สหรัฐฯ นักค้าสงครามแท้

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ได้เร่งอนุมัติให้ส่งกระสุนรถถังชนิดทำลายล้างรุนแรงมูลค่า 106 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้อิสราเอล เพื่อทำสงครามในฉนวนกาซา

ก่อนหน้านี้ ผู้นำทำเนียบขาวได้ขอให้รัฐสภาอนุมัติงบประมาณ 500 ล้านดอลลาร์เพื่อส่งกระสุนปืนใหญ่และกระสุนรถถังให้อิสราเอลแต่ว่ายังไม่ได้รับการอนุมัติ

เมื่อเห็นว่าอาจจะมีความล่าช้าโจ ไบเดนจึงใช้อำนาจพิเศษที่ประธานาธิบดีสามารถอนุมัติได้ทำการส่งกระสุนรถถังโดยมูลค่าไม่ถึงจำนวนที่จะต้องอนุมัติโดยรัฐสภา

การส่งกระสุนปืนรถถังให้อิสราเอลหนึ่งวันหลังจากที่ตัวแทนสหรัฐฯ ได้คัดค้านมติของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติเพื่อให้หยุดยิงในฉนวนกาซา ด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม

สหรัฐฯ เป็นประเทศเดียวที่คัดค้านในกลุ่ม 15 ประเทศแต่มีอังกฤษงดออกเสียง 13 ประเทศเห็นชอบด้วย

เมื่อสหรัฐฯ วีโตมติก็ทำให้ไม่มีการหยุดยิง เจตนาของโจ ไบเดนก็คือต้องการขายอาวุธต่อไปให้อิสราเอลเพื่อสังหารประชาชนปาเลสไตน์ ภายใต้ข้ออ้างว่าต้องการกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธฮามาส

ความโหดเหี้ยมเลือดเย็นของผู้นำการเมืองและกองทัพอิสราเอลทำให้การทำลายล้างอาคารบ้านเรือน โรงพยาบาล ค่ายผู้ลี้ภัยและอาคารเกี่ยวกับศาสนาสร้างความเสียหายมหาศาล

กองทัพอิสราเอลยังกดดันให้ชาวปาเลสไตน์หนีการโจมตีทิ้งระเบิดไปอยู่ชายแดนติดกับอียิปต์ด้วยเจตนาที่จะกวาดล้างประชาชนปาเลสไตน์ให้หมดสิ้นไปจากฉนวนกาซา

มีคนเสียชีวิตเกิน 18,000 รายบาดเจ็บกว่า 40,000 รายและเด็กเสียชีวิตกว่า 7,000 รายภายในระยะเวลาสองเดือนหลังจากกองทัพอิสราเอลบุกเข้าไปในถนนกาซาวันที่ 8 ตุลาคม

ก่อนหน้านี้ โจ ไบเดน และทีมงานอ้างว่าได้เรียกร้องให้อิสราเอลพยายามลดจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตที่เป็นพลเรือนจากการโจมตีในฉนวนกาซา แต่เห็นได้ชัดว่าผู้นำอิสราเอลและกองทัพไม่สนใจ

ที่แท้เป็นความหน้าเนื้อใจเสือ มือถือสากปากถือศีลตามคำประณามของผู้นำจีนและตุรเคีย เพราะสหรัฐฯ ได้แสดงให้เห็นว่ายังเป็นนักค้าสงครามและไม่ต้องการสันติภาพ

นอกจากนั้นยังแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ กับอิสราเอล เป็นเสมือนประเทศเดียวกันเพราะชาวยิวในสหรัฐอเมริกา มีจำนวนมากกว่าชาวยิวในรัฐอิสราเอล

การเมือง การค้า การเงิน การคลัง ต่างอยู่ในกำมือของชาวยิวเท่ากับว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ถูกบริหารด้วยกลุ่มอำนาจชาวยิวซึ่งคุมนโยบายด้านความมั่นคงและต่างประเทศ

ประเทศสหรัฐฯ กับอิสราเอลจึงเหมือนเป็นประเทศเดียวกันและพลเมืองอิสราเอล จำนวนมากมีสองสัญชาติเพราะเป็นผู้อพยพมาจากยุโรปและสหรัฐฯ

การวีโตมติของคณะมนตรีความมั่นคง เพื่อให้สงครามยังมีต่อไปโดยตัวแทนสหรัฐฯ อ้างว่า การหยุดยิงไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้องและต่อไปจะต้องมีการสู้รบถ้ากลุ่มฮามาส ยังคงอยู่ในฉนวนกาซา

นั่นหมายความว่ากองทัพอิสราเอลจะต้องสังหารชาวปาเลสไตน์อีกเป็น 100,000 คนกว่าจะสามารถจัดการนักรบฮามาสให้หมดสิ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ยาก

การสังหารพลเรือนปาเลสไตน์มีโอกาสที่จะทำให้สงครามขยายตัวรุนแรงถ้ามีกลุ่มอื่นเข้าร่วมอย่างเต็มกำลัง โดยที่นักรบกลุ่มฮูตีในประเทศเยเมน และเฮซบอลเลาะห์ ในเลบานอน ได้สู้รบกับอิสราเอลเป็นระยะ

รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่อายที่จะแสดงให้โลกรู้ว่าเป็นนักค้าสงครามและหารายได้จากการขายอาวุธ เป็นผู้สร้างปัญหาและความขัดแย้งระหว่างกลุ่มประเทศเพื่อขายอาวุธซึ่งเป็นฐานสำคัญของเศรษฐกิจของประเทศ

โจ ไบเดน ต้องเข้าสู่การเลือกตั้งปีหน้าขณะที่ความนิยมตกต่ำเหลือเพียง 30% ซึ่งอาจจะไม่ได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต เพราะอยู่ในวัย 80 ปีแล้ว

การตีสองหน้าและสองมาตรฐานของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของโจ ไบเดนทำให้สหรัฐฯ และอิสราเอลถูกโดดเดี่ยวจากประชาคมโลกและขาดความน่าเชื่อถือ

ขณะเดียวกันสหประชาชาติก็ถูกมองว่าเป็นเสือกระดาษ ขาดอำนาจในการบังคับใช้กับสมาชิกเพราะสิทธิวีโต โดยสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงซึ่งมี 5 ประเทศคือสหรัฐฯ อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และจีน

จึงมีเสียงเรียกร้องจากผู้นำตุรเคียว่าควรจะเลิกระบบวีโตได้แล้วเพราะไม่สามารถบังคับใช้กฎอะไรได้

สงครามในฉนวนกาซาได้ทำให้เกิดความหวั่นเกรงว่าจะลุกลามไปยังกลุ่มประเทศมุสลิมอาหรับซึ่งจะทนไม่ได้กับการที่เห็นชาวปาเลสไตน์ถูกสังหารต่อเนื่อง

ธาตุแท้ของความเป็นนักค้าสงครามของสหรัฐฯ เป็นที่ประจักษ์ของสมาชิกสหประชาชาติและประชาคมโลกและสะท้อนให้เห็นว่าสหรัฐฯ ต้องการรักษาความเป็นชาติมหาอำนาจแม้จะต้องประกอบอาชญากรรมสงคราม

ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้ทำสงครามในหลายประเทศเช่น 18 ปีในเวียดนาม 20 ปีในอัฟกานิสถาน 6 ปีในอิรัก และในประเทศอื่นๆ โดยมีฐานทัพกว่า 800 แห่งทั่วโลก

สหรัฐฯ ได้ใช้เงินมหาศาลในการทำสงครามมาโดยตลอดเพื่อต้องการรักษาความเป็นชาติมหาอำนาจ แต่กำลังถูกท้าทายโดยรัสเซียและจีนซึ่งกำลังได้ใจจากหลายประเทศทุกทวีป

สหรัฐฯ คงจะหาข้อแก้ตัวให้ชาวโลกเชื่อไม่ได้อีกแล้วว่าต้องการให้จำนวนผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาลดลงในกลุ่มพลเรือนเพราะอิสราเอลไม่เลือกเป้าหมายไม่ว่าจะเป็นผู้ลี้ภัยหรือโรงพยาบาลโดยเด็กผู้หญิงเป็นเป้าหมายหลัก

ต้องรอดูว่าประชาคมโลกจะต้องอดทนกับความกระหายเลือดของกองทัพอิสราเอลและผู้นำการเมืองสหรัฐฯ นานเท่าไหร่ และจะนำไปสู่วิกฤตจนกลายเป็นสงครามเกี่ยวพันกับหลายประเทศหรือไม่

ความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ ในฐานะผู้นำโลกไม่เหลืออีกต่อไปแล้ว แม้กระทั่งในกลุ่มประเทศยุโรปซึ่งกำลังได้รับผลกระทบจากความพ่ายแพ้ของยูเครนในสงครามกับรัสเซีย