อัยมาน ซาฟาดี รัฐมนตรีต่างประเทศจอร์แดน ระบุว่า อิสราเอลกำลังดำเนินนโยบายหนึ่ง ผลักดันชาวปาเลสไตน์ออกจากฉนวนกาซาผ่านสงคราม ในสิ่งที่เขาเรียกว่าตรงกับคำนิยามตามกฎหมายของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ซาฟาดี รัฐมนตรีต่างประเทศจอร์แดน ซึ่งมีชายแดนติดกับเวสต์แบงก์ และรองรับชาวปาเลสไตน์จำนวนมาก ตามหลังการก่อตั้งอิสราเอลในปี 1948 ยังบอกอีกว่าอิสราเอล สร้างความเกลียดชังที่จะหลอกหลอนภูมิภาคไปอีกหลายชั่วอายุคน
"สิ่งที่เรากำลังเห็นในกาซา ไม่ใช่แค่การฆ่าผู้บริสุทธิ์เฉยๆ และการทำลายล้างวิถีชีวิต (โดยฝีมืออิสราเอล) เท่านั้น แต่มันยังเป็นความพยายามอย่างเป็นระบบที่จะทำให้กาซาปราศจากผู้คน" ซาฟาดีกล่าวระหว่างร่วมประชุมหนึ่งในกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ "เรายังไม่เห็นโลกอยู่ในจุดที่เราควรอยู่ นั่นคือส่งเสียงเรียกร้องโดยปราศจากความคลุมเครือ ให้ยุติสงครามนี้ สงครามที่อยู่ภายในคำนิยมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ตามกรอบของกฎหมาย"
ซาฟาดี ระบุต่อว่า ขอบเขตการทำลายล้างและการทิ้งระเบิดสังหารพลเรือนหลายหมื่นคนโดยไม่เลือกหน้า ไม่ตรงกับเป้าหมายอย่างเปิดเผยของอิสราเอลในการขุดรากถอนโคนฮามาส
รัฐมนตรีต่างประเทศจอร์แดน เปิดเผยด้วยว่ามีความเห็นแตกต่างกันอย่างมากปรากฏขึ้นในการเจรจาระหว่างคณะผู้แทนของรัฐมนตรีชาติอาหรับกับแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (8 ธ.ค.) เกี่ยวกับกรณีที่รัฐบาลอเมริกาให้การสนับสนุนทางทหารอิสราเอลและปฏิเสธเรียกร้องข้อตกลงหยุดยิง
เมื่อถูกถามถึงความคิดเห็นของรัฐมนตีต่างประเทศจอร์แดน ทาง อีลอน เลวี โฆษกรัฐบาลอิสราเอล ออกมาตอบโต้ว่า "แน่นอนว่า เหล่านี้คือข้อกล่าวหาผิดๆ และเป็นเท็จ"
"อิสราเอลกำลังสู้เพื่อปกป้องตนเองจากปีศาจที่โจมตีสังหารหมู่เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม และจุดประสงค์ของยุทธการของเราคือนำตัวปีศาจเหล่านั้นเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และรับประกันว่าพวกเขาจะไม่สามารถทำร้ายประชาชนของเราได้อีก"
เขาบอกต่อว่า อิสราเอลเรียกร้องให้พลเมืองกาซา โยกย้ายตำแหน่งออกจากสมรภูมิรบ เพื่อความปลอดภัยของตนเอง และอยากเห็นฝ่ายอื่นๆ สะท้อนเสียงเรียกร้องดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม หัวหน้าหน่วยงานด้านผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ของสหประชาชาติกล่าวหาอิสราเอลเช่นกันว่า กำลังวางกรอบการทำงานสำหรับขับไล่หมู่ชาวกาซา ให้ข้ามเขตแดนของฉนวนแห่งนี้ไปยังอียิปต์
สงครามนองเลือดระหว่างอิสราเอลกับฮามาสที่ลากยาวมานานกว่า 2 เดือน อันมีต้นตอจากกลุ่มนักรบบุกโจมตีเล่นงานอิสราเอลอย่างไม่คาดคิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ได้ทำให้พลเรือนส่วนใหญ่ของกาซาเป็นไร้ถิ่นฐาน แต่ชาวปาเลสไตน์ส่วนใหญ่ยังคงไม่อพยพออกจากดินแดนแคบๆ ที่ถูกปิดล้อมแห่งนี้
ในความเห็นที่เผยแพร่ลงในหนังสือพิมพ์ลอสแองเจลิสไทม์ส ฉบับเมื่อวันเสาร์ (9 ธ.ค.) ฟิลิปป์ ลาซซารินี หัวหน้าสำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานแห่งสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (UNRWA) ระบุเช่นกันว่า การที่อิสราเอลบีบบังคับให้ชาวกาซามากกว่า 1.8 ล้านคนต้องไร้ถิ่นฐาน ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1948 เป็นการส่งสัญญาณว่า อิสราเอลอาจกำลังผลักดันชาวกาซาเข้าไปยังอียิปต์ ประเทศเพื่อนบ้าน
"สหประชาชาติและรัฐสมาชิกหลายชาติ ในนั้นรวมถึงสหรัฐฯ ปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อการบีบบังคับไร้ถิ่นฐานชาวกาซาออกจากฉนวนกาซา" ลาซซารินี เขียนในลอสแองเจลิสไทม์ส "แต่สถานการณ์ต่างๆ ที่เราได้เป็นสักขีพยาน กำลังชี้ถึงความพยายามโยกย้ายชาวปาเลสไตน์ไปยังอียิปต์ โดยไม่เลือกว่าพวกเขาจะอยู่ที่นั่นหรือไม่ หรือตั้งรกรากใหม่ในที่อื่นๆ"
(ที่มา : รอยเตอร์)