ถ้าชาวยิวกว่า 6 ล้านคนที่ถูกสังหารโดยนาซีเยอรมนีช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังไม่ได้ไปผุดไปเกิด จะคิดอย่างไรเมื่อเห็นชาวยิวในพื้นที่อิสราเอลทุกวันนี้กระทำต่อชาวปาเลสไตน์
ทำมาตลอดตั้งแต่ปี 1947 และ 1948 หลังจากที่ชาวยิวได้อพยพมาจากยุโรปและประเทศอื่นๆ มาตั้งรกรากในพื้นที่ประเทศอิสราเอลปัจจุบันนี้ ภายใต้การจัดการของสหรัฐอเมริกาและอังกฤษซึ่งกำหนดให้สหประชาชาติจัดการหาพื้นที่ให้ชาวยิวมีแผ่นดินของตัวเอง
พื้นที่ของชาวยิวเป็นที่อยู่อาศัยของชาวปาเลสไตน์ ดังนั้นเมื่อได้ที่ดินส่วนหนึ่งแล้วก็ยังรุกไล่ แย่งชิงพื้นที่จากชาวปาเลสไตน์ ทำร้ายร่างกาย ข่มขู่คุกคามและสังหารเพื่อให้ได้ครอบครองที่ดิน
ชาวยิวในอิสราเอลมี 6 ล้านกว่าคนถ้ารวมกับชาวอาหรับแล้วซึ่งมี 21% ยอดรวมของพลเมืองอิสราเอลจะมี 9.8 ล้านคน รวมกับคนยิวทั่วโลกจะมีเพียง 13 คนหรือ 0.2 เปอร์เซ็นต์ของประชาคมโลก
สิ่งที่ผู้นำและกองทัพยิวได้กระทำต่อชาวปาเลสไตน์ตั้งแต่ปี 1948 คือความพยายามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การเหยียดผิวเชื้อชาติ การสังหารหมู่ และละเมิดกฎหมายนานาชาติทุกประเภทรวมทั้งกฎบัตรเจนีวาด้วย
สถานการณ์ปัจจุบันหลังจากกรณีกลุ่มฮามาส ได้บุกเข้าไปในพื้นที่อิสราเอลและสังหารชาวยิวและคนชาติอื่นรวม 1,408 คนและจับเป็นตัวประกันกว่า 200 คน
เมื่อผู้นำอิสราเอลประกาศเอาคืนเพื่อล้างแค้นสำหรับการเสียหน้าในการปล่อยให้ระบบล้มเหลวทำให้คนยิวตายเยอะก็ต้องฆ่าชาวปาเลสไตน์ โดยอ้างว่าติดตามกวาดล้างกลุ่มฮามาส
ด้วยกำลังที่เหนือกว่าและมีกองหนุน 300,000คน กองทัพอิสราเอลใช้เครื่องบินและปืนใหญ่โจมตีพื้นที่ฉนวนกาซาซึ่งมีชาวปาเลสไตน์อยู่ 1.1 ล้านคน ออกประกาศให้อพยพไปอยู่ด้านใต้ของฉนวนกาซา
สิ่งที่ตามมาคือกองทัพอิสราเอลได้ทำลายล้างอาคารบ้านเรือนโจมตีสถานที่ต่างๆ เช่น โรงพยาบาล มัสยิด โบสถ์คริสต์ โรงเรียนและสถานอนามัยต่างๆ เพื่อไม่ให้เป็นที่พักพิงของชาวปาเลสไตน์
จากยอดผู้เสียชีวิตวันนี้ชาวปาเลสไตน์ได้ถูกสังหารไปมากกว่า 9,000 รายครึ่งหนึ่งเป็นเด็กและสตรีภายใต้โครงการลงโทษแบบเหมาเข่ง กองทัพอิสราเอลไม่สนใจแยกแยะว่าเป้าหมายจะเป็นพลเรือนหรือใคร
แม้กระทั่งผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์สงครามก็ยังตกเป็นเป้าหมายของการซุ่มยิงของทหารอิสราเอลและมีผู้สื่อข่าวเสียชีวิตไปมากกว่า 20 ราย
สิ่งที่อิสราเอลได้ทำอยู่คือการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การสังหารหมู่ การฆาตกรรมเพื่อแย่งชิงพื้นที่ และการสกัดกั้นตัดสิทธิเสรีภาพทำให้ฉนวนกาซาเป็นเหมือนคุกเปิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก
สหประชาชาติประชุมและมี 120 ประเทศเรียกร้องให้หยุดยิงเพื่อมนุษยธรรม แต่สหรัฐอเมริกาและอิสราเอลคัดค้านหมายความว่าทั้งสองประเทศต้องการสังหารชาวปาเลสไตน์ต่อไป
ประชาชนในเมืองใหญ่ทั่วโลกเดินขบวนสนับสนุนการหยุดยิงและต่อต้านอิสราเอลและลัทธิไซออนิสต์ แม้กระทั่งในสหรัฐอเมริกาและยุโรปแต่อิสราเอลไม่สนใจ
ที่น่าสังเกตก็คือรัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลของโจ ไบเดนมีเชื้อสายยิว และข้าราชการที่ดำรงตำแหน่งสำคัญก็มีเชื้อสายยิว ดังนั้นการกำหนดนโยบายต่างๆ จึงทำเพื่อผลประโยชน์ของอิสราเอล
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และผู้นำชาติยุโรปเช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ และอิตาลีประกาศยืนเคียงข้างอิสราเอลโดยไม่สนใจว่าจะมีผู้เสียชีวิตเท่าไหร่
ความโหดเหี้ยมของทหารอิสราเอลและผู้นำรัฐบาลจึงชวนให้คิดว่าทำไมนาซีเยอรมนีถึงต้องสังหารชาวยิวมากกว่า 6 ล้านคน มีอะไรเป็นปัจจัยที่ให้ทำอย่างนั้น
ก่อนหน้านี้ชาวยิวเร่ร่อนอยู่ในหลายประเทศในยุโรปและสหรัฐฯ และส่วนหนึ่งกระจายไปอยู่ประเทศอื่นๆ เพื่อหนีการถูกฆ่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ไม่ต่างจากการเร่ร่อนของชาวยิปซี
แต่การแย่งพื้นที่ชาวปาเลสไตน์โดยตลอดกดขี่ ข่มเหง ทำร้าย และสังหารโดยการสนับสนุนของทหารอิสราเอล ทำให้เกิดวิกฤตในพื้นที่ทำให้มีสงครามใหญ่ 3 ครั้งระหว่างอิสราเอลกับรัฐอาหรับ
การโจมตีล่าสุดโดยเครื่องบินทิ้งระเบิดและปืนใหญ่ในพื้นที่กาซาทำให้บ้านเมืองพินาศย่อยยับและประชาชนบาดเจ็บล้มตายมากมายเพราะอยู่ที่โรงพยาบาลก็ไม่รอด
นายกรัฐมนตรีอิสราเอลนายเบนจามิน เนทันยาฮู ประกาศว่าการบุกเข้ากวาดล้างกลุ่มฮามาสรอบสองจะเริ่มขึ้นหลังจากที่ได้ส่งทหารราบและรถถังเข้าไปปฏิบัติการช่วงแรก
เมื่อไม่สนใจตอบคำเรียกร้องให้หยุดยิงเพื่อเหตุผลด้านมนุษยธรรม ก็ทำให้เชื่อได้ว่าชาวปาเลสไตน์จะต้องเสียชีวิตมากขึ้นแต่ไม่มีใครทำอะไรได้
ประชาคมโลกโดยขบวนต่อต้านในหลายเมืองสะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์ต่อความโหดร้ายของผู้นำ และกองทัพอิสราเอลที่ได้กระทำต่อพลเมืองปาเลสไตน์ แม้แต่องค์การสหประชาชาติก็ทำอะไรไม่ได้
ล่าสุดอัยการของศาลอาญาระหว่างประเทศกำลังพิจารณาว่าสิ่งที่กองทัพอิสราเอลทำเข้าข่ายอาชญากรรมสงครามหรือไม่ แต่ก็คงจะเป็นเพียงท่าทีเพราะประเทศอิสราเอลไม่ได้เป็นสมาชิกศาลอาญาระหว่างประเทศ
สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือการขยายตัวของสงครามออกนอกพื้นที่ฉนวนกาซาและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนที่อิสราเอลครอบครองอยู่โดย กฎอัยการศึกทำให้ชาวปาเลสไตน์ไร้อิสรภาพ
ถ้าการสู้รบขยายตัวเกี่ยวโยงกับกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ ที่สนับสนุนโดยอิหร่าน หรือชาติอาหรับอื่นๆ ก็จะทำให้ตะวันออกกลางลุกเป็นไฟและอาจกลายเป็นสงครามระหว่างชาติมหาอำนาจโดยสหรัฐฯ และรัสเซีย
ผู้นำและกองทัพอิสราเอลคงยังไม่เลิกขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกนอกพื้นที่กาซา นั่นหมายความว่าจะต้องมีคนตายอีกมากมายผลสุดท้ายต้องรอดูว่าอิสราเอลจะอยู่อย่างไร เมื่อฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อย่างโหดเหี้ยมอำมหิตไม่เลือกว่าเป็นเด็กหรือผู้หญิง
ประชาคมโลกจะต้องทนกับอิสราเอลได้อีกนานหรือไม่