การเมืองคือเกมของการแย่งชิงอำนาจ ต้องลงทุนสูงทั้งเวลา ทรัพย์สินและทรัพยากรมนุษย์ เพื่อให้ได้ชัยชนะ ทุกฝ่ายจะไม่คำนึงถึงวิธีการ กฎกติกา มารยาท คุณธรรม อย่างที่เรียกว่า The end justifies the means ผลสุดท้ายคือตัวตัดสินนั่นเอง
หนุ่มมาดดี “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล มี ส.ส.รวม 151 เสียง ซึ่งยังรอการรับรองโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง แต่ “พิธา” ได้กำหนดบทบาทตัวเองเป็น “ว่าที่นายกรัฐมนตรี” หลังวันเลือกตั้ง 1 วัน จากนั้นเดินสายพบปะกลุ่มต่างๆ
แสดงออกให้เห็นความเป็นผู้นำ คิดเร็ว ทำเร็ว ก้าวเร็ว หวังก้าวไกล สมกับเป็นคนรุ่นใหม่ เป็นนักบริหารแบบถึงลูก ถึงคน หรือ hands-on management ไม่โอ้เอ้
ทำให้ได้ใจ “เด็กเจี๊ยว” ว่านี่แหละผู้นำรุ่นใหม่ประเทศไทยต้องมี!
แต่น่าเสียดาย การเมืองน้ำเน่าบ้านเราไม่ใช่โลกสวย มีสวนกุหลาบ นอกจากหนามคมแล้วยังถูกล้อมโดยป่าดงดิบมีสิงสาราสัตว์ เขี้ยวงา สารพัดพิษจ้องเล่นงาน
ความพยายามของพิธาและพรรคก้าวไกลมุ่งหวังจะไปถึงจุดกุมอำนาจรัฐและดำเนินนโยบายหลายอย่างสุดโต่ง ห้าวเกินเบอร์กระดูกจึงไม่ง่าย ตั้งแต่เซ็น MOU
สิงสาราสัตว์เริ่มโผล่ออกลายให้เห็นเขี้ยวงา พ่นพิษร้ายขู่ฟ่อๆ ยิ่งพิธาพยายามแสดงออกให้เห็นความเป็นผู้นำ ว่าที่นายกฯ มากเท่าไหร่ สภาพที่เห็นทำให้คนมองว่าพิธายิ่งดูห่างไกลจากเป้าหมายมากขึ้น จนมีเสียงเปรยว่า “น่าจะได้เป็นฝ่ายค้าน”
จะเป็นบทเรียนเจ็บปวด ซึ่งเป็นภาวะธรรมดาของการเมือง มีแพ้ชนะ
ชนะการเลือกตั้งแต่แพ้เกมการเมืองก็มีให้เห็นอย่างที่เกิดขึ้นกับพรรคนายห้างดูไบในการเลือกตั้งปี 2562 มาอันดับ 1 แต่ต้องเป็นพรรคฝ่ายค้านร่วมกับก้าวไกล
ครั้งนี้นายห้างดูไบไม่ยอมพลาดโอกาสอีกเด็ดขาด ไม่มีเวลารอแล้ว ปล่อยให้ก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลก่อน แต่พร้อมเจาะยาง เตะตัดขา ทำลายโอกาสทุกจังหวะ
เกมแย่งชิงอำนาจ ไว้ใจใครไม่ได้ ชัยชนะจึงเป็นตัวตัดสิน ได้อำนาจแล้ว จัดการอะไรก็ได้ ถึงจะมีเดินขบวนป่วนเมือง ก็ได้เห็นกันแล้วว่าผลตามมาคืออะไร
เป็นฝ่ายค้าน พรรคก้าวไกลยอมรับว่าเป็นไปได้ และต้องพร้อมจะเป็น ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม ด้วยหวังว่า ถ้าเป็นฝ่ายค้านจะเป็นตัวเร่งเสริมพลังฐานเสียงให้มีโอกาสสร้างปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ ในอีก 4 ปีข้างหน้า ถ้าความหวังเป็นเช่นนั้น
แต่ความจริงอันโหดร้ายวันนี้ได้ปรากฏให้เห็นแล้วว่า เพียง 151 เสียง ส่อแววว่าจะต้องจอด จริงอยู่การต่อรองตำแหน่งให้ลงตัวเป็นเรื่องปกติในการเมือง
แต่การต่อรองเพื่อให้ข้อตกลงใน MOU กลายเป็นหมัน น่าเป็นจริงมากกว่า
การแสดงออกของพรรคนายห้างดูไบ การเดินเกมนอกวงเจรจามีผลมากกว่าการคุยกันระหว่างคณะในผู้ลงนาม MOU เมื่อเซ็นได้ก็ยกเลิกได้ ไม่ใช่พันธสัญญา
ยิ่งมีขบวนการเสื้อแดงเรียกร้องให้พรรคนายห้างดูไบถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลด้วยแล้ว ย่อมมีคนสงสัยว่านี่ไม่ใช่การเคลื่อนไหวธรรมดา เป็นการจัดตั้ง
พิธาและพรรคก้าวไกลต้องเสียวสันหลังเป็นธรรมดา ต้องยิ้มใจดีสู้เสือ
ก่อนหน้านี้มีนักวิเคราะห์ชี้ให้เห็นแล้วว่า หน้าที่ของพรรคก้าวไกลไปหาเสียง ส.ว. สนับสนุนให้ได้อย่างน้อย 64 เสียงเป็นปราการผ่านยากสุดๆ นอกจากการชิงเก้าอี้ประธานสภาฯ ซึ่งยังต่อรองกันเข้มข้น เพื่อนำไปสู่การต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี
การโหวตแต่ละครั้งย่อมมีความหวาดเสียว ระแวงว่าจะมีการหักหลัง ย้อนรอย ไม่ใช่มีเพียงก้าวไกลที่ยืนยันต้องได้เก้าอี้ประธานสภาฯ หรือพรรคนายห้างดูไบ
เถียงกันมาก หาข้อสรุปไม่ได้ระหว่าง 2 พรรค อาจมี “ตาอยู่” ได้ไป และยังจะลามไปถึงการชิงเก้าอี้นายกฯ มีทั้งโหวตเสนอ โหวตสวน หรืองดออกเสียง เป็นวาระที่หวาดเสียวที่สุด ถ้าโหวตครั้งแรกไม่ผ่าน “พิธา” น่าจะรู้ว่าอนาคตเป็นอย่างไร
พรรคนายห้างดูไบจะได้โอกาสก็ตอนนี้แหละ ไปหาพวกให้ได้ คำประกาศเงื่อนไขต่างๆ ต้องยกเลิก อ้างว่าเพื่อให้บ้านเมืองได้ไปต่อ เพราะยังมีโอกาสพลาด
กลุ่มรัฐบาลปัจจุบันยังมี 188 เสียง ยังชิงเสนอชื่อนายกฯ ได้โดยมี ส.ว.โหวตช่วย จากนั้นให้ไปหางูเห่าประมาณ 62 ตัว มาร่วมเป็นรัฐบาลให้มีเสียงข้างมาก
เสนอให้งูเห่าแบกน้ำหนักตัวละ 50 หรือ 100 กก.ก็ย่อมได้ ถ้าอยู่ครบ 4 ปี เฉลี่ยต้นทุนแล้วไม่กี่มากน้อย ไม่จำเป็นต้องย้ายค่าย ขอให้โหวตสนับสนุนก็พอ
คุณธรรม จริยธรรม ความจริงใจ ความจงรักภักดี มีราคาตกลงกันได้ คำอ้างว่าต้องร่วมมือกันสร้างบรรยากาศประชาธิปไตย ให้บ้านเมืองไปต่อให้ได้ ก็จริงอยู่
แต่ผลสุดท้าย อยู่ที่ว่าใครจะเป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาล อีก 2 เดือนจะมีรัฐบาลใหม่ กระแสเด็กเจี๊ยวคนรุ่นใหม่จะสร้างแรงกดดันคงไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งไม่ได้เป็นรัฐบาลโอกาสที่จะโดนกฎหมายจัดการให้มีคดีติดตัว ก็ทำให้ชีวิตยุ่งยากยาวนาน
“ชูหวีด” นักรณรงค์แบบข้ามาคนเดียว ยังเตือนว่ามีเกมสกัดก้าวไกล
การที่ “พิธา” ก้าวเร็ว จ้ำพรวดๆ ไม่สนใจว่าใครจะมองอย่างไร ประกาศว่าเป็นว่าที่นายกฯ ทุกครั้งที่พบปะกลุ่มต่างๆ นั้น จึงถูกมองว่าเป็นการแหกประเพณี ธรรมเนียมปฏิบัติ ทั้งๆ ที่สถานภาพของตัวเองยังไม่ชัดเจนขัดหูขัดตาพวกอนุรักษนิยม
กกต.ประกาศว่าพร้อมจะพิจารณาประเด็นที่ 3-4 นักร้องไปยื่นให้สอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบทบาทและคุณสมบัติของ “พิธา” จะจบเมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้
นี่ก็เป็นด่านหินโหดที่ “พิธา” ต้องผ่าน แรงกดดันอย่างไรไม่มีผล ขึ้นอยู่กับหลักฐานและเหตุผลที่ยอมรับกันได้ กกต.เสี่ยงโดนมาตรา 157 ทั้งขึ้นทั้งล่อง
ดูแล้วเส้นทางยังอีกยาวไกลสำหรับ “พิธา” และก้าวไกล เป็นทางวิบากด้วย!