รมต.ต่างประเทศสหรัฐฯ บลิงเคน ก็คว้าน้ำเหลวในการเดินทางทั้ง 3 รอบไปยังตะวันออกกลาง
2 รอบแรกก็คว้าน้ำเหลวในการหว่านล้อมให้เนทันยาฮูหยุดบุกเข้ายึดกาซา...และเพื่อขอให้อียิปต์และจอร์แดนเปิดพรมแดนรับชาวปาเลสไตน์อพยพหนี้ภัยสงครามออกจากกาซา...จนต้องถึงมือไบเดนต้องเดินทางไปเอง
ทั้งหน้าฉากและหลังฉากที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงของไบเดน ที่พูดหน้าฉากว่า ยืนเคียงข้างอิสราเอล โดยเห็นด้วยที่เนทันยาฮูและกองทัพอิสราเอลจะไล่ฆ่าปราบฮามาสให้สิ้นซาก-ไม่เป็นภัยคุกคามอิสราเอลต่อไป เหมือนส่งสัญญาณไม่ให้หยุดยิง
แต่หลังฉากเมื่ออยู่สองต่อสอง ก็จะพูดขึงขังกดดันเนทันยาฮูไม่ให้ยิงกราดถล่มแบบไม่เลือกหน้า โดยลงโทษพลเรือนบริสุทธิ์ หรือโล่มนุษย์ที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ (ที่เรียกว่า (Collective Punishment) ซึ่งเนทันยาฮูต้องการกดดันพลเรือนชาวกาซาผู้บริสุทธิ์ที่ต้องตายจากการยิงถล่มของเขา ให้ไปกดดันฮามาสอีกต่อหนึ่ง
ไบเดนไม่น่าจะหวาดวิตกว่า ตนเองจะตกเป็นจำเลยคดี Genocide ที่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปาเลสไตน์ในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิด เพราะสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะลงนามเป็นภาคีศาล ICC เพราะสหรัฐฯ รู้เห็นเป็นใจให้เนทันยาฮูปราบฮามาสโดยบุกเข้าไปยึดครองดินแดนกาซา และทำลายล้างชนิดให้สิ้นซาก รวมทั้งพลเรือน เด็ก และผู้หญิงที่ตายไป 70% ของยอดตายเกือบ 16,000 คนขณะนี้ และที่ตายฝังร่างอยู่ใต้ซากตึกปรักหักพังอีก 7 หมื่นคนที่ยังเป็นผู้สูญหาย และที่บาดเจ็บพิการอีกหลายหมื่นคนเช่นกัน
แต่ที่ไบเดนเริ่มวิตกคือ มติของประชาชนอเมริกันนั่นแหละ ก็พอๆ กับช่วงสงครามเวียดนามที่ประชาชนอเมริกันออกมาเดินขบวนประท้วงกันแทบทุกแคมปัส และตามเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ ให้ยุติสงครามเวียดนาม และให้นำทหารอเมริกันลูกหลานของเขากลับบ้านโดยเร็ว…นำมาสู่การยุติกองทัพสหรัฐฯ ในเวียดนาม!!
ขณะนี้มีโพลหลายสำนักที่สะท้อนว่า 68-70% ของประชาชนอเมริกันต้องการให้อิสราเอลหยุดยิงอย่างถาวร; หยุดการฆ่าพลเรือนปาเลสไตน์อย่างบ้าคลั่งไร้มนุษยธรรม และไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลอเมริกันจะถือหางให้ผู้นำอิสราเอลไปเข่นฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์
ท่าทีของรัฐบาลไบเดนเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะหันมาเน้นไม่ให้เนทันยาฮูฆ่าแบบไม่เลือกหน้าชาวปาเลสไตน์ (เดิมทีแล้ว 7 ตุลาคม มีการส่งอาวุธมากมายจากสหรัฐฯ ไปช่วยเนทันยาฮู รวมทั้งงบก้อนโตช่วยต่างหากอีกเป็นหมื่นกว่าล้านดอลลาร์) ซึ่งเป็นการช่วยทั้งด้านการทหาร และด้านการทูตที่ออกมาอุ้มเนทันยาฮู โดยบอกกับชาวโลกว่า เป็นสิทธิอันชอบธรรมที่อิสราเอลจะกวาดล้างฮามาส เพื่อปกป้องตนเอง
ล่าสุดแม้แต่รมต.กลาโหม ลอยด์ ออสติน ก็พูดอย่างแข็งกร้าวเมื่อสุดสัปดาห์ในท่ามกลางการประชุม The Regan National Defense Forum ว่า การบุกยึดกาซาเพื่อกวาดล้างฮามาสครั้งนี้ แม้จะชนะด้าน Tactics ทางทหาร แต่จะแพ้ทางยุทธศาสตร์ (Strategic Defeat) ถ้ากองทัพอิสราเอลไม่สามารถปกป้องรักษาพลเรือนในกาซาในสงครามกับฮามาสครั้งนี้ เพราะศูนย์กลางอยู่ที่ประชาชนภาคพลเรือน ซึ่งกองทัพอิสราเอลกำลังผลักไสพลเรือนไปอยู่ในอ้อมกอดของฝ่ายศัตรู!!
วันอังคารที่ 5 ธันวาคม รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งคว่ำบาตรเหล่าผู้อพยพตั้งถิ่นฐานชาวยิวในเขตรอมัลลอฮ์ โดยจะทำเป็นบัญชีดำคว่ำบาตรไม่ให้เดินทางเข้าสหรัฐฯ เพราะได้ใช้ความรุนแรงทำลายทรัพย์สินชาวปาเลสไตน์เจ้าของที่ดิน และถึงกับยิงทิ้งเพื่อเข้าครอบครองที่ดิน
มีผู้อำนวยการสร้างและผู้กำกับที่ฮอลลีวูดหลายคนเริ่มออกมารอบสอง เรียกร้องให้อิสราเอลหยุดยิงถาวรนำสู่การเจรจาจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ (หลังจากครั้งแรกออกมาประณามปฏิบัติการของฮามาสโจมตีอิสราเอลเมื่อ 7 ตุลาคม)
สำหรับยุโรปมีเสียงจากผู้นำเพิ่มขึ้นเริ่มจากนายกฯ สเปน, เบลเยียม, ไอร์แลนด์ ประณามอิสราเอลในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ จนออกมติให้หยุดยิงถาวรและจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ให้ได้ และเรียกทูตกลับจากอิสราเอล
พร้อมๆ กับการเดินขบวนของประชาชนในหลายเมืองใหญ่ในยุโรปและอังกฤษกดดันให้หยุดฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์
รวมทั้งการประชุมประจำปี GCC (Gulf Corporation Council) ที่เมืองโดฮา ที่ผู้นำกาตาร์ประณามผู้นำอิสราเอลว่ากำลังฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (สเปนโดยเป็นแกนนำฟ้องนายพลปิโนเชต์แห่งอาร์เจนตินาเมื่อ 1979 ที่ทำรัฐประหารเลือดฆ่าปธน.อาเยนเดตายคาทำเนียบ และฆ่าประชาชนอาร์เจนตินาเรือนหมื่นจนปิโนเชต์ถูกออกหมายจับศาล ICC) และเสนอให้เหล่ารัฐอาหรับต้องทำอย่างจริงจังเพื่อขัดขวางการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่กาซา
เพราะในการประชุมที่ซาอุฯ เรียกประชุมเหล่าประเทศมุสลิมเมื่อ 3 อาทิตย์ที่แล้ว ดูจะมีแค่แถลงการณ์ที่อ่อนปวกเปียก แค่เรียกร้องให้มีการหยุดยิงเพื่อลำเลียงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเท่านั้น
คราวนี้เจ้าภาพเชิญปธน.ตุรเคียมาเป็นแขกพิเศษ เพื่อทำให้ GCC ต้องเรียกร้องและกดดันอิสราเอลอย่างจริงจังมากขึ้นนั่นเอง
ด้านญาติของเชลยศึกชาวอิสราเอลที่ถูกฮามาสจับตัวไป ได้ออกมาเดินขบวนกดดันอีกครั้ง ให้นายกฯ เนทันยาฮูหยุดยิงในกาซา หลังจากครั้งแรกที่ออกมากดดันได้รับผลสำเร็จนำมาสู่การหยุดยิง 4 วันเพื่อแลกเปลี่ยนเชลยศึก!
รวมทั้งอดีตนายกฯ และผู้นำฝ่ายค้านของเนทันยาฮูคือ นายYair Lapid ที่ปฏิเสธเข้าร่วมรัฐบาล War Cabinet ได้ออกมาเรียกร้องอีกครั้งให้นายเนทันยาฮูลาออก เพราะดำเนินนโยบายผิดพลาดตั้งแต่พยายามลดอำนาจฝ่ายตุลาการ เพื่อให้ตนหลีกพ้นจากขึ้นศาลคดีคอร์รัปชัน และการทำให้ประเทศแตกแยกจนเปิดโอกาสให้ฮามาสโจมตีแบบไม่รู้ตัวในวันที่ 7 ตุลาคม และขณะนี้ก็ทำให้เกิดสองฝักสองฝ่ายในอิสราเอล กรณีการยิงกราดไม่เลือกหน้าในกาซา เพื่อจับปราบฮามาส แต่เป็นอันตรายกับตัวประกันอิสราเอลที่กำลังถูกจับโดยฮามาสขณะนี้
เนทันยาฮูยังเดินหน้าไล่ล่าหัวหน้าฮามาสซึ่งเกิดที่ข่านยูนิส (ตอนใต้ของกาซา) โดยให้กองทัพถล่มพลเรือนที่เมืองนี้อย่างหนัก และชาวปาเลสไตน์ที่ได้หนีจากเหนือลงใต้ ดูจะไม่เหลือพื้นที่จะมีชีวิตให้รอดจากขีปนาวุธของอิสราเอลได้อีกต่อไป
แต่ละวันที่เนทันยาฮูจัดหนักในการแบ่งกาซาออกเป็น 3 โซน ซึ่งจะไม่เหลือที่ให้ชาวปาเลสไตน์ได้หายใจอีกต่อไป ก็เพื่อยืดอายุนายกรัฐมนตรีของเขาให้อยู่ต่อไปอีก 1 วัน... ยิ่งถ้าเขาจับหัวหน้าฮามาสได้ คราวนี้เขาจะพลิกสถานการณ์จากการเป็นจำเลยของชาวโลกมาเป็นผู้ปราบฮามาส อย่างคำกล่าวของแมคคิเวลลีที่ว่า “The End Justifies the Mean” แม้ตัวประกันอิสราเอลที่เหลืออยู่อาจต้องเสียชีวิตทั้งหมด รวมทั้งคนยิวรอบโลกที่จะต้องอยู่อย่างหวาดระแวงต่อการถูกแก้แค้นทำร้ายถึงชีวิตในทั่วทุกๆ แห่งของโลกก็ตาม
