xs
xsm
sm
md
lg

บริกส์ซัมมิตจะเป็นตัวเปลี่ยนเกม Game Changer

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทนง ขันทอง

ทุกสายตาในปีนี้จะจับจ้องไปที่การประชุมสุดยอดครั้งที่ 15 ของกลุ่ม BRICS ซึ่งรวมเอาประเทศเศรษฐกิจกำลังพัฒนาชั้นนำของโลก ได้แก่ บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ ในช่วงเวลาที่ระเบียบโลกแบบหลายขั้วกำลังก่อตัวขึ้น BRICS มีศักยภาพในการสร้างอิทธิพลต่อเศรษฐกิจ และระบบการเงินโลก และท้าทายการครอบงำแบบดั้งเดิมของตะวันตก

จีดีพีของกลุ่ม BRICS มีผลต่อการเติบโตของจีดีพีโลกถึง 31.5% เทียบกับ 30.7% ของกลุ่ม G7

แอฟริกาใต้ ในฐานะประธานหมุนเวียนของ BRICS กำลังเตรียมพร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอด BRICS ครั้งที่ 15 เมืองโจฮันเนสเบิร์ก ระหว่างวันที่ 22-24 สิงหาคม 2566

ประเทศใดบ้างที่เข้าร่วม BRICS 2023

ผู้นำของ BRICS 2023 ในปีนี้ได้แก่ ประธานาธิบดีซีริล รามาโฟซาแห่งแอฟริกาใต้ ซึ่งรับตำแหน่งประธานหมุนเวียนของกลุ่มในเดือนมกราคม ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ประธานาธิบดีลูลา ดา ซิลวา ของบราซิล และนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน

มีรายงานว่าปูตินอาจจะไม่เข้าร่วมการประชุมด้วยตนเอง แต่คาดว่าจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผ่านทางวิดีโอลิงก์ สุนทรพจน์ออนไลน์ของประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ในการประชุมสุดยอด BRICS ในแอฟริกาใต้คาดว่าจะมีขึ้นในวันที่ 23 สิงหาคม ตามการระบุของ Anil Sooklal ทูต BRICS ของแอฟริกาใต้

เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียจะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนของประเทศในการประชุมสุดยอด BRICS 2023

ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ได้เชิญผู้นำจากแอฟริกาและทั่วโลกให้เข้าร่วม BRICS-Africa Outreach และ BRICS Plus Dialogues นอกจากนี้ ยังมีการเชิญตัวแทนจากองค์กรระหว่างประเทศอีก 20 คนด้วย ซึ่งรวมถึงเลขาธิการสหประชาชาติ ประธานคณะกรรมาธิการสหภาพแอฟริกา ประธานธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่ ประธานและหัวหน้าผู้บริหารชุมชนเศรษฐกิจภูมิภาคแอฟริกา สถาบันการเงิน และเลขาธิการสำนักเลขาธิการเขตการค้าเสรีภาคพื้นทวีปแอฟริกา และซีอีโอของสำนักงานพัฒนาสหภาพแอฟริกา

มีรายงานว่าตัวแทนจาก 41 ประเทศได้ยืนยันว่าจะเข้าร่วมประชุม BRICS และอาจจะมีเพิ่มมาอีก

Naledi Pandor นักการทูตระดับสูงของแอฟริกาใต้ออกมาให้ข่าวว่ามี 23 ประเทศแสดงความสนใจอย่างเป็นทางการจากผู้นำของ 23 ประเทศในการเข้าร่วม BRICS และแนวทางที่ไม่เป็นทางการอีกมากมายเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการเป็นสมาชิก BRICS Pandor กล่าว

ไทยเป็นหนึ่งใน 23 ประเทศที่ได้ยื่นใบสมัครเป็นสมาชิกของบริกส์ ซึ่งจะมีการประชุมซัมมิตระหว่างวันที่ 22-24 สิงหาคม

แอลจีเรีย อาร์เจนตินา บังกลาเทศ บาห์เรน เบลารุส โบลิเวีย คิวบา อียิปต์ เอธิโอเปีย ฮอนดูรัส อินโดนีเซีย อิหร่าน คาซัคสถาน คูเวต โมร็อกโก ไนจีเรีย ปาเลสไตน์ ซาอุดีอาระเบีย เซเนกัล ประเทศไทย ยูเออี เวเนซุเอลา เวียดนาม

อาเซียนไม่มีเอกภาพ.....ในขณะที่ไทย เวียดนาม อินโดนีเซียได้ยื่นใบสมัครเป็นสมาชิกของบริกส์ แต่สิงคโปร์ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ขออยู่นอกวง

ก่อนหน้านี้ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสแสดงความสนใจที่จะไปเมืองโจฮันเนสเบิร์กในฐานะผู้สังเกตการณ์เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอด BRICS ข้อเสนอของมาครงได้รับการตอบสนองที่หลากหลายจากกลุ่ม BRICS แต่รัสเซียโต้แย้งว่าการมีส่วนร่วมของประธานาธิบดีฝรั่งเศสจะ “ไม่เหมาะสม” เนื่องจากนโยบายที่เป็นปรปักษ์ของปารีสต่อมอสโก ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่า Emmanuel Macron จะไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วม BRICS 2023


การประชุมบริกส์ซัมมิตจะมีหัวข้อใหญ่ 3 เรื่องคือ

1. หลักเกณฑ์ในการรับสมัครสมาชิกใหม่ การรับรองสถานภาพของประเทศผู้เข้าร่วมประชุม

2. การใช้เงินสกุลท้องถิ่นเพื่อค้าขายกันในกลุ่มบริกส์

3. การสร้างเงินสกุลร่วมบริสก์ โดยจะมีทองคำหรือสินค้าโภคภัณฑ์หนุนหลัง


สำหรับประเด็นแรก อินเดียแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับการรับสมัครสมาชิกใหม่ รวมทั้งการสร้างเงินสกุลร่วม จึงต้องจับตาดูว่าปูติน กับสี จิ้นผิงจะจัดการกับโมดีอย่างไร เพราะว่าอินเดียมีแนวโน้มทำตัวเป็นม้าไม้เมืองทรอย หรือเป็นไส้ศึกให้ตะวันตก และสร้างความแตกแยก

ส่วนประเด็นที่สองคือการใช้เงินสกุลท้องถิ่นนั้น มีการผลักดันมากขึ้นนับตั้งแต่สงครามในยูเครนเริ่มต้นขึ้น เนื่องจากการคว่ำบาตรของตะวันตกต่อรัสเซีย ทำให้เกิดกระแสการออกจากระบบดอลลาร์อย่างต่อเนื่อง โดยธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ทยอยขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ออกไป แล้วเอาดอลลาร์จากการขายไปซื้อทองคำแทนเพื่อเอามาไว้ในรีเสิร์ฟ หรือเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการใช้เงินสกุลท้องถิ่นในการค้าขายกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหยวน/รูเบิล หยวน/เรียลบราซิล รูเบิล/รูปี ต้องจับตาดูที่ประชุมบริกส์ว่า จะตกลงให้แต่ละประเทศสมาชิกบริกส์เอาทองคำ หรือสินค้าโภคภัณฑ์มาหนุนค่าเงินหรือไม่ เพื่อออกจากระบบเงินกระดาษในปัจจุบัน ถ้าหากบริกส์เดินในแนวทางนี้ ระบบการเงินโลกจะถูกแบ่งออกเป็นสองค่ายคือประเทศที่ใช้เงินที่มีทองคำหนุนหลัง (gold-backed currencies) และประเทศที่ใช้เงินกระดาษ (fiat currencies) ที่ไม่มีทรัพย์สินใดๆหนุนหลัง ราคาทองหรือสินค้าโภคภัณฑ์น่าที่จะมีแนวโน้มสูงขึ้น ในขณะที่ประเทศที่ใช้ระบบเงินกระดาษค่าเงินจะอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินที่ใช้ทองคำหนุนหลัง ทำให้เกิดเงินเฟ้อหรือเศรษฐกิจจะอ่อนแอกว่า หรืออาจจะอยู่ไม่ได้ เพราะว่าความน่าเชื่อถือในเงินตรามีความสำคัญที่สุด

ในเดือนเมษายน ประธานาธิบดี Luiz Inácio Lula da Silva ของบราซิลเรียกร้องให้กลุ่มพัฒนาทางเลือกที่จริงจังแทนเงินดอลลาร์โดยใช้น้ำหนักรวมของเศรษฐกิจของตน

“ทำไมเราไม่สามารถซื้อขายตามสกุลเงินของเราเองได้” เขากล่าวในการเดินทางไปจีน “ใครเป็นคนตัดสินใจว่าเงินดอลลาร์เป็นสกุลเงินหลังจากการหายไปของมาตรฐานทองคำ”

แม้จะมีการพูดถึงการลดค่าเงินดอลลาร์อย่างต่อเนื่อง แต่เกือบ 60% ของเงินสำรองทั่วโลกถูกถือครองเป็นดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 และ 88% ของธุรกรรมระหว่างประเทศใช้เงินดอลลาร์ ตามข้อมูลของ IMF และดูเหมือนว่าวอลล์สตรีทจะไม่กังวลเกี่ยวกับคู่แข่งที่จริงจังกับดอลลาร์เช่นกัน

สำหรับประเด็นสุดท้ายคือการสร้างเงินสกุลร่วมบริกส์ มีการพูดกันมากก่อนหน้านี้ว่า เงินสกุลร่วมบริกส์จะมีทองคำหนุนหลัง อย่างไรก็ดี เงินสกุลร่วมบริกส์อาจจะต้องใช้เวลาในการสร้าง เพราะว่าการใช้เงินสกุลร่วมต้องใช้เวลา หรือต้องเตรียมการในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานทั้งการเงิน เทคโนโลยี กฎหมาย รวมทั้งสถาบันที่จะเข้ามาดูแล เงินสกุลร่วมบริกส์อาจจะเป็นโครงการระยะปานกลาง แต่นั้นไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญกว่าการที่บริกส์จะให้สมาชิกหันมาเอาทองคำ หรือสินค้าโภคภัณฑ์มาหนุนค่าเงิน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือของระบบเงินตรา และออกจากอิทธิพลของเงินกระดาษ โดยมียูเอสดอลลาร์เป็นตัวแทน เมื่อเวลามาถึงการสร้างเงินสกุลร่วมบริกส์ให้เป็นเงินสำหรับการชำระเงิน (payment currency) หรือเงินรีเสิร์ฟ (reserve currency) ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะว่าในตะกร้าเงินสกุลร่วมบริกส์จะประกอบด้วยเงินสกุลที่มีทองคำหนุนหลังอยู่แล้ว ทำให้เงินสกุลร่วมบริกส์มีทองคำหนุนหลังโดยปริยาย

ส่วนประเด็นในการผลักดันเพื่อกำจัดดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินสำรองที่ใหญ่ที่สุดในโลก กลุ่มประเทศ BRICS ได้พูดคุยเกี่ยวกับแนวคิดของสกุลเงินร่วมมาหลายปีแล้ว แต่จิม โอนีล นักเศรษฐศาสตร์ผู้ช่ำชองผู้บัญญัติคำว่า BRIC (แต่เดิมกลุ่มนี้ไม่ได้รวมแอฟริกาใต้) เมื่อเขาทำงานที่โกลด์แมน แซคส์ในปี 2544 มองว่ามันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้

“มันไร้สาระ” เขาบอกกับ Financial Times เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา “พวกเขากำลังจะสร้างธนาคารกลาง BRICS? คุณจะทำอย่างไร มันน่าอับอาย”

O'Neill ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของ Chatham House ซึ่งเป็นคลังความคิดที่มีฐานอยู่ในอังกฤษ แย้งว่ากลุ่มประเทศนี้ “ไม่เคยประสบความสำเร็จอะไรเลยตั้งแต่เริ่มการประชุมครั้งแรก” ในปี 2009

Dylan Kremer หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนร่วมของ Certuity ซึ่งจัดการสินทรัพย์เกือบ 4 พันล้านดอลลาร์กล่าวว่าการพัฒนาสกุลเงิน BRICS ทั่วไปเป็นเพียง “การพูดคุย” เนื่องจากกลุ่มประเทศ BRICS ขาดเสถียรภาพทางการเมืองที่จะทำให้นักลงทุนมั่นใจในสกุลเงินที่รวมกัน

“ไม่มีการคุกคามเงินดอลลาร์ในทันทีในอีก 10 ปีข้างหน้า” Kremer กล่าวกับ Fortune

สำหรับ O'Neill ความสัมพันธ์ที่ไม่เข้มแรงระหว่างจีนและอินเดียเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่สกุลเงินร่วมของ BRICS ไม่น่าเป็นไปได้ ความสัมพันธ์ที่ร้าวฉานของจีนและอินเดียคือข้อได้เปรียบของเงินดอลลาร์

ความตึงเครียดเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าและพรมแดนได้ส่งผลไปยังการประชุม BRICS ด้วยเช่นกัน โดยอินเดียได้ผลักดันท่าทีต่อต้านจีนในการขยายสมาชิกของกลุ่มในช่วงซัมเมอร์นี้

เมื่ออินเดียมีนโยบายสร้างความแตกแยกในบริกส์ ต้องดูว่ารัสเซีย หรือจีนจะร่วมมือกันจัดการกับอินเดียอย่างไร เพราะว่าเศรษฐกิจอินเดียไม่ได้มีความสำคัญมากต่อบริกส์เหมือนอย่างที่เข้าใจกัน ซาอุดีอาระเบียมีความสำคัญต่อบริกส์มากกว่าอินเดียเสียอีกในบริบทปัจจุบัน เพราะว่าซาอุฯ เป็นผู้ผลิตน้ำมันอันดับหนึ่งของโลก ถ้าหากซาอุฯ เอาน้ำมันสำรองมาหนุนค่าเงินของตัวเอง เงินซาอุฯ จะมีเสถียรภาพและมีความน่าเชื่อถือ ทำให้ซาอุฯ สามารถออกจากระบบเปโตรดอลลาร์ได้ เปโตรดอลลาร์ทำให้ซาอุฯ ต้องขายน้ำมันเป็นเงินดอลลาร์อย่างเดียว ทำให้เสียเปรียบ และต้องเอารายได้ดอลลาร์ไปรีไซเคิลกลับไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ รวมทั้งซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ เกือบทั้งหมด

อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เตือนว่าวันเวลาของการครอบงำการค้าโลกของเงินดอลลาร์สหรัฐอาจมาถึงในไม่ช้า

“ประเทศของเรากำลังจะตกนรก และเราจะไม่ใช่ Big Boy ต่อไป” ทรัมป์ กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์เมื่อวันพฤหัสบดี

“เรามีอำนาจ แต่มันกำลังเสื่อมถอย อันที่จริง มันกำลังเสื่อมถอยในแง่ของสกุลเงินของเรา และผมไม่ได้แค่พูดถึงมูลค่าของสกุลเงินของเราเท่านั้น ผมกำลังพูดถึงสกุลเงินของเราที่ใช้กันทั่วโลก”

ผลกระทบของการลดลงของเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากสกุลเงินสำรองของโลกนั้น “ยิ่งใหญ่กว่าการแพ้สงครามเสียอีก” ทรัมป์ กล่าวยืนยัน

ในขณะเดียวกัน Jim Rickards อดีตที่ปรึกษาซีไอเอด้านการเงินเรียกหน่วยสกุลเงินใหม่ของของบริกส์ว่า “BRIC” นี่คือคู่แข่งที่จะทำลายเงินดอลลาร์สหรัฐ

แต่ Rickards กล่าวว่า เงินบริกอาจจะไม่ใช่สกุลเงินสำรอง แต่กลุ่มบริกส์อาจใช้ทอง 8 กรัมต่อหนึ่ง “BRIC” (สกุลเงิน) จะเป็นไปได้หรือไม่ได้ไม่รู้ แต่สิ่งสำคัญคือกลุ่มบริกส์จะยึดค่าเงินบริกกับน้ำหนักทองคำ เงินบริกไม่สามารถแลกเป็นทองได้ เพียงแค่ยึดไว้กับทองคำ...สมมติว่า “BRIC” มีค่าเท่ากับทองคำหนึ่งออนซ์ วันนี้ทองคำมีค่าอยู่ที่ 1,970 ดอลลาร์ต่อออนซ์ “BRIC” จะไม่ยึดติดกับดอลลาร์ แต่มันยึดกับทองคำซึ่งอยู่ตรงกลางของสมการนี้

ดังนั้น ราคาทองคำในสกุลเงินดอลลาร์จะขึ้นและลงตลอดเวลา ซึ่งหมายความว่าอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์/BRIC จะขึ้นและลงตลอดเวลา โดยที่กลุ่มบริกส์ไม่จำเป็นต้องปกป้องค่าของเงิน “BRIC” กลุ่มบริกส์มีทองคำ แต่พวกเขาไม่ต้องเอาทองคำมาหนุนค่าเงิน BRIC...จริงๆ แล้ว พวกเขาไม่ต้องการทองคำ...หากคุณทำให้สกุลเงินของคุณผูกติดกับทองคำ...คุณต้องการให้ราคาทองคำขึ้นหรือลง? คุณต้องการให้ราคาทองคำสูงขึ้นเพราะนั่นหมายความว่าเงิน “BRIC” มีมูลค่ามากกว่าดอลลาร์ และดอลลาร์กำลังร่วงลง เป็นวิธีการทำลายเงินดอลลาร์

คุณไม่จำเป็นต้องใช้เงินดอลลาร์และไม่ต้องการทองคำ คุณเพียงแค่ต้องฉลาดพอที่จะตรึงสกุลเงินของคุณไว้กับทองคำ และเมื่ออัตราเงินเฟ้อของเงินดอลลาร์เริ่มสูงขึ้น สกุลเงินของคุณจะมีมูลค่ามากขึ้นเนื่องจากวิธีที่คุณตรึงสกุลเงินของคุณ ไม่ใช่กับดอลลาร์ แต่วิธีที่คุณตรึงสกุลเงินไว้กับทองคำ

Rickards กล่าวต่อไปว่า “ถ้าผมเป็นสมาชิก BRICS โดยเฉพาะถ้าผมเป็นรัสเซีย และผมมีสกุลเงินเชื่อมโยงกับทองคำ และผมต้องการให้สกุลเงินของฉันมีค่ามากขึ้น และสกุลเงินของคุณ (ดอลลาร์สหรัฐ) มีค่าน้อยลง วิธีหนึ่งคือเข้าไปแทรกแซงกับห่วงโซ่อุปทานและผลักดันราคาน้ำมัน น้ำมันเบนซิน ธัญพืชให้สูงขึ้น...ซึ่งจะมีผลทำให้ผลักดันราคาหมูและราคาไก่ให้สูงขึ้นตาม นี่คือวิธีการที่จะทำ”


กำลังโหลดความคิดเห็น