ข้อกล่าวหาว่ากองทัพอิสราเอลได้ กระทำอาชญากรรมสงครามในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่ฉนวนกาซา และพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน ไม่ได้สร้างความอ่อนไหวต่อความรู้สึกของผู้นำประเทศอิสราเอลและทหารแม้แต่น้อย
อิสราเอลถูกกล่าวหาว่าได้ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรเจนีวา รวมทั้งข้อบังคับระหว่างประเทศหลายอย่างแต่เมื่อได้รับการสนับสนุนจากผู้นำสหรัฐฯ ก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกแยแส
ข้อกล่าวหาล่าสุดในเรื่องอาชญากรรมสงครามเป็นผลมาจากการเข่นฆ่าชาวปาเลสไตน์ โดยไม่เลือกเป้าหมายว่าเป็นกลุ่มติดอาวุธฮามาส หรือชาวบ้านธรรมดา
เหยื่อของการโจมตีโดยเครื่องบินทิ้งระเบิดในพื้นที่ฉนวนกาซาจากการเปิดเผยล่าสุดของกระทรวงสาธารณสุขของปาเลสไตน์ชี้ว่าในจำนวน 5,000 รายนั้นครึ่งหนึ่งเป็นผู้หญิงและเด็ก
กองทัพอิสราเอลได้โจมตีด้วยอาวุธสารพัดโดยมีเป้าหมายคืออาคารต่างๆ มัสยิด โบสถ์คริสต์ โรงเรียนและโรงพยาบาล รวมทั้งสถานที่อื่นซึ่งเป็นข้อห้ามในสงคราม
กองกำลังฮามาสได้บุกเข้าอิสราเอลวันที่ 7 ตุลาคมและสังหารชาวยิวและคนชาติอื่นๆ ประมาณ 1,400 คนและจับเป็นตัวประกันอีกเกือบ 300 คน
นี่ก็เป็นอาชญากรรมสงครามเช่นเดียวกันซึ่งผู้กระทำต้องรับผิดชอบในการสังหารพลเรือนแม้จะมีทหารอิสราเอลส่วนหนึ่งเสียชีวิตและถูกจับเป็นตัวประกัน
การเอาคืนของอิสราเอลภายใต้ระบบ collective punishment คือการไม่แยกแยะเป้าหมายในการโจมตีซึ่งนอกจากผู้หญิงและเด็กยังมีผู้ป่วยในโรงพยาบาล รวมถึงแพทย์และพยาบาลด้วย
มีผู้บาดเจ็บในพื้นที่ของปาเลสไตน์มากกว่า 15,000 รายและตัวเลขเพิ่มขึ้นตราบใดที่อิสราเอลยังไม่เลิกสังหารประชาชน โดยอ้างว่าต้องการกวาดล้างกลุ่มฮามาสให้สิ้นจากพื้นที่ฉนวนกาซา
อิสราเอลได้ปิดล้อมพื้นที่ฉนวนกาซาและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนนานกว่า 16 ปีใช้มาตรการกดขี่ ยึดบ้านและที่ดินของชาวปาเลสไตน์โดยกลุ่มคนยิวอพยพมาจากสหรัฐฯ ยุโรปหรือพื้นที่อื่นๆ
การปิดกั้นไม่ให้ชาวปาเลสไตน์ได้มีอาหาร น้ำดื่ม ไฟฟ้า ยารักษาโรคและสิ่งของจำเป็น เกิดภาวะอดอยากและวิกฤตด้านมนุษยธรรมตามคำแถลงของหน่วยงานภายใต้องค์การสหประชาชาติก็เป็นอาชญากรรมสงคราม
อิสราเอลมักจะอ้างสิทธิในการป้องกันตัวเอง แต่ชาวโลกไม่เคยใส่ใจว่าชาวปาเลสไตน์ก็มีสิทธิปกป้องตัวเองเช่นเดียวกันเมื่อถูกกระทำอย่างไร้มนุษยธรรม
ข้อกล่าวหาที่ชาวโลกว่า อิสราเอลได้กระทำอาชญากรรมสงครามประกอบด้วยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การเหยียดผิวและเชื้อชาติ การสังหารหมู่ และการใช้อำนาจยึดพื้นที่และที่อยู่อาศัย
War crimes, ethnic cleansing, genocide, apartheid ภายใต้นโยบาย collective punishment จึงเป็นการกระทำที่เหี้ยมโหดต่อมนุษยชาติ
การทำพื้นที่ถนนกาซาซึ่งมีความยาว 45 กิโลเมตรและกว้าง 10 กิโลเมตรกลายเป็นคุกเปิดจำกัดสิทธิของชาวปาเลสไตน์ ด้านกฎหมายและการใช้กำลังเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและอาชญากรรมสงครามเช่นเดียวกัน
ในการประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงซึ่งมีสมาชิกถาวรและไม่ถาวรรวม 15 ประเทศสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข้อเสนอของบราซิลให้มีการหยุดยิงและเจรจาเพื่อสันติภาพปรากฏว่า สหรัฐฯ เป็นประเทศเดียวที่คัดค้าน
นั่นหมายความว่าสหรัฐฯ ต้องการให้อิสราเอลมีโอกาสโจมตีเข่นฆ่าชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่ฉนวนกาซาและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนต่อไป โดยอ้างว่ามีชาวอเมริกันเสียชีวิตและถูกจับเป็นตัวประกันด้วย
การประชุมสันติภาพในกรุงไคโรประเทศอียิปต์ไม่ได้มีผลให้สงครามยุติลงเพราะอิสราเอลไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วยแต่มีท่าทีแข็งกร้าวจากผู้นำจอร์แดน อียิปต์ และตุรกี ต่อพฤติกรรมของอิสราเอล
ช่วงสงครามโลกครั้งที่สองชาวยิวจากหลายประเทศถูกจับมารวมตัวเพื่อสังหารหมู่และฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยกองทัพนาซีเยอรมัน มีชาวยิวเสียชีวิต 6 ล้านคน
ถูกกล่าวขานว่าเป็น holocaust แต่อิสราเอลกลับก็ทำไม่ต่างกันกับชาวปาเลสไตน์หลังจากมาแย่งพื้นที่ปัจจุบัน โดยการจัดการของสหรัฐฯ และอังกฤษในปี 1948 จากไม่กี่ 100,000 คนเป็นประมาณ 7,000,000 คนในปัจจุบัน
ชาวยิวทั่วโลกมีประมาณ 13 ถึง 14 ล้านคน มีประมาณ 7.5 ล้านคน ในสหรัฐฯ และเกือบ 7 ล้านคนในประเทศอิสราเอลปัจจุบันนอกนั้นกระจายไปอยู่ในประเทศยุโรป
โดยสรุปแล้วในโลกนี้มีชาวยิว 0.2% ของประชากรโลกประมาณ 8 พันล้านคน และอาศัยอยู่ในพื้นที่ตะวันออกกลางล้อมด้วยชาวอาหรับและมุสลิม
จากนี้ต้องดูว่ากองทัพอิสราเอลจะบุกเข้าไปกวาดล้างกองกำลังฮามาสในฉนวนกาซาเมื่อไหร่และผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร จะประสบผลสำเร็จหรือมีทหารอิสราเอลบาดเจ็บล้มตายมากกว่าเดิม
วันนั้นต้องรอดูเช่นกันว่าโลกอาหรับและมุสลิมจะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อการประกอบอาชญากรรมสงครามโดยอิสราเอล ดูแล้วโลกคงไม่สงบเพราะสงครามยูเครนกับรัสเซียก็ยังไม่จบ
ผู้ที่จะหยุดอิสราเอลได้คือผู้นำสหรัฐฯ แต่ก็ไม่กล้าทำเพราะชาวยิวมีอิทธิพลอย่างมากในการเมืองสหรัฐฯ การเงินและการลงทุนสามารถควบคุมระบบการเงินระหว่างประเทศได้