเกลียดชังชาวยิวได้เพิ่มขึ้นอย่างมากในหลายประเทศ โดยเฉพาะเยอรมนี หัวหน้าตำรวจเอฟบีไอของสหรัฐฯ ก็แสดงความกังวลว่าอาจจะมีเหตุร้ายในสหรัฐฯ เช่นการโจมตีเป้าหมายต่างๆ หรือแหล่งที่ชาวยิวอาศัยอยู่
กองทัพอิสราเอลยังได้ทำลายอาคารบ้านเรือนในฉนวนกาซาทั้งส่วนเหนือและยังตามไปทิ้งระเบิดในพื้นที่ด้านใต้ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวปาเลสไตน์อยู่ในขั้นวิกฤต
หน่วยงานของสหประชาชาติรายงานว่ามีเด็กประมาณ 1,000,000 คนเสี่ยงต่อการขาดแคลนอาหารและสิ่งของจำเป็น ผู้หญิงและเด็กกว่า 500,000 คนไร้ที่อยู่อาศัย
นี่เป็นมหันตภัยของมนุษยชาติซึ่งอิสราเอลได้กระทำต่อชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่ฉนวนกาซาซึ่งอยู่ในสภาพเป็นคุกเปิดมีคนมากกว่า 3,000,000 คนถูกคุมขังนานกว่า 16 ปี
พื้นที่ฉนวนกาซาทุกวันนี้ยังขาดไฟฟ้า น้ำประปา อาหาร และยารักษาโรค โดยหน่วยงานที่ส่งเข้าไปเสี่ยงกับการถูกโจมตีโดยอิสราเอล
สถานการณ์ต่อไปอย่างยากที่จะคาดการณ์ได้เพราะขึ้นอยู่กับว่ากองทัพอิสราเอลและผู้นำการเมืองยังจะใช้นโยบายเข่นฆ่าชาวปาเลสไตน์โดยไม่เลือกเป้าหมายแยกแยะหรือไม่
ถ้าการเข่นฆ่าชาวปาเลสไตน์ยังมีต่อไปจะถึงขั้นสิ้นสุดความอดกลั้นของชาติมุสลิมและตัดสินใจเข้าเล่นงานอิสราเอล ซึ่งจะทำให้เกิดสงครามลามไปในภูมิภาคและผลสุดท้ายอิสราเอลจะอยู่ยากในประชาคมโลกแม้จะมีสหรัฐฯ สนับสนุนก็ตาม
มาตรการตอบโต้โดยกลุ่มชาติมุสลิมก็คือการตัดการลดการผลิตพลังงานเช่น น้ำมันและก๊าซธรรมชาติไม่ส่งให้ประเทศที่สนับสนุนอิสราเอลจะทำให้เกิดวิกฤตราคาน้ำมันสูงส่งผลกระทบทั่วโลก
ถึงอย่างไรสถานการณ์ในตะวันออกกลางก็จะไม่เหมือนเดิมและโอกาสที่อิสราเอลจะอยู่ร่วมกับชาติอาหรับและมุสลิมในพื้นที่นั้นด้วยสันติภาพคงเป็นเรื่องยาก