สมเด็จพระราชินีราเนีย (Rania) แห่งพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ที่ 2 (ราชบัลลังก์จอร์แดนในปัจจุบัน) เพิ่งได้ประทานสัมภาษณ์แก่เบกกี้ แอนเดอร์สัน ของซีเอ็นเอ็น เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 พ.ย. และออกอากาศทางซีเอ็นเอ็นในวันจันทร์ที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา
โดยทรงเรียกร้องให้มีการหยุดยิง (Cease Fire) ที่อิสราเอลได้ประกาศสงครามกับฮามาส
ทรงย้ำว่า การออกมาเรียกร้องให้ปกป้องจากการฆ่าทำลายชีวิตของชาวปาเลสไตน์นั้น มิได้หมายความว่าเท่ากับต่อต้านหรือเกลียดคนยิว (Anti-Semitism) หรือสนับสนุนการก่อการร้าย (Pro-Terrorism)
“ขอได้โปรดเข้าใจอย่างกระจ่างชัดแจ้งด้วยว่า การสนับสนุนชาวปาเลสไตน์จะไม่ได้หมายความโดยอัตโนมัติว่า...เท่ากับต่อต้านยิวหรือเกลียดชังยิว”
“สิ่งที่เราได้พบเห็นในไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ มีความพยายามกล่าวหาว่า มีการตั้งป้อมต่อต้านยิว, รังเกียจคนยิวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งข้อกล่าวหาเหล่านี้ก็เป็นเพียงเครื่องมือหรืออาวุธที่นำมาใช้ เพื่อสยบข้อวิจารณ์ใดๆ ที่จะมีต่ออิสราเอล”
“ข้าพเจ้าขอประณามอย่างจริงจังที่สุด และอย่างเต็มอกสำหรับความรู้สึกต่อต้านหรือรังเกียจยิว (Anti-Semitism) รวมทั้งการต่อต้านหรือรังเกียจอิสลาม (Islamophobia)”
“แต่ข้าพเจ้าก็ขอโอกาสในการเตือนทุกๆ คนด้วยว่า ประเทศอิสราเอลไม่ใช่เป็นตัวแทนของคนยิว ทุกๆ คนในโลกใบนี้ ประเทศอิสราเอลเป็นรัฐซึ่งต้องรับผิดชอบในฐานะรัฐต่ออาชญากรรมที่ได้ก่อขึ้นแต่เพียงผู้เดียว”
“แม้ว่าถ้าสามารถกำจัดฮามาสได้สิ้นซาก แต่ถ้าต้นตอรากของปัญหายังดำรงอยู่ คุณก็ฆ่าได้แต่นักรบฮามาส แต่คุณไม่สามารถกำจัดรากของปัญหาให้ตายตามไปด้วย!!”
นี่เป็นการประทานสัมภาษณ์เป็นครั้งที่สองหลังจากก่อนหน้านั้น ได้ประทานสัมภาษณ์ให้กับคริสติน อมานพู ของซีเอ็นเอ็น ในช่วงอาทิตย์แรกที่นายกฯ เนทันยาฮูสั่งถล่มเข้ายึดครองกาซาให้ราบเป็นหน้ากลอง และกองทัพอิสราเอลได้ฆ่าประชาชนปาเลสไตน์ที่ส่วนใหญ่กว่า 50% เป็นคนแก่, หญิง และเด็ก
ครั้งนั้น ทรงย้ำว่า มีการใช้สองมาตรฐาน นั่นคือ ประเทศส่วนใหญ่ (ที่มิใช่อาหรับหรือประเทศมุสลิม) ได้ประณามฮามาสว่าโหดเหี้ยมในการโจมตีในเช้าตรู่วันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม และได้ฆ่าคนอิสราเอลทั้งหญิง, เด็ก, คนแก่ตายไปถึง 1,400 คน (ต่อมาทางการอิสราเอลได้ปรับลดยอดคนตายเหลือเพียง 1,200 คน) รวมทั้งจับตัวประกันทั้งคนแก่, ผู้หญิง, เด็กไปถึงเกือบ 250 คน
ท่านย้ำว่า แต่เมื่อรัฐบาลอิสราเอลถล่มยิงกราดแบบไม่เลือกหน้า (Collective Punishment) หรือลงโทษแบบเหมารวม และยอดคนตายของปาเลสไตน์สูงกว่าของฝ่ายยิวเป็น 10 เท่าตัว โดยเฉพาะพลเรือนที่เป็นเด็กๆ (ตอนนี้ตายเกือบ 5 พันคนแล้ว) ทำไมมีแต่ความเงียบงันจากรัฐบาลต่างๆ ที่เคยประณามฮามาส ทำไมไม่มีเสียงออกมาตำหนิการกระทำละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศของรัฐบาลอิสราเอลขณะนี้เลย
ซ้ำร้ายยังมีการยอมให้อ้างเหตุผลว่า เป็นสิทธิอันชอบธรรมของรัฐบาล (ขวาตกขอบ) ของอิสราเอล ในการปกป้องประเทศของตน (Self Defence) โดยการบุกเข้าไปฆ่าชาวปาเลสไตน์ เพื่อให้หมดสิ้นเผ่าพันธุ์กันเลย (Genocide)
ขณะนี้มีความพยายามเบี่ยงเบนประเด็นว่า ชาวโลกที่กำลังมีทัศนคติเข้าใจถึงความทุกข์ยากของ “คุกเปิด” ที่กาซาในช่วงครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ภายใต้การปกครองเหี้ยมโหดของรัฐอิสราเอล (โดยเฉพาะรัฐบาลขวาตกขอบของนายเนทันยาฮู) ที่ประกาศว่า จะมีเพียงรัฐเดียวบนแผ่นดิน (ที่ปาเลสไตน์ได้ครอบครองมาเป็นหลายพันปี)-เพราะเป็นดินแดนที่พระเจ้ามีสัญญาว่า จะเป็นแผ่นดินของชาวยิวเท่านั้น
คือ เนทันยาฮูพยายามยกเอาเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่เผด็จการสุดโหดฮิตเลอร์ได้ทำกับชาวยิวในยุโรปช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อพลิกให้ชาวโลกที่เพิ่งเข้าใจถึงหัวอกคนปาเลสไตน์ที่ถูกฆ่าแกงโดยยิวนั้น จะได้สงสารชาวยิวที่ถูกกระทำโดยฮิตเลอร์เพราะความเกลียดยิว และความรู้สึกเกลียดยิวที่กำลังแผ่ซ่านทั่วโลกอีกครั้งหนึ่ง
ก็เพื่อกลบการกระทำเหี้ยมโหดสุดๆ ของตัวเขาเองที่กำลังฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์นั่นเอง
ไม่ว่าจะเป็นการคว่ำบาตรของชาวโลกโดยไม่รับประทานแฮมเบอร์เกอร์ยี่ห้อดัง ที่เปิดร้านแจกฟรีให้ทหารอิสราเอล รวมทั้งร้านกาแฟชื่อดังก็ถูกคว่ำบาตร เมื่อออกมาสนับสนุนให้เนทันยาฮูกวาดล้างชาวปาเลสไตน์
ทั้งน้ำดื่มสีดำยี่ห้อดัง ก็ถูกคว่ำบาตรในโลกมุสลิมขณะนี้ รวมทั้งผัก, ผลไม้, ดอกไม้จากอิสราเอล ที่ส่งไปขายในยุโรปที่เจ้าของร้านค้าได้ดึงป้ายแหล่งที่มาจากอิสราเอลออกทิ้ง ไม่งั้นจะถูกคว่ำบาตรจากผู้ซื้อที่เห็นภาพเด็กๆ ปาเลสไตน์ต้องตายขณะเพิ่งเกิดได้ไม่กี่วันที่กาซา
รวมทั้งผลิตภัณฑ์ของคริสเตียนดิออร์ ที่กำลังมีการรณรงค์ในหมู่ประเทศอาหรับ (ที่มั่งคั่งจากน้ำมัน) และชาวมุสลิมทั่วโลกที่ไม่พอใจในการปลดนางแบบชาวปาเลสไตน์คนเดียวของผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าหรูนี้ โดยให้นางแบบชาวยิวเข้าแทนที่!!
การคว่ำบาตรรัฐบาลเนทันยาฮูที่กำลังเกิดในหมู่ประเทศมุสลิม ได้ลามไปถึงหลายประเทศในอเมริกาใต้เช่น บราซิล, ชิลี, อาร์เจนตินา รวมทั้งในอาเซียนเช่น มาเลเซีย และอินโดนีเซีย (ที่ไม่มีสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล)
และล่าสุดซาอุฯ เป็นเจ้าภาพเรียกประชุมเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ประเทศมุสลิมเข้าร่วมคึกคัก โดยอิหร่านก็เข้าร่วม มีการแถลงการณ์ให้หยุดยิงทันที และกำลังดำเนินการเพื่อนำเรื่องเข้าฟ้อง ICC (ศาลอาญาระหว่างประเทศ) ว่ามีการทำอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์แก่ชาวปาเลสไตน์…จนแม้แต่ปธน.ไบเดนก็เริ่มเสียงอ่อนลง ที่พยายามบอกให้เนทันยาฮูระวังการฆ่าพลเรือน โดยเฉพาะการล้อมปราบที่โรงพยาบาลหลายแห่งในกาซา